[CR] ไปไหน...ไป "กาญ" แล้ววนกลับมาเที่ยว บางกอก

สวัสดีค่ะ ห่างหายจากการรีวิวไปนาน วันนี้ได้ฤกษ์แล้วค่ะ ที่เที่ยวที่เพิ่งไปมาเมื่อ 28 ก.ย. 61 นั่นคือ...... กาญจนะบุรี๊ (เปิดตัวแบบเสียงมิสแกรนด์) 555 เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
       
  จขกท. ออกเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ โดยสายการบินหางแดงถึงสนามบินดอนเมืองก็เกือบ 8 โมงเช้าค่ะ จากนั้น จขกท. ต่อรถเมลล์สาย A1 ไปที่ขนส่งหมอชิต เพื่อไปต่อรถตู้ไป กาญจนบุรี
         คิวรถตู้ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับขนส่งแล้วนะคะ เดินข้ามสะพานลอยลงมาก็เจอเลยค่ะ ค่าตั๋วคนละ 120 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึง บขส กาญจนบุรีแล้วค่ะ ถ้าใครไม่มีรถ สามารถต่อรถเมลล์สาย กาญ-สังขละ ไปได้นะคะ ตอนแรก จขกท ก็วางแผนมาแบบนั้น แต่!!!! แผนเปลี่ยนกระทันหัน มีคนอยากเช่ารถ จะได้แวะเที่ยวหลายที่ด้วย เอิ่ม....เอาไงเอากัน
         หาเลยค่ะ หาร้านเช่ารถบัดเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ แล้วก็ได้มาค่ะ ร้านกาญจนบุรีรถเช่า อยู่ไม่ไกลจาก บขส ค่ะ โทรหาเจ้าของร้านเขามารับถึง บขส ไปเอารถที่ร้านเลยค่ะ ราคา 1,200/วัน ค่ามัดจำ 3,000 บาทค่ะ ได้รถแล้วลุยเลย พร้อมเที่ยวแล้ววว

          ที่แรกที่จะไป เป็นที่ไหนเสียไม่ได้ ใกล้ๆนั่นแหละค่ะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แดดร้อนมาก อากาศอบอ้าวสุดๆ


      เดินเล่นอยู่บนสะพานได้ไม่นาน หิวแล้วค่ะ หาข้อมูลมาเจอร้านนึงอยู่ใกล้ๆกับสะพานเดินไปได้เลย มื้อนี้ จขกท. ฝากท้องกับร้าน คีรี ธารา อาหารอร่อยดี ราคาไม่แพงเกินไป สั่งกับข้าว ไป 3 อย่าง อิ่มตั้งแต่ 2 อย่างแรกแล้วค่ะ ให้เยอะมาก ปลาก็สดมากด้วย ดีงามค่ะ


     อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ เส้นทางขับง่ายสบายค่ะ ที่เที่ยวเส้นนี้มีเยอะนะคะ ผ่านเมืองมัลลิกา วัดเสือ น้ำตกไทรโยคน้อย (ซึ่งไม่ได้แวะสักที่ 555) แต่ จขกท แวะถ้ำกระแซค่ะ ด้วยความที่วันนี้เป็นวันศุกร์คนเที่ยวจึงมีไม่มาก ก็ดีเหมือนกันนะ เที่ยวสบายดีค่ะ



      เดินเที่ยวเล่นอยู่นาน ดูนาฬิกาอีกที บ่าย 3 แล้วค่ะ รีบเข้าที่พักเถอะ เดี๋ยวไปล่องแพไม่ทัน คืนนี้ จขกท พักที่ วังนกแก้ว นะคะ มาถึงก็เกือบบ่าย 3 ครึ่ง เช็คอินเข้าห้อง เก็บของรอเวลา ไปล่องแพรอบ 5 โมงเย็น เวลาล่องแพของที่นี่ มี 3 รอบ คือเวลา 9 โมงเช้า 4โมงเย็น และ 5โมงเย็นค่ะ
       พอถึงเวลาก็ไปรอขึ้นแพก่อนประมาณ 15 นาทีนะคะ ขึ้นแพแล้วใส่ชูชีพ รัดให้แน่น แต่เดี๋ยวก่อนโดดน้ำพนักงานที่ดูแลเขาจะมารัดให้อีกที อ้อ ตรงขาแนะนำให้รัดด้วยนะคะ เวลาลงน้ำชูชีพจะได้ไม่ลอยขึ้นมาค่ะ เอ้าโดดเลยยยยยยย

       แพจะลากพาเราขึ้นไปประมาณ 1 กิโล แล้วให้เราโดนลอยคอตามน้ำมา แพจะไปรอรับที่คุ้งน้ำข้างหน้าค่ะ ช่วงที่ จขกท. ไปทางรีสอร์ทไม่ได้พาไปที่น้ำตกไทรโยคน้อย สอบถามได้ความว่า เนื่องจากฝนมันตกต่อเนื่อง เขาเลยกลัวพวกกิ่งไม้ไหลตามน้ำมาร่วงใส่หัวนักท่องเที่ยว
ื       ลอยตามน้ำไป ถ่ายวิดีโอไป ตอนแรกก็สนุก เพราะร้อนมาทั้งวัน ได้เจอน้ำเย็นๆแล้วชื่นใจจังค่ะ แต่พอช่วงสุดท้ายที่จะต้องเบี่ยงเข้าข้างแพเพื่อนจะขึ้น แรงหมด ว่ายไม่ไป จนพี่พนักงานต้องมาลากไปขึ้นแพ อนาถตัวเองจริงๆ 5555

   กลับจากล่องแพ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนสักพัก ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ ไลน์อาหารก็เป็นบุฟเฟ่ต์ มีหลายอย่างค่ะ แต่ จขกท. ก็ตักมากินแค่นิดหน่อยๆพอ เดี๋ยวไปต่อที่บาร์น้ำข้างล่างค่ะ

        ทานข้าวเสร็จแล้ว เดินตามบันไดลงมาข้างล่างจะเป็นบาร์นะคะ เปิดถึง 4 ทุ่ม ที่นี่จะมีเครื่องดื่มขายพวกเบียร์ เหล้า ค็อกเทล จัดสิคะ รออะไร

          บรรยากาศดีนะคะ ทั้งบาร์มี 2 คน รู้สึกเป็นส่วนตัวมาก ถามพนักงานเขาว่า แขกห้องอื่นเขาไปห้องคาราโอเกะกันหมดค่ะ ลองค็อกเทลหมดทุกสูตรแล้ว กลับไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้า จขกท. ว่าจะไปช่องเขาขาดก่อนกลับเข้ากรุงเทพค่ะ



ตื่นมาตั้งแต่ตี 5 (ตื่นมาทำไม???) ด้วยที่มันเป็นแพริมน้ำ เป็นไม้แล้วมันไม่ค่อยเก็บเสียง ไม่ว่าข้างห้องจะเดินหรือปิดประตู ถึงแม้เขาจะทำเบาๆ แต่มันได้ยินหมดเลยตื่นไวกว่าปกติ แต่การมาเที่ยวเราต้องตื่นเช้าๆน่ะถูกแล้ว เพราะจะได้เห็นอะไรที่เป็นธรรมชาติเยอะๆ
         จขกท ตื่นมาสักพัก ก็จัดแจงเตรียมตัวเพื่อที่จะทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์ เพื่อไปสถานีต่อไป ก่อนออกขอเก็บบรรยากาศสักหน่อย เพราะเมื่อวานมาถึงก็เย็น ไม่มีเวลาได้ถ่ายรูปเล่นกับเขาเล้ยยยย

       ได้รูปเป็นที่พอใจ ไปหาอะไรทานดีกว่าค่ะ จขกท. เก็บสัมภาระขึ้นไปพร้อมกันเลย ทานข้าวเสร็จจะเช็คเอาท์เลยค่ะ




       ทานข้าวเสร็จ มาเช็คเอาท์ค่ะ ต้องกลับแล้วหรอ มาเร็วเคลมเร็วจริงๆเลยพวกวันหยุดเนี่ย ยังไม่สะใจเลยนะ ไปก่อนนะ วังนกแก้ว


       อย่าคร่ำครวญให้มาก ไปสถานีต่อไปเลยค่ะ....จขกท จะไปดูพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดต่อค่ะ เปิด GPS สิคะ รออะไร ขับตามแผนที่วนไป เข้าป่าลึกไปเรื่อยๆ จนถึงทางที่มันปักหมุดไว้ อิหอยหลอด มีแต่ป่าไผ่ค่ะเพื่อนๆ จขกท นี่นั่งหน้าเหวอเลย เจอคุณลุงขับรถผ่านมา ก็ถามทาง ได้คำตอบว่า ขับเข้าไปเลย ข้างหน้ามีหมู่บ้านอยู่แต่รถยนต์เข้าไปไม่ได้นะหนู ลุงก็ไม่รู้ทางเพิ่งมาอยู่ได้ 2 วัน  อ้าว...ลุง ช่วยหนูได้เยอะเลยลุง 5555
       สุดท้าย จขกท ขับรถกันกลับมาทางเดิมออกถนนใหญ่ คิดว่ามันต้องมีป้ายบอก เอาวะเสี่ยงดู ขับมาไม่นาน เจอแล้วคร่าาาาา ช่องเขาขาด ป้ายเบ้อเร่อ เลี้ยวเลยๆ อยู่ใน กองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เข้าไปแล้วแลกบัตรก่อนนะคะ ถึงแล้วค่ะ ไปดูกัน

       วันที่ จขกท ไป ส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์กำลังปิดปรับปรุงค่ะ เลยได้แต่เดินดูเส้นทางศึกษา ตลอดเส้นทางมีต้องไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก แต่อากาศก็ร้อนค่ะ เพราะเราออกแรงเดินด้วยมั้งคะ ระหว่างทางเดินก็จะมีประวัติของช่องเขาขาดให้อ่านเป็นระยะๆ และยังมีพวกเครื่องมือ และทางรถไฟที่ยังพอมีเหลือให้ดูอยู่บ้างค่ะ เอาล่ะ ใช้เวลามาพอสมควรแล้ว รีบกลับดีกว่า เพราะต้องเอารถไปคืน และนั่งรถต่อไปกรุงเทพอีก
       เมื่อ จขกท เอารถไปคืนแล้ว ทางร้านก็พามาส่งที่ บขส ค่ะ ต่อรถกลับเข้ากรุงเทพ กว่าจะถึงก็บ่าย 3 จขกท. ลงที่ BTS หมอชิตนะคะ ต่อรถเมลล์สาย 3 ไปลงตลาดบางลำพู คืนนี้ จขกท พักที่ วิลล่า ชาช่า บางลำพูค่ะ ใกล้กับถนนข้าวสาร เพราะคืนนี้ เราจะเที่ยวกันนนนน
       นัดเพื่อนไว้ว่าจะเจอกันที่ข้าวสาร พออกจากโรงแรมปุ๊บ ฝนเทอย่างกับฟ้ารั่ว ที่หลบภัยคือ 7-11 รอเพื่อนและหลบฝนวนไปค่ะ

       พอฝนเริ่มซา เราก็เลยมาหาร้านที่ข้าวสารนั่งชิวๆสักร้าน ซึ่ง จขกท ไม่รู้เรื่องอะไรเลย วันนี้ให้เพื่อนเป็นไกด์เต็มที่ มันก็ลากไปร้านนี้ค่ะ Mulligans irish bar ราคาที่ย่านถนนข้าวสารก็ต้องยอมรับนิดนึงนะคะว่าสูงอยู่พอสมควร แต่ก็นานๆที มาเพื่อให้รู้เนาะ  ออกจากร้านประมาณ ตี 1 ได้ เพื่อนพาเดินออกมาปากทางแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปนิดเดียว เจอร้านรถเข็นมีหมูย่างจิ้มแจ่ว ส้มตำ ข้าวเหนี่ยว ประมาณนี้ อ่ะลองกินดู เห้ย มันอร่อย ปูเสื่อนั่งกินกันใต้ต้นไม้นั่นแหละค่ะ มีคนมากินเยอะเหมือนกันนะ