ประสบการณ์การโดนหักหลัง ยิ่งกว่านิยาย

สวัสดีครับทุกท่าน ผมขออนุญาตตั้งกระทู้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตรักของผม เป็นประสบการณื ความโกรธ ความอึ้ง ความเสียใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เพิ่งจบลงไปไม่นานให้ทุกท่านได้อ่าน นี่คือล็อคอินแรกและกระทู้แรกของผมสำหรับเว็ปนี้

ปัจจุบันผมอายุ 29 ปีครับ ทำงานแล้ว เมื่อประมาณปี2014 ผมมีโอกาสได้คุยกะผู้หญิงคนนึง รุ่นเดียวกัน จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ได้คุยได้จีบแหละครับ จนตกลงเป็นแฟนกัน  โดยตอนแรกนั้น แฟนผมคนนี้ทำงานอยู่คนละฟากฝั่งกทมกับผมเลย (ผมอยู่ฝั่งธน แฟนคนนี้อยู่ฝั่งพระนคร) จนครั้งนั้นเค้าออกจากงานนั้น ไปทำอย่างอื่น แถวรังสิต  ด้วยการที่เดินทางไกล ลำบาก เพราะแฟนผมไม่มีรถ ส่วนตัวผมเพิ่งซื้อรถหลังจากคบกันได้พักใหญ่  ผมเลยตัดสินใจชวนแฟนมาอยู่ที่บ้านผม ไม่ต้องอยู่หอ  โดยที่บ้านผมนั้น ผมขออนุญาตแม่ผมแล้ว ซึ่งแม่ผมที่นานๆกลับบ้านที  เพราะแม่ผมทำงานที่อื่น ก็โอเค เพราะเห็นว่าผมก็โตแล้ว  ซึ่งในบ้านผมตอนนั้นมีผม และน้องชายกับน้องสาวอย่างละคน   (ซึ่งตอนนี้หลายคนอจจะมองว่ามาอยู่ก่อนแต่งหรืออะไร ทำไมไม่บอกที่บ้านฝ่ายหญิง  เดี๋ยวผมจะอธิบายตอนหลังครับ)  

ช่วงที่เข้ามาบ้านผมตอนแรกๆนั้น อยู่ในช่วงคบกันได้ประมาณปีเศษ ตอนแรกๆที่เข้ามาก็น่ารักครับ ที่ประทับใจมากคือความเป็นแม่ศรีเรือนไม่เคยบกพร่องเลย อันนี้ยอมรับเลยว่าประทับใจ แต่โอเค หลังๆอยู่ไปมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ฝ่ายหญิงเอาแต่ใจบ้างไรบ้าง ทะเลาะกันบ้าง ผมก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมเป็นคนใจร้อน เวลาทะเลาะกันผมยอมรับว่ามันก็อาจจะมีคำพูดหรือการกระทำที่ดูแรงไปบ้าง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่อยู่บ้านผม เรื่องนึงที่แฟนคนนี้แสดงออกชัดเจนมากคือ  รับไม่ได้กับเรื่องของการนอกใจหรือพวกเรื่องมีกิ๊ก เจ้าชู้อะไรแบบนี้อย่างแรง ชัดขนาดที่ว่า เปิดทีวีเจอข่าวดาราแย่งคนนั้นคนนี้กัน แฟนผมยังขึ้น และเคยพูดกะผมหลายรอบมากว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้ ซึ่งผมเองโดนระแวงและหาเรื่องบ่อยมาก เพราะผมยอมรับกะเค้าตรงๆว่าเมื่อกก่อนเจ้าชู้ แต่ตอนนี้ไม่มีนะ โทรศัพท์ ที่ทำงาน เพื่อนฝูง รหัสเฟซบุค อะไรที่อยากดู ผมให้ดูหมด เพื่อความสบายใจ และผมเองก็เชื่อใจ ด้วยสิ่งที่เค้าแสดงออกออกมาว่าไม่ชอบเรื่องแนวนี้ เค้าคงไม่ทำเอง  แต่เรื่องนึงที่ผมไ่ชอบเวลาที่ทะเลาะกัน คือ เอะอะไรชอบทำเป็นขนเาื้อผ้าออกจากบ้าน ไม่ว่าจะทำใส่หรือทำจริง ซึ่งผมรับไม่ได้มาก เพราะผมก็บอกเค้าตรงๆว่าที่บ้านผมพ่อแม่เลิกกันนะ เลิกกันด้วยวิธีอะไรแนวนี้แหละ ผมเลยไม่อยากเจออีก  อย่าทำใส่ ก็ยังมีทำใส่เรื่อยๆ จนหลังๆผมแบบ ไม่ง้อ เอออยากไปก็ไปสิ สุดท้ายก็ยังอยู่

จนกระทั่ง มีครั้งนึง ประมาณเดือนกุมภา ที่ผ่านมา ทะเลาะกะผม ซึ่งเป็นเรื่องไม่ใช่เรื่องมากๆในสายตาผม พอกลับบ้านมา ผมเห็นบ้านโล่งเลย คือเจ้าตัวแอบมาขนของออกไปจากบ้านช่วงที่ผมยังไม่กลับจากที่ทำงาน ผมอึ้งเลย เลยไปตามหาที่ออฟฟิศเค้า ไม่เจอ เลยได้เบอร์คนที่เค้าสนิทในออฟฟิศมาคนนึง เลยได้คุยกัน พี่คนนี้ก็เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้ ซึ่งเหตุการณ์นั้นแฟนผมรวมเวลาแล้วออกจากบ้านไปสองคืน พอเคลียร์กัน เลยกลับบ้านวันที่สาม (แต่ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมโมโหจริงที่ทำแบบนั้น ผมพูดตอนเคลียร์กันเลยว่า ไม่ได้มาง้อ แต่มันถามว่าตกลงเอายังไง จะทำแบบนี้ใช่มั้ย  สุดท้ายเค้ายอมรับเองว่าครั้งเค้าผิด ผมเองก็ให้อภัย เค้าขอกลับมาบ้าน ผมก็โอเค)

แต่คืนที่เค้ากลับมาบ้าน มีเฟซบุคผู้หญิงคนนึงโทรเฟซมาหาผมประมาณตีหนึ่งครึ่ง ซึ่งผมไม่ได้รับสายเพราะหลับแล้ว ตื่นมาเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมกันกะแฟนผม  เลยถามแฟนว่าใครหรอทำไมโทรมาหาผม เจ้าตัวบอกว่า อ๋อน้องที่ทำงาน คงโทรมาถามแหละว่าดีกันยัง เค้าเข้าบ้านยัง เพราะเค้าแบตหมดติดต่อไม่ได้ ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าบอกเอง ผมเองก็ไม่ติดใจอะไร เพราะก็เข้าใจว่าแกงค์เพื่อนสาวนกกันในที่ทำงานห่วงเพื่อนเป้นเรื่องธรรมดา เลยไม่ได้โทรกลับหรือทักไปถาม

จนเวลาผ่านมาเรื่อยๆ สามสี่เดือนหลังมานี้ช่วงก่อนผมโพสกระทู้นี้ ผมสังเกตเห็นว่า เค้าแปลกไปอย่างชัดเจน เช่น เล่นมือถือหนักมาก ก้มหน้าก้มตาแชท (ซึ่งปกติก็เป็นคนติดมือถืออยู่ก่อนแล้ว ผมเตือนตลอดทั้งเวลากินข้าว เวลาไปไหนด้วยกัน แต่ช่วงหลังนี่หนักไป) คำพูดคำจาที่ดูเฉยเมยมากกก และที่สำคัญคือ เวลากลับบ้าน ที่เจ้าตัวหลังๆ กลับบ้านอย่างต่ำคือ ห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน  ซึ่งเวลาเลิกงานของออฟิศเค้าคือ 17.45เท่านั้นเอง พอผมถามว่าทำไมกลับดึก เจ้าตัวบอกว่า เค้าต้องไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ มันงานเยอะ ทำล่วงเวลา เลยกลับดึก ผมก็โอเคไม่ได้ว่าไร แค่เตือนว่าดึกเกินก็ไม่ดีนะ ผู้หญิงคนเดียว ซึ่งเจ้าตัวจะได้ย้ายเข้าไปทำที่นั่นต้นเดือน และมันไกลจากบ้านผมที่ เลยเป็นเหตุให้ต้องหาหออยู่ ซึ่งช่วงนั้น เจ้าตัวหาหอเป็นระวิงมาก (ถามว่าทำไมผมไม่ไปรับ คำตอบคือ เจ้าตัวยืนยันว่าจะกลับเองอย่างเดียว และที่สำคัญคือ ไม่เคยบอกให้ผมรู้เลยว่า สำนักงานใหญ่อยู่ตรงไหนหน้าตาเป็นไง ผมไปรับไปส่งเกือบทุกวันที่ออฟฟิศย่อยที่เค้าทำอยู่ ตรงใกล้บ้านผม ซึ่งบังเอิญพอดีว่าใกล้บ้าน เพราะตอนได้งานที่นี่ไม่รู้ว่าใกล้ขนาดนี้)

ดึกเข้าตลอดผมเองก็ไม่ไหว และหลังๆคือโทรไปไม่รับ ทักไปแทบไม่อ่านไม่ตอบ จนมีครั้งนึงจะเที่ยงคืนละ กระหน่ำโทรไม่รับสักที จนโทรกลับมาเอง บอกว่ากำลังจะกลับผมเลยถามตรงๆว่าเป็นอะไร ทำไมเดี๋ยวนี้เฉยชา ไม่สนใจ เจ้าตัวไม่ตอบอะไรผมสักอย่าง รักมั้ย ก็ไม่ตอบ มีคนอื่นมั้ย เจ้าตัวบอกไม่มี กล้าสาบานทุกที่ด้วยเอ้า ถามว่าผมเชื่อมั้ย ลึกๆก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก เพียงแต่ว่า ผมไม่มีหลักฐาน และต่อให้ผมเป็นคนนิสัยเสียเรื่องไหนก็แล้วต่ เรื่องนึงที่ผมไม่จุกจิกคือ ผมไม่เป็นคนขี้ระแวงกับเรื่องแบบนี้ ไม่ตามจี้ ไม่เช็คมือถือ แต่อย่างเดียวที่รู้กันคือ ถ้าจับได้คือจบ ไม่มีการให้อภัย

******จนวันพีคมาถึง คือแม่ผมกลับบ้าน และแม่ผมรู้เรื่องมาตลอดว่าเค้ากลับดึก เพราะผมบ่นให้ฟัง แม่เองก็เอ็นดูเค้า ก็คอยโทรถามไถ่ตลอด แต่หลังๆไม่รับสายไม่โทรกลับหาแม่ผมเลย พอคืนนั้นกลับดึก มาเจอแม่เลยตกใจ คืนนั้นผมเอะใจ ว่าตีหนึ่งครึ่งแล้ว ทำไมไม่ขึ้นมานอน ผมเลยย่องลงไปดู รอบแรก เห็นกำลังพิมพ์แชทไลน์ แต่รอบสองพีคเลย คือกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ได้ยินประโยคประมาณว่า กินข้าวหรือยัง กินกับอะไรหรอ ทำอะไรอยู่ พอเงยหน้ามาเจอผม กดวางสายทันที ผมนี่หัวร้อนเลย รู้แล้วว่านอกใจแน่ๆ  ผมด่าลั่นบ้านเลย ยอมรับครับว่าพูดแรง ขึ้นกู เพราะหัวร้อนมาก ทำเรื่องนี้ในบ้านผมเลยหรอเนี่ย ผมไล่ออกจากบ้านกลางดึกนั้นเลย รับไม่ได้ (แต่เชื่อมั้ย เจ้าตัวไม่พุดอะไรกับผมสักคำเดียว ไม่เถียงไม่หือไม่อือสักแอะ ผมงงมาก เพราะปกติเวลาทะเลาะกันนี่ เถียงสุดลิ่มเลย) จนแม่ผมได้ยินเสียงดังเลยลงมาถามว่าเป็นไรกัน ผมเลยเล่าให้ฟัง และผมพูดว่า ถึงว่าละสามสี่เดือนที่ผ่านมานี้ เปลี่ยนเป็นคนละคน แฟนผมบอกว่า ที่ไม่เหมือนเดิมเพราะทะเลาะกันบ่อยมันเลยตายด้าน ชินชาต่างหาก ไม่เกี่ยวกะเรื่องคนอื่นเลย เป็นเพราะตัวผมล้วนๆ (ผมก็คิดนะ และพูดไปด้วยแหละ ว่าต่อให้เฉยชายังไง ก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ เพราะยังไม่เคลียร์ตัวเองให้จบ อยากมีทำไมไม่มาบอกเลิกเลย เรื่องนี้ผมไม่รั้งอยู่แล้ว ขนาดเห็นครั้งแรกผมยังไล่ออกจากบ้านทันทีเลย) และทั้งผมทั้งแม่ ถามเลยว่า คุยกะใคร ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เจ้าตัวไม่บอก ยังไงก็ไม่ยอมบอก บอกไม่มีอะไร ผมเลยถามถ้าไม่มีอะไรทำไมไม่กล้าบอก ปกปิดทำไม เค้าตอบผมกลับมาว่า "ก็ไม่มีอะไร ก็ยังไม่ได้คบกันสักหน่อย" ผมกะแม่นี่อึ้งเลย จนสุดท้าย เจ้าตัวพร้อมเลิกกันตอนนั้นเลย ละพร้อมขนของออกจากบ้านตอนเช้า และเอาเงินมาเคลียร์ส่วนที่ใช้บัตรผมไปรูดซื้อมือถือกับไอแพด (ผมไม่ได้ลำเลิกหรือทวงเงินอะไรนะครับ แต่ผมเองก็มีทั้งค่างวดรถละผมก็กู้เงินมาให้แม่ รายจ่ายรวมกันเดือนนึงเป็นหมื่น ถ้าจะเลิกและเอาของงไปแต่ผลักภาระมาให้ผมตามใช้ ผมก็ไม่เอา ผมไม่ไหว) แต่พอออกไปเนี่ย แม่ผมเองก็มาเตือนมาสอนว่าทำเกินไปรึเปล่า เค้าเป็นผู้หญิง ตัวคนเดียว อะไรงี้ แต่ตอนที่จับได้ตอนแรกไม่ได้ฟังแม่หรอกครับ หัวร้อน จนผมเองรู้สึกผิด โทรไปขอโทษ ขอโทษทุกอย่างที่พูดที่ทำไม่ดี และโอนเงินไปคืนแปดพัน เพราะเจ้าตัวย้ายหอ และยังบอกด้วยว่า ค่อยคืนเป็นงวดๆเป็นเดือนๆไป เลิกกันแล้วก็ถ้าไม่อยากโอนให้ผมเอง ก็ผ่านแม่หรือน้องมาก็ได้

จนวันที่สี่ที่เลิกกัน น้องคนเดิมทักมาหาผมคนที่เคยโทรเฟซมาตอนเดือนกุมภา ถามว่าผมเลิกกับแฟนแล้วหรอ แล้วแฟนผมอยู่ไหน อยู่หอที่ไหน อยู่กะใคร คือถามละเอียดเลย ผมเองก็งง เลยถามว่า รู้ได้ไง จากไหน คุยกะเค้ามาหรอ น้องเค้าก็บอกว่าเปล่า ผมเลยยิ่งงง ยังบอกไปประมาณว่า ถ้าม่บอกอะไรเลย ผมเองก็คงพูดไรมากไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าน้องเป้นใครมาหลอกถามอะไรมั้ย สุดท้าย เจ้าตัวเลยบอกว่า ที่ถามเพราะ พอแฟนผมออกจากบ้านผมปุ๊บ แฟนของน้องเค้า ไม่กลับหอ(คืนสองคืนมั้งถ้าผมจำไม่ผิด) ผมอึ้งเลย ผมเลยน้องเอาเบอร์มาเดี๋ยวพี่โทรกลับ พี่เองก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกกัน

*****หลังจากที่คุยะน้องคนนั้นเกือบสองชั่วโมง เลยได้รู้ว่า แฟนผม ไปแอบคบแอบคุยกะแฟนน้องเค้า มาตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นปี โดยโดนจับได้มาหลายครั้งมากและน้องเค้าจะฟ้องผมหลายรอบแล้ว (ซึ่งตอนที่น้องเค้าโทรเฟซมาตอนเดือนกุมภา นั่นคือตอนที่แฟนผมทะเลาะกะผมละออกจากบ้าน แฟนน้องเค้าไม่กลับหอสองคืนติดพอดี น้องเค้าเลยไม่ไหว ต้องโทรบอกผม แต่ผมพลาดเอง หลับ เลยไม่ได้รับ พอตื่นมาถามคนของตัวเอง เค้าตอบมาก็เชื่ออีก) แต่สุดท้าย ก็จบตรงที่ แฟนผมขอร้องให้น้องเค้าไม่บอกผม โดยรับปากว่าจะไม่คุยแล้วไม่ยุ่งแล้วอะไรงี้ เอาจริงๆก็คือยอมพูดหว่านล้อมทุกอย่างจนน้องเค้าใจอ่อน ไม่บอกผม และพยายามคุยดีด้วยจนน้องเค้าตายใจ ถึงว่าผมยังแปลกใจ ทำไมน้องเค้ารู้ว่าผมทำงานอะไร ผมไม่กินไม่เที่ยว รู้แม้กระทั่งหมาแมวที่บ้านผมชื่ออะไร เพราะแฟนผมพยายามหาเรื่องคุยเป็นพี่เป็นน้องกันนั่นเอง (ยอมรับว่าน้องเค้าใจกว้างมากนะครับ ยอมใจเลย แต่ก็เข้าใจได้ น้องเค้าเองก็รักแฟนเค้า คบกันมาตั้งเจ็ดปี)

โดยโดนจับได้ครั้งแรก เมื่อเดือนพค ปีที่แล้ว กับพวกข้อความบอกรักบอกคิดถึงกัน
โดนจับได้อีกครั้งช่วงปีใหม่ ซึ่งครั้งนั้นถึงขั้นต้องให้พี่ผู้ใหญ่ในออฟฟิศคนนึงเป็นคนกลางในการประชุมสายสามคนว่า แฟนเก่าผม จะไม่ติดต่อแฟนน้องเค้าอีก
น้องเค้าโทรมาหาผมกลางเดือนต้นเดือนกุมภา และพอตอนเช้า แฟนเก่าผมรีบโทรไปขอร้องว่าอย่าบอกผมเหมือนเดิม ละหลังจากนั้น ยังไปดูหนังในวันวาเลนไทน์กะผมด้วยอ่ะคิดดู (จำได้เลย ดูแบล็คแพนเทอร์)
ทุกครั้งที่แฟนน้องเค้าไม่กลับบ้าน น้องเค้าโทหาหรือทักแชทหาแฟนเก่าผม เจ้าตัวอ่านไม่ตอบลูกเดียว (น้องเค้าแคปส่งให้ดู) หรือไม่ออน พอแฟนติดต่อกลับมา แฟนเก่าผมก็ออนเฟซทันที ประจวบเหมาะ

ความพีคคือ คนในออฟฟิศรู้เรื่อง แต่แทบไม่มีใครเห็นด้วย เค้าพยายามเตือน พยายามห้าม แต่สองคนนี้ไม่ฟัง หนำซ้ำยังงว่าคนที่ไม่เห็นด้วยอีก (อันนี้ผมได้คุยกะพี่คนคนนึงในออฟฟิศนั้นมา คนนี้ผมเคยยกมือไหว้สวัสดีเวลาเจอตอนไปรับเวลาเลิกงาน โดยผมได้เบอร์จากน้องคนนั้น)
แต่ฝ่ายชาย ไปประกาศไปพูดในออฟฟิศ ว่าคนนี้อ่ะ เมียมัน พูดแนวๆว่ามีอะไร หรือได้กันแล้ว ผมอึ้งเลย ถามเลยว่าพี่ได้ยินนานยัง เค้าบอกไม่นาน เดือนสองเดือนที่ผ่านมานี่เอง

และที่สำคัญ ที่เจ้าตัวบอกผมมาเสมอสามสี่เดือนที่กลับบ้านดึกๆทุกวัน ว่าไปทำงานที่สำนักงานสาขานู้น เลยกลับดึกเนี่ย เค้ายืนยันเลยว่าไม่เคยไปเลย มากสุดคือไปประชุมแค่เดือนละครั้ง ไม่มีการไปก่อนได้ย้านไปประจำสาขา หรือไปล่วงหรือ หรือไปๆมาๆ นั่นคือสามสี่เดือนที่กลับดึกๆ นี่คือแอบไปหากันมาตลอด


มีต่อครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่