ตามหัวข้อเลยค่ะ วันนี้ได้คุยกับแม่แล้วสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ
ก่อนอื่นคำถามนี้เป็นคำถามที่เราถามตัวเองอยู่ตอนนี้ เลยอยากได้ความเห็นจากเพื่อนๆ เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาไม่มากก็น้อย ไม่เรื่องเล็กก็เรื่องใหญ่ งั้นเราขอเริ่มเล่าเรื่องของเรานะคะ
จำได้ว่าตอนป.6โดนครูท่านหนึ่งชี้หน้าด่ากลางห้องท่ามกลางเพื่อนตก30คน เพราะเราจะย้ายรร.ค่ะ งงใช่มั๊ยคะ รร.ประถมเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาสค่ะ เป็นรร.ประถมที่มีม.ต้นค่ะ รุ่นพี่ส่วนใหญ่ในรร.จะเรียนถึงม.3แล้วไปต่อม.4รร.มัธยมกันค่ะ แต่เราอยากย้ายไปตั้งแต่ม.1ค่ะ ป.6รุ่นเรามีย้าย5คนค่ะ ช3 ญ2 เลยโดนชี้หน้าด่าว่า"มันไม่ได้ไปเรียน อย่างคงไปหาผัว"เพื่อนผญ.อีกคนไม่โดนด่าค่ะ เพราะเป็นคนเรียนเก่งมันย้ายไปเรียนรร.ประจำจังหวัดส่วนเราแค่ย้ายไปรร.ประจำอำเภอ แม่เราเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ พอแม่รู้เรื่องแม่แค่พูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นสิ"
เพราะเราไม่ใช่เด็กเก่งค่ะ พิสูจน์ด้วยการเรียนก็ได้ไม่ดีมาก ไม่เคยติดtop10ของระดับเลย ติดแค่ในห้องที่มีเด็ก30กว่าคนเท่านั้น(ทั้งระดับเด็กตก400คนอยู่ที่30-50ตลอด) เราได้แค่ไม่ทำตัวเหลวไหล แล้วก็ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดให้เด่นขึ้นมาเท่านั้น ทุกวันนี้เวลาเจอครูคนนั้นแกจะพูดอยู่ตลอดว่าแกพูดเพราะเป็นห่วง แกเป็นคนพูดจาแบบนี้ปกติอยู่แล้วแกไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นแกจะขอโทษตลอด ซึ่งเราก็เข้าใจค่ะไม่เคยโกรธแค่รู้สึกว่าจะไม่ทำแบบที่แกพูดแค่นั้น เป็ฯคำพูดที่คอยเตอนสติอยู่ตลอดเวลาจริงๆค่ะ
ล่าสุดมีเพื่อนที่สนิทมากๆอยู่คนหนึ่งค่ะสนิทตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ใกล้กันค่ะ ห่างกันแค่2-3ซอย พ่อแม่มันเป็นครูทั้งคู่ ที่บ้านทำงานรัชกาลทั้งบ้าน ส่วนมันก็เป็นเด็กที่เรียนเก่งค่ะ ตอนประถมได้ที่1ตลอด เก่งจนเด็กทุกรร.(รร.ประถม)รู้จักมันทุกคน พอขึ้นมัธยมมันเลยย้ายไปรร.ประจำจังหวัด แต่ก็เรียนอยู่ในระดับดี ไม่ถึงดีมากเหมือนประถม มันเริ่มมีสังคมค่ะมันเป็นติ่งเกาหลี ทุกวันนี้เริ่มห่างกันมาเกือบ3ปีแล้วค่ะ เพราะว่าอยู่ดีๆแม่มันก็ไม่ยอมให้คุยกับเราทั้งๆที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ พอถามตรงๆก็ได้ความมาว่า แม่เขาไม่อยากให้มายุ่งกับเราเพราะเราเรียนไม่เก่ง และเราเป็นติ่งเกาหลีด้วยค่ะ(ยอมรับ เพราะไม่เสียหายอะไรเนาะ)เขาบอกว่าเราพาลูกเขาเสียคน ทั้งๆที่เรากับเพื่อนคนนี้แทบจะไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำตั้งแต่ขึ้นมัธยมเจอกันแค่เดือนละครั้งสองครั้ง บางเดือนไม่เห็นกันเลยด้วยซ้ำ แต่พอเจอกันทีก็คุยกันจำมืดจนค่ำเลยทีเดียว เราไปปรึกษาแม่ แม่บอกว่า"ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นสิว่าเราไม่ใช่เด็กแบบที่เขาคิด" ประโยคนี้มันมาอีกแล้วค่ะ เรามีคำถามในหัวมากมาย เราถามแม่ว่าทำไม่เขาถึงมองเราแบบนั้นด้วย แม่บอกว่าเพราะปาก แม่บอกเราเป็นคนพูดตรง ไม่กลัวอะไรเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองอะไรที่รู้สึกไม่เป็นธรรมต้องมีคำถามตลอด แต่ๆๆๆ เมื่อก่อนเราเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยค่ะ ไม่กล้าแสดงออกเป็นคนเงียบๆ เราเริ่มเปลี่ยนตัวเองตอนมาอยู่รร.ใหญ่ค่ะ เรากล้าคิดกล้าแสดงออกกล้าพูดกล้าทำมากขึ้น คำถามต่อไปของเราคือ เมื่อก่อนเราก็เป็นเด็กเงียบๆเรียบร้อยไม่ค่อยพูดก็โดนมองไม่ดีอยู่ดี พอตอนนี้เป็นคนกล้าคิดกล้าพูดก็โดนมองเป็นคนไม่ดีอีก แม่คิดกับคำถามเราอยู่สักพักแกเลยตอบกลับมาว่า"จะไปสนคำพูดคนอื่นทำไม" เอาจริงๆเราไม่ได้เอาคำพูดพวกนั้นมากำหนดตัวเองขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่แอบคิดน้อยใจตัวเองที่ทำไมทำอะไรก็มีคนดูถูกหรือมองเราไม่ดีอยู่ตลอด บางคนเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองว่าดีจนแทบไม่ต้องพิสูจน์อะไรในตัวเองเลย ในขณะที่เราต้องทำทุกอย่างเพื่อนให้คนนู้นคนนี้มองว่าดี จนเสียตัวตนบางอย่างของตัวเองไป..
เรายกมาแค่บางเรื่องในชีวิต จริงๆมีอีกหลายเรื่องเลยค่ะ แต่คงเป็นเพราะอายุยังน้อยเรื่องพวกนี้ก็ทำให้เสียใจไม่ใช่น้อยเลย ในอนาคตคงมีคำมากมายมาให้พิสูจน์ตัวเอง เราคิดในแง่ดีว่ามันอาจทำให้เรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้นนะคะ เรามองโลกในแง่มุมอื่นมากขึ้น มันทำให้เราโตมากขึ้น ในวันข้างหน้าเวลาโดนคำดูถูกจะได้มีแรงสู้ไปกับมัน ไม่รู้ว่ามันใช่คำตอบรึยัง แต่สำหรับคนที่กำลังพิสูจน์ตัวเองอยู่หลายๆเรื่องตราบใดที่เราตั้งใจกับมัน มันต้องสำเร็จในสักวัน ถือสะว่าเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จด้วยให้ตัวเองเนาะ
----------------------------------------------แล้วเพื่อนๆละคะคิดว่าเราพิสูจน์ตังเองไปเพื่ออะไร

---------------------------------------------------------------
------------------------------ขอโทษนะคะเรื่องตัวเองยาวไปหน่อย อยากอ่านของเพื่อนๆบ้างนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ-----------------------------------
พิสูจณ์ตัวเอง เพื่อตัวเองหรือเพื่อใคร??
ก่อนอื่นคำถามนี้เป็นคำถามที่เราถามตัวเองอยู่ตอนนี้ เลยอยากได้ความเห็นจากเพื่อนๆ เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาไม่มากก็น้อย ไม่เรื่องเล็กก็เรื่องใหญ่ งั้นเราขอเริ่มเล่าเรื่องของเรานะคะ
จำได้ว่าตอนป.6โดนครูท่านหนึ่งชี้หน้าด่ากลางห้องท่ามกลางเพื่อนตก30คน เพราะเราจะย้ายรร.ค่ะ งงใช่มั๊ยคะ รร.ประถมเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาสค่ะ เป็นรร.ประถมที่มีม.ต้นค่ะ รุ่นพี่ส่วนใหญ่ในรร.จะเรียนถึงม.3แล้วไปต่อม.4รร.มัธยมกันค่ะ แต่เราอยากย้ายไปตั้งแต่ม.1ค่ะ ป.6รุ่นเรามีย้าย5คนค่ะ ช3 ญ2 เลยโดนชี้หน้าด่าว่า"มันไม่ได้ไปเรียน อย่างคงไปหาผัว"เพื่อนผญ.อีกคนไม่โดนด่าค่ะ เพราะเป็นคนเรียนเก่งมันย้ายไปเรียนรร.ประจำจังหวัดส่วนเราแค่ย้ายไปรร.ประจำอำเภอ แม่เราเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ พอแม่รู้เรื่องแม่แค่พูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นสิ"
เพราะเราไม่ใช่เด็กเก่งค่ะ พิสูจน์ด้วยการเรียนก็ได้ไม่ดีมาก ไม่เคยติดtop10ของระดับเลย ติดแค่ในห้องที่มีเด็ก30กว่าคนเท่านั้น(ทั้งระดับเด็กตก400คนอยู่ที่30-50ตลอด) เราได้แค่ไม่ทำตัวเหลวไหล แล้วก็ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดให้เด่นขึ้นมาเท่านั้น ทุกวันนี้เวลาเจอครูคนนั้นแกจะพูดอยู่ตลอดว่าแกพูดเพราะเป็นห่วง แกเป็นคนพูดจาแบบนี้ปกติอยู่แล้วแกไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นแกจะขอโทษตลอด ซึ่งเราก็เข้าใจค่ะไม่เคยโกรธแค่รู้สึกว่าจะไม่ทำแบบที่แกพูดแค่นั้น เป็ฯคำพูดที่คอยเตอนสติอยู่ตลอดเวลาจริงๆค่ะ
ล่าสุดมีเพื่อนที่สนิทมากๆอยู่คนหนึ่งค่ะสนิทตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ใกล้กันค่ะ ห่างกันแค่2-3ซอย พ่อแม่มันเป็นครูทั้งคู่ ที่บ้านทำงานรัชกาลทั้งบ้าน ส่วนมันก็เป็นเด็กที่เรียนเก่งค่ะ ตอนประถมได้ที่1ตลอด เก่งจนเด็กทุกรร.(รร.ประถม)รู้จักมันทุกคน พอขึ้นมัธยมมันเลยย้ายไปรร.ประจำจังหวัด แต่ก็เรียนอยู่ในระดับดี ไม่ถึงดีมากเหมือนประถม มันเริ่มมีสังคมค่ะมันเป็นติ่งเกาหลี ทุกวันนี้เริ่มห่างกันมาเกือบ3ปีแล้วค่ะ เพราะว่าอยู่ดีๆแม่มันก็ไม่ยอมให้คุยกับเราทั้งๆที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ พอถามตรงๆก็ได้ความมาว่า แม่เขาไม่อยากให้มายุ่งกับเราเพราะเราเรียนไม่เก่ง และเราเป็นติ่งเกาหลีด้วยค่ะ(ยอมรับ เพราะไม่เสียหายอะไรเนาะ)เขาบอกว่าเราพาลูกเขาเสียคน ทั้งๆที่เรากับเพื่อนคนนี้แทบจะไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำตั้งแต่ขึ้นมัธยมเจอกันแค่เดือนละครั้งสองครั้ง บางเดือนไม่เห็นกันเลยด้วยซ้ำ แต่พอเจอกันทีก็คุยกันจำมืดจนค่ำเลยทีเดียว เราไปปรึกษาแม่ แม่บอกว่า"ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นสิว่าเราไม่ใช่เด็กแบบที่เขาคิด" ประโยคนี้มันมาอีกแล้วค่ะ เรามีคำถามในหัวมากมาย เราถามแม่ว่าทำไม่เขาถึงมองเราแบบนั้นด้วย แม่บอกว่าเพราะปาก แม่บอกเราเป็นคนพูดตรง ไม่กลัวอะไรเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองอะไรที่รู้สึกไม่เป็นธรรมต้องมีคำถามตลอด แต่ๆๆๆ เมื่อก่อนเราเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยค่ะ ไม่กล้าแสดงออกเป็นคนเงียบๆ เราเริ่มเปลี่ยนตัวเองตอนมาอยู่รร.ใหญ่ค่ะ เรากล้าคิดกล้าแสดงออกกล้าพูดกล้าทำมากขึ้น คำถามต่อไปของเราคือ เมื่อก่อนเราก็เป็นเด็กเงียบๆเรียบร้อยไม่ค่อยพูดก็โดนมองไม่ดีอยู่ดี พอตอนนี้เป็นคนกล้าคิดกล้าพูดก็โดนมองเป็นคนไม่ดีอีก แม่คิดกับคำถามเราอยู่สักพักแกเลยตอบกลับมาว่า"จะไปสนคำพูดคนอื่นทำไม" เอาจริงๆเราไม่ได้เอาคำพูดพวกนั้นมากำหนดตัวเองขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่แอบคิดน้อยใจตัวเองที่ทำไมทำอะไรก็มีคนดูถูกหรือมองเราไม่ดีอยู่ตลอด บางคนเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองว่าดีจนแทบไม่ต้องพิสูจน์อะไรในตัวเองเลย ในขณะที่เราต้องทำทุกอย่างเพื่อนให้คนนู้นคนนี้มองว่าดี จนเสียตัวตนบางอย่างของตัวเองไป..
เรายกมาแค่บางเรื่องในชีวิต จริงๆมีอีกหลายเรื่องเลยค่ะ แต่คงเป็นเพราะอายุยังน้อยเรื่องพวกนี้ก็ทำให้เสียใจไม่ใช่น้อยเลย ในอนาคตคงมีคำมากมายมาให้พิสูจน์ตัวเอง เราคิดในแง่ดีว่ามันอาจทำให้เรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้นนะคะ เรามองโลกในแง่มุมอื่นมากขึ้น มันทำให้เราโตมากขึ้น ในวันข้างหน้าเวลาโดนคำดูถูกจะได้มีแรงสู้ไปกับมัน ไม่รู้ว่ามันใช่คำตอบรึยัง แต่สำหรับคนที่กำลังพิสูจน์ตัวเองอยู่หลายๆเรื่องตราบใดที่เราตั้งใจกับมัน มันต้องสำเร็จในสักวัน ถือสะว่าเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จด้วยให้ตัวเองเนาะ
----------------------------------------------แล้วเพื่อนๆละคะคิดว่าเราพิสูจน์ตังเองไปเพื่ออะไร
------------------------------ขอโทษนะคะเรื่องตัวเองยาวไปหน่อย อยากอ่านของเพื่อนๆบ้างนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ-----------------------------------