ขุมทรัพย์จากพระไตรปิฎก 5 เรื่อง ราชันบัลลังก์เลือด ตอน ชิงบัลลังก์

ขุมทรัพย์จากพระไตรปิฎก 5
เรื่อง ราชันบัลลังก์เลือด
ตอน ชิงบัลลังก์

    ครั้งพุทธกาล ๒ แคว้นใหญ่ คือแคว้นมคธ และแคว้นโกศล มีชายแดนต่อกัน เป็นเหตุให้กระทบกระทั่งทำสงครามกันอยู่เนืองๆ แต่กลับไม่ปรากฏว่าผู้ใดพ่ายแพ้หรือมีชัยเด็ดขาด พระราชาทั้งสองแคว้นจึงเจรจาสงบศึก และผู้สัมพันธไมตรีผ่านทางการสมรส แคว้นมคธส่งพระขนิษฐาของพระเจ้าพิมพิสาร ไปอภิเษกกับพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่มิได้ปรากฏชื่อ ส่วนแคว้นโกศลส่งพระขนิษฐาของพระเจ้าปเสนทิโกศลไปอภิเษกกับพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งปรากฏชื่อว่า พระนางเวเทหิ  
    พระนางเวเทหิ เป็นที่รักเป็นที่พอพระทัย เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าพิมพิสารอย่างยิ่ง ต่อมาไม่นาน พระนางเวเทหิทรงตั้งครรภ์ และเกิดการแพ้ท้องถึงเพียงนี้ว่า โอ หนอ เราพึงดื่มได้โลหิตพระพาหาเบื้องขวาของพระราชา.
พระนางมีพระดำริว่า การแพ้ท้องเกิดขึ้นในฐานะอันไม่สมควร ไม่อาจบอกให้ใครทราบได้ เมื่อไม่อาจบอกได้ จึงซูบผอมผิวพรรณซีดลง.
พระราชาตรัสถามพระนางว่า นางผู้เจริญร่างกายของเธอมีผิวพรรณไม่ปรกติ มีเหตุอะไรหรือ.
โปรดอย่าถามเลย ทูลกระหม่อม
เมื่อไม่อาจบอกความประสงค์ของเธอแก่ฉัน เธอจักบอกกับใครเล่า แล้วทรงรบเร้าให้พระนางบอกจนได้ พอได้ทรงทราบเท่านั้นก็รับสั่งว่า เธอนี่โง่จริง เพียงเท่านี้จะเป็นไรไป ดังนั้น
จึงรับสั่งให้เรียกหมอมา ให้เอามีดทอง กรีดพระพาหา แล้วรองพระโลหิตด้วยจอกทองคำ เจือด้วยน้ำแล้วให้พระนางดื่ม.
เนมิตตกาจารย์ทั้งหลายได้ทราบข่าวดังนั้น พากันพยากรณ์ว่าพระโอรสในครรภ์องค์นี้จักเป็นศัตรูแก่พระราชา พระราชาจักถูกพระโอรสองค์นี้ปลงพระชนม์.
พระเทวีทรงสดับข่าวดังนั้น มีพระดำริว่า พระโอรสที่ออกจากท้องของเราจักฆ่าพระราชา  จึงมีพระประสงค์จะทำลายครรภ์ให้ตกไป เสด็จไปพระราชอุทยานให้บีบพระครรภ์ แต่พระครรภ์ก็หาตกไม่. พระนางเสด็จไปให้ทำอย่างนั้นบ่อย ๆ.
พระราชาทรงสืบดูว่า พระเทวีนี้เสด็จไปพระราชอุทยานเนือง ๆ เพื่ออะไร ทรงทราบเหตุนั้นแล้วจึงทรงห้ามว่า พระนาง เด็กในท้องของเธอ ยังไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงเลย เธอกลับต้องการจะฆ่าเด็กที่เกิดจากตนเสียแล้ว หากข่าวนี้แพร่ออกไปพวกเราคงถูกบัณฑิตทั้งหลายตำหนิติเตียนเป็นแน่ ขอเธออย่าทำอย่างนี้อีกเลย ครั้นตรัสแล้วจึงได้ทรงจัดแจงการอารักขามิให้พระเทวีมีโอกาสทำลายครรภ์ได้
พระนางเธอได้หมายใจไว้ว่าเวลาคลอดจักฆ่าเสีย.
แม้ในเวลาที่คลอดนั้น พวกเจ้าหน้าที่อารักขาก็ได้นำพระกุมารออกไปเสีย.
เมื่อพระกุมารประสูติ พระราชาพระราชทานชื่อว่า อชาติศัตรู เพราะเกิดมาเพื่อมิให้เป็นศัตรูกับใคร  
สมัยต่อมา พระกุมารเจริญวัยแล้ว พวกเจ้าหน้าที่อารักขาจึงนำมาแสดงแก่พระเทวี. พอทอดพระเนตรเห็นพระกุมารเท่านั้น พระนางก็เกิดความรักพระโอรส. ฉะนั้นจึงไม่อาจฆ่าพระกุมารนั้นได้.
ครั้นเมื่อถึงวัยอันสมควร พระราชาก็ได้พระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่พระโอรส
กล่าวถึงพระเทวทัต สมัยหนึ่ง พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่กรุงโกสัมพี ลาภและสักการะเป็นอันมาก เกิดขึ้นแด่พระตถาคตพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก. ชาวกรุงโกสัมพีนั้น มีมือถือผ้าและเภสัชเป็นต้น เข้าไปสู่วิหาร  แล้วถามกันว่า พระศาสดาประทับอยู่ที่ไหน  พระสารีบุตรเถระอยู่ที่ไหน  พระมหาโมคคัลลานเถระอยู่ที่ไหน  พระมหากัสสปเถระอยู่ที่ไหน  พระภัททิยเถระอยู่ที่ไหน  พระอนุรุทธเถระอยู่ที่ไหน  พระอานนทเถระอยู่ที่ไหน  พระภคุเถระอยู่ที่ไหน พระกิมพิลเถระอยู่ที่ไหน  ดังนี้แล้ว ต่างพากันเข้าไปหาพระเถระเหล่านั้น.  แต่ไม่มีเลยสักคนที่จะถามว่า พระเทวทัตเถระนั่งหรือยืนที่ไหน
พระเทวทัตจึงคิดเสียใจว่า เราบวชพร้อมเจ้าศากยะเหล่านี้เหมือนกัน. เจ้าศากยะเหล่านี้ เป็นขัตติยบรรพชิต แม้เราเองก็เป็นขัตติยบรรพชิต. พวกมนุษย์มีมือถือลาภและสักการะแสวงหาท่านเหล่านี้, แต่ผู้ที่จะเอ่ยถึงชื่อเราบ้างกลับไม่มีเลย, เราจะคบหากับใครหนอ ที่จะทำให้เขาเลื่อมใสแล้วยังลาภและสักการะให้เกิดแก่เราได้. ทีนั้น เธอพิจารณาว่า พระเจ้าพิมพิสาร พร้อมกับบริวาร ๑๑ นหุต  ประมาณ แสนหนึ่งหมื่น  ทรงดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล ด้วยการฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเพียงครั้งแรกเท่านั้น, เราไม่อาจจะสมคบกับพระราชานั้นได้. แม้กับพระเจ้าโกศลก็เช่นกัน, ส่วนพระอชาตศัตรูกุมาร พระโอรสของพระราชาพิมพิสารนี้ ยังไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ, เราจะสมคบกับกุมารนั่นแหละ. พระเทวทัตนั้นออกจากกรุงโกสัมพีไปสู่กรุงราชคฤห์  เนรมิตตนเป็นกุมารน้อย พันอสรพิษ ๔ ตัวที่มือและเท้าทั้งสี่, ตัวหนึ่งที่คอ, ตัวหนึ่งทำเป็นเทริดบนศีรษะ, ตัวหนึ่งทำเฉวียงบ่า, ลงจากอากาศด้วยสายสร้อยงูนี้ นั่งบนพระเพลาของอชาตสัตรูกุมาร,
พระกุมารนั้นทรงกลัว  หวาดหวั่น  สะดุ้ง ตกพระทัย  จึงตรัสถามว่า ท่านเป็นใคร
พระเทวทัตถวายพระพรว่า อาตมาภาพ คือเทวทัต,  เพื่อจะบรรเทาความกลัวของพระกุมาร จึงกลับอัตภาพ เป็นพระภิกษุทรงสังฆาฏิ บาตร และจีวรยืนอยู่เบื้องหน้า ยังพระกุมารนั้นให้ทรงเลื่อมใส ตั้งแต่นั้นมาลาภและสักการะเป็นอันมาก.ก็เกิดขึ้นแก่เธอ
วันหนึ่งพระเทวทัตเข้าไปเฝ้าเจ้าอชาตศัตรูกุมาร ทูลว่า พระกุมาร เมื่อก่อนมนุษย์ทั้งหลายมีอายุยืน, บัดนี้อายุน้อย, ก็ข้อที่พระองค์พึงทิวงคตเสียตั้งแต่ยังเป็นพระกุมาร นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทีเดียว, พระกุมาร ถ้ากระนั้นพระองค์จงสำเร็จโทษพระบิดาแล้วทรงปราบดาภิเษกเป็นพระราชาเองเถิด, อาตมาภาพสำเร็จโทษพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจะเป็นพระพุทธเจ้าแทน,
ครั้งนั้น อชาตศัตรูกุมารคิดว่าพระคุณเจ้าเทวทัตมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก พระคุณเจ้าเทวทัตพึงทราบแน่ จึงเหน็บกฤชแนบพระเพลา ทรงกลัว หวั่นหวาด สะดุ้งพระทัยรีบเสด็จเข้าไปภายในพระราชวังในเวลากลางวันแสกๆ
พวกมหาอำมาตย์ผู้รักษาภายในพระราชวัง ได้แลเห็นอชาตสัตตุกุมารนั้น จึงรีบจับไว้ มหาอำมาตย์เหล่านั้นตรวจค้นพบกฤชเหน็บอยู่ที่พระเพลา แล้วได้ทูลถามอชาตศัตรูกุมารว่า พระองค์ประสงค์จะทำการอันใด พระเจ้าข้า
เราประสงค์จะปลงพระชนม์พระชนก
ใครใช้พระองค์
พระคุณเจ้าเทวทัต
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติว่า ควรปลงพระชนม์พระกุมารควรฆ่าพระเทวทัต และภิกษุทั้งหมด  มีบางพวกลงมติว่า ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ เพราะพวกภิกษุไม่ผิดอะไร ควรปลงพระชนม์พระกุมาร  และฆ่าพระเทวทัต และบางพวกลงมติว่า  ไม่ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ไม่ควรฆ่าพระเทวทัต ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ ควรกราบทูลพระราชา  พระราชารับสั่งอย่างใด พวกเราจะทำอย่างนั้น. แล้วนำความกราบทูลพระเจ้าพิมพิสาร
พระราชาพิมพิสารตรัสว่า  ท่านทั้งหลาย พระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ จะเกี่ยวข้องอะไร  พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประกาศพระเทวทัต ในกรุงราชคฤห์มิใช่หรือว่า ปกติของพระเทวทัต ก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระเทวทัตทำอย่างใดด้วยกาย วาจา  ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ  พระธรรม หรือพระสงฆ์เป็นอย่างนั้น  พึงเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวของพระเทวทัต
บรรดามหาอำมาตย์ เหล่านั้น พวกที่ลงมติอย่างนี้ว่า ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ควรฆ่าพระเทวทัต และภิกษุทั้งหมด พระราชาได้ทรงถอดยศพวกเธอเสีย
พวกที่ลงมติว่า ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ เพราะพวกภิกษุไม่ผิดอะไร ควรปลงพระชนม์พระกุมาร และฆ่าพระเทวทัต พระราชาได้ทรงลดตำแหน่งพวกเธอ
พวกที่ลงมติอย่างนี้ว่า ไม่ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ไม่ควรฆ่าพระเทวทัต ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ ควรกราบทูลพระราชา พระราชาสั่งอย่างใดพวกเราจักทำอย่างนั้น พระราชาได้ทรงเลื่อนตำแหน่งพวกเธอ
    จากนั้น พระเจ้าพิมพิสาร ได้รับสั่งถามพระกุมารว่า ลูก เจ้าต้องการฆ่าพ่อเพื่ออะไร
พระกุมารกราบทูลว่า หม่อมฉันต้องการราชสมบัติ พระพุทธเจ้าข้า
พระราชาตรัสว่า ลูก ถ้าเจ้าต้องการราชสมบัติ ราชสมบัตินั้นเป็นของเจ้าแล้ว จากนั้นจึงทรงมอบราชสมบัติแก่อชาตศัตรูกุมาร
อชาตศัตรูราชกุมาร บอกแก่พระเทวทัตว่า ความปรารถนาของเราสำเร็จแล้ว.
พระเทวทัตกล่าวกะพระกุมารว่า โถ พระองค์เหมือนคนเอาสุนัขจิ้งจอกไว้ภายในกลองหุ้มหนัง แล้วสำคัญว่าทำกิจสำเร็จเรียบร้อยแล้ว  อีกสองสามวันพระบิดาของพระองค์ทรงคิดว่า พระองค์ทำการดูหมิ่น จักจับพระองค์ลงโทษ แล้วก็จักเป็นพระราชาเสียเองก็เป็นได้
พระกุมารถามว่า ถ้าอย่างนั้น ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรเล่า. .โปรดติดตามตอนต่อไป

จบตอน ชิงบัลลังก์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่