ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด ชายผู้ปิดทองหลังพระของลิเวอร์พูล

ช่วงพักเบรคทีมชาติ หาอะไรมาแปลให้อ่านกันเล่นๆครับ



ย้อนกลับไปเมื่อหลายฤดูกาลที่ผ่านมา การซื้อขายนักเตะของหงส์แดง ไม่อาจต่อกรกับทีมระดับท็อปในพรีเมียร์ลีคได้เลย แต่ปัจจุบันเรื่องเหล่านั้นไม่มีอีกแล้ว อะไรที่ทำให้การซื้อขายนักเตะของลิเวอร์พูล เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้

ถ้าความสำเร็จของเจอร์เก้น คลอปป์ที่ดอร์ทมุนด์ มีผู้ชายที่ชื่อ  มิชาเอล ซอร์ค เป็นคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง
ที่ลิเวอร์พูล คลอปป์จะมีชายที่ชื่อ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด
ชายหนุ่มผู้ไม่ชอบการอยู่ในความสนใจของคนอื่น ไม่มีแม้กระทั่งรูปถ่ายของตัวเองบนเว็บไซท์ของสโมสร


เอ็ดเวิร์ดเกิดที่เซาท์แธมตั้น แต่เริ่มอาชีพนักฟุตบอลกับทีมปีเตอร์โบโร่ห์ ยูไนเต็ดในตำแหน่งแบ็คขวา แต่อาชีพนักฟุตบอลก็ไม่ประสบผลสำเร็จ และถูกปล่อยตัวออกจากทีม ทำให้เอ็ดเวิร์ดกลับไปเรียนหนังสือและได้ปริญญาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์

ในปี2003 เมื่อพรีเมียร์ลีคจ้างบริษัทProzoneมาเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเกมการแข่งขัน และความสามารถของนักเตะ แฮรี เรดแนปป์ ผจก.ทีมพอร์ธสมัธในเวลานั้น เป็นคนดึงเอ็ดเวิร์ดมาร่วมงานในตำแหน่งนักวิเคราะห์ข้อมูลให้กับทีม เพราะเรดแนปป์เห็นว่าเอ็ดเวิร์ดเคยมีแบ็คกราวด์เป็นนักฟุตบอลมาก่อน ซึ่งก็ทำได้ดี จนทำให้ถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลของทีม พร้อมกับการขยายงานในส่วนนี้ของพอร์ธสมัธ เอ็ดเวิร์ดทำงานที่แฟรตตั้น พาร์คอยู่6ปี ก่อนที่จะย้ายไปที่ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซึ่งในตอนนั้นก็มีผจก.ทีมที่ชื่อ แฮรี่ เรดแนปป์ นั่นเอง เอ็ดเวิร์ดอยู่ที่สเปอร์แค่2ปีเท่านั้น จึงได้มีโอกาสย้ายมาทำงานที่ลิเวอร์พูลในปี2011 ตามคำชวนของเดเมี่ยน โคมอลลี่ ซึ่งก็เคยอยู่ที่สเปอร์มาก่อนเช่นกัน  และมารับตำแหน่ง Director of football ที่ลิเวอร์พูลในเวลานั้น

ที่ลิเวอร์พูล เอ็ดเวิร์ดเริ่มงานในตำแหน่ง Head of Analytics ก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น Director of technical performance ในปี2013, Technical Director ปี 2015 และตำแหน่งปัจจุบัน Sporting Director เมื่อเดือนพฤศจิกายน2016 เอ็ดเวิร์ดร่วมงานกับผจก.ทีม3คน เคนนี่ ดัลกริช ,แบรนดอน รอดเจอร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เอ็ดเวิร์ดมีปัญหากับรอดเจอร์พอสมควร เพราะรอดเจอร์ไม่ชอบการทำงานแบบที่มีTechnical director รอดเจอร์เคยกล่าวไว้ตอนมารับตำแหน่งใหม่ๆว่า “เมื่อผมมารับงานที่นี่ ผมอยากจะร่วมงานกับผู้คนหลายๆคน มากกว่าที่จะทำงานกับแค่Technical Director เท่านั้น และในความเป็นจริง ตำแหน่งผจก.ทีมก็เหมือนกับเป็น Technical Directorอยู่แล้ว ผจก.จะต้องมองหาการพัฒนาในเรื่องต่างๆของสโมสร นั่นควรจะเป็นความรับผิดชอบของผจก.ทีมมากกว่า”

ตัดกลับมาในปัจจุบันกับเจอร์เก้น คลอปป์ เอ็ดเวิร์ดพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับคลอปป์ว่า “ยอดเยี่ยมที่สุด”
“ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมทำงานที่ลิเวอร์พูล เป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับการขอให้เป็นผู้นำในการที่จะทำให้ทีมเดินไปข้างหน้า ในฐานะSporting Director เรามีทีมทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้การสนับสนุนเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เจอเก้นให้ความเชื่อมั่นและความมั่นใจในสิ่งที่ผมและทีมกำลังทำเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆที่ทำให้ผมตัดสินใจรับตำแหน่งนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและปรับปรุงในทุกๆส่วนของสโมสรแห่งนี้ มันเป็นความท้าทายนี่น่าตื่นเต้นที่ผมได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบกับแนวทางปฏิบัติของทีมและทำให้มันเป็นไปในทางบวกมากขึ้น และผมรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผมทำงาน ผมจะได้รับการสนับสนุนที่ดีเยี่ยมจากกลุ่มบุคคลที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน”

คลอปป์เองก็ให้เครดิตเอ็ดเวิร์ดไว้อย่างมากเช่นกัน
"ไมเคิลคือคนที่เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งนี้ ด้วยความรู้ความสามารถและประสบการณ์รวมถึงทัศนคติของไมค์ ผมดีใจมากตอนที่รู้ว่าไมค์ตอบตกลงที่จะรับตำแหน่งนี้ ที่สำคัญที่สุด ไมเคิลมีทีมงานที่ยอดเยี่ยมอยู่รอบๆตัว และจะทำให้งานทุกอย่างเป็นไปด้วยดีอย่างที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้กับนักเตะทีมชุดใหญ่ รวมถึงเหล่านักเตะวัยรุ่นในทุกช่วงอายุอีกด้วย"

ในขณะที่เรากำลังรอคอยให้นาบี เคอิต้าและฟาบินโญ่แสดงให้เห็นว่าพวกเค้ามีดีอะไรในตัว อลิสซง เบคเกอร์ก็กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และโม ซาล่าห์ ที่เราซื้อมาในราคา37ล้านปอนด์ อาจจะเป็นการซื้อนักเตะที่เยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ นอกจากรายชื่อเหล่านี้แล้ว ลองมาดูชื่อรายชื่อต่อไปนี้ โรเบอร์โต เฟอร์มิโน ,เฟอกิล ฟาน ไดจ์,  อเล็ก อ๊อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน, ชาดิโอ มาเน่, จีจี้ ไวนัลดุม, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เหล่านี้ล้วนเป็นผลจากการทำงานหนักของไมเคิล เอ็ดเวิร์ดทั้งสิ้น (ขอเพิ่มนาบิล เฟคีย์ ไปอีกคนครับ ที่เอ็ดเวิร์ดทำงานสำเร็จจนทางลียงตอบรับข้อเสนอของเราและอนุญาตให้มีการพูดคุย จนมาถึงการตรวจร่างกายเจ้าปัญหาอย่างที่ทราบกัน)

เมื่อมีนักเตะที่น่าสนใจหลังจากที่แมวมองไปดูครั้งแรกแล้ว หลังจากนั้น2อาทิตย์ เอ็ดเวิร์ดจะส่งทีมไปเฝ้าดูอีกครั้ง และอาจจะใช้แมทช์ลงเตะประมาณ 15-20เกม ในการให้แมวมองเฝ้าดู เพื่อให้เห็นคุณภาพและประสิทธิภาพที่แท้จริงของนักเตะคนนั้น

มันมีความสำคัญมากที่จะดูการฝึกซ้อมของนักเตะคนนั้นด้วยเช่นกัน ทุกๆปีในเดือนมกราคม บรรดาแมวมองของทีมจะเดินทางไปทั่วโลก เพื่อคอยดูการฝึกซ้อมของนักเตะที่น่าสนใจหลายๆคนในช่วงเบรกหนีหนาว แม้แต่เอ็ดเวิร์ดเองก็เคยไปยืนดูโม ซาล่าห์ซ้อมกับทีมเอฟซี บาเซิ่ลที่มาเบลญ่ามาแล้ว
ในตอนนั้นที่เชลซีปาดหน้าลิเวอร์พุลคว้าซาล่าห์ไปได้ โมไม่ประสบความสำเร็จในการลงเล่นกับเชลซี ทำให้ต้องย้ายทีมไปฟิออเรนติน่า ก่อนที่จะกลับมาโชว์ฟอร์มเด่นอีกครั้งกับโรม่า ลิเวอร์พูลที่เฝ้ามองมาตลอดพบว่าโมมีพัฒนาการมากขึ้นอย่างมากจากที่เคยเฝ้าดูสมัยเป็นนักเตะวัยรุ่น

เหมือนกับคำพูดที่ว่าคู่กันแล้วไม่แคล้วกัน สโมสรรู้ว่าเชลซีคงไม่คิดอยากได้โม ซาล่าห์กลับไปอีกครั้ง สเปอร์เองก็ไม่พร้อมจะจ่ายค่าตัว ในขณะที่สองทีมของเมืองแมนเชสเตอร์ก็ไม่มีท่าทีสนใจ ลิเวอร์พูลเองมองว่าสไตล์การเล่นของโม น่าจะเหมาะกับอาร์เซน่อลมากที่สุด ซึ่งทีมปืนใหญ่เองก็ให้แมวมองชาวอิตาลีของทีมคอยจับตาดู ก่อนที่จะรายงานกลับมาว่าการซื้อโม ซาล่าห์ จะเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ จึงเป็นลิเวอร์พูลในที่สุดที่คว้าตัวนักเตะที่เฝ้ามองมานานหลายปีได้สำเร็จ

ถึงแม้จะ(ยัง)ไม่ได้เฟคีย์ แต่ก็มีอริสซงมาอยู่กับทีมนะครับ

ที่ผ่านมาลิเวอร์พูลล้มเหลวในตลาดซื้อขายนักเตะเป็นประจำ ทีมTransfer Committee ที่เคยตั้งขึ้นไม่ประสบความสำเร็จ เราจึงได้เห็นการซื้อ แอนดี้ แคโรลล์เพื่อมาแทนเฟอนันโด ตอเรส เห็นริคกี้ แลมเบิร์ตแทนหลุยส์ ซัวเรส หรือแม้กระทั่งการซื้อตัวมาริโอ บาโลเตลลี่ แต่ในตอนนี้ ทีมสามารถต่อกรกับคู่แข่งสำคัญในตลาดซื้อขายได้แล้ว ต้องแสดงความยินดีอย่างมากกับลิเวอร์พูลที่สามารถพลิกสถาณการณ์กลับมาได้ และพร้อมที่จะเดินหน้าเป็นผู้ท้าชิงความสำเร็จอย่างเต็มตัว...

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ แปลผิดแปลถูกก็ขออภัยมา ณที่นี้ครับ ;)

https://liverpooloffside.sbnation.com/2018/6/8/17440510/michael-edwards-liverpool-sporting-director-key-role-klopp-transfer-window-nabil-fekir
https://www.express.co.uk/sport/football/971283/Liverpool-transfer-news-Who-is-Michael-Edwards-Did-he-help-sign-Fekir
https://www.empireofthekop.com/2018/10/07/how-michael-edwards-signs-players-for-klopp-and-how-arsenal-turned-down-salah/
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่