เรื่องมีอยู่ว่า
ปี 2557 เราได้ทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ของกรุงไทย แอกซ่า กับตัวแทนที่มาเสนอขาย
ตัวแทนพูดถึงสินค้า คือ 12PL ในแบบที่น่าสนใจมาก ตามแบบฉบับของคนขายของทั่วๆไปที่เสนอแต่ในแง่ดีอ่ะค่ะ ไม่ว่าจะหยิบใบไหนขึ้นมาอธิบาย มันก็ดูจะคุ้มค่าแก่การสมัครไปหมด ตัวเราเองไม่ได้มีความรู้เรื่องการทำประกันในรูปแบบนี้ และด้วยความที่ยังเด็กเพิ่งบรรจุรับราชการใหม่ประกอบกับเป็นเด็กบ้านนอก ซื่อๆ พอเห็นแล้วก็คิดว่ามันน่าจะเป็นหนทางในการออมเงินได้ คิดว่าไม่น่ามีอะไรเสียหาย จึงตัดสินใจสมัครและจ่ายงวดที่ 1 ด้วยบัตรเครดิตเลย ซึ่งก็เข้าใจว่าปีต่อๆไป มันก็จะตัดอัตโนมัติจากบัตรไปเลย ทุกอย่างดูง่าย
ปี 2558 เราทำบัตรเครดิตหาย จึงติดต่อตัวแทนเพื่อแจ้งเลขบัตรใบใหม่ ตัวแทนก็รับเรื่องแล้วก็แจ้งให้บริษัทตัดเงินจากบัตรเครดิตใบใหม่
ปี 2559 เราเรียนปริญญาโท และยุ่งกับการทำวิทยานิพนธ์มากกก คือมันเหนื่อยมากจนแทบไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่มาเอะใจตอนที่จะยื่นภาษีว่าทำไมไม่มีใบเสร็จจากแอ็กซ่ามา เพราะคิดว่าตัวแทนต้องทำเรื่องตัดอัตโนมัติไว้ให้แล้ว แต่ว่ารายรับของเราไม่ได้มากขนาดที่ต้องเสียภาษี การแนบหรือไม่แนบใบเสร็จเพื่อลดหย่อยจึงไม่ได้มีผลอะไร และด้วยความที่กลัวจะเรียนไม่จบก็เลยมุ่งทำวิทยานิพนธ์จนสุดท้ายก็ลืมทวงถามไปยังตัวแทน
ปี 2560 ช่วงปลายปี เราเรียนจบ เพิ่งจะเริ่มระลึกได้ว่า ทำไมแอ็กซ่าไม่ส่งอะไรมาเลย มันเงียบไปเลย จึงเริ่มทวงถามไปยังตัวแทน ตัวแทนบอกว่าไม่ได้ทำอัตโนมัติไว้ให้ เค้าต้องเป็นคนยื่นเรื่องให้ จึงจะมีการตัดเงินจากบัตรเพื่อชำระ เราก็งง ทำไมต้องแจ้ง ทำไมไม่ถามเรา ทำไมเฉยไป เราเลยบอกว่างั้นทำเรื่องให้หน่อย
ผ่านไปหลายเดือน เค้าบอกว่า บริษัทแจ้งว่าต้องเสียค่าปรับที่ชำระเกินกำหนดเวลา (ตัวแทนไม่พูดเลยว่าลืมบอกเรา ไม่พูดว่าเป็นความผิดตัวเองสักนิดเลย) แล้วก็ขอเวลาเราเพื่อประนีประนอมกับบริษัทเพื่อให้เราชำระค่าปรับน้อยลง
เวลาผ่านไปเกือบ 3 เดือน(ที่ต้องคอยจี้ถามอยู่ตลอด) ได้รับคำตอบว่า ถ้าจะชำระในกรมธรรม์นี้ ต้องจ่ายประมาณ 70,000 กว่าบาท แต่เค้าแนะนำว่า "เอามาเริ่มต้นใหม่ดีกว่า" จะคุ้มมากกว่า
เราจึงตัดสินใจยกเลิกกรมธรรม์เล่มเดิม แล้วทำใหม่ ด้วยความเข้าใจว่า เงินที่ออมไว้ในกรมธรรม์เล่มที่ยกเลิก จะสามารถนำมาเริ่มต้นในเล่มใหม่ได้ การทำเล่มใหม่นี้ ตัวแทนเป้นคนเขียน เราไม่ได้เขียนเอง รวมถึงการยกเลิก ก็ไม่ได้มีลายมือเราในการลงชื่อยกเลิกเลย
วันนี้เราได้รับเล่มกรมธรรม์ใหม่ ในรายการชำระ แจ้งยอดว่าชำระแล้ว 24,043 บาท เรารู้สึกสงสัยว่า ส่งไป 2 ครั้ง ทำไมมียอดเงินแค่นี้ แล้วอีก 24,000 กว่าบาท หายไปไหน จึงทวงถามตัวแทน ตัวแทนบอกว่า ไม่ได้คืน และยอดที่จ่ายในกรมธรรม์เล่มใหม่ คือยอดที่ตัดใหม่ ไม่ใช่เงินจากเล่มเดิม
ตัวแทนพูดดีมาก พูดเบี่ยงนู่นนี่ ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงประเด็น จะอ้างว่าเป็นการตัดสินใจของเรา เราเสียความรู้สึกมากกกก
จึงขอยกเลิกกรมธรรม์เล่มใหม่ล่าสุดที่ทำ แล้วก็ขอเงินคืนแม้จะตัดจากบัตรแล้วก็ตาม ซึ่งตัวแทนยืนยันว่า จะได้รับคืนเป็นเช็คเงินสด ส่งมาทางไปรษณีย์
รู้สึกเสียใจมากที่มองโลกในแง่ดีเกินไป จนทำให้คนแบบนี้มาหลอกเอาเงินที่เราหามาได้ด้วยความสุจริต
เราเป็นแค่ครูบ้านนอกเอง เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะมากมาย แค่พออยู่พอกิน มีเหลือเก็บไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
พอออมเงินแล้วเจอแบบนี้รู้สึกแย่มากเลยค่ะ
มีท่านใดพอจะให้คำแนะนำได้บ้างไหมคะ
กรณีแบบนี้ จะสามารถเรียกเงินคืนได้รึเปล่า กรุณาชี้แนะด้วยค่ะ
ประกันชีวิตแบบออมเงินของแอ็กซ่า ไม่คุ้มค่าอย่างที่คิด
ปี 2557 เราได้ทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ของกรุงไทย แอกซ่า กับตัวแทนที่มาเสนอขาย
ตัวแทนพูดถึงสินค้า คือ 12PL ในแบบที่น่าสนใจมาก ตามแบบฉบับของคนขายของทั่วๆไปที่เสนอแต่ในแง่ดีอ่ะค่ะ ไม่ว่าจะหยิบใบไหนขึ้นมาอธิบาย มันก็ดูจะคุ้มค่าแก่การสมัครไปหมด ตัวเราเองไม่ได้มีความรู้เรื่องการทำประกันในรูปแบบนี้ และด้วยความที่ยังเด็กเพิ่งบรรจุรับราชการใหม่ประกอบกับเป็นเด็กบ้านนอก ซื่อๆ พอเห็นแล้วก็คิดว่ามันน่าจะเป็นหนทางในการออมเงินได้ คิดว่าไม่น่ามีอะไรเสียหาย จึงตัดสินใจสมัครและจ่ายงวดที่ 1 ด้วยบัตรเครดิตเลย ซึ่งก็เข้าใจว่าปีต่อๆไป มันก็จะตัดอัตโนมัติจากบัตรไปเลย ทุกอย่างดูง่าย
ปี 2558 เราทำบัตรเครดิตหาย จึงติดต่อตัวแทนเพื่อแจ้งเลขบัตรใบใหม่ ตัวแทนก็รับเรื่องแล้วก็แจ้งให้บริษัทตัดเงินจากบัตรเครดิตใบใหม่
ปี 2559 เราเรียนปริญญาโท และยุ่งกับการทำวิทยานิพนธ์มากกก คือมันเหนื่อยมากจนแทบไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่มาเอะใจตอนที่จะยื่นภาษีว่าทำไมไม่มีใบเสร็จจากแอ็กซ่ามา เพราะคิดว่าตัวแทนต้องทำเรื่องตัดอัตโนมัติไว้ให้แล้ว แต่ว่ารายรับของเราไม่ได้มากขนาดที่ต้องเสียภาษี การแนบหรือไม่แนบใบเสร็จเพื่อลดหย่อยจึงไม่ได้มีผลอะไร และด้วยความที่กลัวจะเรียนไม่จบก็เลยมุ่งทำวิทยานิพนธ์จนสุดท้ายก็ลืมทวงถามไปยังตัวแทน
ปี 2560 ช่วงปลายปี เราเรียนจบ เพิ่งจะเริ่มระลึกได้ว่า ทำไมแอ็กซ่าไม่ส่งอะไรมาเลย มันเงียบไปเลย จึงเริ่มทวงถามไปยังตัวแทน ตัวแทนบอกว่าไม่ได้ทำอัตโนมัติไว้ให้ เค้าต้องเป็นคนยื่นเรื่องให้ จึงจะมีการตัดเงินจากบัตรเพื่อชำระ เราก็งง ทำไมต้องแจ้ง ทำไมไม่ถามเรา ทำไมเฉยไป เราเลยบอกว่างั้นทำเรื่องให้หน่อย
ผ่านไปหลายเดือน เค้าบอกว่า บริษัทแจ้งว่าต้องเสียค่าปรับที่ชำระเกินกำหนดเวลา (ตัวแทนไม่พูดเลยว่าลืมบอกเรา ไม่พูดว่าเป็นความผิดตัวเองสักนิดเลย) แล้วก็ขอเวลาเราเพื่อประนีประนอมกับบริษัทเพื่อให้เราชำระค่าปรับน้อยลง
เวลาผ่านไปเกือบ 3 เดือน(ที่ต้องคอยจี้ถามอยู่ตลอด) ได้รับคำตอบว่า ถ้าจะชำระในกรมธรรม์นี้ ต้องจ่ายประมาณ 70,000 กว่าบาท แต่เค้าแนะนำว่า "เอามาเริ่มต้นใหม่ดีกว่า" จะคุ้มมากกว่า
เราจึงตัดสินใจยกเลิกกรมธรรม์เล่มเดิม แล้วทำใหม่ ด้วยความเข้าใจว่า เงินที่ออมไว้ในกรมธรรม์เล่มที่ยกเลิก จะสามารถนำมาเริ่มต้นในเล่มใหม่ได้ การทำเล่มใหม่นี้ ตัวแทนเป้นคนเขียน เราไม่ได้เขียนเอง รวมถึงการยกเลิก ก็ไม่ได้มีลายมือเราในการลงชื่อยกเลิกเลย
วันนี้เราได้รับเล่มกรมธรรม์ใหม่ ในรายการชำระ แจ้งยอดว่าชำระแล้ว 24,043 บาท เรารู้สึกสงสัยว่า ส่งไป 2 ครั้ง ทำไมมียอดเงินแค่นี้ แล้วอีก 24,000 กว่าบาท หายไปไหน จึงทวงถามตัวแทน ตัวแทนบอกว่า ไม่ได้คืน และยอดที่จ่ายในกรมธรรม์เล่มใหม่ คือยอดที่ตัดใหม่ ไม่ใช่เงินจากเล่มเดิม
ตัวแทนพูดดีมาก พูดเบี่ยงนู่นนี่ ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงประเด็น จะอ้างว่าเป็นการตัดสินใจของเรา เราเสียความรู้สึกมากกกก
จึงขอยกเลิกกรมธรรม์เล่มใหม่ล่าสุดที่ทำ แล้วก็ขอเงินคืนแม้จะตัดจากบัตรแล้วก็ตาม ซึ่งตัวแทนยืนยันว่า จะได้รับคืนเป็นเช็คเงินสด ส่งมาทางไปรษณีย์
รู้สึกเสียใจมากที่มองโลกในแง่ดีเกินไป จนทำให้คนแบบนี้มาหลอกเอาเงินที่เราหามาได้ด้วยความสุจริต
เราเป็นแค่ครูบ้านนอกเอง เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะมากมาย แค่พออยู่พอกิน มีเหลือเก็บไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
พอออมเงินแล้วเจอแบบนี้รู้สึกแย่มากเลยค่ะ
มีท่านใดพอจะให้คำแนะนำได้บ้างไหมคะ
กรณีแบบนี้ จะสามารถเรียกเงินคืนได้รึเปล่า กรุณาชี้แนะด้วยค่ะ