[SR] [SR] ออกเดินทางตามหาดวงดาวบนยอดเขาเหนืออินเดีย

จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งมักเริ่มต้นจากก้าวแรกคือ”ความคิด” ตามมาด้วยจินตนาการและความปรารถนาที่จะเป็นแรงผลักดันให้ไปจนถึงสิ่งที่ตั้งใจไว้ มาถึงก้าวสำคัญคือ การลงมือทำมันให้เป็นจริง

การได้ออกไปตามหา บันทึกภาพlandscape และดวงดาว ในเส้นทางธรรมชาติที่ห่างไกล มันเป็นสิ่งที่หลายๆคนรวมถึงตัวผมรักและหลงใหล
เมื่อเรายิ่งไปไกลขึ้น ลึกขึ้น หรือสูงขึ้นความสวยงามแปลกตาที่ธรรมชาติสร้างไว้ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
การหลีกหนีจาก comfort zone มาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาตินั้น แน่นอนว่าย่อมทำให้เราเหนื่อย เมื่อยล้าเป็นธรรมดา  

แต่เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่เราตั้งใจ ความเหนื่อย เมื่อยล้าเหล่านั้นก็จะหายไป และสิ่งที่ได้กลับมานั้นล้ำค่าเกินกว่าจินตนาการไว้
เมื่อเราได้เห็นภาพของธรรมชาติเบื้องหน้าที่ยิ่งใหญ่ ไกลสุดลูกตาจากมุมสูง กับแสงดาวระยิบระยับในท้องฟ้ายามค่ำคืน
   มันเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เรามีพลัง พลังที่อยากจะก้าวต่อ และถ่ายทอดภาพแห่งความสวยงามเหล่านั้นออกมา
ด้วยมุมมองของเรา ไปสู่สายตาของทุกๆคน

นี้ทำให้การเดินทางทุกๆครั้งไม่เคยมีความน่าเบื่อ นับตั้งแต่ก้าวแรกเมื่อ20ปีที่แล้ว
จากใต้ทะเล ไปจนสุดยอดเขาของประเทศไทย จนถึงตอนนี้ เราจะไปให้ไกลกว่า สูงกว่า เพื่อจะถ่ายทอดมุมมองที่กว้างกว่าเดิม

การได้เดินทางไปบนถนนและเส้นทางสายที่เกือบสูงที่สุดที่ถนนเส้นนึงจะไปถึงบนผิวดาวโลก เพื่อตามหาจุดหมายที่ทำให้เราได้เข้าใกล้กับความคิดและจินตนาการของเรามากที่สุดนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องแลกกับความยากลำบากในหลายๆอย่าง เพียงเพื่อให้ได้ชื่นชมความสุดขีดของจักรวาลและแลนสเคปที่กว้างใหญ่ ในจุดที่เราตั้งเป้าหมายไว้

จุดหมายปลายทางของเราในช่วง9วันนั้น อยู่ในเส้นทางทุรกันดารที่วิ่งอยู่ตามไหล่เขามากกว่า500กิโลเมตร
ลัดเลาะเป็นเส้นโค้งมากกว่าเส้นตรง
ในแต่ละวันเราต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่า5ชั่วโมงบนรถและ3ชั่วโมงด้วยเท้า เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ในแต่ละจุด
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้การเดินทางบนเส้นขอบความสูงทางตอนบนของประเทศอินเดียนี้น่าเบื่อเลย

ทิวเขาสลับซับซ้อนกับแสงเงาที่ดวงอาทิตย์และสายลมสร้างรูปร่างของมันเอาไว้ ดึงดูดสายตาของเราได้เสมอ  

วันแรกจากไทยมาถึงจากเดลีที่ระดับ350เมตรเหนือน้ำทะเล ต่อด้วยการเดินทางอีกชั่วโมงครึ่งบนเที่ยวบินในประเทศ
เดินทางถึงLeh ตอนบนสุดของอินเดีย ที่ความสูง 3600เมตร อากาศที่บางเบากว่าทำให้เหนื่อยง่ายขึ้น
การทำทุกอย่างให้ช้าลงจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราใช้เวลาอยู่ในเลตลอดทั้งวัน
เข้าชมsanti stupa และ Leh palace  ที่อยู่ด้านบนของเมือง สามารถมองเห็น Leh ได้ในมุมสูง ที่แลดูสงบ เรียบง่าย รายล้อมไปด้วยขุนเขาที่สูงเกินกว่า6000 เมตร ราวกับป้อมกำแพงที่ปิดบังเมืองนี้จากโลกภายนอกเอาไว้















หลังจากการพักเพื่อปรับตัวกับระดับความสูงในวันแรก วันนี้จะเริ่มต้นเพื่อออกเดินตามเส้นทางที่วางแผนไว้
แสงอาทิตย์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่4.30 ช่วงเช้าหลังอาทิตย์ขึ้นได้ไม่นาน เราออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง nubra
ใช้เส้นทางที่เลาะริมผาและสูงชันทางด้านทิศเหนือของLeh มุ่งสู่ระดับความสูง 5600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล





จากเส้นทางนี้เรามองเห็นทุกอย่างเล็กลงอย่างรวดเร็วจากความสูงที่เพิ่มขึ้น รอบข้างเต็มไปด้วยเหล่านักเดินทางที่ต้องการเอาชนะขีดสุดของตัวเองบนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นและสูงชันอันดับต้นๆของโลก เพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดของถนน Khardung La ถนนที่สูงเกือบ 5,602 m














การเดินทางสู่เมือง nubra ด้วยระยะทางกว่า 125 กม เราใช้เวลาเกือบ6 ชม จุดหมายปลายทางนั้นอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหุบเขา ซึ่งมีลำธารขนาดมหึมาที่เกิดจากการละลายของภูเขาน้ำแข็งเบื้องบน น้ำสีขุ่นโคลนไหลลงอย่างต่อเนื่องจากทุกๆหุบเขาลงสู่ลาธารสายเดียว สร้างทัศนียภาพที่แปลกตา
ตลอดเส้นทาง มีทั้งทะเลทราย กองหินกรวดขนาดใหญ่ไปจนถึงพื้นที่ราบลุ่มที่มีแอ่งน้ำเหมือนโอเอซิส ให้ที่พักพิงแก่ชาวเมืองภายใต้หุบเขาแห่งนี้



วันนี้เราเดินเข้ามาอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเพื่อมองหาจุดที่เหมาะสมแก่การถ่ายภาพ ในขณะที่แดดในช่วงกลางวันร้อนระอุจนถึง30องศา
แตกต่างจากจุดสูงสุดที่เราเพิ่งผ่านมา ที่มีอุณภูมิแค่6องศา















โชคไม่ดีที่ช่วงเย็นเกิดลมพัดแรงจนทำให้ฝุ่นทรายที่อยู่รอบภูเขาก่อตัวขึ้นลอยไปในอากาศจนฟุ้งและกลายเป็นพายุทราย



สุดท้ายผ่านไปหนึ่งวันและหนึ่งคืนท่ามกลางพายุทรายที่พัดแรงและอากาศที่ไม่เป็นใจ ก็ได้เวลาเดินทางกลับสู่ Leh อีกครั้ง
ช่วงบ่ายเราใช้เวลาเดินสารวจตลาดบาซากลางเมือง









ถนนเล็กๆแต่มีร้านค้าเยอะแยะมากมายหลากหลาย ตั้งแต่ของฝากเล็กๆ อาหาร ผลไม้ท้องถิ่น เครื่องประดับในแบบของแคชเมีย อินเดีย ไปจนถึงพรมเปอเซียขนาดใหญ่ให้เลือกซื้อ

ในวันที่สาม สี่และห้า หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเราเตรียมสัมภาระ และเดินทางจาก Leh มุ่งสู่ Tso moriri
ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่างจากLehไป 250 กม บนเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาตามร่องเขา
ค่อยๆไต่ระดับความสูงไปจนถึง 4,522 m จากระดับน้ำทะเล ใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง ในการเดินทาง









ตามหุบเขาที่มีลำธารไหลผ่านทุ่งหญ้าเล็กๆ ก็มีสัตว์ท้องถิ่นอย่างมามอท ออกมาจากรูที่ขุดอยู่ไม่ไกล เพื่อมาหาอาหาร แบบที่ไม่ได้สนใจคนแปลกหน้าอย่างเรามากนัก







เราหยุดการเดินทางด้วยรถ และเดินเท้าขึ้นไปบนยอดสูงใกล้กับจุดชมวิว
บนหุบเขาสูงเหนือหน้าผา ไม่ไกลมากนักมีแพะภูเขา สัตว์ท้องถิ่นที่อาศัยหน้าผาสูงเป็นบ้าน
กำลังยืนจ้องมองเราอยู่อย่างเงียบๆ และเคลื่อนไหวไปบนผาอย่างช้าๆ
เรามองหาตำแหน่งที่ดี ที่จะสามารถถ่ายภาพlandscapeของทะเลสาบและมองหาทิศทางที่ดีเพื่อจะเก็บภาพ








ถึงที่นี่จะดูสงบในช่วงสาย แต่ในช่วงบ่าย และค่ำทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยนได้รวดเร็วมาก มีทั้งลมและฝน
ไอร้อนและลมหนาวเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ แต่รุนแรง พัดหอบเอาทรายและละอองน้ำขึ้นมาจากริมทะเลสาบ











ช่วงสายของวันหลังจากการเก็บภาพรอบๆยอดเขา และทะเลสาบแล้ว เรามุ่งหน้าต่อไปยังทะเลสาบเกลือTsokar Lake
ที่อยู่สูงกว่า 4200 เมตร ทะเลสาบแอ่งน้าเค็มขนาดใหญ่ถูกกักอยู่บนยอดเขา มีเกล็ดเกลือสีขาวอยู่เต็มทะเลสาบ มองดูราวกับหิมะ
เส้นทางที่แห้งแล้งนี้ยังคงพบเห็นสัตว์ป่าอย่าง Kiangs หรือลาป่าทิเบต ยืนอยู่โดดเดี่ยวบนพื้นที่ ที่ร้อนระอุเหมือนทะเลทราย












หลังจากผ่านทะเลสาบเกลือเราก็มุ่งหน้าขึ้นสู่ถนนที่มีความสูงระดับต้นๆของโลก อย่างTanglang La ที่มีความสูง 5,328 m เหนือระดับน้ำทะเล
จากจุดนี้เราต้องเดินเท้าบนน้ำแข็งที่กำลังละลายที่ทั้งลื่นทั้งชัน
อากาศที่เบาบางลงจากความสูงที่เพิ่มขึ้นเป็นอุปสรรคสาคัญต่อการเดิน เพราะมันทำให้เหนื่อยง่ายมากขึ้น




เราเดินหาทำเลเหมาะๆที่จะเก็บภาพของlandscape และดวงดาวในช่วงเวลากลางคืน เท่าที่จะเดินไปได้


รอจนถึงค่ำ เพื่อจะเก็บภาพทางช้างเผือกที่ตั้งใจไว้






และนี้คือ สิ่งที่เราได้ในคืนนั้น







ชื่อสินค้า:   Citizen PROMASTER
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่