ทำอย่างไรเมื่อที่บ้านยังคิดว่าการอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องผิด

เรื่องมีอยู่ว่าเรากับแฟนคบกันมา 6 ปีแล้วค่ะ เราสองคนเรียนมาด้วยกัน และจบมาทำงานที่เดียวกัน
การคบกันของเราที่บ้านรับรู้ทั้งสองฝ่าย ไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศด้วยกันกับทางครอบครัวตลอดค่ะ
เงินเดือนเราสองคนรวมกันได้ประมาณ 5 หมื่นบาท ปกติแล้วเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างเช่าห้องอยู่
แต่จะมีบางวันที่เราไปนอนห้องแฟนบ้าง แฟนมานอนห้องเราบ้างสลับกันไป

จนวันนี้เพื่อนของพวกเราหลายคู่เริ่มที่จะซื้อบ้านที่เป็นของตัวเอง
เราสองคนเลยมานั่งคิดกันว่าเราควรซื้อบ้านไหม จริงๆตอนนี้ยังคิดว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น
แต่ก็อยากจะช่วยกันเก็บเงินก้อนไว้ก่อนก็ดี จะเอาไปใช้อะไรค่อยว่ากัน
ปกติแล้วค่าเช่าหอรวมค่าน้ำค่าไฟประมาณ 6000/คน
และเราต้องส่งเงินให้ที่บ้านอีกเดือนละประมาณ 6000 บาท
ไม่รวมเวลาเรากลับไปบ้าน ที่จะต้องเป็นคนจ่ายทุกอย่าง เช่น ไปกินข้าวนอกบ้าน, ซื้อของในห้าง, หรือ เติมน้ำมันรถที่บ้าน
เงินเดือนที่เหมือนจะเยอะ เอาจริงๆแล้วแทบไม่พอใช้ แล้วทางบ้านก็ชอบมาว่าเราว่าเราไม่มีเงินเก็บ
เราเลยคิดว่าถ้ามาอยู่ด้วยกันกับแฟน ค่าใช้จ่ายมันจะเบาลง แล้วช่วยกันเก็บเงินจะดีกว่าไหม
อีกอย่างคือแฟนเรามีรถอยู่แล้ว (ไม่ต้องผ่อนแล้ว) เราจะได้ช่วยกันหารค่าน้ำมันด้วย

แต่พอเราบอกที่บ้านว่าแฟนจะย้ายมาอยู่กับเรานะ ที่บ้านเรากลับคัดค้าน ทั้งๆที่ปกติไปเที่ยวหรือไปไหนกันเค้าก็ไม่เคยว่า
พี่ชายพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเราก็อยู่กับแฟนและช่วยกันเก็บเงินมาหลายปีแล้ว
แม่ยังชมให้เราฟังอยู่เลยว่า คู่นี้เค้าดีนะ ช่วยกันเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต
แต่พอตอนนี้เราอยากช่วยกันเก็บเงินร่วมกับแฟนบ้าง แม่กลับไม่เห็นด้วย แม่บอกว่าคนอื่นเค้าจะมองว่ามันน่าเกลียด เป็นผู้หญิงไม่ดี
แม่ยอมให้เราไม่มีเงินเก็บ ดีกว่าให้คนอื่นมองว่าเราอยู่กินกับแฟนก่อนแต่งงาน
ซึ่งเราคิดว่าสมัยนี้ค่านิยมมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเราอยู่ด้วยกัน แต่เราทำตัวดี ใครจะมาว่าอะไรเราได้

มีใครในนี้เคยเจอปัญหาแบบเราบ้างคะ แล้วมีวิธีแก้ไขปัญหานี้อย่างไร  
เราไม่อยากทะเลาะกับที่บ้านและไม่อยากปิดบังด้วย
ขอบคุณค่ะ


ปล. เรากับแฟนเคยคิดเรื่องแต่งงาน แต่เราสองคนยังคิดว่ามันเป็นเรื่องสิ้นเปลืองอยู่ ตอนนี้เลยแค่อยากเก็บเงินกันก่อนค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าเราเป็นแม่คุณเราก็ไม่โอเคค่ะ ในฐานะที่เราอายุมากแล้วเห็นอะไรมามาก
เพือนเราุทุกคน อยู่กับแฟนเฉยๆ ไปเรื่อยๆ เป็นสิบๆ ปี มั่นใจว่าคนนี้แหละ
ก็อยู่กันไป เวลาผ่านไปไวมาก แป๊บเดียว เพื่อนเรากลายเป็นผู้หญิงแก่
ผลคือ แฟนมัน ไปแต่งงานกับสาวๆ อายุยี่สิบต้นๆ เสียเงินสินสอดหลายแสน
ซื้อบ้านซื้อรถ สร้างครอบครัวใหม่กับสาวๆ มีลูกน่ารัก ส่วนเพื่อนเรา แก่ เหงา
เดียวดาย หาแฟนใหม่ดีๆ ไม่ได้ พูดจริงๆ นะคะ ผู้หญิงพอแก่แล้ว
ผู้ชายที่เข้ามา มีแต่มาหลอกทั้งนั้น หาคนจริงใจแทบไม่มี
เพื่อนเรา ต้องอยู่คนเดียว และกลายเป็นคนมีอาการทางจิตค่ะ

คือ ถ้าไม่แต่งก็คือไม่แต่ง ไม่อยู่ด้วยกัน ไม่อะไรกัน แต่ถ้าอยู่กันลงหลักปักฐาน
ควรแต่งงาน แต่งแบบประหยัดๆ ถูกๆ ก็ได้ และสร้างครอบครัว มีลูกมีไรกันไป
คือจะเก็บเงินเก็บทองก็ ทำไปร่วมกัน มันจะมั่นคง มีอนาคตทั้งสองฝ่าย

มาเพิ่มอีกนิดนะคะ บางคนอาจคิดว่า โอ้ย แต่งไป ถ้าเขาไม่รักสักวันก็ทิ้ง
มนุษย์เราไม่ได้สร้างครอบครัวเพียงเพื่อสนองความรัก บอกได้เลยรัก มันหมดไป
ตั้งแต่สองปีแรกแล้วค่ะ แต่การแต่งงาน มันคือการลงหลักปักฐาน สร้างความมั่นคง
ให้ตัวเราตอนแก่ มีลูก มีหลาน มีสายสัมพันธ์ ที่แน่นแฟ้นผูกพัน ถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ
ไม่เลิกกันง่ายๆ หรือต่อให้เลิก เราจะมีลูกมีสิ่งที่เติบโตไปพร้อมๆ กัน
ต่อให้ถูกทิ้งตอนแก่ ชีวิตจะมีความหมายต่อไป จากการได้เลี้ยงดูลูก

สำหรับเพื่อนเรา ที่ถูกทิ้งตอนแก่ ลูกก็ไม่มี ผัวก็ไม่มี อยู่กับเขาฟรีๆ ไร้อนาคตจนแก่
สุดท้ายเขาหอบเงินทอง ข้าวของไปแต่งเมียเด็ก ทำให้เพื่อนเรากลายเป็นโรคจิตกันเยอะมาก
ส่วนเราไม่ได้แต่งงาน และไม่เคยอยู่กับใครก่อนแต่ง เราก็แก่ชราไปตามวัยตามวิถี
กายใจมีคุณภาพ สนุกสนาน ไปวันๆ เพราะมันเป็นวิถีที่เราเลือก

สาวๆ ทั้งหลาย บอกเลยว่า อย่าอยู่กับใครก่อนแต่งแบบลากยาว
จะมีอะไรกันก่อนแต่งก็ได้ ไม่มีก็ดี แต่อย่าหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กันเฉยๆ
หรือถ้าใครอยู่ไปแล้ว ก็อย่าให้เกินสองปี เพราะถ้าเกินกว่านี้ โอกาสจะได้
ความชัดเจนยิ่งแทบไม่มี ปล.การแต่งงานสำหรับเรา ไม่ได้แปลว่าจัดงานกินเลี้ยงใหญ่โต
สินสอดมากมาย แต่ผูกแขน กินข้าว ทำบุญ จดทะเบียนสมรส สร้างทรัพย์สินด้วยกัน
นั่นก็ถือว่าแต่งสำหรับเรา
ความคิดเห็นที่ 7
งานแต่งเป็นงานให้เกียรติพ่อแม่เจ้าสาวค่ะ
ถ้าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลือง
แถมคุณยังเต็มใจย้ายไปอยู่กับเขาด้วย
ชีวิตนี้ก็อย่าคิดว่าจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวเลยนะคะ
แทนที่จะคิดหาวิธีทำให้พ่อแม่เข้าใจ
ทำไมไม่คิดหาทางให้แฟนเข้าใจพ่อแม่ที่เลี้ยงดูอุปการะคุณมาแต่อ้อนแต่ออกบ้างคะ
งานแต่งเป็นด่านแรกเลยที่จะทำให้พ่อแม่คุณวางใจได้ว่ายกลูกสาวให้เขาไปแล้วเขาจะดูแลอย่างดี ไม่ต้องซมซานกลับมาพึ่งใบบุญพ่อแม่อีก
ถ้าเรื่องนี้เขาทำเพื่อคุณ เพื่อครอบครัวคุณไม่ได้
เขาควรได้รับเกียรติให้เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวคุณเหรอคะ
ความรักมันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนหรอกนะคะ
มันคือการดองกันของคนสองตระกูล
จะพาใครเข้ามาในครอบครัวต้องคัดกรองอย่างดีว่าจะไม่สร้างความทุกข์ใจให้พ่อแม่ด้วย
ความคิดเห็นที่ 17
ไม่รู้สิ แต่เราเกลียดคนประเภท จขกท มากอ่ะ พวกที่อยู่กันก่อนแต่งแล้วทำให้พ่อเเม่ทุกข์ใจ และขายหน้า ถ้าคุณตัวเปล่าไม่มีคนค่อยห่วง คุณจะไปอยู่กับใคร นอนกับใคร ก็ไม่มีใครว่าหรอก แต่นี้คุณยังมีแม่ที่ค่อยห่วงคุณอยู่ เราเห็นมาเยอะพวกที่อยู่ก่อนแต่ง น้อยรายมากอ่ะที่จะได้แต่งงานกันจริงๆ ส่วนมากก็โดนฟันแล้วทิ้ง ซมซานกลับบ้านแล้วทำให้คนที่รักคุณมากที่สุดเสียใจและทุกข์ใจมากขึ้นไปอีก หนักสุดก็พลาดมีลูกแล้วเอาให้เเม่เลี้ยง

อนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอนคะ คุณมั่นใจได้แค่ไหนว่าสุดท้ายผู้ชายที่อยู่กันก่อนแต่งจะแต่งงานกับคุณ อย่าว่าแต่6 ปี เลย เคยเห็นคบกันมา10 ปี ฝ่ายชายทิ้งไปหาที่สดใหม่กว่า แล้วคุณก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยเพราะไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียน เราเคยเห็นเคส ที่ผู้หญิงกลายเป็นเมียน้อยทั้งๆที่อยู่กินกันมาก่อน  เพราะฝ่ายหลังเขาจดทะเบียนด้วยกัน น้าเราเป็นทนายคะ เจอคดีเคสพวกนี้เยอะ คือถ้าคุณมีใบทะเบียนสมรส อะไรก็ง่ายหมดแระคะ แต่ถ้าคุณไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนกัน อย่างเคสของจขกท แล้วอนาคตมาฟ้องร้องกันเรื่องทรัพย์สิน หรือกิ๊ก อย่าหวังเลยว่าจะชนะ

แล้วเบื่อมากพวกที่อ้างว่าไม่แต่งงานเพราะต้องใช้เงินเยอะ ถ้าคุณจัดการงบดีๆ จัดงานเล็กๆ เราว่าเผลอๆใช้เงินน้อยกว่าคุณไปเที่ยวกับแฟนซะอีก แถมเป็นการประกาศว่าแต่งงานกันแล้วนะ และพ่อแม่คุณจะได้สบายใจ หรือไม่งั้นก็จดทะเบียนกันก่อนก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินสักบาท เอาจริงๆมันง่ายมากเลยนะ ง่ายกว่ามาตั้งกระทู้เอายังไงให้พ่อเเม่ยอมรับซะอีก
ความคิดเห็นที่ 39
อ่านแล้วสงสารจขกท พอจะเข้าใจละว่า ความเห็นสังคมส่วนมากเป็นยังไง

ชุดเจ้าสาวสำคัญ
งานแต่งงานสำคัญ
ใบกระดาษใบนึงจดที่เขตสำคัญ
ความคิดเห็นเครือญาติสำคัญ

แต่เก็บเงินสร้างอนาคตกับครอบครัวกับคนที่รัก สำคัญน้อยที่สุด..

ส่วนเรา.. คิดเหมือนคุณมาตลอดค่ะ  ขอให้เชื่อตัวเองนะคะ ความมั่นคง ความรู้สึก ระหว่างคุณและแฟนคุณรู้ดีที่สุด

คนที่บอกว่าอยู่ด้วยกันแล้วผชจะไม่ยอมแต่งงาน  อันนั้นคือเลือกคนผิดแต่แรกแล้วค่ะ ไม่ใช่เพราะอยู่ก่อนแต่งหรืออยู่หลังแต่ง ถ้าไม่มีความมั่นใจในคู่ครองตัวเองขนาดนั้น ควรคิดเยอะแล้วล่ะ ว่าควรจะแต่งงานกับคนนี้มั้ย
บทคู่เลยครองมันจะไม่ดี ไม่อยู่กับเรา ใบทะเบียนสมรสก็เอาไม่อยู่.  แล้วจะไปเอาอะไรกับงานเลี้ยงกับกระดาษใบนึงที่สุดท้ายไม่ได้เป็นครื่องการันตีอะไรกับความสัมพันธ์ของคนสองคน

เราอยู่แชร์หอพักกับแฟนตั้งแต่มหาลัย รักกันดี เรียนรู้นิสัยทุกอย่าง ช่วยกันก่อร่างสร้างตัว แชร์ค่ากินอยู่ พ่อแม่ก็ตอนแรกๆก็ทำเป็นไม่เห็น. แต่ในลูกเครือญาติทุกคนเรามีความสุขที่สุด นำรอยยิ้มมาให้ท่านตลอด แล้วเรื่องปวดหัวมาให้น้อยที่สุด มันเป็นเครื่องพิสูจน์และทำให้เค้ามั่นใจในคู่เรา. จนป่านนี้แล้ว 16 ปีผ่านมายังโคดรักกัน (แต่งงานกันตอนอยู่ด้วยกันมาแล้วปีที่ 11) ในขณะคนรอบตัวที่แต่งงานใหญ่โต แต่อยู่กันไม่ได้บ้าง ทะเลาะกันเยอะแยะ สามีมีชู้บ้าง หย่าบ้าง

พิสูจน์ความมั่นคงของเราให้พ่อแม่ดูค่ะ  เราไม่เด็กแล้ว ทำงานแล้ว ตัดสินใจเองได้  แล้วท่านจะค่อยๆเข้าใจ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

ตัวเราตอนนั้นไม่เคยคิดจะรีบแต่งเลย เพราะเราเห็นการสร้างอาชีพ และเก็บเงินสำคัญกว่าเหมือนคุณ บางคนอาจจะเห็นว่าแต่งงานสำคัญกว่า เค้าก็ไม่ผิดค่ะ แต่เค้าไม่มีสิทธิมาบอกว่าสิ่งที่คุณจะทำก็ผิด. ทุกคน prioritise สิ่งสำคัญในชีวิตไม่เหมือนกัน

คุณพ่อ คุณแม่สำคัญค่ะ แต่เค้ารักคุณ ถ้าคุณยิ้ม คุณมีความสุข มีชีวิตที่ดี นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเค้าเหมือนกันค่ะ

ขอให้โชคดีนะคะ
ความคิดเห็นที่ 23
ถ้า จขกท คิดว่าดีแล้วก็ตัดสินใจเองไปเลย ไม่มีใครรู้จักคนของคุณและที่บ้านคุณเท่าตัวคุณเอง ไม่ต้องมาถามในนี้หรอก แต่ละคนก็ไม่รู้จะไปเหน็บอะไรเค้านักหนา แค่เห็นต่างไม่ได้แปลว่าผิด ชีวิตใครชีวิตมัน เค้าไม่ได้ไปฆ่าใครตาย

   เราไม่มีปัญหาเรื่องอยู่ก่อนแต่ง ไม่เคยมีกรอบความคิดว่าชาตินี้ต้องได้แต่งงาน ต่อให้อยู่โดยไม่แต่งแล้วเลิก กับแต่งไม่กี่ปีแล้วหย่า มันก็คือเลิกเหมือนกัน ถ้าเค้าทิ้งตอน 40 ทั้งที่ยังไม่แต่งแล้วยังไง จะเอาคำว่าอย่างน้อยชั้นก็ได้แต่งมาเพื่ออะไร คนส่วนมากให้ความสำคัญ เพราะมันหมายถึงหน้าตาของตัวเองและครอบครัว แต่ไม่มีใครห่วงว่าคุณจะมีกินมีเก็บมั้ย จะอยู่ดีมีสุขยังไง ก็ได้แต่ออกความเห็นแต่เวลาเราลำบากก็ไม่เห็นใครจะมาหยิบยื่นอะไร

   เหตุเดียวที่เราแนะนำให้คุณแต่งนั่นคือบ้านที่กำลังจะซื้อด้วยกันมันควรเป็นชื่อของทั้ง 2 คนเพื่อจะไม่ได้เปรียบเสียเปรียบในวันหน้า แต่คุณจะจัดเป็นงานใหญ่หรือเดินไปจดที่เขตเฉยๆก็แล้วแต่คุณเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่