นิทานพื้นบ้าน (folktales)
ในวิชาคติชนวิทยา (folklore) หมายถึง เรื่องเล่าที่เล่าต่อๆ กันมา จากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง โดยไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้แต่ง เช่น เราไม่สามารถบอกได้ว่า ใครแต่งนิทานเรื่องสังข์ทอง ปลาบู่ทอง โสนน้อยเรือนงาม ไกรทอง นางสิบสอง เพราะนิทานเหล่านี้ ถ่ายทอดโดยการเล่าจากความทรงจำต่อๆ กันมา เช่น ปู่ย่าตายายเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่เล่าให้ลูกหลานฟัง หรือมีการแพร่กระจายจากท้องถิ่นหนึ่งไปสู่อีกท้องถิ่นหนึ่ง นิทานเรื่องเดียวกัน เช่น นิทานเรื่องสังข์ทอง จึงอาจมีหลายสำนวนได้ ขึ้นอยู่กับผู้เล่าแต่ละคน ผู้เล่าที่ต่างวัยกัน ผู้เล่าที่เป็นผู้หญิง ผู้เล่าที่เป็นผู้ชาย ผู้เล่าในแต่ละท้องถิ่น อาจเล่านิทานเรื่องเดียวกันต่างกันออกไป ทำให้เกิดนิทานสังข์ทองสำนวนต่างๆ ขึ้น ดังนั้น เมื่อเราศึกษานิทานพื้นบ้าน เราจึงไม่ควรตั้งคำถามว่า นิทานสำนวนใดถูกต้อง หรือสำนวนใดเป็นสำนวนต้นแบบ หากแต่เราควรยอมรับความหลากหลายของนิทานสำนวนต่างๆ ที่เล่ากันในท้องถิ่นต่างๆ หรือในบริบทต่างๆ และควรทำใจให้สนุกสนานไปกับรายละเอียด ที่อาจต่างกันไปในแต่ละสำนวน
นิทานพื้นบ้านไทยในที่นี้ หมายถึง นิทานที่เล่าสู่กันฟังในหมู่บ้าน ในท้องถิ่น หรือในภาคต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งอาจมีที่มาหลายแหล่งคือ เป็นนิทานพื้นบ้านที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยเอง เช่น สังข์ทอง ปลาบู่ทอง ไกรทอง โสนน้อยเรือนงาม ขุนช้างขุนแผน ศรีธนญชัย นางนาคพระโขนง เป็นต้น หรืออาจมีที่มาจากต่างประเทศ แต่คนไทยรับเข้ามาไว้ในวัฒนธรรมไทยอย่างกลมกลืน เช่น มหากาพย์รามายณะ ของอินเดีย ได้กลายมาเป็นนิทานพื้นบ้านไทยหลายเรื่อง เช่น พระลัก-พระลาม ทางอีสาน พรหมจักร-หรมาน ทางภาคเหนือ เป็นต้น
นิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมาในสังคมวัฒนธรรมไทยนั้น แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ตามลักษณะของเนื้อเรื่อง ลักษณะตัวละคร รูปแบบของการเล่า ตลอดจนวัตถุประสงค์ของการเล่า นักคติชนวิทยาจึงแบ่งนิทานไทยออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้ นิทานเทวปกรณ์หรือตำนานปรัมปรา (myth) นิทานมหัศจรรย์ (fairytale) นิทานชีวิต (novella) นิทานประจำถิ่น (legend) นิทานคติสอนใจ (didactic tale) นิทานอธิบายสาเหตุ (explanatory tale) นิทานเรื่องสัตว์ (animal tale) นิทานเรื่องผี (ghost story) นิทานมุขตลก (joke) นิทานเรื่องโม้ (tall tale) และนิทานเข้าแบบ (formula tale) ซึ่งขออธิบายนิทานพื้นบ้านแต่ละประเภท พร้อมทั้งยกตัวอย่างนิทานแต่ละประเภท ที่เล่ากันในภาคต่างๆ ของประเทศไทย
นิทานเทวปกรณ์หรือตำนานปรับปรา
นิทานเทวปกรณ์ หรือตำนานปรัมปรา เป็นเรื่องที่อธิบายถึงกำเนิดจักรวาล กำเนิดโลก กำเนิดมนุษย์ สัตว์ พืช หรืออธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ลม ฝน กลางวันกลางคืน จันทรคราส สุริยคราส ฟ้าแลบฟ้าร้อง ฯลฯ ตลอดจนเป็นเรื่องเล่า ที่ใช้อธิบายที่มาของพิธีกรรม
นิทานมหัศจรรย์
นิทานมหัศจรรย์ตรงกับภาษาอังกฤษว่า fairytale ซึ่งมีผู้แปลตรงตามศัพท์ว่า เทพนิยาย แต่โดยเหตุที่เนื้อเรื่องของนิทานประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องมี "เทพ" หรือเทวดาก็ได้ หากแต่ลักษณะสำคัญของ fairytale คือ นิทานที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับของวิเศษ สิ่งมหัศจรรย์ พฤติกรรมที่เป็นจินตนาการความใฝ่ฝันของมนุษย์ เช่น การแปลงตัว การเหาะเหินเดินอากาศ การเนรมิตของวิเศษ นักคติชนวิทยา จึงมักเรียกนิทานประเภทนี้ว่า นิทานมหัศจรรย์
นิทานไทยที่เข้าข่ายนิทานมหัศจรรย์ คือ นิทานที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า นิทานจักรๆวงศ์ๆ
นิทานชีวิต
นิทานชีวิตของไทยก็มีลักษณะเช่นเดียวกับนิทานชีวิตของชาติอื่นๆ คือ เรื่องที่เล่า เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจาก จะบอกชื่อและฐานะตำแหน่งของตัวละครไว้อย่างชัดเจนแล้ว ยังระบุสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ ด้วยเหตุที่สถานที่ในนิทานชีวิตคือ สถานที่ในท้องถิ่นต่างๆ ในประเทศไทยนี่เอง ดังนั้น นิทานชีวิตของไทยบางเรื่อง จึงมีลักษณะเป็นนิทานประจำถิ่นด้วย
นิทานประจำถิ่น
นิทานประจำถิ่นเป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดกันมาในท้องถิ่นต่างๆ และมักเป็นเรื่องที่เชื่อกันมาว่า เคยเกิดขึ้นจริง เนื้อเรื่องมักเกี่ยวข้อง หรือเป็นการอธิบายความเป็นมา ของสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่น ทั้งสิ่งที่มีอยู่โดยธรรมชาติ เช่น ภูเขา เกาะ หิน ลำธาร ถ้ำ ฯลฯ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเนื่องในศาสนา
นิทานคติสอนใจ
นิทานคติสอนใจของไทยมักเป็นเรื่องที่มีขนาดไม่ยาวนัก การดำเนินเรื่องก็ไม่ซับซ้อน ตัวละครอาจเป็นคนหรือสัตว์ก็ได้ เรื่องหนึ่งๆ อาจมีตัวละครประมาณ ๒ - ๔ คน แนวคิดที่ปรากฏในนิทานประเภทนี้คือ คุณค่าของจริยธรรม และผลแห่งกรรมชี้ให้เห็นว่า การประกอบกรรมดีย่อมได้ดี และการประกอบกรรมชั่วย่อมได้ชั่ว กรรมดีที่นำผลดีมาให้ ได้แก่ ความกตัญญูรู้คุณ ความเมตตากรุณา ความเคารพเชื่อฟัง ความซื่อสัตย์ และความเลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนา ฯลฯ ส่วนกรรมชั่วที่นำผลร้ายมาให้ก็คือ การกระทำที่ตรงกันข้าม
นิทานอธิบายสาเหตุ
นิทานอธิบายสาเหตุของไทยมีเล่ากันในทุกถิ่น ส่วนมากเป็นนิทานขนาดสั้น อธิบายที่มาของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะที่มาของรูปลักษณะของคน สัตว์ และพืช นิทานประเภทนี้เป็นนิทานที่เล่าถึงสาเหตุที่คน สัตว์ และพืชมีรูปร่างลักษณะ สีสัน หรือส่วนประกอบต่างๆ ที่มาของชื่อสัตว์บางชนิด ตลอดจนสาเหตุที่สัตว์บางชนิดเป็นศัตรูกัน นิทานประเภทนี้หลายเรื่องเกี่ยวโยงไปถึงความเชื่อว่า พระอินทร์ หรือพระพุทธเจ้าเป็นผู้สร้าง หรือบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆ และเป็นผู้ตั้งชื่อให้สัตว์ต่างๆ ด้วย
นิทานเรื่องสัตว์
นิทานเรื่องสัตว์เป็นนิทานที่มีตัวละครเป็นสัตว์ อาจเป็นการเล่า เพื่อให้เห็นนิสัยสันดานที่แท้จริงของสัตว์ นิทานประเภทนี้เป็นเรื่องที่มุ่งแสดงว่า แม้ว่าจะเปลี่ยนรูปร่างลักษณะ แต่สัตว์ก็มักไม่ทิ้งสันดานเดิมของตน
นิทานเรื่องผี
คนไทยก็นิยมฟังการเล่าเรื่องเกี่ยวกับผีๆ สางๆ และเรื่องตื่นเต้นเขย่าขวัญ เช่นเดียวกับคนชาติอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผี กล่าวได้ว่า มีเล่าอยู่ทุกถิ่น ในขณะที่เล่า ทั้งผู้เล่า และผู้ฟังมักเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับผีนี้ จึงสะท้อนให้เห็นความเชื่อ ในเรื่องวิญญาณ และเรื่องภูตผีต่างๆ ของคนไทยได้เป็นอย่างดี ผีในเรื่องเล่ามีทั้งผีที่ดี ซึ่งให้ความช่วยเหลือ หรือคุ้มครองคน หรือบอกลาภให้ และผีร้าย ที่คอยหลอกหลอนรังควานคน ผีในนิทานไทยมีหลายประเภท คือ ผีคนตาย ผีบ้านผีเรือน ผีประจำต้นไม้ ผีป่า ผีที่สิงอยู่ในร่างคน และผีเบ็ดเตล็ด
นิทานมุขตลก
นิทานมุขตลกที่นิยมเล่ากันในสังคมไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาจแบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ เรื่องที่มีลักษณะหยาบโลน และเรื่องที่ไม่หยาบโลน
นิทานเรื่องโม้
นิทานที่เป็นเรื่องโม้ของไทย อาจแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ เรื่องโม้เกี่ยวกับสิ่งที่ใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อ เรื่องโม้เกี่ยวกับความสามารถพิเศษ หรือพลังมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ และเรื่องโม้เกี่ยวกับเหตุการณ์อันผิดวิสัย หรือเหตุบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ
นิทานเข้าแบบ
นิทานเข้าแบบของไทยเท่าที่ได้มีผู้รวบรวมไว้มี ๒ ประเภทคือ นิทานไม่รู้จบ และนิทานลูกโซ่ นิทานไม่รู้จบ และนิทานลูกโซ่ตามท้องถิ่นต่างๆ ยังมีการรวบรวมไว้น้อย จึงขอยกตัวอย่างมาให้ดูประเภทละ ๑ เรื่อง ซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านจากภาคกลาง
บทสรุป
นิทานพื้นบ้านที่เล่ากันอยู่ในท้องถิ่น และในภาคต่างๆ ของประเทศไทยนั้น มีหลายร้อยหลายพันเรื่อง และในแต่ละท้องถิ่น ก็จะมีนิทานพื้นบ้านประเภทต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ นิทานเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ลูกหลานฟังมาหลายชั่วอายุคน
นับเป็น "มรดก" ทางวัฒนธรรมของชาวบ้าน ที่ถ่ายทอดมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยผ่านประเพณีบอกเล่า แต่ในปัจจุบันนี้ นับวันมีแต่จะหมดไป เพราะผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งเป็นนักเล่านิทานของหมู่บ้าน ก็มีแต่จะตายจากไป ส่วนลูกหลานก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ในครอบครัว หรือในหมู่บ้าน เพื่อฟังนิทานที่ผู้เฒ่าผู้แก่จะเล่าให้ฟังในยามว่าง หรือในยามค่ำคืน ลูกหลานอาจจะอยากฟังนิทานสมัยใหม่ นิทานฝรั่ง นิทานญี่ปุ่น ในแง่ของการรับรู้นิทาน ลูกหลานก็อาจจะมิได้รับรู้นิทานจากการที่ "ฟัง" ตายายเล่าอีกต่อไป หากแต่อาจจะ "อ่าน" เองจากหนังสือ หรืออาจรับรู้นิทานด้วยการ "ดู" จากโทรทัศน์ การ์ตูน ภาพยนตร์ หรือจากการเล่นเกมคอมพิวเตอร์
นิทานพื้นบ้านไทยสมัยเก่าหลายเรื่อง อาจสูญหายไปตามกาลเวลา และเหตุปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม แต่นิทานพื้นบ้านไทยหลายเรื่อง ก็อาจได้รับการสืบทอดต่อไปด้วยสื่อหลายรูปแบบในปัจจุบัน เด็กๆ ในสังคมไทยปัจจุบัน อาจจะรู้จักนิทานพื้นบ้านไทยแต่เดิม เช่น นางสิบสอง พระสุธน-มโนห์รา สังข์ทอง แก้วหน้าม้า นางนาคพระโขนง ในขณะเดียวกัน ก็รู้จักนิทานกริมม์ นิทานอีสป นิทานแอนเดอร์สัน นิทานญี่ปุ่นด้วย ในอนาคต สิ่งที่จะนับว่าเป็น "นิทานพื้นบ้านไทย" จะเป็นอย่างไร ก็คงขึ้นอยู่กับเรื่องเล่า ลักษณะของเรื่องเล่า ประเภทของเรื่องเล่า ที่คนไทยในปัจจุบันชอบ ซึ่งก็คงมีทั้งนิทานเก่า นิทานใหม่ นิทาน "ไทย" และนิทาน "เทศ" รวมกัน
นิทานพื้นบ้าน
ในวิชาคติชนวิทยา (folklore) หมายถึง เรื่องเล่าที่เล่าต่อๆ กันมา จากคนรุ่นหนึ่งมาสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง โดยไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้แต่ง เช่น เราไม่สามารถบอกได้ว่า ใครแต่งนิทานเรื่องสังข์ทอง ปลาบู่ทอง โสนน้อยเรือนงาม ไกรทอง นางสิบสอง เพราะนิทานเหล่านี้ ถ่ายทอดโดยการเล่าจากความทรงจำต่อๆ กันมา เช่น ปู่ย่าตายายเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่เล่าให้ลูกหลานฟัง หรือมีการแพร่กระจายจากท้องถิ่นหนึ่งไปสู่อีกท้องถิ่นหนึ่ง นิทานเรื่องเดียวกัน เช่น นิทานเรื่องสังข์ทอง จึงอาจมีหลายสำนวนได้ ขึ้นอยู่กับผู้เล่าแต่ละคน ผู้เล่าที่ต่างวัยกัน ผู้เล่าที่เป็นผู้หญิง ผู้เล่าที่เป็นผู้ชาย ผู้เล่าในแต่ละท้องถิ่น อาจเล่านิทานเรื่องเดียวกันต่างกันออกไป ทำให้เกิดนิทานสังข์ทองสำนวนต่างๆ ขึ้น ดังนั้น เมื่อเราศึกษานิทานพื้นบ้าน เราจึงไม่ควรตั้งคำถามว่า นิทานสำนวนใดถูกต้อง หรือสำนวนใดเป็นสำนวนต้นแบบ หากแต่เราควรยอมรับความหลากหลายของนิทานสำนวนต่างๆ ที่เล่ากันในท้องถิ่นต่างๆ หรือในบริบทต่างๆ และควรทำใจให้สนุกสนานไปกับรายละเอียด ที่อาจต่างกันไปในแต่ละสำนวน
นิทานพื้นบ้านไทยในที่นี้ หมายถึง นิทานที่เล่าสู่กันฟังในหมู่บ้าน ในท้องถิ่น หรือในภาคต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งอาจมีที่มาหลายแหล่งคือ เป็นนิทานพื้นบ้านที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยเอง เช่น สังข์ทอง ปลาบู่ทอง ไกรทอง โสนน้อยเรือนงาม ขุนช้างขุนแผน ศรีธนญชัย นางนาคพระโขนง เป็นต้น หรืออาจมีที่มาจากต่างประเทศ แต่คนไทยรับเข้ามาไว้ในวัฒนธรรมไทยอย่างกลมกลืน เช่น มหากาพย์รามายณะ ของอินเดีย ได้กลายมาเป็นนิทานพื้นบ้านไทยหลายเรื่อง เช่น พระลัก-พระลาม ทางอีสาน พรหมจักร-หรมาน ทางภาคเหนือ เป็นต้น
นิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมาในสังคมวัฒนธรรมไทยนั้น แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ตามลักษณะของเนื้อเรื่อง ลักษณะตัวละคร รูปแบบของการเล่า ตลอดจนวัตถุประสงค์ของการเล่า นักคติชนวิทยาจึงแบ่งนิทานไทยออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้ นิทานเทวปกรณ์หรือตำนานปรัมปรา (myth) นิทานมหัศจรรย์ (fairytale) นิทานชีวิต (novella) นิทานประจำถิ่น (legend) นิทานคติสอนใจ (didactic tale) นิทานอธิบายสาเหตุ (explanatory tale) นิทานเรื่องสัตว์ (animal tale) นิทานเรื่องผี (ghost story) นิทานมุขตลก (joke) นิทานเรื่องโม้ (tall tale) และนิทานเข้าแบบ (formula tale) ซึ่งขออธิบายนิทานพื้นบ้านแต่ละประเภท พร้อมทั้งยกตัวอย่างนิทานแต่ละประเภท ที่เล่ากันในภาคต่างๆ ของประเทศไทย
นิทานเทวปกรณ์หรือตำนานปรับปรา
นิทานเทวปกรณ์ หรือตำนานปรัมปรา เป็นเรื่องที่อธิบายถึงกำเนิดจักรวาล กำเนิดโลก กำเนิดมนุษย์ สัตว์ พืช หรืออธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ลม ฝน กลางวันกลางคืน จันทรคราส สุริยคราส ฟ้าแลบฟ้าร้อง ฯลฯ ตลอดจนเป็นเรื่องเล่า ที่ใช้อธิบายที่มาของพิธีกรรม
นิทานมหัศจรรย์
นิทานมหัศจรรย์ตรงกับภาษาอังกฤษว่า fairytale ซึ่งมีผู้แปลตรงตามศัพท์ว่า เทพนิยาย แต่โดยเหตุที่เนื้อเรื่องของนิทานประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องมี "เทพ" หรือเทวดาก็ได้ หากแต่ลักษณะสำคัญของ fairytale คือ นิทานที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับของวิเศษ สิ่งมหัศจรรย์ พฤติกรรมที่เป็นจินตนาการความใฝ่ฝันของมนุษย์ เช่น การแปลงตัว การเหาะเหินเดินอากาศ การเนรมิตของวิเศษ นักคติชนวิทยา จึงมักเรียกนิทานประเภทนี้ว่า นิทานมหัศจรรย์
นิทานไทยที่เข้าข่ายนิทานมหัศจรรย์ คือ นิทานที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า นิทานจักรๆวงศ์ๆ
นิทานชีวิต
นิทานชีวิตของไทยก็มีลักษณะเช่นเดียวกับนิทานชีวิตของชาติอื่นๆ คือ เรื่องที่เล่า เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจาก จะบอกชื่อและฐานะตำแหน่งของตัวละครไว้อย่างชัดเจนแล้ว ยังระบุสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ ด้วยเหตุที่สถานที่ในนิทานชีวิตคือ สถานที่ในท้องถิ่นต่างๆ ในประเทศไทยนี่เอง ดังนั้น นิทานชีวิตของไทยบางเรื่อง จึงมีลักษณะเป็นนิทานประจำถิ่นด้วย
นิทานประจำถิ่น
นิทานประจำถิ่นเป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดกันมาในท้องถิ่นต่างๆ และมักเป็นเรื่องที่เชื่อกันมาว่า เคยเกิดขึ้นจริง เนื้อเรื่องมักเกี่ยวข้อง หรือเป็นการอธิบายความเป็นมา ของสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่น ทั้งสิ่งที่มีอยู่โดยธรรมชาติ เช่น ภูเขา เกาะ หิน ลำธาร ถ้ำ ฯลฯ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเนื่องในศาสนา
นิทานคติสอนใจ
นิทานคติสอนใจของไทยมักเป็นเรื่องที่มีขนาดไม่ยาวนัก การดำเนินเรื่องก็ไม่ซับซ้อน ตัวละครอาจเป็นคนหรือสัตว์ก็ได้ เรื่องหนึ่งๆ อาจมีตัวละครประมาณ ๒ - ๔ คน แนวคิดที่ปรากฏในนิทานประเภทนี้คือ คุณค่าของจริยธรรม และผลแห่งกรรมชี้ให้เห็นว่า การประกอบกรรมดีย่อมได้ดี และการประกอบกรรมชั่วย่อมได้ชั่ว กรรมดีที่นำผลดีมาให้ ได้แก่ ความกตัญญูรู้คุณ ความเมตตากรุณา ความเคารพเชื่อฟัง ความซื่อสัตย์ และความเลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนา ฯลฯ ส่วนกรรมชั่วที่นำผลร้ายมาให้ก็คือ การกระทำที่ตรงกันข้าม
นิทานอธิบายสาเหตุ
นิทานอธิบายสาเหตุของไทยมีเล่ากันในทุกถิ่น ส่วนมากเป็นนิทานขนาดสั้น อธิบายที่มาของสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะที่มาของรูปลักษณะของคน สัตว์ และพืช นิทานประเภทนี้เป็นนิทานที่เล่าถึงสาเหตุที่คน สัตว์ และพืชมีรูปร่างลักษณะ สีสัน หรือส่วนประกอบต่างๆ ที่มาของชื่อสัตว์บางชนิด ตลอดจนสาเหตุที่สัตว์บางชนิดเป็นศัตรูกัน นิทานประเภทนี้หลายเรื่องเกี่ยวโยงไปถึงความเชื่อว่า พระอินทร์ หรือพระพุทธเจ้าเป็นผู้สร้าง หรือบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆ และเป็นผู้ตั้งชื่อให้สัตว์ต่างๆ ด้วย
นิทานเรื่องสัตว์
นิทานเรื่องสัตว์เป็นนิทานที่มีตัวละครเป็นสัตว์ อาจเป็นการเล่า เพื่อให้เห็นนิสัยสันดานที่แท้จริงของสัตว์ นิทานประเภทนี้เป็นเรื่องที่มุ่งแสดงว่า แม้ว่าจะเปลี่ยนรูปร่างลักษณะ แต่สัตว์ก็มักไม่ทิ้งสันดานเดิมของตน
นิทานเรื่องผี
คนไทยก็นิยมฟังการเล่าเรื่องเกี่ยวกับผีๆ สางๆ และเรื่องตื่นเต้นเขย่าขวัญ เช่นเดียวกับคนชาติอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผี กล่าวได้ว่า มีเล่าอยู่ทุกถิ่น ในขณะที่เล่า ทั้งผู้เล่า และผู้ฟังมักเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เรื่องเล่าที่เกี่ยวกับผีนี้ จึงสะท้อนให้เห็นความเชื่อ ในเรื่องวิญญาณ และเรื่องภูตผีต่างๆ ของคนไทยได้เป็นอย่างดี ผีในเรื่องเล่ามีทั้งผีที่ดี ซึ่งให้ความช่วยเหลือ หรือคุ้มครองคน หรือบอกลาภให้ และผีร้าย ที่คอยหลอกหลอนรังควานคน ผีในนิทานไทยมีหลายประเภท คือ ผีคนตาย ผีบ้านผีเรือน ผีประจำต้นไม้ ผีป่า ผีที่สิงอยู่ในร่างคน และผีเบ็ดเตล็ด
นิทานมุขตลก
นิทานมุขตลกที่นิยมเล่ากันในสังคมไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาจแบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ เรื่องที่มีลักษณะหยาบโลน และเรื่องที่ไม่หยาบโลน
นิทานเรื่องโม้
นิทานที่เป็นเรื่องโม้ของไทย อาจแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ เรื่องโม้เกี่ยวกับสิ่งที่ใหญ่โตอย่างเหลือเชื่อ เรื่องโม้เกี่ยวกับความสามารถพิเศษ หรือพลังมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ และเรื่องโม้เกี่ยวกับเหตุการณ์อันผิดวิสัย หรือเหตุบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ
นิทานเข้าแบบ
นิทานเข้าแบบของไทยเท่าที่ได้มีผู้รวบรวมไว้มี ๒ ประเภทคือ นิทานไม่รู้จบ และนิทานลูกโซ่ นิทานไม่รู้จบ และนิทานลูกโซ่ตามท้องถิ่นต่างๆ ยังมีการรวบรวมไว้น้อย จึงขอยกตัวอย่างมาให้ดูประเภทละ ๑ เรื่อง ซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านจากภาคกลาง
บทสรุป
นิทานพื้นบ้านที่เล่ากันอยู่ในท้องถิ่น และในภาคต่างๆ ของประเทศไทยนั้น มีหลายร้อยหลายพันเรื่อง และในแต่ละท้องถิ่น ก็จะมีนิทานพื้นบ้านประเภทต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ นิทานเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ลูกหลานฟังมาหลายชั่วอายุคน
นับเป็น "มรดก" ทางวัฒนธรรมของชาวบ้าน ที่ถ่ายทอดมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยผ่านประเพณีบอกเล่า แต่ในปัจจุบันนี้ นับวันมีแต่จะหมดไป เพราะผู้เฒ่าผู้แก่ซึ่งเป็นนักเล่านิทานของหมู่บ้าน ก็มีแต่จะตายจากไป ส่วนลูกหลานก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ในครอบครัว หรือในหมู่บ้าน เพื่อฟังนิทานที่ผู้เฒ่าผู้แก่จะเล่าให้ฟังในยามว่าง หรือในยามค่ำคืน ลูกหลานอาจจะอยากฟังนิทานสมัยใหม่ นิทานฝรั่ง นิทานญี่ปุ่น ในแง่ของการรับรู้นิทาน ลูกหลานก็อาจจะมิได้รับรู้นิทานจากการที่ "ฟัง" ตายายเล่าอีกต่อไป หากแต่อาจจะ "อ่าน" เองจากหนังสือ หรืออาจรับรู้นิทานด้วยการ "ดู" จากโทรทัศน์ การ์ตูน ภาพยนตร์ หรือจากการเล่นเกมคอมพิวเตอร์
นิทานพื้นบ้านไทยสมัยเก่าหลายเรื่อง อาจสูญหายไปตามกาลเวลา และเหตุปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม แต่นิทานพื้นบ้านไทยหลายเรื่อง ก็อาจได้รับการสืบทอดต่อไปด้วยสื่อหลายรูปแบบในปัจจุบัน เด็กๆ ในสังคมไทยปัจจุบัน อาจจะรู้จักนิทานพื้นบ้านไทยแต่เดิม เช่น นางสิบสอง พระสุธน-มโนห์รา สังข์ทอง แก้วหน้าม้า นางนาคพระโขนง ในขณะเดียวกัน ก็รู้จักนิทานกริมม์ นิทานอีสป นิทานแอนเดอร์สัน นิทานญี่ปุ่นด้วย ในอนาคต สิ่งที่จะนับว่าเป็น "นิทานพื้นบ้านไทย" จะเป็นอย่างไร ก็คงขึ้นอยู่กับเรื่องเล่า ลักษณะของเรื่องเล่า ประเภทของเรื่องเล่า ที่คนไทยในปัจจุบันชอบ ซึ่งก็คงมีทั้งนิทานเก่า นิทานใหม่ นิทาน "ไทย" และนิทาน "เทศ" รวมกัน