เริ่มต้นก่อนว่าที่เราจะเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่คบกับเขามาตลอดระยะเวลา3ปี ทุกเหตุการ ทุกสถานการ คือเรื่องจริงทั้งหมด มันอาจจะดูเหมือนละคร แต่เรากล้ายืนยันว่าทุกเหตุการคือเรื่องจริง (และบอกก่อนว่าเราไม่เคยดูถูกใครจากฐานะทางบ้านหรือการศึกษา เรามองว่าการที่ทางบ้านเรามีแต่สุดท้ายเงินนั้นมันก็ไม่ใช่ของเรา การที่เราจะมีชีวิตคู่เราต้องอยู่และสร้างมันมาด้วยกัน)
เริ่มต้นจากคบกันช่วงปีแรกๆ เราไม่เคยดูถูกใครจากฐานะทางบ้านหรือการศึกษา เรามองคนที่การกระทำ คำพูด ช่วงแรกๆอะไรก็ดีไปหมดจนเราได้เริ่มมาอยู่ที่เดียวกันเขามาอยู่ที่คอนโดเราบ่อยมากขึ้น จนทำให้เราเชื่อว่านี่คือเริ่มต้นของชีวิต ช่วงนั้นเขาอายุ19-20ปี เด็กกว่าเราปีนึงซึ่งเราเองก็เรียนมหาลัยอยู่ แต่เขาเรียนไม่จบปวส เขาทำงานเฝ้าร้านเกมช่วงดึกบางวันเราไม่มีเรียนเราก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเขาบางทีก็ไปนอนที่ร้านเกมเพื่อรอเขาเลิกงานและกลับคอนโดด้วยกัน ร้านเกมอยู่รามอินทรา ส่วนคอนโดเราอยู่ศรีนครินทร์ เขาเองมีรถยนต์ของพ่อมันก็เก่าแล้วหนึ่งคัน แต่อย่างที่บอกเราไม่เคยมองคนที่ฐานะหรืออะไร จนวันนึงเราก็อยู่ร้านเกมกับเขานั่นแหละและมีคนเดินเข้ามาเป็นเจ้าหนี้เขาซึ่งตอนนั้นเราเองก็เรียนไม่ได้มีเงินมากมาย ถ้าเราจำไม่ผิดจำนวนเงินตอนนั้นก็เกือบ4-5พันบาทได้ซึ่งเงินที่เขาได้จากการเฝ้าร้านเกมมันแค่300-400บาทเอง แค่จะกินก็ไม่พอแล้ว สุดท้ายหนี้พวกนั้นเราก็ต้องเจียดเงินเราและเขารวมๆกันเพื่อลบหนี้จนหมด
เรื่องต่อไปคือการใช้เงินช่วงแรกพอเจอเหตุการณ์นั้นไปเราก็ยังคงไม่ไปไหนนะยังคบอยู่เพราะเรารู้สึกว่าทุกคนมีอดีตและเรื่องนี้ไม่ใช่อดีตที่ร้ายแรงมันสามารถลบออกไปได้ แต่เหตุการณ์ต่อไปนี้มันก็คงเป็นความผิดเราด้วยที่เราสร้างนิสัยแบบนี้ให้เขา เรื่องการใช้เงิน การกินของดีๆ ตอนเราอยู่คนเดียวเราได้เงินจากที่บ้านตอนเรียนมันพอที่จะกินของดีๆสำหรับคนเดียวแต่พอเราอยู่ด้วยกันแล้วเราอยากกินแต่เขาไม่มีเงินเราก็เลยว่าเออไม่เป็นไรเดี๋ยวเราออกไปก่อนก็ได้ จนเรื่องประมาณนี้มันก็ทำให้เป็นเรื่องปกติในตลอดระยะเวลา3ปีที่ผ่านมา แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดแต่ว่าก็แฟนกันเนอะจะให้เรามากินดีๆคนเดียวแล้วอีกฝ่ายกินมาม่าก็ไม่ได้ป่ะ!! และช่วงเวลาปีแรกๆก็ผ่านไปจนเข้าปีที่สอง เขาย้ายมาอยู่คอนโดเรา เราเริ่มพยายามหางานให้เขาทำเพื่อที่จะรีเซ็ทการใช้ชีวิตเด็กร้านเกมเด็กที่ได้เงินแค่รายวัน300-400บาท จนเขาก็ไปสัมภาษณ์ได้งานร้านขายมือถือในห้างเงินเดือน10,000-14,000บาท มันก็ดีขึ้นจนเราจับได้ครั้งแรกว่าเขาคุยกับคนอื่นโดยการเล่นโทรศัพย์เขาและเห็นไลน์ที่คุยกันซึ่งผู้หญิงที่คุยกันเรารู้แล้วว่าน้องเขาไม่ได้คิดอะไรแต่คนของเราเขาคิด ซึ่งเป็นน้องผู้หญิงคนที่ว่าคือรุ่นน้องในวิทยาลัยเดียวกับเราแต่ไม่รู้จักกันและที่แย่กว่าคือการที่น้องเขาอยู่คอนโดเดียวกับเราแต่คนละชั้นกันซึ่งการเจอเหตุการณ์นี้มันทำให้เราเปลี่ยนนิสัยเราไปเลย เรากลายเป็นคนที่คอยเช็คคอยโทรตามแต่ช่วงแรกยังไม่ค่อยเยอะมากแต่ก็มีจนเรื่องนี้จางลง เราก็ใช้ชีวิตกันตามปกติผ่านไปเดือนนึงก็มีอีกเรานอนอยู่ในห้องนอนส่วนเขาอยู่ห้องข้างนอกก็นั่งเล่นคอมอะไรไปเราก็ไม่ได้สนใจจนเขาออกไปทำงานเราก็มานั่งเล่นคอมแต่เขาไม่ได้ปิดคอมจนเราเจออีกว่าคุยกับคนอื่น และมีมาเรื่อยๆแต่ก็เว้นระยะห่างจากคนก่อนๆอยู่สักพักประมาณเกิน6คนได้ที่เราเจอแต่เราก็ยังอยู่ ไม่รู้ว่าอยู่ทำไมเหมือนกันนะ 55555
จนเราเรียนจบเริ่มทำงานที่แรกอยู่ร้านขนมแถวพร้อมพงษ์เราต้องนั่งรถไปเพื่อเข้างาน7โมงช่วงนี้เขาออกจากงานแล้วโดยเขาบอกว่าอยากพักก่อนที่เขาจะไปทหารเขาตัดสินใจที่จะสมัครโดยให้เหตุผลกับเราว่า สวัสดิการของ รพ. และ การกู้เพื่อซื้อบ้าน (ลืมลอกไปว่าทางบ้านเขาพ่อเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์นี่แหละครึ่งขวาแต่ก็ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแต่ไม่ได้ทำงาน ส่วนแม่ทำงานอยู่โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ เท่ากับว่าแม่เป็นคนหาเงินเข้าบ้านเพียงคนเดียว) เราก็โอเคถ้าเขาตัดสินใจแล้วจริงๆว่าทุกอย่างมันดีต่อตัวเขา และครอบครัวเขา เราจะไม่ห้ามเราจะรอจนกว่าจะปลดจากทหาร จนวันที่เขาไปทหารเราก็ได้สัญญาไว้ว่าเราขอนะเรื่องมีคนอื่นเราขอจริงๆไม่ต้องกลัวว่าเราจะมีใครเราจะรอแค่เธอคนเดียว จนเขาไปทหารช่วงฝึกไม่ได้ติดต่อกันเลยเป็นเวลา3เดือนซึ่ง3เดือนนั้นเราเขียนหน้าเฟสบุคเขาทุกวันว่าเราคิดถึงเขานะ คิดถึงมากๆทำอะไรมาบ้างวันนี้เหนื่อยจัง จนวันนึงเรากำลังจะไปถ่ายรูปนอกรอบชุดครุยกับเพื่อนมันก็ขึ้นข้อความที่เขาเม้นหน้าเฟสเราว่า คิดถึงมากๆนะแอบออนไลน์คอมครู ไปละรักมากๆนะ และเขาก็ทักแชทมาพิมพ์แค่ว่า miss you, คิดถึง เรากำลังทำผมแต่งหน้าอยู่เราร้องไห้ออกมาเลยซึ่งโมเม้นตอนนั้นเราตื้นตันมากนะทันรู้สึกว่าคุ้มกับการรอคอยเขา จนเขาเปิดให้ญาติไปเยี่ยม เขาไปอยู่ทหารที่สระบุรี เขาเปิดให้ญาติไปเยี่ยมได้ประมาณ4อาทิตย์เราทำงานและขอพี่ที่ทำงานว่าขอหยุดทุกวันอาทิตย์ได้ไหมเพื่อนั่งรถไปเยี่ยมเขา ไปทุกอาทิตย์เรารู้สึกว่าการที่เรารอเราไปหามันมีค่ามากๆ จนเขาส่งข้อความในวันที่เราไปเยี่ยมวันสุดท้ายมาให้เราที่นั่งข้างๆว่า
“เรารักเธอนะ เราอยากแต่งงานกับเธอนะ รอเรานะ เราจะพยายามเก็บเงินเพื่อมาแต่งงานกับเธอนะ”
มันเป็นความรู้สึกที่ว่านี่แหละที่เราทำที่เรารอเพื่อแค่ได้อยู่กับเขาจนเขาฝึกเสร็จขึ้นกองร้อยไม่ต้องฝึกแล้วแค่เข้าเวรซึ่งตอนนั้นสามารถใช้โทรศัพย์ได้แล้วปกติ เราก็ได้คอลวีดีโอคุยกันทุกก่อนนอนเพราะตอนเช้าเขาก็มีภารกิจที่เขาต้องทำเราก็เข้าใจ จนระยะเวลาผ่านไปครึ่งทางมันก็เริ่มอีกมีกลิ่นแปลกๆไม่ชอบมาพากล บอกก่อนนะว่าเซ้นเราไม่เคยผิดเดาว่ามีก็มีเดาว่าเป็นคนนี้ก็คนนี้จริงๆ อยู่ๆมาวันนึงเราจะเปลี่ยนโทรศัพย์ละเครื่องเก่าเราเขาเลยขอเพื่อที่จะไปเล่นเกมเราก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร จนเราเจอว่าเขามีอีกเบอร์เราก็เริ่มสงสัยแต่พูดอะไรไม่ได้เพราะว่าไม่มีหลักฐาน จนเราเข้าอะไรก็ไม่รู้และเจอว่าเขามีอีกเฟสบุคนึงซึ่งตอนนั้นเราก็โทรหาเลยทะเลาะกันเขาก็อ้างว่าครูฝึกเขาเป็นคนเอาไปเล่นเราก็เชื่อ เชื่อในคำพูดของเขาจนเราก็ขอให้เขาลบซึ่งอีกวันเฟสบุคนั้นก็หายไปเราก็ว่าเขาคงลบจริงๆ แต่เปล่าเขาบล๊อคเราซึ่งเราเอาอีกเฟสบุคที่เราเคยใช้ขายของเข้าไปหาและมันยังมีอยู่ จากนั้นเราเลยลองเอาเบอร์อีกอันที่เขาบอกมาลองเข้าเฟสบุค และสุ่มรหัสมั่วซึ่งรหัสเฟสอีกอันเขาตั้งเป็นชื่อจริงเรา พีคกว่านั้นคือมันเข้าได้และเราเห็นว่าคอลวีดีโอคุยกับ ผญ อีกคนอยู่
ลืมเล่าไปว่า”ช่วงนั้นเขากลับมาเราเลยไปทำแหวนสลักชื่อจริงเราและเขาเพื่อใส่สลับกันเขาใส่ชื่อเราเราใส่ชื่อเขา) พีคกว่าเข้าเฟสบุคได้คือ!!! เขาเอาแหวนที่เป็นชื่อเราไปให้ ผญ คนนั้นและบอกว่าเป็นแหวนของแม่เก็บไว้ดีๆนะ ซึ่งเราเคยเอาเฟสเราทักไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วนะแต่เขาไม่เชื่อเราเขาเลือกที่จะฟังผู้ชายเพราะผู้ชายบอกว่าเลิกกับเราไปแล้วแต่เราไม่เลิกเรายังตามเขาอยู่!!! จนเราเอาเฟสบุคอีกอันของเขานั่นแหละโทรหาผู้หญิงคนนั้นและคุยกันเกือบชั่วโมง สรุปได้ว่าเขาบอกว่าเขาเองก็ผิดที่ไม่เลือกฟังเราแต่ฟังผู้ชาย และเขาได้ไปหาไปเยี่ยมกันที่กรมเพราะมีรูปคู่ด้วยกันในแชทเฟส ผู้หญิงคนนั้นเขาก็บอกว่าพี่มาฟังเรื่องจากเราแล้วพี่ก็ไม่เอาแล้วแหละอยู่ที่ว่าเราแล้วว่าจะยังไง แต่สุดท้ายเราเองก็ยังไปไม่ได้ เราเลยให้โอกาศเขาอีกซึ่งเรามาคุยกับเขาต่อหน้าว่าโอกาศครั้งนี้ที่เขาจะได้รับมันคือครั้งสุดท้ายแล้วนะเราเองก็รู้ว่าเราเยอะ แต่เราจะปรับปรุงนะ เราขอแค่เธอสู้และปรับปรุงไปกับเรานะ และนี่คือโอกาศและตัวก่อเหตุการณ์พีคกว่าอันนี้อีกครั้งนึง
อีกเหตุการณ์นึงคือเราเป็นคนเก็บเงินโดยเก็บแบงค์50และพับเป็นปึกปึกละพันใส่ตู้เก็บเงินที่มันต้องใส่รหัสซึ่งเขารู้รหัสเราก้ไม่ได้ว่าอะไรแต่วันนึงเราเอาออกมานับเพราะเราสงสัยว่าเขาเอาเงินที่ไหนไปซื้อนาฬิกาให้น้าของเขาสรุปเขาขโมยเงินแบงค์50เราไปเกือบ2,000บาทโดยดึงเฉลี่ยนไปแต่ละปึกตอนนั้นมีอยู่7,000บาทได้ เราโมโหถึงขั้นจะตบเขาแต่เขาก็ขอโทษและดึงเรามากอดแลพบอกว่าเดี๋ยวเอามาคืนให้นะขอโทษจริงๆเราก็พออารมณ์เย็นเขาก็ไปยืมแม่เพื่อมาคืนเรา
ปล.เดี๋ยวมาต่อนะคะ พิมพ์ผิดพลาดหรือพิมพ์ติดกันมากเกินไปขออภัยด้วยนะคะ 🙏🏻
ความรักแย่ๆของแฟนทหาร
เริ่มต้นจากคบกันช่วงปีแรกๆ เราไม่เคยดูถูกใครจากฐานะทางบ้านหรือการศึกษา เรามองคนที่การกระทำ คำพูด ช่วงแรกๆอะไรก็ดีไปหมดจนเราได้เริ่มมาอยู่ที่เดียวกันเขามาอยู่ที่คอนโดเราบ่อยมากขึ้น จนทำให้เราเชื่อว่านี่คือเริ่มต้นของชีวิต ช่วงนั้นเขาอายุ19-20ปี เด็กกว่าเราปีนึงซึ่งเราเองก็เรียนมหาลัยอยู่ แต่เขาเรียนไม่จบปวส เขาทำงานเฝ้าร้านเกมช่วงดึกบางวันเราไม่มีเรียนเราก็ไปอยู่เป็นเพื่อนเขาบางทีก็ไปนอนที่ร้านเกมเพื่อรอเขาเลิกงานและกลับคอนโดด้วยกัน ร้านเกมอยู่รามอินทรา ส่วนคอนโดเราอยู่ศรีนครินทร์ เขาเองมีรถยนต์ของพ่อมันก็เก่าแล้วหนึ่งคัน แต่อย่างที่บอกเราไม่เคยมองคนที่ฐานะหรืออะไร จนวันนึงเราก็อยู่ร้านเกมกับเขานั่นแหละและมีคนเดินเข้ามาเป็นเจ้าหนี้เขาซึ่งตอนนั้นเราเองก็เรียนไม่ได้มีเงินมากมาย ถ้าเราจำไม่ผิดจำนวนเงินตอนนั้นก็เกือบ4-5พันบาทได้ซึ่งเงินที่เขาได้จากการเฝ้าร้านเกมมันแค่300-400บาทเอง แค่จะกินก็ไม่พอแล้ว สุดท้ายหนี้พวกนั้นเราก็ต้องเจียดเงินเราและเขารวมๆกันเพื่อลบหนี้จนหมด
เรื่องต่อไปคือการใช้เงินช่วงแรกพอเจอเหตุการณ์นั้นไปเราก็ยังคงไม่ไปไหนนะยังคบอยู่เพราะเรารู้สึกว่าทุกคนมีอดีตและเรื่องนี้ไม่ใช่อดีตที่ร้ายแรงมันสามารถลบออกไปได้ แต่เหตุการณ์ต่อไปนี้มันก็คงเป็นความผิดเราด้วยที่เราสร้างนิสัยแบบนี้ให้เขา เรื่องการใช้เงิน การกินของดีๆ ตอนเราอยู่คนเดียวเราได้เงินจากที่บ้านตอนเรียนมันพอที่จะกินของดีๆสำหรับคนเดียวแต่พอเราอยู่ด้วยกันแล้วเราอยากกินแต่เขาไม่มีเงินเราก็เลยว่าเออไม่เป็นไรเดี๋ยวเราออกไปก่อนก็ได้ จนเรื่องประมาณนี้มันก็ทำให้เป็นเรื่องปกติในตลอดระยะเวลา3ปีที่ผ่านมา แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดแต่ว่าก็แฟนกันเนอะจะให้เรามากินดีๆคนเดียวแล้วอีกฝ่ายกินมาม่าก็ไม่ได้ป่ะ!! และช่วงเวลาปีแรกๆก็ผ่านไปจนเข้าปีที่สอง เขาย้ายมาอยู่คอนโดเรา เราเริ่มพยายามหางานให้เขาทำเพื่อที่จะรีเซ็ทการใช้ชีวิตเด็กร้านเกมเด็กที่ได้เงินแค่รายวัน300-400บาท จนเขาก็ไปสัมภาษณ์ได้งานร้านขายมือถือในห้างเงินเดือน10,000-14,000บาท มันก็ดีขึ้นจนเราจับได้ครั้งแรกว่าเขาคุยกับคนอื่นโดยการเล่นโทรศัพย์เขาและเห็นไลน์ที่คุยกันซึ่งผู้หญิงที่คุยกันเรารู้แล้วว่าน้องเขาไม่ได้คิดอะไรแต่คนของเราเขาคิด ซึ่งเป็นน้องผู้หญิงคนที่ว่าคือรุ่นน้องในวิทยาลัยเดียวกับเราแต่ไม่รู้จักกันและที่แย่กว่าคือการที่น้องเขาอยู่คอนโดเดียวกับเราแต่คนละชั้นกันซึ่งการเจอเหตุการณ์นี้มันทำให้เราเปลี่ยนนิสัยเราไปเลย เรากลายเป็นคนที่คอยเช็คคอยโทรตามแต่ช่วงแรกยังไม่ค่อยเยอะมากแต่ก็มีจนเรื่องนี้จางลง เราก็ใช้ชีวิตกันตามปกติผ่านไปเดือนนึงก็มีอีกเรานอนอยู่ในห้องนอนส่วนเขาอยู่ห้องข้างนอกก็นั่งเล่นคอมอะไรไปเราก็ไม่ได้สนใจจนเขาออกไปทำงานเราก็มานั่งเล่นคอมแต่เขาไม่ได้ปิดคอมจนเราเจออีกว่าคุยกับคนอื่น และมีมาเรื่อยๆแต่ก็เว้นระยะห่างจากคนก่อนๆอยู่สักพักประมาณเกิน6คนได้ที่เราเจอแต่เราก็ยังอยู่ ไม่รู้ว่าอยู่ทำไมเหมือนกันนะ 55555
จนเราเรียนจบเริ่มทำงานที่แรกอยู่ร้านขนมแถวพร้อมพงษ์เราต้องนั่งรถไปเพื่อเข้างาน7โมงช่วงนี้เขาออกจากงานแล้วโดยเขาบอกว่าอยากพักก่อนที่เขาจะไปทหารเขาตัดสินใจที่จะสมัครโดยให้เหตุผลกับเราว่า สวัสดิการของ รพ. และ การกู้เพื่อซื้อบ้าน (ลืมลอกไปว่าทางบ้านเขาพ่อเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์นี่แหละครึ่งขวาแต่ก็ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแต่ไม่ได้ทำงาน ส่วนแม่ทำงานอยู่โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ เท่ากับว่าแม่เป็นคนหาเงินเข้าบ้านเพียงคนเดียว) เราก็โอเคถ้าเขาตัดสินใจแล้วจริงๆว่าทุกอย่างมันดีต่อตัวเขา และครอบครัวเขา เราจะไม่ห้ามเราจะรอจนกว่าจะปลดจากทหาร จนวันที่เขาไปทหารเราก็ได้สัญญาไว้ว่าเราขอนะเรื่องมีคนอื่นเราขอจริงๆไม่ต้องกลัวว่าเราจะมีใครเราจะรอแค่เธอคนเดียว จนเขาไปทหารช่วงฝึกไม่ได้ติดต่อกันเลยเป็นเวลา3เดือนซึ่ง3เดือนนั้นเราเขียนหน้าเฟสบุคเขาทุกวันว่าเราคิดถึงเขานะ คิดถึงมากๆทำอะไรมาบ้างวันนี้เหนื่อยจัง จนวันนึงเรากำลังจะไปถ่ายรูปนอกรอบชุดครุยกับเพื่อนมันก็ขึ้นข้อความที่เขาเม้นหน้าเฟสเราว่า คิดถึงมากๆนะแอบออนไลน์คอมครู ไปละรักมากๆนะ และเขาก็ทักแชทมาพิมพ์แค่ว่า miss you, คิดถึง เรากำลังทำผมแต่งหน้าอยู่เราร้องไห้ออกมาเลยซึ่งโมเม้นตอนนั้นเราตื้นตันมากนะทันรู้สึกว่าคุ้มกับการรอคอยเขา จนเขาเปิดให้ญาติไปเยี่ยม เขาไปอยู่ทหารที่สระบุรี เขาเปิดให้ญาติไปเยี่ยมได้ประมาณ4อาทิตย์เราทำงานและขอพี่ที่ทำงานว่าขอหยุดทุกวันอาทิตย์ได้ไหมเพื่อนั่งรถไปเยี่ยมเขา ไปทุกอาทิตย์เรารู้สึกว่าการที่เรารอเราไปหามันมีค่ามากๆ จนเขาส่งข้อความในวันที่เราไปเยี่ยมวันสุดท้ายมาให้เราที่นั่งข้างๆว่า
“เรารักเธอนะ เราอยากแต่งงานกับเธอนะ รอเรานะ เราจะพยายามเก็บเงินเพื่อมาแต่งงานกับเธอนะ”
มันเป็นความรู้สึกที่ว่านี่แหละที่เราทำที่เรารอเพื่อแค่ได้อยู่กับเขาจนเขาฝึกเสร็จขึ้นกองร้อยไม่ต้องฝึกแล้วแค่เข้าเวรซึ่งตอนนั้นสามารถใช้โทรศัพย์ได้แล้วปกติ เราก็ได้คอลวีดีโอคุยกันทุกก่อนนอนเพราะตอนเช้าเขาก็มีภารกิจที่เขาต้องทำเราก็เข้าใจ จนระยะเวลาผ่านไปครึ่งทางมันก็เริ่มอีกมีกลิ่นแปลกๆไม่ชอบมาพากล บอกก่อนนะว่าเซ้นเราไม่เคยผิดเดาว่ามีก็มีเดาว่าเป็นคนนี้ก็คนนี้จริงๆ อยู่ๆมาวันนึงเราจะเปลี่ยนโทรศัพย์ละเครื่องเก่าเราเขาเลยขอเพื่อที่จะไปเล่นเกมเราก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร จนเราเจอว่าเขามีอีกเบอร์เราก็เริ่มสงสัยแต่พูดอะไรไม่ได้เพราะว่าไม่มีหลักฐาน จนเราเข้าอะไรก็ไม่รู้และเจอว่าเขามีอีกเฟสบุคนึงซึ่งตอนนั้นเราก็โทรหาเลยทะเลาะกันเขาก็อ้างว่าครูฝึกเขาเป็นคนเอาไปเล่นเราก็เชื่อ เชื่อในคำพูดของเขาจนเราก็ขอให้เขาลบซึ่งอีกวันเฟสบุคนั้นก็หายไปเราก็ว่าเขาคงลบจริงๆ แต่เปล่าเขาบล๊อคเราซึ่งเราเอาอีกเฟสบุคที่เราเคยใช้ขายของเข้าไปหาและมันยังมีอยู่ จากนั้นเราเลยลองเอาเบอร์อีกอันที่เขาบอกมาลองเข้าเฟสบุค และสุ่มรหัสมั่วซึ่งรหัสเฟสอีกอันเขาตั้งเป็นชื่อจริงเรา พีคกว่านั้นคือมันเข้าได้และเราเห็นว่าคอลวีดีโอคุยกับ ผญ อีกคนอยู่
ลืมเล่าไปว่า”ช่วงนั้นเขากลับมาเราเลยไปทำแหวนสลักชื่อจริงเราและเขาเพื่อใส่สลับกันเขาใส่ชื่อเราเราใส่ชื่อเขา) พีคกว่าเข้าเฟสบุคได้คือ!!! เขาเอาแหวนที่เป็นชื่อเราไปให้ ผญ คนนั้นและบอกว่าเป็นแหวนของแม่เก็บไว้ดีๆนะ ซึ่งเราเคยเอาเฟสเราทักไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วนะแต่เขาไม่เชื่อเราเขาเลือกที่จะฟังผู้ชายเพราะผู้ชายบอกว่าเลิกกับเราไปแล้วแต่เราไม่เลิกเรายังตามเขาอยู่!!! จนเราเอาเฟสบุคอีกอันของเขานั่นแหละโทรหาผู้หญิงคนนั้นและคุยกันเกือบชั่วโมง สรุปได้ว่าเขาบอกว่าเขาเองก็ผิดที่ไม่เลือกฟังเราแต่ฟังผู้ชาย และเขาได้ไปหาไปเยี่ยมกันที่กรมเพราะมีรูปคู่ด้วยกันในแชทเฟส ผู้หญิงคนนั้นเขาก็บอกว่าพี่มาฟังเรื่องจากเราแล้วพี่ก็ไม่เอาแล้วแหละอยู่ที่ว่าเราแล้วว่าจะยังไง แต่สุดท้ายเราเองก็ยังไปไม่ได้ เราเลยให้โอกาศเขาอีกซึ่งเรามาคุยกับเขาต่อหน้าว่าโอกาศครั้งนี้ที่เขาจะได้รับมันคือครั้งสุดท้ายแล้วนะเราเองก็รู้ว่าเราเยอะ แต่เราจะปรับปรุงนะ เราขอแค่เธอสู้และปรับปรุงไปกับเรานะ และนี่คือโอกาศและตัวก่อเหตุการณ์พีคกว่าอันนี้อีกครั้งนึง
อีกเหตุการณ์นึงคือเราเป็นคนเก็บเงินโดยเก็บแบงค์50และพับเป็นปึกปึกละพันใส่ตู้เก็บเงินที่มันต้องใส่รหัสซึ่งเขารู้รหัสเราก้ไม่ได้ว่าอะไรแต่วันนึงเราเอาออกมานับเพราะเราสงสัยว่าเขาเอาเงินที่ไหนไปซื้อนาฬิกาให้น้าของเขาสรุปเขาขโมยเงินแบงค์50เราไปเกือบ2,000บาทโดยดึงเฉลี่ยนไปแต่ละปึกตอนนั้นมีอยู่7,000บาทได้ เราโมโหถึงขั้นจะตบเขาแต่เขาก็ขอโทษและดึงเรามากอดแลพบอกว่าเดี๋ยวเอามาคืนให้นะขอโทษจริงๆเราก็พออารมณ์เย็นเขาก็ไปยืมแม่เพื่อมาคืนเรา
ปล.เดี๋ยวมาต่อนะคะ พิมพ์ผิดพลาดหรือพิมพ์ติดกันมากเกินไปขออภัยด้วยนะคะ 🙏🏻