ขอสงวนคนที่กำลังวิจารณ์ แบบระบุตัวตนน้อยที่สุด
- เขาจบ ป.ตรี วศ.บ. โดยเลือกเรียนกับ ม.แห่งหนึ่ง
1. เทียบโอนจากปวส. ถ้าทำงานอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกงาน โดยไม่พิจราณาว่า งานนั้นเกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียนไหม
คห.ผม ตอนผมเรียน แค่ ปวส.ฝึกงานไม่ตรงสายยังโดน อ.ด่า แต่ก็จบนั่นแหละ แต่นี่ ป.ตรี
2. ช่วงที่ ม.กำลัง มีปัญหาภายใน อ.ผู้สอนเลิกสอนกระทันหัน ม.ให้เกรด A เพื่อชดเชย 2 วิชา
3. พูดถึงเพื่อร่วมรุ่น ที่เป็นผู้บริหาร ที่ไม่มีวุฒิ วศ.บ. มาเรียนกับเขาแล้วเขาเหล่านั้นประสบความสำเร็จ (ไม่เคยพูดถึงระดับเดียวกันหรือด้อยกว่า)
4. เขามีความพยายามสูงมากที่จะสอบ กว. และบอก HR ตอนสัมภาสว่า "ยังไม่ได้ใบกว."
คห.ผม คือ ควรจะใช้คำว่ายังไม่แน่ใจ หรือ ยังไม่ได้ไปสอบ มากกว่า
5. ที่ ม.นั้นมีคะแนนเข้าเรียน (จิตพิสัย) และเขาบอกว่า ควรมี ถ้าไม่มีมันยากไป
(เขายกตัวอย่างว่า คนที่ติดบางรายวิชาจาก ม.รามฯ มาเรียนที่ ม.เขา แล้วโอนหน่วยกิต กลับไปที่รามฯ)
6.ใดๆก็แล้วแต่ที่มันดูขัดต่อความเป็น วิศวกร(เทียบกับประสปการณ์ผมเอง) เขาบอกว่าเป็น ม.และหลักสูตรที่ สภาวิศวฯ รับรอง ถือว่าเขาคือวิศวฯ โดยสมบูรณ์แล้ว เขาไม่สนใจ
7. เขาหาที่เรียนต่อ ป.โท แบบว่าหา ม.วิทยาเขต, ม.สร้างใหม่, หลักสูตรไม่ทำปริญญานิพนธ์(แผนB) โดยคิดว่าให้จบง่าย ไม่สนใจว่าเขาสอนให้ไปทำอะไร มาถามผมว่า อส.ม. การจัดการอุตสาหกรรม เป็น สายบริหาร เทียบกับ MBA ได้ไหม
เขาบอกว่าเพื่อน(จากข้อ3.ก็ไปเรียนต่อได้)
สำหรับผมการไม่ได้วางแผนการเรียน และตัดสินใจเรียนแบบสะเปะสะปะ งูๆปลาๆ เร่งให้จบ ไม่อยู่เรียนเข้าเข้าใจถ่องแท้สมศักดิ์ศรี วิศวฯ เป็นเรื่องที่แย่สำหรับผม (เพื่อนผมไม่ยอมให้ project ผ่าน เพื่อได้เกรด B ยอมจบช้ากว่าคนอื่นๆในรุ่น)
ปล. หลายคน ค้นหา หลักสูตร ที่สร้างคนให้เก่ง, ค้นหา อ.ที่เก่ง สอนเข้าใจได้, ยอมซิ่วจาก ม.ที่เรียนแล้วพัฒนาเราไม่ได้ แต่ผมไม่คิดว่ายังมีคนอีกบางกลุ่ม จะดูถูกการศึกษาถึงขนาดนี้
คนบางคนพร้อมจะดูถูกตัวเอง แต่ไม่ยอมรับให้สังคมดูถูก
- เขาจบ ป.ตรี วศ.บ. โดยเลือกเรียนกับ ม.แห่งหนึ่ง
1. เทียบโอนจากปวส. ถ้าทำงานอยู่แล้ว ไม่ต้องฝึกงาน โดยไม่พิจราณาว่า งานนั้นเกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียนไหม
คห.ผม ตอนผมเรียน แค่ ปวส.ฝึกงานไม่ตรงสายยังโดน อ.ด่า แต่ก็จบนั่นแหละ แต่นี่ ป.ตรี
2. ช่วงที่ ม.กำลัง มีปัญหาภายใน อ.ผู้สอนเลิกสอนกระทันหัน ม.ให้เกรด A เพื่อชดเชย 2 วิชา
3. พูดถึงเพื่อร่วมรุ่น ที่เป็นผู้บริหาร ที่ไม่มีวุฒิ วศ.บ. มาเรียนกับเขาแล้วเขาเหล่านั้นประสบความสำเร็จ (ไม่เคยพูดถึงระดับเดียวกันหรือด้อยกว่า)
4. เขามีความพยายามสูงมากที่จะสอบ กว. และบอก HR ตอนสัมภาสว่า "ยังไม่ได้ใบกว."
คห.ผม คือ ควรจะใช้คำว่ายังไม่แน่ใจ หรือ ยังไม่ได้ไปสอบ มากกว่า
5. ที่ ม.นั้นมีคะแนนเข้าเรียน (จิตพิสัย) และเขาบอกว่า ควรมี ถ้าไม่มีมันยากไป
(เขายกตัวอย่างว่า คนที่ติดบางรายวิชาจาก ม.รามฯ มาเรียนที่ ม.เขา แล้วโอนหน่วยกิต กลับไปที่รามฯ)
6.ใดๆก็แล้วแต่ที่มันดูขัดต่อความเป็น วิศวกร(เทียบกับประสปการณ์ผมเอง) เขาบอกว่าเป็น ม.และหลักสูตรที่ สภาวิศวฯ รับรอง ถือว่าเขาคือวิศวฯ โดยสมบูรณ์แล้ว เขาไม่สนใจ
7. เขาหาที่เรียนต่อ ป.โท แบบว่าหา ม.วิทยาเขต, ม.สร้างใหม่, หลักสูตรไม่ทำปริญญานิพนธ์(แผนB) โดยคิดว่าให้จบง่าย ไม่สนใจว่าเขาสอนให้ไปทำอะไร มาถามผมว่า อส.ม. การจัดการอุตสาหกรรม เป็น สายบริหาร เทียบกับ MBA ได้ไหม
เขาบอกว่าเพื่อน(จากข้อ3.ก็ไปเรียนต่อได้)
สำหรับผมการไม่ได้วางแผนการเรียน และตัดสินใจเรียนแบบสะเปะสะปะ งูๆปลาๆ เร่งให้จบ ไม่อยู่เรียนเข้าเข้าใจถ่องแท้สมศักดิ์ศรี วิศวฯ เป็นเรื่องที่แย่สำหรับผม (เพื่อนผมไม่ยอมให้ project ผ่าน เพื่อได้เกรด B ยอมจบช้ากว่าคนอื่นๆในรุ่น)
ปล. หลายคน ค้นหา หลักสูตร ที่สร้างคนให้เก่ง, ค้นหา อ.ที่เก่ง สอนเข้าใจได้, ยอมซิ่วจาก ม.ที่เรียนแล้วพัฒนาเราไม่ได้ แต่ผมไม่คิดว่ายังมีคนอีกบางกลุ่ม จะดูถูกการศึกษาถึงขนาดนี้