
ภาพชุดนี้ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2016 พอดีเห็นว่า Nikko เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ประทับใจและสวยงามมากๆในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่จะไปเที่ยว Nikko จึงเขียนรีวิวนี้ขึ้นมา ช่วงเวลาของใบไม้เปลี่ยนสีอาจจะมีการคลาดเคลื่อนไปในแต่ละปี ยังไงก็อย่าลืมเช็คพยากรณ์หรือติดตามความเคลื่อนไหวของใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยยยยยยย

ขอเริ่มต้นการเดินทางที่สถานี Nikko เลยแล้วกันนะครับ ก่อนอื่นเลยให้เดินตรงไปที่ Office ของสถานี แล้วขอแผนที่กับเจ้าหน้าที่ แผนที่ที่ผมใช้คือ "OKUNIKKO GUIDE MAP" จากนั้นเพื่อนๆสามารถซื้อ Bus Pass ราคา 3000 เยน ใช้ได้ 2 วัน เพื่อใช้ในการนั่งรถบัสใน Nikko รวมทั้งสามารถใช้นั่งบัสขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติได้ด้วย มันสะดวกมากๆเลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาจ่ายตังบนรถบัส ยื่นให้คนขับรถดูแค่นั้นจบ เอาจริงๆแล้ว แค่ค่ารถบัสไปกลับอุทยานก็คุ้มแล้วครับ

อันนี้คือเส้นทาง A ที่ผมเลือกเดินครับ

ส่วนอันนี้เป็นเส้นทาง D

จริงๆแล้วมีหลายเส้นทางให้เลือกเดิน ในแต่ละเส้นทางจะมีรายละเอียดในเรื่องของเวลา และระยะทางระบุไว้อย่างคร่าวๆ เส้นทางที่ผมเลือกเดินทั้งสองเส้นทาง รวมระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร

นั่งบัสจากสถานี Nikko ได้เลย ขอแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในวันเสาร์อาทิตย์นะครับ ถ้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพีคๆ นี่ไม่ต้องสืบเลย คนเยอะมากกกกกกก วันที่ผมไปเป็นวันอาทิตย์ ปรากฏว่าได้ยืนครับ ToT

ผมยืนประมาณ 45 นาที รถก็วิ่งมาถึงจุดจอดที่ 24 ซึ่งเป็นสถานที่หลักเพราะมีน้ำตก Kegon เป็นไฮไลท์ ตรงนี้คนจะลงกันเยอะ แต่ผมวางแผนไว้ว่าจะไปเดิน Trek ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมาแวะตรงนี้ตอนขากลับ ตรงจุดจอดหมายเลย 24 นี้ จะมีร้านอาหารมากมาย พูดง่ายๆคือ เป็นจุดแลนด์มาร์คของ Nikko เลยก็ว่าได้ คนลงไปเยอะพอสมควร จึงมีที่นั่งว่างให้ได้นั่งกับเค้าบ้าง

นั่งบัสต่อมาอีกพักหนึ่งเพราะเป้าหมายของวันนี้คือ จุดจอดที่ 40 ระหว่างทางก็จะเจอกับใบไม้เหลืองอร่ามอยู่สองข้างทาง สวยงามากๆ
พอมาถึงจุดจอดที่ 40 ตามแผน ซึ่งบริเวณนั้นจะมีน้ำตกYodaki ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และเป็นจุดเริ่มต้นเดิน Trek ของผมในวันนี้ ดูตามแผนที่ที่แจ้งไว้ตอนต้นประกอบก็แล้วกัน จุดที่ผมจะเริ่มเดินคือ จุด D Hiking trail around Lake Yunoko ซึ่งจะเป็นเส้นทางรอบทะเลสาบ Yukoko เป็นระยะทาง 2.9 กิโลเมตร ใช้เวลาคร่าวๆประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที (อันนี้คือข้อมูลระบุไว้ในแผนที่) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เราว่าจะเดินช้า เร็วแค่ไหน มาเริ่มกันเลย

ตรงนี้เป็นบริเวณริมทะเลสาบ ซึ่งติดกับถนนใหญ่ ผมเริ่มเดินจากจุดนี้เลย

เดิดลัดเลาะมาตามทางเดินเลียบริมทะเลสาบไปเรื่อยๆ

มีสะพานไม้เดินข้ามแม่น้ำ

ผมเลือกเดินรอบทะเลสาบโดยเดินวนไปด้านขวา

เจอใบไม้แดงระหว่างทาง สวยสดใส

ช่วงท้ายๆจะมีทางเดินเป็นสะพานไม้ และมีร้านกาแฟเล็กๆตั้งอยู่บริเวณนั้นด้วย

วนมาเจอถนนใหญ่ ตรงนี้มีคนยืนถ่ายรูปเยอะแยะเลย เพราะมันเป็นจุดที่สวยมากๆ

ฟ้าออกจะครึ้มๆ สักหน่อย แต่อากาศเย็นสบายดีมาก

จบแล้วเส้นทางแรก เดินเกือบ 3 กิโลเมตร เพลินมากๆ ไม่เหนื่อยเลยสักนิด เพราะแวะถ่ายรูปสวยๆตลอดทางเลย
และจะวนกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ตรงน้ำตก Yudaki ตรงนี้คนจะเยอะมาก เพราะมีร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ผมแวะซื้อแซนวิชและน้ำที่นี่ เพราะเดี๋ยวจะเริ่มเส้นทางที่สอง นั่นคือ เส้นทาง A
Senjogahara Moor Nature Research Trail ระยะทาง 6.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั้วโมง 20 นาที ผมชอบเส้นทางนี้มาก สวยตลอดทางเลย และมีจุดที่สวยมากๆอยู่หลายจุด ถ่ายรูปเพลินไปหน่อย ผมใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงกว่าๆเลย

ใบไม้สีส้มสดใสระหว่างทาง

เดินตามทางไปเรื่อยๆ ผ่านแม่น้ำ ข้ามสะพาน ไปเรื่อยๆ มีจุดแวะพักระหว่างทางด้วย คนแก่ชาวญี่ปุ่นมาเดินกันเยอะมาก แข็งแรงกันจริงๆ

นั่งพักกินข้าวกันที่นี่ก็ดีไม่น้อย

ทางเดินไม้ สะดวกมากๆ

มีภูเขาให้ชมระหว่างทางด้วย

ลานหญ้าขนาดกว้างใหญ่ที่มีสะพานไม้เป็นทางเดิน คืออีกหนึ่งจุดที่ผมชอบมากและใช้เวลาถ่ายรูปบริเวณนี้นานมาก

เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีคนมาเดินสักเท่าไหร่ เห็นแค่ไม่กี่คนที่เดินสวนกันมา อาจเป็นเพราะเป็นเส้นที่ค่อนข้างยาว แต่ดีแล้ว จะได้ไม่วุ่นวาย เดินชิลสบายใจ แถมได้รูปสวยๆอีกด้วย

ตรงนี้ใบไม้ร่วงไปหมดเลย เหลือแต่กิ่งไม้แห้งๆ

มีแม่น้ำไหลผ่านตลอดทาง ดูจากแผนที่แล้วน่าจะไหลเชื่อมจากทะเลสาบ Yunoko

สะพานไม้ข้ามแม่น้ำอีกแล้ว

นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่แวะถ่ายรูปนานมาก แม่น้ำ ต้นไม้ มันลงตัวมากๆ

นี่สินะที่เรียกว่าเสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วง สวยมากกกก

เดินตามแม่น้ำไปเรื่อยๆ

บริเวณนี้จะเป็นทางน้ำไหลผ่านค่อนข้างยาว

ไหลรวมมาเป็นน้ำตกขนาดเล็ก

มีใบไม้ชมพูด้วย

เดินมาตั้งนาน ในที่สุดก็มาสิ้นสุดที่น้ำตก Ryuzu ซึ่งตรงกับจุดจอดที่ 37 เลยแวะถ่ายรูปน้ำตกสักหน่อย บริเวณนี้คนเยอะพอสมควร
จากนั้นก็รอขึ้นรถบัสเพื่อกลับไปที่จุดจอด 24 แต่พอไปถึงเห็นคนต่อแถวรอขึ้นรถบัสยาวมากกกกกกกกกกกกกก ผมเลยตัดสินใจไม่ลง ลาก่อนน้ำตก Kegon ถ้าผมตัดสินใจลงไปดูน้ำตก Kegon ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ เพราะคิวรอขึ้นรถยาวเหลือเกิน ประกอบกับความเหนื่อยสะสมจากการเดินกว่า 10 กิโล ก็เลยจบทริปเดิน Trek ไว้เพียงเท่านี้ พร้อมความประทับใจไม่รู้ลืม
[CR] เดินเที่ยวท่ามกลางป่าเขากว่า 10 กิโลฯ ที่ Nikko ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเหลืองอร่าม
ภาพชุดนี้ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2016 พอดีเห็นว่า Nikko เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ประทับใจและสวยงามมากๆในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่จะไปเที่ยว Nikko จึงเขียนรีวิวนี้ขึ้นมา ช่วงเวลาของใบไม้เปลี่ยนสีอาจจะมีการคลาดเคลื่อนไปในแต่ละปี ยังไงก็อย่าลืมเช็คพยากรณ์หรือติดตามความเคลื่อนไหวของใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยยยยยยย
ขอเริ่มต้นการเดินทางที่สถานี Nikko เลยแล้วกันนะครับ ก่อนอื่นเลยให้เดินตรงไปที่ Office ของสถานี แล้วขอแผนที่กับเจ้าหน้าที่ แผนที่ที่ผมใช้คือ "OKUNIKKO GUIDE MAP" จากนั้นเพื่อนๆสามารถซื้อ Bus Pass ราคา 3000 เยน ใช้ได้ 2 วัน เพื่อใช้ในการนั่งรถบัสใน Nikko รวมทั้งสามารถใช้นั่งบัสขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติได้ด้วย มันสะดวกมากๆเลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาจ่ายตังบนรถบัส ยื่นให้คนขับรถดูแค่นั้นจบ เอาจริงๆแล้ว แค่ค่ารถบัสไปกลับอุทยานก็คุ้มแล้วครับ
อันนี้คือเส้นทาง A ที่ผมเลือกเดินครับ
ส่วนอันนี้เป็นเส้นทาง D
จริงๆแล้วมีหลายเส้นทางให้เลือกเดิน ในแต่ละเส้นทางจะมีรายละเอียดในเรื่องของเวลา และระยะทางระบุไว้อย่างคร่าวๆ เส้นทางที่ผมเลือกเดินทั้งสองเส้นทาง รวมระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
นั่งบัสจากสถานี Nikko ได้เลย ขอแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในวันเสาร์อาทิตย์นะครับ ถ้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพีคๆ นี่ไม่ต้องสืบเลย คนเยอะมากกกกกกก วันที่ผมไปเป็นวันอาทิตย์ ปรากฏว่าได้ยืนครับ ToT
ผมยืนประมาณ 45 นาที รถก็วิ่งมาถึงจุดจอดที่ 24 ซึ่งเป็นสถานที่หลักเพราะมีน้ำตก Kegon เป็นไฮไลท์ ตรงนี้คนจะลงกันเยอะ แต่ผมวางแผนไว้ว่าจะไปเดิน Trek ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมาแวะตรงนี้ตอนขากลับ ตรงจุดจอดหมายเลย 24 นี้ จะมีร้านอาหารมากมาย พูดง่ายๆคือ เป็นจุดแลนด์มาร์คของ Nikko เลยก็ว่าได้ คนลงไปเยอะพอสมควร จึงมีที่นั่งว่างให้ได้นั่งกับเค้าบ้าง
นั่งบัสต่อมาอีกพักหนึ่งเพราะเป้าหมายของวันนี้คือ จุดจอดที่ 40 ระหว่างทางก็จะเจอกับใบไม้เหลืองอร่ามอยู่สองข้างทาง สวยงามากๆ
พอมาถึงจุดจอดที่ 40 ตามแผน ซึ่งบริเวณนั้นจะมีน้ำตกYodaki ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และเป็นจุดเริ่มต้นเดิน Trek ของผมในวันนี้ ดูตามแผนที่ที่แจ้งไว้ตอนต้นประกอบก็แล้วกัน จุดที่ผมจะเริ่มเดินคือ จุด D Hiking trail around Lake Yunoko ซึ่งจะเป็นเส้นทางรอบทะเลสาบ Yukoko เป็นระยะทาง 2.9 กิโลเมตร ใช้เวลาคร่าวๆประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที (อันนี้คือข้อมูลระบุไว้ในแผนที่) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เราว่าจะเดินช้า เร็วแค่ไหน มาเริ่มกันเลย
ตรงนี้เป็นบริเวณริมทะเลสาบ ซึ่งติดกับถนนใหญ่ ผมเริ่มเดินจากจุดนี้เลย
เดิดลัดเลาะมาตามทางเดินเลียบริมทะเลสาบไปเรื่อยๆ
มีสะพานไม้เดินข้ามแม่น้ำ
ผมเลือกเดินรอบทะเลสาบโดยเดินวนไปด้านขวา
เจอใบไม้แดงระหว่างทาง สวยสดใส
ช่วงท้ายๆจะมีทางเดินเป็นสะพานไม้ และมีร้านกาแฟเล็กๆตั้งอยู่บริเวณนั้นด้วย
วนมาเจอถนนใหญ่ ตรงนี้มีคนยืนถ่ายรูปเยอะแยะเลย เพราะมันเป็นจุดที่สวยมากๆ
ฟ้าออกจะครึ้มๆ สักหน่อย แต่อากาศเย็นสบายดีมาก
จบแล้วเส้นทางแรก เดินเกือบ 3 กิโลเมตร เพลินมากๆ ไม่เหนื่อยเลยสักนิด เพราะแวะถ่ายรูปสวยๆตลอดทางเลย
และจะวนกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ตรงน้ำตก Yudaki ตรงนี้คนจะเยอะมาก เพราะมีร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ผมแวะซื้อแซนวิชและน้ำที่นี่ เพราะเดี๋ยวจะเริ่มเส้นทางที่สอง นั่นคือ เส้นทาง A
Senjogahara Moor Nature Research Trail ระยะทาง 6.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั้วโมง 20 นาที ผมชอบเส้นทางนี้มาก สวยตลอดทางเลย และมีจุดที่สวยมากๆอยู่หลายจุด ถ่ายรูปเพลินไปหน่อย ผมใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงกว่าๆเลย
ใบไม้สีส้มสดใสระหว่างทาง
เดินตามทางไปเรื่อยๆ ผ่านแม่น้ำ ข้ามสะพาน ไปเรื่อยๆ มีจุดแวะพักระหว่างทางด้วย คนแก่ชาวญี่ปุ่นมาเดินกันเยอะมาก แข็งแรงกันจริงๆ
นั่งพักกินข้าวกันที่นี่ก็ดีไม่น้อย
ทางเดินไม้ สะดวกมากๆ
มีภูเขาให้ชมระหว่างทางด้วย
ลานหญ้าขนาดกว้างใหญ่ที่มีสะพานไม้เป็นทางเดิน คืออีกหนึ่งจุดที่ผมชอบมากและใช้เวลาถ่ายรูปบริเวณนี้นานมาก
เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีคนมาเดินสักเท่าไหร่ เห็นแค่ไม่กี่คนที่เดินสวนกันมา อาจเป็นเพราะเป็นเส้นที่ค่อนข้างยาว แต่ดีแล้ว จะได้ไม่วุ่นวาย เดินชิลสบายใจ แถมได้รูปสวยๆอีกด้วย
ตรงนี้ใบไม้ร่วงไปหมดเลย เหลือแต่กิ่งไม้แห้งๆ
มีแม่น้ำไหลผ่านตลอดทาง ดูจากแผนที่แล้วน่าจะไหลเชื่อมจากทะเลสาบ Yunoko
สะพานไม้ข้ามแม่น้ำอีกแล้ว
นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่แวะถ่ายรูปนานมาก แม่น้ำ ต้นไม้ มันลงตัวมากๆ
นี่สินะที่เรียกว่าเสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วง สวยมากกกก
เดินตามแม่น้ำไปเรื่อยๆ
บริเวณนี้จะเป็นทางน้ำไหลผ่านค่อนข้างยาว
ไหลรวมมาเป็นน้ำตกขนาดเล็ก
มีใบไม้ชมพูด้วย
เดินมาตั้งนาน ในที่สุดก็มาสิ้นสุดที่น้ำตก Ryuzu ซึ่งตรงกับจุดจอดที่ 37 เลยแวะถ่ายรูปน้ำตกสักหน่อย บริเวณนี้คนเยอะพอสมควร
จากนั้นก็รอขึ้นรถบัสเพื่อกลับไปที่จุดจอด 24 แต่พอไปถึงเห็นคนต่อแถวรอขึ้นรถบัสยาวมากกกกกกกกกกกกกก ผมเลยตัดสินใจไม่ลง ลาก่อนน้ำตก Kegon ถ้าผมตัดสินใจลงไปดูน้ำตก Kegon ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ เพราะคิวรอขึ้นรถยาวเหลือเกิน ประกอบกับความเหนื่อยสะสมจากการเดินกว่า 10 กิโล ก็เลยจบทริปเดิน Trek ไว้เพียงเท่านี้ พร้อมความประทับใจไม่รู้ลืม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น