US NAVY เผยแพร่ภาพเรือรบจีน “การเผชิญหน้าที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ” ที่ทะเลจีนใต้

กระทู้ข่าว
USS Decatur (DDG-73)   destroyer ชั้น Arleigh Burke ระวางขับน้ำสูงสุด 8,886 tons


CNS Lanzhou/兰州  (170)  destroyer type 052C ชั้น Luyang II ระวางขับน้ำสูงสุด 6300 tons


ภาพจาก ฮ.ซีฮอร์ค เรือรบอเมริกาอยู่ด้านซ้าย เรือรบจีนอยู่ด้านขวา


สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐอเมริกาเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมว่า เรือรบของจีนแล่นเข้าใกล้เรือพิฆาตของสหรัฐเพียงแค่ไม่กี่หลา บีบบังคับให้เรือของสหรัฐจำเป็นต้องเปลี่ยนทิศทางใน “การเผชิญหน้าที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ” ในขณะที่เรือของสหรัฐอยู่ในพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้

เรือพิฆาตติดตั้งมิสไซล์นำวิถียูเอสเอสดีเคเตอร์ ของสหรัฐกำลังทำในสิ่งที่กองทัพเรียกว่าเป็น “ปฏิบัติการเสรีภาพในการเดินเรือ” เมื่อวันที่ 30 กันยายน เมื่อแล่นผ่านภายในระยะ 12 ไมล์ทะเลของแนวปะการังกาเวนแอนด์จอห์นสันในหมู่เกาะสแปรตลีย์ โดยระยะทาง 12 ไมล์ทะเลเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นน่านน้ำอาณาเขตที่เรือของรัฐอื่นได้รับอนุญาตให้ผ่านได้

ทั้งนี้ จีนอ้างสิทธิครอบครองเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ ขณะที่ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และเวียดนาม อ้างสิทธิครอบครองเหนือพื้นที่บางส่วนในทะเลจีนใต้เช่นกัน

จีนอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ทั้งหมดและได้สร้างที่มั่นทางทหารขึ้นบนหมู่เกาะดังกล่าว
ในระหว่างปฏิบัติการ เรือพิฆาตลู่หยางของจีนเข้าใกล้เรือยูเอสเอสดีเคเตอร์ของสหรัฐใน “กลยุทธ์ที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพบริเวณแนวปะการังกาเวนในทะเลจีนใต้” น.ท.เนต คริสเตนเซน โฆษกกองทัพเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐระบุ และว่า หลังจากนั้นเรือรบจีนใช้ “กลยุทธ์ที่ก้าวร้าวมากขึ้นและเตือนให้เรือยูเอสเอสดีเคเตอร์แล่นออกจากบริเวณดังกล่าว”

“เรือพิฆาตของจีนเข้าใกล้หัวเรือของดีเคเตอร์ในระยะไม่ถึง 45 หลาในขณะที่ดีเคเตอร์พยายามเปลี่ยนทิศทางเพื่อหลีกเลี่ยงการชน” น.ท.คริสเตนเซนกล่าว

ด้านกระทรวงกลาโหมจีนระบุไว้ในแถลงการณ์ว่าเรือของพวกตนได้ “ส่งสัญญาณเตือนให้เรือของสหรัฐออกไป” หลังจากที่แล่นเข้ามาในพื้นที่ “โดยไม่ได้รับอนุญาต”

“สหรัฐส่งเรือรบเข้ามายังน่านน้ำอาณาเขตใกล้กับแนวปะการังของจีนในทะเลจีนใต้ซ้ำแล้วซ้ำอีก”

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แถลงการณ์ระบุ และว่า พฤติการณ์ดังกล่าว “เป็นการคุกคามอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของจีนอย่างร้ายแรง ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐและความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ชาติอย่างร้ายแรง และทำร้ายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง”

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนตึงเครียดในหลายระดับนับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2560

สงครามการค้าของนายทรัมป์สร้างความโกรธเคืองให้กับจีน รวมถึงการอนุมัติขายอาวุธให้ไต้หวันที่จีนมองว่าเป็นดินแดนกบฏของตนมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐเพิ่งจะบังคับใช้กำแพงภาษีรอบใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากจีนคิดเป็น 200,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า การหารือด้านความมั่นคงระหว่างนายจิม แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐกับรัฐมนตรีกลาโหมจีนในช่วงปลายเดือนนี้ถูกยกเลิกแล้ว


ที่มา มติชนออนไลน์
https://www.prachachat.net/world-news/news-228462
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่