ข้อมูลแบบนี้ พอจะผ่านวีซ่าอเมริกาได้มั้ยคะพี่น้อง

มีอัพเดทด้านล่างจ้าาาาา
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
มาค่ะ เที่ยวจนกลับมาได้อาทิตย์กว่าๆ มาอัพเดทข้อมูล ยิ้ม

ลืมบอก ได้วีซ่ามา 10 ปีค่ะ

มาค่ะจะมาบอกคุณสมบัติคร่าวๆไม่ละเอียดเท่าที่ลบไปนะคะ จริงๆกระทู้ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรมากเพราะเอกสารแทบไม่ได้ใช้เลยค่ะ

จุดประสงค์ในการเดินทาง ไปงานเเต่งงานพี่สาวสามี เวลา 8 วัน ที่ฮาวายค่ะ

ก่อนหน้าจะไปขอมีการจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ โรงแรมทั้ง8วันเรียบร้อยเเล้ว

คุณสมบัติของเรา
-ทำร้านอาหาร รายได้ 2หมื่น (หักทุกอย่างเเล้ว)
-ที่ร้านอาหารไม่มีใบจดทะเบียนพาณิชย์
-มีลูกชายชั้นป.1
-มีเงินเก็บในบัญชี 3,000 บาท
-ภาษาอังกฤษใช้คล่อง
-จดทะเบียนสมรส

ในรายละเอียด DS-160 นั้นสำคัญมากจริงๆค่ะ มันต้องเป็นความจริงที่ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะพลิกแพลงถามยังไงก็สามารถตอบได้หมด เอกสาร DS-160 หากคอมเฟิร์มเเล้วแต่เพิ่งมานึกได้ว่าเขียนผิดและยังไม่ทำการจ่ายเงิน สามารถเขียนใหม่ได้ เเละยืนยันเเบบฟอร์มใหม่ลงไปในเว็บสำหรับทำการนัดสัมภาษณ์ ฉะนั้นต้องตรวจสอบดีๆอ่านให้ถี่ถ้วนว่าเราตอบถูกมั้ย หรือปริ้นรีวิวข้อมูลทั้งหมดมานั่งอ่านก่อนคอนเฟิร์มค่ะ  

-ใครเป็นคนซัพพอร์ตถ้ามีบอกให้ชัดเจน

-ถ้ารู้จักกับญาติหรือคนรู้จักต่างประเทศไม่แนะนำให้ใส่ว่ารู้จัก รู้สึกว่าจนท.จะกังวลว่าจะขอเปลี่ยนแปลงวีซ่าภายหลัง แต่ถ้ามีเเต่ต้องอาศัยอยู่กับญาติแบบจำเป็นจริงๆต้องมีจดหมายเชิญค่ะเเละต้องอธิบายความสัมพันธ์ว่าสนิทขั้นไหน มีรูปเตรียมไปด้วยก็ดีเพื่อโชว์ หรือถ้าเพื่อนอาจจะเป็นรูป แชทที่เป็นหลักฐานว่าติดต่อกันตลอดเวลา หลักฐานการเงินคนที่ซัพพอร์ต เเล้วเหตุผลว่าทำไมถึงอยากซัพพอร์ตเรา สำคัญสุดคือเราควรมีเงินช่วยเหลือตัวเองด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเรารับผิดชอบตัวเองได้

-เหตุผลที่ขอไปไม่สมเหตุสมผลกับวันที่จะไปอยู่อเมริกา เช่น ไปอยู่กับญาติ เวลาที่อยู่ 4 เดือน เเล้วยิ่งญาติสัญชาติอเมริกาหรือทำงานร้านอาหาร เสี่ยงกับการถูกปฏิเสธมากค่ะ

-ช่องอธิบายงาน อธิบายให้ดี ให้ดูว่างานที่ไทยเราดีมีเงินเดือนโบนัสดีไม่จำเปนต้องหนีเข้าไปทำงานต่างประเทศ ตำแหน่งงานหน้าที่ของเราสำคัญกับบ.ขนาดไหน  

ส่วนของเรามีสามีเป็นคนซัพพอร์ตค่ะ คุณสมบัติ

- 2สัญชาติ อเมริกา เเละ ญี่ปุ่น (ไม่ใช่ลูกครึ่ง)
- เกิด เรียนมหาลัย และทำงานอยู่ที่อเมริกา 10 ปีกว่า(ลาออกจากที่ทำงานกลับมาอยู่ญี่ปุ่น 2ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่ไทยกับเรา )
- อยู่ที่ไทยไม่ได้ทำงานที่ไหนเลยมาช่วยงานที่ร้านเเละติดต่อลูกค้าช่วยธุรกิจพ่อที่ญี่ปุ่น
-เงินเก็บ3ธนาคารรวม 7แสนกว่า (ไม่มีเงินเข้าออก)
-ใช้พาสปอร์ตญี่ปุ่นในการขอวีซ่าอยู่ไทย

เอกสารที่เตรียม
1 ใบสัมภาษณ์
2.คอนเฟิร์ม ds-160
3.ใบชำระค่าธรรมเนียม
4.รูปถ่าย2x2 นิ้ว 2ใบ
5.passport

เอกสารเสริมที่เตรียม
1 ใบทะเบียนสมรส
2สูติบัตรลูก
3จดหมายจากสปอนเซอร์ ว่าเราเป็นใค่ทำไมอยากซัพพอร์ตเรา
4 สเตรทเม้นท์ธนาคารของเราที่เหลือ3000 ย้อนหลัง6เดือน (เพื่อโชว์ให้เห็นว่าทำงานจริงมีเงินเข้าออกจำนวนมากจริง)
5 สเตรทเม้นท์ของสามี
6.สัญญาเช่าร้าน 7.การ์ดเชิญงานเเต่งเเละใบบุ๊คโรงแรมสำหรับงานแต่ง


เล่า>>>>>
ไปถึงก็มีเจ้าหน้าใช้คลิปหนีบดำหนีบช่วงเวลาที่เราสัมภาษณ์ไว้ ปิดโทรศัพท์ ฝากของ (อย่าลืมบัตรปชช.) สแกนตรวจร่างกาย
จะเห็นเคาเตอร์2ช่องทางด้านซ้ายสำหรับติดเลขEMS บน Passport สามารถถามคนเข้าแถวได้เลยว่า เขาเรียกรอบไหนถ้าไม่ใช่รอบตัวเองไปนั่งรอก่อนจนกว่าจะเรียก

เราทำ Ds-160 ผิด เเละคอนเฟิร์มทำใหม่ไป3ครั้ง (ไม่แนะนำจริงๆ ตรวจทานให้ดีก่อนคอนเฟิร์มเพราะหายนะอยู่ตรงนี้)  

รอบแรก พิมพ์สัญชาติสามีผิด เลือกสัญเมกา คิดไม่ทันว่าเขาอาจจะคิดว่าเราจะหนีเลยจะเปลี่ยนเป็นญี่ปุ่นแทน เเละ ช่องการงานพิมพ์เเบบเหมือนถามคำตอบคำ ให้อธิบายเเต่เราตอบเเค่ว่า ทำร้านอาหารเเถวม.  ......  แค่นั้น
ครั้งที่สองผิดไปอีก
ครั้งที่สามเพอร์เฟคสุด อธิบายการงานละเอียดยิบ (คนที่ทำงานร้านอาหารหรือฟรีแลนอาจจะบอกว่างานเก่าเป็นงานอะไรมาก่อนถึงมาทำงานฟรีแลน)
แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เรานัดเเละจ่ายเงินทุกอย่างเเล้วเพิ่งจะมาทำ ds-160 รอบ 2 เเละ 3 ซึ้งบาร์โค้ดที่ติดบนพาสปอร์ตเป็น Ds-160 อันแรกที่ข้อมูลเเย่แบบอภัยให้ไม่ได้

มาต่อ ต่อแถวจนจะต้องแสกนนิ้วมือกับจนท.คนไทย ที่จะถามเราว่าเราไปเมกาทำไม
ตรงนี้คือพ้อย! ตอบดีๆสมเหตุสมผลนะคะ เเละเขาจะถามว่าไปกี่วัน ก็ตอบตามความจริง เเล้วแสกนนิ้วมือ ตรงนี้เเจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยสำหรับคนเปลี่ยน Ds-160 ใบใหม่ เเต่จนท.ดุมาก เขาถามเราเปลี่ยนทำไม ถ้าเล็กน้อยไม่ต้องเปลี่ยน เราไม่กล้าบอกว่าเราใส่อาชีพน้อยเกินไปกับสัญชาติสามี เลยน้ำตาตกในเลยตามเลย
สรุป เราจำเป็นต้องใช้ Ds-160 ใบแรกจริงๆ แย่มากกก จิตตกไปต่ำยันขุมนรก

มาขั้นสอง ขั้นนี้ชะตาเราตกอยู่กับคนนี้เลยนะ  (เดาเอาว่าใช่ต้องใช่แน่ๆถ้าไม่ใช่...ก็ซอรี่ (T. T)
หลังจากสแกนนิ้ว จะต้องไปสแกนฟอร์ม Ds-160ที่เราถือมา ท่านนี้เป็นคนฝรั่งที่อาจจะตรวจสอบข้อมูลเราก่อนจะที่เราจะสัมภาษณ์จริง ข้อมูลทุกอย่างที่เราใส่ ทุกคนที่เราเอี่ยวถึงตรวจสอบหมดว่ามีตัวตนมั้ยจริงมั้ย มีการงานหรือเปล่า อย่างสามีเราสัญชาติเมกาก็ตรวจสอบการจ่ายภาษี ทำผิดกฎหมายอะไรหรือเปล่าที่เมกา  เเละจะส่งสรุปลงไปในข้อมูลของเราเพื่อให้คนที่สัมภาษณ์จริงได้อ่าน (อันนี้เราเดาว่าคนนี้น่าจะสำคัญเพราะเขาสแกนข้อมูลของเราไปอ่าน ไม่งั้นทำไมคนสัมภาษณ์จริงรู้ข้อมูลได้ทั้งหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว หรือเปล่า = = เดาเอาทั้งนั้น เดาเอาจริงๆอย่าซีเรียส)

มาลุ้นใจเต้นกันต่อในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคร้ายกว่า เราได้สัมกับจนท.ผญ.ผิวสี ที่ปฏิเสธคน 10 กว่าคนรวดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ภาวนาขออย่าให้สัมกับคนนี้ เเต่!!!! คนที่ไปสัมก่อนหน้าสัมไม่ถึง2นาทีก็โดนปฏิเสธซะเเล้ว โง้ยยยยยยยบยยยยย ช่องที่เหลือก็ยังสัมไม่เสร็จ เดินคอตกด้วยความไม่มั่นใจในเอกสาร Ds160 งานก็ไม่มีทำ หลักฐานก็ไม่มี มีเเต่สัญญาเช่า
A: hi
B: hi good morning
A: good morning
ยื่นพาสปอร์ต
A: คุณจะไปฮาวาย?
B: yes ไปงานแต่งพี่สาวสามีค่ะ นี่คือเอกสารเเละใบบุ๊คโรงแร....
A: no thanks
ชักกลับเเทบไม่ทัน ไม่ดูหลักฐานด้วยเว้ย
A: ไปกลับสามีหรอ? คนอเมริกัน? มีกี่สัญชาติ
B:  ค่ะไปกับสามี มี 2สัญชาติ อเมริกันกับญี่ปุ่น
A: ขอดูใบทะเบียนสมรส
B:  (ยื่นให้)
A: สามีคุณมีเพื่อนที่ไทยหรือเปล่า
B:  ไม่มีค่ะ
A: ทำงานอะไร
B: ช่วยธุรกิจครอบครัว ติดต่อลูกค้าทางออนไลน์
A : โอเคค่ะ ผ่าน ขอให้เที่ยวให้สนุก
B : thank you

ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งผลักประตูออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ฮ้าาาาา

เอาตรงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองผ่าน หลักฐานการอยู่ไทยก็ไม่มี หลักฐานการมีลูกก็ไม่ได้โชว์ ข้อมูลในDs160 ก็ย้ำแย่ขั้นสุด หรืออาจจะเปนเพราะจนท.เห็นสายตาเเละสีหน้าในการตอบความจริงใจเเละใสซื่อ หรืออะไรไม่รู้

เห็นม่ะกระทู้นี้ประโยชน์ไม่มีจริงๆ =0=

ขอให้ทุกคนโชคดี
ฮัลโหลเรากลับมาไทยเเล้วนะจ๊ะรู้ยัง เห็นม่ะเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่