สวัสดีครับ ผมมีอาการสายตาสั้นมาจากกรรมพันธุ์ ตั้งแต่ตอน ป.1 ตอนนั้นนั่งกลางๆ ห้อง แล้วมองเห็นกระดานไม่ค่อยชัด คุณแม่ก็เลยพาไปตัดแว่นสายตาและผมก็กลายเป็นเด็กสี่ตาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เริ่มรู้จักการใช้คอนแทกเลนส์ตอนอายุประมาณ 15-16 ซึ่งในขณะนั้นค่าสายตาก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึง 5-600 ซึ่งการใช้คอนแทคเลนส์มันก็ดีที่ไม่ต้องใส่แว่นหนาๆ ไปไหนมาไหน แต่พอผ่านไป 16 ปี จนปัจจุบันอายุ 31 แล้ว ค่าสายตา 1200 แล้ว ไปตรวจตามาพบว่าตาเริ่มอักเสบจากการใช้คอนแทคเลนส์ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะให้ใส่แว่นหนาๆ ใช้ชีวิตนอกบ้านก็คงไม่สะดวกอีก จึงเป็นที่มาของการคิดจะลองทำเลสิกในครั้งนี้
ตอนเริ่มต้นก็หาข้อมูลด้วยการสอบถามจากหลายๆ แห่ง ก็มาลงเอยที่คลีนิกแห่งหนึ่งแถวๆ รัชโยธิน ที่มีชื่อเสียงด้านการแก้ไขปัญหาสายตา สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตกลงทำเลสิกกับที่นี่คือ เขาอนุญาตให้เข้ารับการตรวจประเมินสายตาในช่วงเช้า ถ้าดูแล้วสามารถทำเลสิกได้ ช่วงบ่ายก็เข้ารับการผ่าตัดได้เลย สำหรับผมแล้วมันสะดวกมาก เพราะการหาวันหยุดติดต่อกันหลายวันถึงสองช่วงแยกกันเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับที่ทำงานของผม
สรุปผมก็เลยนัดตรวจกับที่นี่ เขาแนะนำว่า ถ้าปกติใส่คอนแทกเลนส์เป็นประจำ ให้งดใส่อย่างน้อย 3 วันสำหรับเลนส์นิ่ม และ 7 วันสำหรับชนิดแข็งหรือกึ่งนิ่มกึ่งแข็งก่อนมาตรวจ เพื่อให้กระจกตาได้ปรับเข้าสู่รูปร่างตามธรรมชาติ ซึ่งกระจกตานี่แหละจะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายว่าเราจะสามารถทำเลสิกได้หรือไม่ เนื่องจากการยิงเลเซอร์ผ่าตัดสายตาต้องทำการเปิดกระจกตาเราเสียก่อน ถ้ากระจกตาเราหนาไม่เพียงพอที่จะทำก็อาจจะทำเลสิกไม่ได้และอาจต้องพึ่งพาวิธีการอื่นแทน เช่นการใส่เลนส์เสริมเข้าไปในลูกตาซึ่งแน่นอนมีราคาสูงกว่าเกินเท่าตัว ระหว่างนี้ผมก็เลยต้องใส่แว่นอยู่บ้านไปนิ่งๆ พอเข้าวันที่ 5 หลังจากถอนคอนแทคก็ได้มาตรวจประเมินสายตาตามที่นัด เขาบอกวันที่มาไม่ควรขับรถมาเองเพราะว่าจะมีการหยอดยาขยายรูม่านตา หรือถ้าได้ผ่าตัดเลยก็จะโดนครอบตา ขับรถไม่ได้แน่ๆ จึงแนะนำให้พาเพื่อนหรือญาติไปด้วยครับ
ตอนนั้นได้คิวเริ่มตรวจประมาณ 10.30 น. ก็กรอกประวัติ อ่านเอกสารอะไรต่างๆ ไป และเข้าไปตรวจตายังห้องต่างๆ ภายในคลินิก โดยห้องต่างๆ ก็มีเครื่องมือหน้าตาแตกต่างกัน ประมาณ 5-6 ห้อง เท่าที่จำได้ก็มี เครื่องวัดความดันลูกตา เครื่องวัดความเพี้ยนในการรวมแสง เครื่องวัดความโค้งกระจกตา แล้วก็มีห้องที่ให้ลองใส่แว่นเอเลี่ยน ที่เวลาเราไปตรวจสายตาตามร้านแว่นแล้วหมอเค้าจะมีกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเลนส์มากมาย ให้เราใส่แล้วอ่านตัวเลขจากอีกฟากนึงของห้อง และก็มีการหยอดยาขยายรูม่านตา เพื่อช่วยเอื้อให้การตรวจเป็นไปอย่างสมบูรณ์มากขึ้น (หลังจากยาออกฤทธิ์จะทนแสงจ้าลำบากกว่าเดิม ควรพกแว่นกันแดดมาด้วย)
จากนั้นก็ไปนั่งชมวิดีทัศน์จากคอมพิวเตอร์ ให้เราดูว่า เลสิกคืออะไร มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร วิธีการผ่าตัด แตกต่างกันอย่างไร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ส่วนเลสิกมีกี่แบบนั้นจริงๆ แล้วเทคโนโลยีตอนนี้มันก็มีหลายแบบนะ บางคลินิกหรือบาง รพ ก็มีไม่เหมือนกันด้วยนะบางที มันอยู่ที่ว่าเขาซื้อเครื่องมือแบบไหนมาให้บริการ เท่าที่ผมทราบก็มีหลักๆ 3 แบบ คือ พวก PRK คือเลสิกใช้ใบมีดในการเปิดกระจกตา แล้วค่อยยิงเลเซอร์ลงไปในตา , พวกเลเซอร์ เช่น Femto คือใช้เลเซอร์ในทุกกระบวนท่า และสุดท้ายคือการใส่เลนส์เทียมในลูกตา หรือ ICL ส่วนที่อื่นก็อาจจะมี Relex หรือแบบอื่นๆ อีกที่คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์อีกมากมาย ทีนี้ในตอนแรกผมทราบมาว่า PRK เนี่ยมันใช้ใบมีดช่วยในการผ่าตัดเปิดกระจกตา ที่หลังทำก็จะทิ้งรอยแผลไว้ในตาและใช้เวลาพักฟื้นยาวนานกว่าแบบอื่นๆ ซึ่งข้อดีของมันคือราคาค่อนข้างถูกที่สุดเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ แต่วิธีนี้จะใช้ได้กับผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นไม่มาก เช่น ไม่เกิน 4-500 และต้องมีกระจกตาที่หนาเพียงพอ เพราะใบมีดมันจะเฉือนกระจกตาส่วนนั้นออกไปเพื่อเปิดทางให้เลเซอร์ได้เข้าทำงานต่อ ตอนแรกผมก็อยากทำแบบนี้นะ แต่ไม่ว่าจะได้ทำแบบไหน คำตอบสุดท้ายก็อยู่ที่คุณหมอที่ดูแลเราอยู่ดี บางคนทำแบบมาตรฐานราคาไม่แพงมากได้ ก็โชคดีไป
จากนั้นช่วงบ่ายก็ได้ไปพบแพทย์ในขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือการสรุปข้อมูลทั้งหมด และผลคือสามารถผ่าตัดแบบ Femto Second Laser ได้นั่นเอง ซึ่งค่าสายตาของผมคือ ข้างซ้าย 1150 ข้างขวา 1250 เอียงจำไม่ได้ 100 นิดๆ มั้ง และค่าความหนากระจกตา 540 ถือว่าหนาพอสมควรเลยทีเดียว แอบดีใจเพราะจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีใส่เลนส์เสริม คุณหมอก็ให้ไปเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด ทั้งนี้คุณหมอแจ้งว่าหลังจากทำแล้วไม่การันตี ว่าค่าสายตาจะหายไปจนเหลือ 0 เนื่องจากมีค่าสายตาเยอะมาก แต่จะช่วยยิงเลเซอร์ให้เหลือน้อยที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักซึ่งผมก็โอเค ประเมินแล้วว่าอาจมีค่าสายตาเหลือเล็กน้อย ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ จึงตัดสินใจลงมือเดินหน้าต่อ
ขั้นตอนก่อนเข้ารับการผ่าตัดคือ ห้ามใช้เครื่องสำอางใดๆ ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทางที่ดีอาบน้ำสระผมแล้วมาหน้าสดเลยดีที่สุด เพราะแอลกอฮอล์ที่ระเหยอาจมีผลต่อเครื่องยิงเลเซอร์ อ้อเหล้าเบียร์ก็ควรงดด้วยนะ และควรใส่เสื้อที่เป็นกระดุมด้านหน้า เช่น ผู้ชายควรใส่เสื้อเชิ้ต เพราะเมื่อหลังจากทำเลสิกแล้วจะมีการครอบตาไว้จนวันถัดไป ถ้าใส่เสื้อยืดเวลาถอดออกอาจมีความเสี่ยงทำให้โดนแผลได้ และจะมีการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV ก่อนผ่าตัดด้วย อันนี้ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ส่วนใครมีโรคประจำตัวหรือต้องทานยาอะไรเป็นประจำก็บอกคุณหมอก่อนให้เรียบร้อย คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ ใครจะไปทำจริงๆ ก็สอบถามเจ้าหน้าที่กันดูอีกครั้งนึงนะครับ
ส่วนขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก่อนทำเลสิกนั่นก็คือ รูดบัตรสิจ๊ะรออะไร 555 โดนไปเท่าไหร่เดี๋ยวบอกตอนท้าย
จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยหยอดยาชา สลับกับยาให้ม่านตาหด พร้อมทั้งให้เราใส่หมวกเหมือนหมวกอาบน้ำ และเสื้อคลุมทับไว้ด้วย เมื่อยาออกฤทธิ์ดีแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด ลักษณะห้องคล้ายกับร้านหมอฟันมีเตียงกลางห้อง มีคุณหมอและพยาบาลผู้ช่วยอีก 2 คน เขาก็สั่งให้ผมค่อยๆ นอนหงายบนเตียง โดยมีเครื่องยิงเลเซอร์อยู่เหนือศีรษะ จากนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก คุณหมอสั่งให้ผม ลืมตา หลับตา สลับไปมา มีลำแสงเลเซอร์ สีแดงๆ ตรงกลางให้มอง ตรงกลางสีแดงมีแสงไฟเป็นจุดสีเขียวอีกที คุณหมอใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสคล้ายเทปกาวปิดตาข้างหนึ่งเพื่อป้องกันการลืมตา แล้วเอาแผ่นพลาสติกคลุมหน้าไว้ โดยเหลือพื้นที่บริเวณจมูกไว้ให้เราหายใจ แล้วสั่งให้ผมลืมตาข้างที่เหลือแล้วเอาเครื่องมือเข้ามา “ถ่าง” หนังตาออกจากกันค้างไว้เพื่อเตรียมการผ่าตัด จากนี้เราจะขยับหนังตาไม่ได้แล้ว ไม่ได้แม้แต่จะกระพริบตา คุณหมอให้เรามองตรงไปยังลำแสงดังกล่าวค้างไว้อย่างคงที่ ห้ามกลอกตาไปยังตำแหน่งอื่นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดระหว่างการผ่าตัด และก็เริ่มต้นการทำงานของเครื่องยิงเลเซอร์ โดยระหว่างนั้นเราสามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งมือของพยาบาลผู้ช่วยที่คอยหยอดน้ำตาเทียมให้เรื่อยๆ เห็นแม้กระทั่งเครื่องมือต่างๆ ที่คุณหมอนำเข้ามาใกล้ดวงตา หรือตอนที่เอาสำลีมาเช็ดถูลูกตาไปมา ทั้งเห็นและทั้งรู้สึก ได้ยินเสียงเครื่องยิงเลเซอร์ทำงาน ทุกครั้งที่เครื่องยิงลำแสง ทุกครั้งที่คุณหมอคอยปลอบว่าทำได้ดีแล้ว อีกแป๊บเดียวจะเสร็จแล้ว สัมผัสทั้งห้าทำงานเต็มที่ดีมาก 555 แต่ก็ไม่มีขั้นตอนใดที่ได้รับความรู้สึกเจ็บปวดเลย เลเซอร์ที่ยิงเข้าไปมากกว่า 10-20 ครั้งต่อข้างก็ไม่ได้ทำให้ภายในลูกตารู้สึกเจ็บใดๆ เพียงแต่เราจะรู้สึกได้เสมอ เช่นเวลาหยอดน้ำตาเทียมเราจะรู้สึกว่าเป็นของเหลว หรือเวลาคุณหมอเช็ดลูกตาด้วยสำลีก็จะรู้สึกว่าปาดไปซ้ายนะ ขวานะ และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงไม่เกิน 10 นาที คุณหมอก็นำเครื่องมือบนใบหน้าออกแล้วปิดตาข้างที่เพิ่งทำเสร็จไว้ก่อนที่จะหันไปลงมือผ่าตัดอีกข้างหนึ่งโดยไม่รีรอ และทุกอย่างที่เพิ่งผ่านไปก็เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
เมื่อเสียงยิงเลเซอร์ข้างที่สองสงบลง และคุณหมอทำความสะอาดลูกตาและปิดกระจกตาให้เรียบร้อยแล้ว คุณพยาบาลก็นำที่ครอบตามาครอบให้พร้อมคาดเทปกระดาษเป็นอันเสร็จสิ้นการผ่าตัด เมื่อผมลุกขึ้นและเริ่มลืมตามองผ่านรูเล็กๆ ของที่ครอบตานั้น ก็รู้สึกได้เลยว่า ชัดขึ้นกว่าตอนก่อนผ่าตัด แต่ก็ยังมัว อารมณ์ประมาณเหมือนคนสายตาสั้นสัก 800 (จากแต่เดิม 1200) คุณหมอก็บอกว่า ปกติ เพราะเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เดินทางกลับเพื่อมารักษาตัวพักฟื้นที่บ้านต่อ โดยคืนแรกจะต้องครอบตาทิ้งไว้ทั้งคืน เพื่อป้องกันการขยี้ตาหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตาโดยไม่ตั้งใจ และนัดทางคลีนิคในวันรุ่งขึ้นอีกครั้งเพื่อถอดที่ครอบตาและเรียนรู้วิธีการดูแลดวงตาหลังการผ่าตัด เขาให้ยานอนหลับมาด้วย บอกให้ทานตอนถึงบ้าน รีบนอนเร็วๆ นอนเยอะๆ แผลผ่าตัดจะได้หายไวๆ
ในวันรุ่งขึ้นหลังตื่นนอนปุ๊บเท่านั้นแหละคุณเอ๊ยยยยย ชัดแบบ HD เน้นย้ำๆ ว่า เอชชชช ดี (ทำเสียงวู้ดดี้) อยากจะถอดที่ครอบออกเสียตอนนั้นเลยแต่ต้องเก็บไว้ถอดที่คลีนิกโดยเจ้าหน้าที่ตามคำแนะนำ เมื่อถึงคลินิกเขาก็มีการตรวจสายตาอีกครั้ง กับการอ่านตัวเลขต่างๆ บนกระดาน แน่นอนรอบนี้มองเห็นได้ดีขึ้น อ่านได้คล่องขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังมีบ้างสำหรับตัวเล็กๆ ที่ยังไม่ชัด และบางครั้งอาจจะยังจับโฟกัสลำบากนิดนึง อีกทั้งในตอนกลางคืนก็ยังมองเห็นแสงไฟแตกกระจายมากกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นอาการปกติ หลังจากนี้อาการเหล่านี้จะดีขึ้นและหายไปได้เองภายใน 1-3 เดือนรวมถึงค่าสายตาที่จะคงที่เมื่อถึงเวลานั้นด้วย แต่คาดการณ์ไว้ว่าทั้งสองข้างน่าจะเหลือค่าสายตา ไม่เกิน 100 และเอียงเท่ากับ 0 พร้อมทั้งบอกว่าแผลดูปกติดีและสมานได้เร็ว และกำชับให้ดูแลดวงตาให้ดีตามที่แนะนำไว้อย่างเคร่งครัด หยอดยาปฏิชีวนะให้ครบ 1 สัปดาห์ ห้ามโดนน้ำและสารเคมีใดๆ เข้าตา 1 สัปดาห์ หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ ห้ามไปเล่นน้ำ ดำน้ำ ลงน้ำทะเล อย่างน้อย 1 เดือน ฯลฯ ประมาณนี้
โดยรวมพึงพอใจกับการทำเลสิกในครั้งนี้มาก และประทับใจกับทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของทางคลีนิกด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกท่านได้ให้บริการอย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพมาก แถมยังสุภาพและเอาใจใส่ ซึ่งนี่เป็นจุดสำคัญเลยสำหรับลูกค้าที่เข้ามาเพราะแต่ละคนย่อมมีความกังวลไม่เท่ากัน บางคนกังวลมาก เช่นในกรณีของผมที่มีความผิดปกติของสายตาในระดับสูง ความตั้งใจตรวจของเจ้าหน้าที่จึงทำให้ช่วยผ่อนคลายความกังวลไปได้เยอะเลยทีเดียว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเป็นขั้นเป็นตอน ให้ความใส่ใจลูกค้าดี ผมไปตามนัดเป๊ะตั้งแต่เวลา 10.30 น. ก็เริ่มตรวจให้ทันที ได้พบคุณหมอ 13.00 น. และเข้าห้องผ่าตัด ประมาณ 15.30 น. ทุกอย่างเสร็จสิ้นประมาณ 16.00 น. ใช้เวลาเตรียมตัว 5 วันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ผ่าตัด, 1 วันหลังจากผ่าตัด เพื่อนัดติดตามดูอาการ และอีก 1 วัน เพื่อพักฟื้นก่อนกลับไปทำงาน รวมทั้งสิ้นใช้เวลาไปทั้งหมด 7 วัน หรือสำหรับใครที่ปกติสวมแว่นสายตาอย่างเดียว ไม่ได้ใช้คอนแทคเลนส์ ก็สามารถตัดวันเตรียมตัวออกไปได้อีก ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 139,800 บาท รวมค่าตรวจ ค่ายา ค่าเจาะเลือดเพื่อตรวจ HIV และค่าดูแลติดตามอาการตามระยะอีกหลายครั้งจนครบ 2 ปี รู้สึกดีใจที่ได้ทำเลสิกเพราะตื่นตอนเช้ามาก็เห็นทุกอย่างชัดเลย มันเหมือนโลกใบใหม่ ไม่ต้องควานหาแว่นตาหลังตื่นนอนอีกแล้ว จะทำอะไรก็รู้สึกคล่องตัวมากขึ้น และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้คอนแทคเลนส์ หรือกลอกตาไปมาเวลาเลนส์แห้งให้เสียบุคลิกอีกต่อไป สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบ อาจจะยาวเกินไปนิดต้องขออภัยครับ 555 หวังว่ารีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่หาข้อมูลและกำลังตัดสินใจจะไปทำเลสิกบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
คลีนิกที่ผมเลือกทำคือ Laser Vision กับคุณหมออนันต์ วงศ์ทองศรีครับ
ปล.รีวิวนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์จริงจากลูกค้าที่ชำระค่าบริการด้วยตัวเอง ผมไม่มีส่วนได้ประโยชน์ใดๆ จากผู้ให้บริการจากการลงบทความนี้ ข้อมูลในบทความอธิบายตามความเข้าใจส่วนบุคคลไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงเชิงวิชาการ หากต้องการทราบข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันกรุณาติดต่อผู้ให้บริการหรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เท่านั้น ขอบคุณครับ
[CR] ++รีวิวการทำ LASIK ของคนที่สายตาสั้นมากกว่า 1000++
ตอนเริ่มต้นก็หาข้อมูลด้วยการสอบถามจากหลายๆ แห่ง ก็มาลงเอยที่คลีนิกแห่งหนึ่งแถวๆ รัชโยธิน ที่มีชื่อเสียงด้านการแก้ไขปัญหาสายตา สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตกลงทำเลสิกกับที่นี่คือ เขาอนุญาตให้เข้ารับการตรวจประเมินสายตาในช่วงเช้า ถ้าดูแล้วสามารถทำเลสิกได้ ช่วงบ่ายก็เข้ารับการผ่าตัดได้เลย สำหรับผมแล้วมันสะดวกมาก เพราะการหาวันหยุดติดต่อกันหลายวันถึงสองช่วงแยกกันเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับที่ทำงานของผม
สรุปผมก็เลยนัดตรวจกับที่นี่ เขาแนะนำว่า ถ้าปกติใส่คอนแทกเลนส์เป็นประจำ ให้งดใส่อย่างน้อย 3 วันสำหรับเลนส์นิ่ม และ 7 วันสำหรับชนิดแข็งหรือกึ่งนิ่มกึ่งแข็งก่อนมาตรวจ เพื่อให้กระจกตาได้ปรับเข้าสู่รูปร่างตามธรรมชาติ ซึ่งกระจกตานี่แหละจะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายว่าเราจะสามารถทำเลสิกได้หรือไม่ เนื่องจากการยิงเลเซอร์ผ่าตัดสายตาต้องทำการเปิดกระจกตาเราเสียก่อน ถ้ากระจกตาเราหนาไม่เพียงพอที่จะทำก็อาจจะทำเลสิกไม่ได้และอาจต้องพึ่งพาวิธีการอื่นแทน เช่นการใส่เลนส์เสริมเข้าไปในลูกตาซึ่งแน่นอนมีราคาสูงกว่าเกินเท่าตัว ระหว่างนี้ผมก็เลยต้องใส่แว่นอยู่บ้านไปนิ่งๆ พอเข้าวันที่ 5 หลังจากถอนคอนแทคก็ได้มาตรวจประเมินสายตาตามที่นัด เขาบอกวันที่มาไม่ควรขับรถมาเองเพราะว่าจะมีการหยอดยาขยายรูม่านตา หรือถ้าได้ผ่าตัดเลยก็จะโดนครอบตา ขับรถไม่ได้แน่ๆ จึงแนะนำให้พาเพื่อนหรือญาติไปด้วยครับ
ตอนนั้นได้คิวเริ่มตรวจประมาณ 10.30 น. ก็กรอกประวัติ อ่านเอกสารอะไรต่างๆ ไป และเข้าไปตรวจตายังห้องต่างๆ ภายในคลินิก โดยห้องต่างๆ ก็มีเครื่องมือหน้าตาแตกต่างกัน ประมาณ 5-6 ห้อง เท่าที่จำได้ก็มี เครื่องวัดความดันลูกตา เครื่องวัดความเพี้ยนในการรวมแสง เครื่องวัดความโค้งกระจกตา แล้วก็มีห้องที่ให้ลองใส่แว่นเอเลี่ยน ที่เวลาเราไปตรวจสายตาตามร้านแว่นแล้วหมอเค้าจะมีกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเลนส์มากมาย ให้เราใส่แล้วอ่านตัวเลขจากอีกฟากนึงของห้อง และก็มีการหยอดยาขยายรูม่านตา เพื่อช่วยเอื้อให้การตรวจเป็นไปอย่างสมบูรณ์มากขึ้น (หลังจากยาออกฤทธิ์จะทนแสงจ้าลำบากกว่าเดิม ควรพกแว่นกันแดดมาด้วย)
จากนั้นก็ไปนั่งชมวิดีทัศน์จากคอมพิวเตอร์ ให้เราดูว่า เลสิกคืออะไร มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร วิธีการผ่าตัด แตกต่างกันอย่างไร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ส่วนเลสิกมีกี่แบบนั้นจริงๆ แล้วเทคโนโลยีตอนนี้มันก็มีหลายแบบนะ บางคลินิกหรือบาง รพ ก็มีไม่เหมือนกันด้วยนะบางที มันอยู่ที่ว่าเขาซื้อเครื่องมือแบบไหนมาให้บริการ เท่าที่ผมทราบก็มีหลักๆ 3 แบบ คือ พวก PRK คือเลสิกใช้ใบมีดในการเปิดกระจกตา แล้วค่อยยิงเลเซอร์ลงไปในตา , พวกเลเซอร์ เช่น Femto คือใช้เลเซอร์ในทุกกระบวนท่า และสุดท้ายคือการใส่เลนส์เทียมในลูกตา หรือ ICL ส่วนที่อื่นก็อาจจะมี Relex หรือแบบอื่นๆ อีกที่คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์อีกมากมาย ทีนี้ในตอนแรกผมทราบมาว่า PRK เนี่ยมันใช้ใบมีดช่วยในการผ่าตัดเปิดกระจกตา ที่หลังทำก็จะทิ้งรอยแผลไว้ในตาและใช้เวลาพักฟื้นยาวนานกว่าแบบอื่นๆ ซึ่งข้อดีของมันคือราคาค่อนข้างถูกที่สุดเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ แต่วิธีนี้จะใช้ได้กับผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นไม่มาก เช่น ไม่เกิน 4-500 และต้องมีกระจกตาที่หนาเพียงพอ เพราะใบมีดมันจะเฉือนกระจกตาส่วนนั้นออกไปเพื่อเปิดทางให้เลเซอร์ได้เข้าทำงานต่อ ตอนแรกผมก็อยากทำแบบนี้นะ แต่ไม่ว่าจะได้ทำแบบไหน คำตอบสุดท้ายก็อยู่ที่คุณหมอที่ดูแลเราอยู่ดี บางคนทำแบบมาตรฐานราคาไม่แพงมากได้ ก็โชคดีไป
จากนั้นช่วงบ่ายก็ได้ไปพบแพทย์ในขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือการสรุปข้อมูลทั้งหมด และผลคือสามารถผ่าตัดแบบ Femto Second Laser ได้นั่นเอง ซึ่งค่าสายตาของผมคือ ข้างซ้าย 1150 ข้างขวา 1250 เอียงจำไม่ได้ 100 นิดๆ มั้ง และค่าความหนากระจกตา 540 ถือว่าหนาพอสมควรเลยทีเดียว แอบดีใจเพราะจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีใส่เลนส์เสริม คุณหมอก็ให้ไปเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด ทั้งนี้คุณหมอแจ้งว่าหลังจากทำแล้วไม่การันตี ว่าค่าสายตาจะหายไปจนเหลือ 0 เนื่องจากมีค่าสายตาเยอะมาก แต่จะช่วยยิงเลเซอร์ให้เหลือน้อยที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักซึ่งผมก็โอเค ประเมินแล้วว่าอาจมีค่าสายตาเหลือเล็กน้อย ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ จึงตัดสินใจลงมือเดินหน้าต่อ
ขั้นตอนก่อนเข้ารับการผ่าตัดคือ ห้ามใช้เครื่องสำอางใดๆ ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทางที่ดีอาบน้ำสระผมแล้วมาหน้าสดเลยดีที่สุด เพราะแอลกอฮอล์ที่ระเหยอาจมีผลต่อเครื่องยิงเลเซอร์ อ้อเหล้าเบียร์ก็ควรงดด้วยนะ และควรใส่เสื้อที่เป็นกระดุมด้านหน้า เช่น ผู้ชายควรใส่เสื้อเชิ้ต เพราะเมื่อหลังจากทำเลสิกแล้วจะมีการครอบตาไว้จนวันถัดไป ถ้าใส่เสื้อยืดเวลาถอดออกอาจมีความเสี่ยงทำให้โดนแผลได้ และจะมีการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV ก่อนผ่าตัดด้วย อันนี้ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ส่วนใครมีโรคประจำตัวหรือต้องทานยาอะไรเป็นประจำก็บอกคุณหมอก่อนให้เรียบร้อย คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ ใครจะไปทำจริงๆ ก็สอบถามเจ้าหน้าที่กันดูอีกครั้งนึงนะครับ
ส่วนขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก่อนทำเลสิกนั่นก็คือ รูดบัตรสิจ๊ะรออะไร 555 โดนไปเท่าไหร่เดี๋ยวบอกตอนท้าย
จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยหยอดยาชา สลับกับยาให้ม่านตาหด พร้อมทั้งให้เราใส่หมวกเหมือนหมวกอาบน้ำ และเสื้อคลุมทับไว้ด้วย เมื่อยาออกฤทธิ์ดีแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด ลักษณะห้องคล้ายกับร้านหมอฟันมีเตียงกลางห้อง มีคุณหมอและพยาบาลผู้ช่วยอีก 2 คน เขาก็สั่งให้ผมค่อยๆ นอนหงายบนเตียง โดยมีเครื่องยิงเลเซอร์อยู่เหนือศีรษะ จากนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก คุณหมอสั่งให้ผม ลืมตา หลับตา สลับไปมา มีลำแสงเลเซอร์ สีแดงๆ ตรงกลางให้มอง ตรงกลางสีแดงมีแสงไฟเป็นจุดสีเขียวอีกที คุณหมอใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสคล้ายเทปกาวปิดตาข้างหนึ่งเพื่อป้องกันการลืมตา แล้วเอาแผ่นพลาสติกคลุมหน้าไว้ โดยเหลือพื้นที่บริเวณจมูกไว้ให้เราหายใจ แล้วสั่งให้ผมลืมตาข้างที่เหลือแล้วเอาเครื่องมือเข้ามา “ถ่าง” หนังตาออกจากกันค้างไว้เพื่อเตรียมการผ่าตัด จากนี้เราจะขยับหนังตาไม่ได้แล้ว ไม่ได้แม้แต่จะกระพริบตา คุณหมอให้เรามองตรงไปยังลำแสงดังกล่าวค้างไว้อย่างคงที่ ห้ามกลอกตาไปยังตำแหน่งอื่นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดระหว่างการผ่าตัด และก็เริ่มต้นการทำงานของเครื่องยิงเลเซอร์ โดยระหว่างนั้นเราสามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งมือของพยาบาลผู้ช่วยที่คอยหยอดน้ำตาเทียมให้เรื่อยๆ เห็นแม้กระทั่งเครื่องมือต่างๆ ที่คุณหมอนำเข้ามาใกล้ดวงตา หรือตอนที่เอาสำลีมาเช็ดถูลูกตาไปมา ทั้งเห็นและทั้งรู้สึก ได้ยินเสียงเครื่องยิงเลเซอร์ทำงาน ทุกครั้งที่เครื่องยิงลำแสง ทุกครั้งที่คุณหมอคอยปลอบว่าทำได้ดีแล้ว อีกแป๊บเดียวจะเสร็จแล้ว สัมผัสทั้งห้าทำงานเต็มที่ดีมาก 555 แต่ก็ไม่มีขั้นตอนใดที่ได้รับความรู้สึกเจ็บปวดเลย เลเซอร์ที่ยิงเข้าไปมากกว่า 10-20 ครั้งต่อข้างก็ไม่ได้ทำให้ภายในลูกตารู้สึกเจ็บใดๆ เพียงแต่เราจะรู้สึกได้เสมอ เช่นเวลาหยอดน้ำตาเทียมเราจะรู้สึกว่าเป็นของเหลว หรือเวลาคุณหมอเช็ดลูกตาด้วยสำลีก็จะรู้สึกว่าปาดไปซ้ายนะ ขวานะ และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงไม่เกิน 10 นาที คุณหมอก็นำเครื่องมือบนใบหน้าออกแล้วปิดตาข้างที่เพิ่งทำเสร็จไว้ก่อนที่จะหันไปลงมือผ่าตัดอีกข้างหนึ่งโดยไม่รีรอ และทุกอย่างที่เพิ่งผ่านไปก็เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
เมื่อเสียงยิงเลเซอร์ข้างที่สองสงบลง และคุณหมอทำความสะอาดลูกตาและปิดกระจกตาให้เรียบร้อยแล้ว คุณพยาบาลก็นำที่ครอบตามาครอบให้พร้อมคาดเทปกระดาษเป็นอันเสร็จสิ้นการผ่าตัด เมื่อผมลุกขึ้นและเริ่มลืมตามองผ่านรูเล็กๆ ของที่ครอบตานั้น ก็รู้สึกได้เลยว่า ชัดขึ้นกว่าตอนก่อนผ่าตัด แต่ก็ยังมัว อารมณ์ประมาณเหมือนคนสายตาสั้นสัก 800 (จากแต่เดิม 1200) คุณหมอก็บอกว่า ปกติ เพราะเพิ่งผ่าตัดเสร็จ เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เดินทางกลับเพื่อมารักษาตัวพักฟื้นที่บ้านต่อ โดยคืนแรกจะต้องครอบตาทิ้งไว้ทั้งคืน เพื่อป้องกันการขยี้ตาหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตาโดยไม่ตั้งใจ และนัดทางคลีนิคในวันรุ่งขึ้นอีกครั้งเพื่อถอดที่ครอบตาและเรียนรู้วิธีการดูแลดวงตาหลังการผ่าตัด เขาให้ยานอนหลับมาด้วย บอกให้ทานตอนถึงบ้าน รีบนอนเร็วๆ นอนเยอะๆ แผลผ่าตัดจะได้หายไวๆ
ในวันรุ่งขึ้นหลังตื่นนอนปุ๊บเท่านั้นแหละคุณเอ๊ยยยยย ชัดแบบ HD เน้นย้ำๆ ว่า เอชชชช ดี (ทำเสียงวู้ดดี้) อยากจะถอดที่ครอบออกเสียตอนนั้นเลยแต่ต้องเก็บไว้ถอดที่คลีนิกโดยเจ้าหน้าที่ตามคำแนะนำ เมื่อถึงคลินิกเขาก็มีการตรวจสายตาอีกครั้ง กับการอ่านตัวเลขต่างๆ บนกระดาน แน่นอนรอบนี้มองเห็นได้ดีขึ้น อ่านได้คล่องขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังมีบ้างสำหรับตัวเล็กๆ ที่ยังไม่ชัด และบางครั้งอาจจะยังจับโฟกัสลำบากนิดนึง อีกทั้งในตอนกลางคืนก็ยังมองเห็นแสงไฟแตกกระจายมากกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นอาการปกติ หลังจากนี้อาการเหล่านี้จะดีขึ้นและหายไปได้เองภายใน 1-3 เดือนรวมถึงค่าสายตาที่จะคงที่เมื่อถึงเวลานั้นด้วย แต่คาดการณ์ไว้ว่าทั้งสองข้างน่าจะเหลือค่าสายตา ไม่เกิน 100 และเอียงเท่ากับ 0 พร้อมทั้งบอกว่าแผลดูปกติดีและสมานได้เร็ว และกำชับให้ดูแลดวงตาให้ดีตามที่แนะนำไว้อย่างเคร่งครัด หยอดยาปฏิชีวนะให้ครบ 1 สัปดาห์ ห้ามโดนน้ำและสารเคมีใดๆ เข้าตา 1 สัปดาห์ หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ ห้ามไปเล่นน้ำ ดำน้ำ ลงน้ำทะเล อย่างน้อย 1 เดือน ฯลฯ ประมาณนี้
โดยรวมพึงพอใจกับการทำเลสิกในครั้งนี้มาก และประทับใจกับทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของทางคลีนิกด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกท่านได้ให้บริการอย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพมาก แถมยังสุภาพและเอาใจใส่ ซึ่งนี่เป็นจุดสำคัญเลยสำหรับลูกค้าที่เข้ามาเพราะแต่ละคนย่อมมีความกังวลไม่เท่ากัน บางคนกังวลมาก เช่นในกรณีของผมที่มีความผิดปกติของสายตาในระดับสูง ความตั้งใจตรวจของเจ้าหน้าที่จึงทำให้ช่วยผ่อนคลายความกังวลไปได้เยอะเลยทีเดียว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเป็นขั้นเป็นตอน ให้ความใส่ใจลูกค้าดี ผมไปตามนัดเป๊ะตั้งแต่เวลา 10.30 น. ก็เริ่มตรวจให้ทันที ได้พบคุณหมอ 13.00 น. และเข้าห้องผ่าตัด ประมาณ 15.30 น. ทุกอย่างเสร็จสิ้นประมาณ 16.00 น. ใช้เวลาเตรียมตัว 5 วันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ผ่าตัด, 1 วันหลังจากผ่าตัด เพื่อนัดติดตามดูอาการ และอีก 1 วัน เพื่อพักฟื้นก่อนกลับไปทำงาน รวมทั้งสิ้นใช้เวลาไปทั้งหมด 7 วัน หรือสำหรับใครที่ปกติสวมแว่นสายตาอย่างเดียว ไม่ได้ใช้คอนแทคเลนส์ ก็สามารถตัดวันเตรียมตัวออกไปได้อีก ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 139,800 บาท รวมค่าตรวจ ค่ายา ค่าเจาะเลือดเพื่อตรวจ HIV และค่าดูแลติดตามอาการตามระยะอีกหลายครั้งจนครบ 2 ปี รู้สึกดีใจที่ได้ทำเลสิกเพราะตื่นตอนเช้ามาก็เห็นทุกอย่างชัดเลย มันเหมือนโลกใบใหม่ ไม่ต้องควานหาแว่นตาหลังตื่นนอนอีกแล้ว จะทำอะไรก็รู้สึกคล่องตัวมากขึ้น และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้คอนแทคเลนส์ หรือกลอกตาไปมาเวลาเลนส์แห้งให้เสียบุคลิกอีกต่อไป สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบ อาจจะยาวเกินไปนิดต้องขออภัยครับ 555 หวังว่ารีวิวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่หาข้อมูลและกำลังตัดสินใจจะไปทำเลสิกบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
คลีนิกที่ผมเลือกทำคือ Laser Vision กับคุณหมออนันต์ วงศ์ทองศรีครับ
ปล.รีวิวนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์จริงจากลูกค้าที่ชำระค่าบริการด้วยตัวเอง ผมไม่มีส่วนได้ประโยชน์ใดๆ จากผู้ให้บริการจากการลงบทความนี้ ข้อมูลในบทความอธิบายตามความเข้าใจส่วนบุคคลไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงเชิงวิชาการ หากต้องการทราบข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันกรุณาติดต่อผู้ให้บริการหรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เท่านั้น ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้