EP.2 10 วัน 9 คืนที่ ทัชมาฮาล และ เลห์ ลาดัก 25,000 บาท ก็ได้หรอ?

มาต่อกันจาก ทัชมาฮาลลลล
แนะนำอาหารที่ตอนเหนือของอินเดีย จะกินยากนิดนึง เอามาจากไทยกันเยอะๆนะ เผื่อทนอาหารที่นิ่ไม่ได้ และกันการท้องเสีย เดี๋ยวจะหมดฟิวเที่ยวกันป่าวๆ

วันที่ 4 15/4/2017 Go to Leh Ladakh กันนนนน ถ้าได้นั่งริมฝั่งซ้ายของเครื่องบินและติดหน้าต่างคือจะดีเว่อวัง เพราะจะเห้นหุบเขาที่เป็นหิมะปกคลุมของ Leh ถ่ายรูปสวย เราบินสายการบินของ Jet Airway มีอาหารให้บนเครื่องพี่จองให้ตั้งแต่ที่ไทย


******* ถึงสนามบิน Leh ตอนประมาณ 7 โมงเช้า ******** คือหนาวมาก ก่อนขึ้นเครื่องเตรียมเสื้อกันหนาวไว้เลยนะเพราะลงเครื่องปุ้บ เราจะหนาวขึ้นมาทันที แตกต่างจากเดลี และอักราอย่างมาก น้ำหนักเครื่องจะจำกัดอย่างมากนะตอนบินไปเลห์เพราะเครื่องบินที่บินไปจะเป็นลำเล็ก พยายามอย่าเกินกันนะ จองไปเท่าไหร่ก็เอาไปเท่านั้นเนอะ ไปหากระเป๋าและกรอกไปเข้าเมืองเพื่อส่งในทางสนามบินว่าพักที่ไหน ข้อมูลส่วนตัวของเรา
พอถึงสนามบินทางโรงแรมที่เราจองไว้คือ SIA-LA GUEST HOUSE+Breakfast 2 ห้อง 4เตียง 3,500 INR รูปีนะ 3 คืน จะมารับเราที่หน้าสนามบิน


ไปถึงไม่ควรอาบน้ำ ควรนอนพักผ่อน ต้องนอนให้หลับนะ อย่าตื่นเต้น อย่าวิ่งเพราะข้างบนออกซิเจนน้อย วันนั้นเราออกเที่ยวเลย นอนพักแค่ 3-4 ชั่วโมงตอนถึงโรงแรม แต่จริงๆแล้ววันที่เราไปถึงควรจะพักเลยวันนึง อย่าออกไปไหนเลย ให้ร่างกายได้ปรับกับความสูงก่อน
ตอนเย็นเราออกมาเที่ยวที่
-    ที่แรกที่เราไปหลังจากตื่นคือ  Leh city
-    Leh palace จะเห็นวิวทั้งเมืองเลห์เลย สวยงามมาก
-    Shata stupa

**************** หลังจากที่เที่ยวกันมาจนถึง *****************
-    Main bazar ที่ช้อปปิ้งชั้นดีของนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร และของฝากต่างๆ เรายังไม่ซื้อกันวันนี้ เราจะกลับมาซื้อกันวันสุดท้ายก่อนกลับ 555555+

คือหาร้านอาหารกินข้าวเย็นกันที่นิ่ ก้เจอร้านนึงเป็นร้านพิซซ่า อยู่ชั้นสาม ของตึกห้องแถว ก็ขึ้นไปกัน แต่กว่าจะขึ้นถึงชั้นสาม แค่ชั้น สามของตึกเอง เหมือนเดินขึ้นบ้านสามชั้นอ่ะ แต่ทำไม??? ทำไมมันเหนื่อยจัง เพราะอากาศมันน้อยไงงงงงงง ขึ้นมาถึงก็หอบแหลกกกันเลยจ้า แต่!!! มันเกิดประเด็นที่ว่า เรานิ่แหละเป็นลม แล้วพี่อีกคนในทริปก็ออกซิเจนต่ำ ยังกินข้าวกันไม่อิ่มดีเลย ส่ง โรงบาลกันแล้ว เข้าไปถึงที่โรงบาลกันจ้า เราอ่ะเป็นลมเพราะหิวไม่ได้ทานข้าวแล้วปวดท้อง แต่พี่อีกคนออกซิเจนต่ำ
หมอเลยให้แอดมิด แต่ประเด็นคือ กลัวเข็ม คือเรากลัวมาก ในชีวิตเกิดมา 23 ปีไม่เคยให้น้ำเกลืออ่ะแกรรรร กลัวจริงๆนะ ไอ้เราก็นึกว่าพยาบาลที่ถือน้ำเกลือมาเพราะให้พี่อีกคนนึงแน่เลย แกเป็นเยอะกว่าเรา แต่ไม่!!!!!!!! มันคือของเรา พี่อีกคนแค่ให้ออกซิเจน แต่เราอ่ะ ให้ทั้งออกซิเจนและกลูโคลสสสสสสสสส เห้ยยยยยยย กลัววววว คือโรงบาลประมาณบนดอยบ้านเราแบบนั้น เครื่องใช้ต่างๆยังไม่ทันสมัย พยาบาลที่เดินมาเจาะน้ำเกลือให้เราบอกเราว่า กลัวหรอค่ะ แล้วยิ้มปริ่มๆ ในใจคิดดด เห็นหน้าหนูไหมล้ะ ซี้ดดดดดดดขนาดนี้ นางบอกไม่เจ็บๆๆๆ เจาะเสร็จก็หลับจ้ะ หลับจนพยาบาลเดินมาปลุกว่าเอาน้ำเกลือออกแล้วนะ ค่าออกซิเจนของน้องปกติ พี่อีกคนนึงก็ปกติแล้ว ดูนาฬิกาตอนนั้นคือ ตี1 ห้ะ!!!! ถามพี่อีกคนนึง จะกลับโรงแรมหรือนอนจนเช้าแล้วให้คนที่โรงแรมมารับ พี่บอกกลับเหอะ ก็เลยพยายามติดต่อเบอร์ที่พัก (จะบอกว่าสัญญาณข้างบนใช้ได้แค่ซิมเดียวคือ Airtel) เน็ตเล่นไม่ได้นะ นอกจากไวไฟ รร. แต่ก็ติดๆดับๆ ขนาดสัญญาณโทรศัพท์ยังกว่าจะติดต่อได้นานมากกก ไฟนอลลี่ ติดต่อเจ้าของ รร.ได้แล้วนางก็ขับรถมารับ ตอนออกจาก รพ. คือหิมะตก หนาวมากกกกกก (ที่นั่นในโรงบาลจะมีตนเข้าออกเป็นปกติ เรื่องออกซิเจนต่ำมันเป็นเรื่องปกติของพวกเค้า จะมีคนเข้าออกเพื่อมาเติมออกซิเจนประจำ)
ไปถึงโรงแรมก็กินเพราะหิวแล้วก็นอนจ้ะ ตื่นเช้ามาคือดีขึ้น ***คือเราจะบอกว่าไปนู้น สิ่งที่ควรทำเลยหลังจากที่เราประสบกับตัวเองมาคือ กินให้อิ่ม นอนให้หลับ ถ่ายให้ออก ไม่งั้นมันจะอั้น ซึ่งเราปวดท้องถ่ายหนักแต่ถ่ายไม่ออก บวกกับท้องว่างไม่ค่อยกิน เลยทำให้เราเป็นลมเข้าโรงบาล และหมอก็จับเราใส่ออกซิเจนด้วย
-    ค่ารักษาพยาบาลของเราคือ 30 รูปี 15 บาทไทยนั่นเอง ได้ทั้งกลูโคลสและอกซิเจนหนึ่งถึงใหญ่ๆ ถูกเวร่อออออ


วันที่ 5 16/4/2017 ตื่นมาด้วยความสดใสสสสสสส นอนอิ่มและอิ่มกลุโคลส นั่งกินข้าวของโรงแรมจะเป็น ข้าวต้ม ไข่ต้ม ขนมปังทาแยม นั่งเม้ามอยกันเรื่องเมื่อวานกันอย่างเมามันและต่างคนก็ต่างเซฟตัวเองว่าต่อไปจะต้อง ถ่ายหนักทุกเช้า 555555+ จะต้องกินเยอะๆ (ทริปนี้พี่จากไทยขนของแห้ง โลโบ้มาเยอะมาก ทั้งเนื้อฝอย มาม่า) หลังจากที่กินข้าวเสร็จ อย่าลืมมมม!!! กินยานะ วันนี้โปรแกรมที่เราจะไปคือออออ
-    Magnetic Hill อารมจะเป็นประมาณ เนินพิศวง จอดรถไว้ตรงที่ Mark แล้วเราจะเห็นว่ารถนั้นเลื่อนขึ้นไปเอง
-    Sangam Viewpoint  จุดบรรจบแม่น้ำ 2 สีซึ่งเป็นจุดทีแม่น้ำสองสายเวียนมาบรรจบกัน    
-    วัด Alchi งัดเก่าแก่จุดเด่นคือศิลปะบนฝาผนัง
-    วัด Yama Yuru  ระหว่างทางไปวัดจะพบบรรยากาศระหว่างทางเหมือนผิวดวงจันทร์ เป็นแลนสเคปที่แปลกดี เรียกว่า Moon Land  

ตลอดทางจะมีป้ายเตือนสติแบบนี้ตลอด


วันที่ 6 17/4/2017    นั่งรถไป Nubra Velley  ถึงที่นิ่ก็เย็นแล้ว เพราะไม่ได้จองบ้านพักมาล่วงหน้า หาเอาดาบหน้าจ้า ระหว่างทางคือสวยมาก เป็นหุบเขา ตรงนี้จะเป็นเป็นพื้นที่ต่ำลง วิ่งได้ เดินไม่เหนื่อยเหมือนตอนอยู่ตัวเมืองเลห์ อากาศคือดี 5555555555 เรานอนพักที่นิ่ 1 คืน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปขี่อูฐกันแต่เช้า


วันที่ 7 18/4/2017     Hunder sand dune  ตื่นเช้า ทานอาหารที่โรงแรมและไปทะเลทรายต่อ ทะเลทรายจะอยู่ใกล้ๆกับที่พัก ห่างกันไม่นาน บริเวณนี้เป็นจุดขี่อูฐเป็นทะเลทราย สวยมากกกก ค่าขี่อูฐ ตัวละ 200 รูปี พาเดินวนไปบนทะเลทรายประมาณ 15 นาทีได้ ถ่ายรูปได้ตามใจชอบ (แนะนำขี่ตัวใหญ่ ตัวเล็กมันเด็ก มันชอบดื้อ 55555+ เราโดนมาแล้ว เอะอะก็นั่ง กลัวไปหมด)

ขากลับรถจะผ่านเส้นทางที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass เป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 18,380 ฟุต หรือห่างจากระดับน้ำทะเล 5,602 เมตร  เราก็ไม่รอช้า ถ้าผ่านบอกคนขับให้จอดด้วย พอรถจอดลงจากรถเท่านั้นแหละ รู้เลยจ้ะ ความเหน็บหนาวเป็นยังไง 55555+ ทุกคนบนรถลงไปถ่ายกัน รูปเดียวเท่านั้น แล้ววิ่งขึ้นรถกันอย่างเร็ว มันหนาวมากแกรรรรรร!!!แล้วมุ่งหน้าไป Pangong Lake กันต่อ ระหว่างทางคือไม่อยากจะละสายตาเลย มันสวยมาก แต่ไม่ไหว ง่วง โค้งเป็นพันโค้ง เตีรยมยาเมารถกันไปด้วยนะ บอกเลยใครนั่งรถไปเก่งนิ่ร่วงแน่  วิวระหว่างทางไป Pangong Lake ก็จะประมาณนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่