เมื่อไม่นานมานี้ เห็นกระทู้ผ่านแว่บๆพูดถึงเรื่องนี้แหละ ก็เลยอยากจะพูดอะไรสักหน่อย ปกติไม่เคยตั้งกระทู้ ส่วนใหญ่ก็อยู่เงียบๆ อ่านอย่างเดียว คอมเม้นต์อย่างเดียว จนมาวันนึงได้เห็นกระทู้นึง พูดทำนองว่า โอตะ กับการเราอายุมากแล้วตามน้องๆ จะอายเขาไหม ก็เลยเอาความเห็นส่วนตัวมาฝาก อาจจะตรงใจหรือไม่ตรงใจหลายๆคน ก็ต้องขออภัยด้วยละกันครับ
ผมก็ออกตัวก่อนเลยครับ ว่า ผมก็เป็นโอตะคนนึง ที่ติดตามน้องๆ BNK48 เช่นกัน ด้วยวัยผมก็ 30กว่าๆแล้วแหละ ติดตามน้องมาปีกว่าๆ ก็ตามไปสถานที่ต่างๆบ้าง ถ้ามีโอกาส เพราะส่วนตัวผมอยู่เชียงใหม่ และวัยทำงาน เลยไม่ได้จัดจ้านเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป แต่ก็ซื้อของนู้นนี่นั่นตาม Shopee หรือช่องทางต่างๆ
หลายๆคนอาจมองว่า พี่นี่อายุมากแล้วยังตามต้อยๆดารานักร้อง ไม่อายเด็กเขาบ้างหรอ ไม่กลัวเมียว่าบ้างหรอ ไม่อายลูกบ้างหรอ บอกตรงๆจากใจ ก็อาย แต่สนับสนุนน้องๆเขา เพราะเห็นความพยายามของเขาหลายๆคน ส่วนตัวผมมีลูก 2 คนหละ ความที่ผมหลงไหล BNK48 ก็เกิดจากลูกๆผมเองแหละ เต้นกันทุกวัน 2 พี่น้อง ก็เลยแอบส่องดูน้องๆ BNK48 ไปสะดุดที่น้องเฌอ หลังจากนั้นก็ติดตามแบบเงียบๆมาสักระยะ แล้วคราวนี้ก็กลายพันธ์ไปตามสถานที่ต่างๆ น้องๆมาเชียงใหม่ก็ซื้อบัตรจับมือให้ลูกๆและตัวผมไปร่วมกิจกรรม โดยไม่คิดว่าคนอื่นจะว่ายังไง
แต่ผมไม่ได้เปิดเผยโซเชียลมาก ต้องลงบอกให้โลกรู้ว่าเราคือโอตะที่แท้ทรู ด้วยวัยวุฒิ หน้าที่การงาน และการเป็นคุณพ่อครับ เลยไม่สามารถจะทำอะไรแบบนั้นได้ครบ 100% สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปคือ ตัวผมไม่เคยมาวิ่งตามดารานักร้องตั้งแต่ผมวัยรุ่นอะไร เพราะอะไรหละ ถ้าใครเกิดยุคเดียวกับผม ก็จะรู้ว่า มันเข้าถึงยากมาก และไม่มีอะไรแบบนี้ในยุคสมัยของผม ยิ่งเด็กต่างจังหวัดยิ่งไปกันใหญ่ ดารานักร้องคนไหนมาจังหวัดเรา แทบจะไม่ทราบเลย ต้องขับรถผ่านป้ายบอกถึงจะทราบ โซเชียลสมัยผมวัยรุ่น กูเกิ้ลยังไม่รู้มีไหมในตอนนั้น ยังนั่งเล่น Hi5 MSNหรือเพิร์ส กันอยู่เลย ช่วงวัยรุ่นเลยไม่มีโอกาสทราบหรือไปทำกิจกรรมหรือไปติดตามนักร้องนักแสดงที่เราชื่นชอบ ได้แต่ดูในทีวีกับอ่าน นสพ. และเวลาผ่านไปวัยรุ่นก็เริ่มผ่านไปเรื่อยๆ ไหนจะเรื่องเศรษฐกิจช่วงนั้น ไหนจะกำลังทรัพย์ เงินในวัยเรียนหรือวัยรุ่นยังพกเงิน 500 บาทไม่รู้ถึงไหม ไหนจะค่าเน็ตแพง ค่าโทรศัพท์แพง โทรศัพท์ขาว-ดำสมัยนั้นราคายังเกือบเท่าไอโฟนสมัยนี้ ซิมมือถือต้องซื้อในราคาที่แพงพอสมควร
มาอีกยุคนึง โซเชียลเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจเป็นยุคที่ Down ลง ลงแบบน่าตกใจ นักร้องไม่ออกอัลบั้มแล้ว ออกแต่ซิงเกิ้ลอย่างเดียว ซีดีเริ่มไม่มีขาย จนปัจจุบันเจ๊งกันหมด การเป็นติ่งดารานักร้องคนไทยเหมือนจะชะงักมาสักระยะนึง มาหลายปีพอสมควร ช่วงนั้นคนไทยก็ได้ไปเป็นติ่งดารานักร้องประเทศอื่นซะส่วนใหญ่ เกาหลีบ้างอะไรบ้าง จน ณ ปัจจุบัน เราจะติดตามดารานักร้องได้ ก็คือ Youtube ไปแล้วในยุคสมัยนี้ นักร้องคนไหนทำเพลง ก็มาปั่นยอดวิวกัน ไม่มีซีดี ไม่มีโปสเตอร์ ไม่มีหนังสืออะไรเลยให้เราได้สะสม
จนมาถึงปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ คือวง BNK48 ที่หลายๆคนรู้จัก ผมบอกตามตรง ชีวิตวัยรุ่นของผม ไม่ได้มีเวลาแบบนี้เหมือนวัยรุ่นสมัยนี้เลยครับ เวลาที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ก็เห็นใจคนแก่ๆหลายคนหละกันครับ ยุคในที่ผมอยู่มาก่อนในตอนวัยรุ่น มันหาโอกาสดีๆแบบนี้ยาก ใกล้ชิดกับดารานักร้องแบบนี้ยาก ด้วยอายุผมตอนนี้แล้วก็ไม่รู้จะตามติดใกล้ชิดไปอีกนานแค่ไหน ก็อาจจะปล่อยลูกๆเดินตามสายของเขาเอง ถ้าเขาชื่นชอบ
ก็เหมือนกับพี่ตูนวิ่ง ผมเองก็ขับรถรอที่แม่สายเพื่อไปหานักร้องไอดอลของผมและบริจาคเงินได้ตามกำลังทรัพย์ แต่ก่อนไม่มีโอกาสเลยครับ ที่ตามหาไอดอลใครสักคนนึง
ผมก็แค่อยากจะมาเล่าประสบการณ์ และพูดในถึงยุคสมัย มันมารูปแบบที่ต่างกันจริงๆ
ขอบคุณที่ทนอ่านนะครับ
เรื่องวัยและอายุโอตะ ในการติดตามน้องๆ BNK48
ผมก็ออกตัวก่อนเลยครับ ว่า ผมก็เป็นโอตะคนนึง ที่ติดตามน้องๆ BNK48 เช่นกัน ด้วยวัยผมก็ 30กว่าๆแล้วแหละ ติดตามน้องมาปีกว่าๆ ก็ตามไปสถานที่ต่างๆบ้าง ถ้ามีโอกาส เพราะส่วนตัวผมอยู่เชียงใหม่ และวัยทำงาน เลยไม่ได้จัดจ้านเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป แต่ก็ซื้อของนู้นนี่นั่นตาม Shopee หรือช่องทางต่างๆ
หลายๆคนอาจมองว่า พี่นี่อายุมากแล้วยังตามต้อยๆดารานักร้อง ไม่อายเด็กเขาบ้างหรอ ไม่กลัวเมียว่าบ้างหรอ ไม่อายลูกบ้างหรอ บอกตรงๆจากใจ ก็อาย แต่สนับสนุนน้องๆเขา เพราะเห็นความพยายามของเขาหลายๆคน ส่วนตัวผมมีลูก 2 คนหละ ความที่ผมหลงไหล BNK48 ก็เกิดจากลูกๆผมเองแหละ เต้นกันทุกวัน 2 พี่น้อง ก็เลยแอบส่องดูน้องๆ BNK48 ไปสะดุดที่น้องเฌอ หลังจากนั้นก็ติดตามแบบเงียบๆมาสักระยะ แล้วคราวนี้ก็กลายพันธ์ไปตามสถานที่ต่างๆ น้องๆมาเชียงใหม่ก็ซื้อบัตรจับมือให้ลูกๆและตัวผมไปร่วมกิจกรรม โดยไม่คิดว่าคนอื่นจะว่ายังไง
แต่ผมไม่ได้เปิดเผยโซเชียลมาก ต้องลงบอกให้โลกรู้ว่าเราคือโอตะที่แท้ทรู ด้วยวัยวุฒิ หน้าที่การงาน และการเป็นคุณพ่อครับ เลยไม่สามารถจะทำอะไรแบบนั้นได้ครบ 100% สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปคือ ตัวผมไม่เคยมาวิ่งตามดารานักร้องตั้งแต่ผมวัยรุ่นอะไร เพราะอะไรหละ ถ้าใครเกิดยุคเดียวกับผม ก็จะรู้ว่า มันเข้าถึงยากมาก และไม่มีอะไรแบบนี้ในยุคสมัยของผม ยิ่งเด็กต่างจังหวัดยิ่งไปกันใหญ่ ดารานักร้องคนไหนมาจังหวัดเรา แทบจะไม่ทราบเลย ต้องขับรถผ่านป้ายบอกถึงจะทราบ โซเชียลสมัยผมวัยรุ่น กูเกิ้ลยังไม่รู้มีไหมในตอนนั้น ยังนั่งเล่น Hi5 MSNหรือเพิร์ส กันอยู่เลย ช่วงวัยรุ่นเลยไม่มีโอกาสทราบหรือไปทำกิจกรรมหรือไปติดตามนักร้องนักแสดงที่เราชื่นชอบ ได้แต่ดูในทีวีกับอ่าน นสพ. และเวลาผ่านไปวัยรุ่นก็เริ่มผ่านไปเรื่อยๆ ไหนจะเรื่องเศรษฐกิจช่วงนั้น ไหนจะกำลังทรัพย์ เงินในวัยเรียนหรือวัยรุ่นยังพกเงิน 500 บาทไม่รู้ถึงไหม ไหนจะค่าเน็ตแพง ค่าโทรศัพท์แพง โทรศัพท์ขาว-ดำสมัยนั้นราคายังเกือบเท่าไอโฟนสมัยนี้ ซิมมือถือต้องซื้อในราคาที่แพงพอสมควร
มาอีกยุคนึง โซเชียลเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจเป็นยุคที่ Down ลง ลงแบบน่าตกใจ นักร้องไม่ออกอัลบั้มแล้ว ออกแต่ซิงเกิ้ลอย่างเดียว ซีดีเริ่มไม่มีขาย จนปัจจุบันเจ๊งกันหมด การเป็นติ่งดารานักร้องคนไทยเหมือนจะชะงักมาสักระยะนึง มาหลายปีพอสมควร ช่วงนั้นคนไทยก็ได้ไปเป็นติ่งดารานักร้องประเทศอื่นซะส่วนใหญ่ เกาหลีบ้างอะไรบ้าง จน ณ ปัจจุบัน เราจะติดตามดารานักร้องได้ ก็คือ Youtube ไปแล้วในยุคสมัยนี้ นักร้องคนไหนทำเพลง ก็มาปั่นยอดวิวกัน ไม่มีซีดี ไม่มีโปสเตอร์ ไม่มีหนังสืออะไรเลยให้เราได้สะสม
จนมาถึงปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ คือวง BNK48 ที่หลายๆคนรู้จัก ผมบอกตามตรง ชีวิตวัยรุ่นของผม ไม่ได้มีเวลาแบบนี้เหมือนวัยรุ่นสมัยนี้เลยครับ เวลาที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ก็เห็นใจคนแก่ๆหลายคนหละกันครับ ยุคในที่ผมอยู่มาก่อนในตอนวัยรุ่น มันหาโอกาสดีๆแบบนี้ยาก ใกล้ชิดกับดารานักร้องแบบนี้ยาก ด้วยอายุผมตอนนี้แล้วก็ไม่รู้จะตามติดใกล้ชิดไปอีกนานแค่ไหน ก็อาจจะปล่อยลูกๆเดินตามสายของเขาเอง ถ้าเขาชื่นชอบ
ก็เหมือนกับพี่ตูนวิ่ง ผมเองก็ขับรถรอที่แม่สายเพื่อไปหานักร้องไอดอลของผมและบริจาคเงินได้ตามกำลังทรัพย์ แต่ก่อนไม่มีโอกาสเลยครับ ที่ตามหาไอดอลใครสักคนนึง
ผมก็แค่อยากจะมาเล่าประสบการณ์ และพูดในถึงยุคสมัย มันมารูปแบบที่ต่างกันจริงๆ
ขอบคุณที่ทนอ่านนะครับ