รู้สึกคิดผิดพลาดที่ตัดสินใจพบจิตแพทย์

ขอย้อนความเล็กน้อย เราเคยมาระบายในพันทิปแล้วค่ะ ปี 2559
ตามกระทู้นี้ https://m.pantip.com/topic/35246495?
แต่เนื่องจากlog inเข้าอีกครั้งไม่ได้ จึงขอสมัครใหม่

ยาวหน่อยนะคะ และขอความเห็นใจจากทุกคนด้วย

จากวันที่ตั้งกระทู้ก็คิดเรื่องพบจิตแพทย์มาตลอด แต่ ไม่อยากเป็นคนไม่สบาย
อยากเป็นแค่คนอ่อนแอแล้วก้าวผ่านไปได้ด้วยตัวเอง
จนปี2561นี้ ต้องตัดสินใจพบจิตแพทย์ไปคนเดียว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
ครั้งแรกที่ไป ไปด้วยอาการกระวนกระวายมาก ต้องการที่พึ่ง เข้าพบ1ชั่วโมง
ได้รับวินิจฉัยว่าเป็น Severe depressive episode without psychotic symptoms
ได้รับยา ใบนัดพบ ทานยาวีคแรก ความทรมานที่เกือบจบชีวิตตัวเองก็มาเยือน
ตั้งแต่วันแรกจนมีเหตุต้องเปลี่ยนยาเป็นอีกตัว
ทานยาด้วยความหวังว่าเราจะเป็นคนใหม่ เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้วนะ
แต่อีกฝั่งของความคิดมันก็ลากเราลงนรกทุกวันๆ
ด้วยการเกิดคำถามกับตัวเอง ว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ทำไมเราถึงไปนั่งร้องไห้ เล่าเรื่องอะไรก็ไม่รู้ให้คนคนนึงฟัง อับอาย ทึ้งหัวตัวเอง
รู้สึกตัดสินใจผิด ถ้าเก็บเอาไว้ อดทนไว้เราคงผ่านไปได้อีกครั้ง
ตอนที่คุณหมอสรุปประมาณว่าเหตุ(น่าจะ)เกิดจากนิสัยของเราเอง
ถามเราหลายครั้งว่าplanจะแก้ไขอย่างไร เราเองก็ไม่เคยให้คำตอบคุณหมอได้  
เก็บมาคิดตลอด ว่าความหมายคืออะไร
ทั้งหมด เราผิดเองใช่ไหม คุณหมอเขาสงสารเราไหมคะ
หรือเขาเอือมกับการกระทำของเรา
คุณหมอเขาจะบอกว่าเราเองก็เป็นตัวปัญหาใช่มั้ย
โทษตัวเองจนวินาทีนี้ ที่เอาเรื่องเหล่านั้นไปรบกวนคนอื่น ไม่น่าเลยจริงๆ

(เราไม่โทษคุณหมอ เราappreciateนะคะที่เขารับเคสเราวันนั้น
เพราะเราเป็นคนไข้นอก ไม่ได้นัดก่อน ขอบคุณที่วันนั้นยอมพบเรา)

เราจะทำยังไงให้ความรู้สึกนี้หายไป เราย้อนเวลาไม่ได้
เราลบคุณหมอออกจากโลกนี้ไม่ได้ เราลบความทรงจำของเราก็ไม่ได้ด้วย

สำหรับคนที่จะไปพบจิตแพทย์ ลองทบทวนดูดีๆนะคะว่าจะไม่รู้สึก regret แบบเรา

Please be kind to me
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ในความคิดของคุณความคาดหวังของคุณ คุณคิดว่าการไปพบจิตแพทย์หรือการได้ยารักษาจากแพทย์จะทำให้คุณหายจากอาการแบบไหนหรือคะ อยากให้ลองมาแชร์ดูนะคะ

เคยมีคนบอกว่า คนส่วนมากมักจะคาดหวังอนาคตที่สดสวย แต่มักจะไปครุ่นคริดแต่อดีตที่ผ่านมาและคร่ำครวญถึงความผิดพลาดความไม่สมหวังในอดีด บางทีลามปามไปถึงน้อยใจในโชคชะตาและวาสนาไปโน่น

ระหว่างไปคร่ำครวญอยู่กับอดีตก็ไม่มีโอกาสจะไตร่ตรองทำปัจจุบันให้มันดี แต่คาดหวังกับอนาคตที่ต้องดี

แล้วปัจจุบันมันก็คืออดีตของอนาคต ถ้าปัจจุบันมันทำไม่ดีอนาคตมันจะดีได้อย่างไร พออนาคตมันไม่ดี ก็กลับไปคร่ำครวญถึงปัจจุบันที่ไม่เคยใส่ใจมันพอตอนนี้มันเป็นอดีตไปแล้วก็ไปคร่ำครวญกับมัน และก็เป็นวงจรชีวิตไปไม่สิ้นสุด

สิ่งที่คุณโพสมามันคือวงจรแบบข้างบนเลยค่ะ

อีกหนึ่งเรื่องคือ การยอมรับความผิดพลาดของตัวเองไม่ได้ ที่คุณติดใจกับคำพูดของหมอว่ามันเป็นนิสัยเพราะคุณรู้สึกของคุณเองว่า หมายถึงคุณนิสัยไม่ดี เหมือนมีความไม่ดีอะไรจากตัวคุณ

จริงๆแล้วคนทุกคนมีทั้งส่วนดีและส่วนเลวในตัวเองเองค่ะ ไม่มีใครเป็นคนดีสีขาวอย่างเดียวหรือคนเลวดำสนิท ทุกคนคือสีเทา จะเทาเข้มเทาอ่อนก็แต่ละบุคคลไป

คุณต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ก่อนค่ะ ยอมรับว่าคนเรานั้นไม่มีใครไม่เคยทำผิด ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับไม่ได้ คุณต้องยอมรับความเป็นตัวคุณให้ได้ซะก่อน คุณก็เหมือนคนอื่นๆในโลกนี้ที่มีส่วนดี ส่วนเสีย เป็นเรือ่งปกติ

คนเราเจอปัญหาแบบเดียวกันแต่จะทุกข์ไม่เท่ากัน สิ่งที่ทำให้มันต่างกันคือการยอมรับค่ะ เมื่อเรายอมรับเราจะทุกข์น้อยลงค่ะ และปัญหาจะแก้ไขได้ ต้องยอมรับก่อนว่ามันเป็นปัญหา เพราะทันที่ที่ยอมรับมันก็แทบจะหมดปัญหาไปแล้ว ธรรมชาติของคนเมื่อยอมรับว่ามันเป็นปัญหาเราก็จะหลุดจากปัญหานั้นหรืออยู่กับมันได้โดยไม่ทุกข์

ต่อมาทำอย่างไรอนาคตเราจะเป็นตามใจเราปรารถนา ก็ต้องทำปัจจุบันให้ดีก่อน อนาคตถึงจะดีได้ การทำปัจจุบันให้ได้ดีก็ต้องอยู่กับปัจจุบันทุกขณะจิต การจะทำเช่นนั้นได้ก็คือการเลิกเอาเวลาความคิดไปคร่ำครวญกับอดีต เหมือนทีคุณเป็นอยู่ทุกวันนี้

สิ่งที่เป็นปัญหาของคุณคือที่ถูกเรียกว่านิสัยคือ การควบคุมอารมณ์ จิตใจที่เรียกว่านิสัยก็คือการทำอะไรซ้ำๆมันก็กลายเป็นนิสัย

อารมณ์หรือจิต มีตัวควบคุมคือสติ ที่ผ่านๆมาปัญหาของคุณคือสติมันควบคุมอารมณ์หรือจิตคุณไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ได้นะ สติแทบวิ่งตามจิตไม่ทันซักครั้งเดียวด้วยซ้ำ แล้วพอมันทำไปแล้วสติเพิ่งมาก็เลยกลายเป็นรู้สึกผิดอย่างที่เป็นอยู่

ถ้าเมื่อไหร่สติคุณตามจิตหรืออารมณ์ทัน คุณจะรู้สึกว่ามันผิดตั้งแต่ก่อนที่คุณจะลงมือทำและการมานั่งรู้สึกผิดก็จะไม่มี

อีกเรื่องคือคุณไม่รู้จักการเอาข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียน เพราะเวลาที่เกิดความผิดพลาดคุณไม่เคยคิดวิเคราะห์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่เอาแต่คร่ำครวญ

เคยได้ยินคำว่าหกล้มแล้วอย่าได้แค่แผลเป็นไหม นั่นแหละคือการสรุปข้อผิดพลาดเพื่อได้ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตในอนาคต แต่สิ่งที่คุณเป็นตอนนี้คือคุณมีแต่แผลเป็นเต็มตัวเลยไม่ได้อะไรอย่างอื่น

อีกสิ่งที่คุณไม่มีคือการให้อภัย คุณไม่มีแม้แต่การให้อภัยกับตัวเองค่ะ คุณต้องหัดในเรื่องนี้ การไม่ให้อภัยตัวเองก็คือการทำให้แผลมันไม่หาย เพราะมันจะย้ำคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนแผลที่เริ่มตกสะเก็ดคุณก็ไปเกาให้มันแย่ลง มันก็จะเป็นแผลเรื้อรังไม่หายซักที พอเป็นหลายๆแผลแบบนี้ก็หมายถึงไม่วางซักเรื่องเก็บเอาไว้หมด คุณก็เลยมีแผลแบบนี้เต็มตัว เจ็บปวด ยาอะไรก็แก้ไม่หาย

หมอเขาถึงได้บอกว่าต้นเหตุมันอยู่ที่นิสัยของคุณไงคะ เขาไม่ได้ต้องการบอกว่าคุณผิด คุณไม่ดีค่ะ

อันสุดท้ายคือการเปลี่ยนกระบวนการคิดของคุณ ที่คุณนั่งเสียใจจิดตกกับการที่ใครพูดถึงที่มา สาเหตุปัญหาของตัวคุณนั้นก็เพราะคุณมองมันเป็นเรือ่งผิดพลาด คุณยอมรับมันไม่ได้ และก็พยายามจะโทษอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองเช่น กลับไปคิดว่าการไปหาหมอเป็นความผิดพลาด เพราะการไปหาหมอเป็นความผิดพลาดมันเป็นความผิดพลาดที่คุณรู้สึกว่ารับได้ ไม่รู้สึกว่าคุณผิด เลวเท่ากับการยอมรับว่านิสัยของคุณไม่ดีทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา

ถ้าคุณยังใช้กลไกทางจิต บวกกระบวนการคิดแบบนี้แก้ปัญหาชีวิตไปเรี่อยๆ คุณก็จะได้แผลเพิ่มเรื่อยๆ และผูกปมชิวต สะสมความรู้สึกถึงความผิดพลาดของคุณไปเรื่อยๆ และวันนึงมันก็จะถึงทางตัน

ไม่มีใครจะทำร้ายเรา หรือไม่มีใครรักษาเราได้ดีเท่าตัวเราเองหรอกค่ะ ทั้งโรคทางกายและโรคทางใจ ต่อให้หมอเก่งยาวิเศษขนาดไหนก็ช่วยไม่ได้ถ้าเจ้าตัวไม่ช่วยตัวเอง

สิ่งที่คุณต้องทำต้องฝึกคือ
1. การยอมรับตัวตนของตัวเองให้ได้ เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกผิด ต้องบอกตัวเองบ่อยซ้ำๆเหมือนการใส่ข้อมูลใหม่ให้ตัวเราค่ะว่า คนทุกคนในโลกนี้มีดีและมีเลวเป็นปกติ ไม่มีใครไม่เคยทำผิด ทำเลวค่ะ
2. ให้อภัยตัวเองให้ได้ในทุกๆเรื่องที่คุณรู้สึกว่ามันคือการผิดพลาดในชีวิตของคุณ
3. เลิกเอาไปเวลาไปคร่ำครวญอยู่กับอดิต แต่เอาเวลามาอยู่กับปัจจุบันค่ะ ฝึกสติให้มีกำลังที่จะควบคุมจิตหรือารมณ์เราได้ มันไม่ง่ายหรอกค่ะแต่มันก็ไม่ได้ยากจนทำไม่ได้ เราต้องฝึกฝนค่ะ การอยู่กับปัจจุบันคือการระลึกรู้ตลอดเวลาที่จะระลึกได้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ มันคืหลักการเดียวกันการฝึกสติในพทธศาสนาค่ะ เมื่อสติถูกฝึกกำลังจะมีมากขึ้น แล้วคุณจะรู้ตัวและการอยู่กับปัจจุบันจะทำให้ความทุกข์ในการคร่ำครวญ ครุ่นคิดถึงแต่อดีดของคุณลดลงไป

เมื่อฝึกสติให้อยู่กับปัจจุบันจากการเป็นคนคิดและมุมแต่คนอื่นๆ คุณจะมองเห็นตัวเองที่คุณไม่เคยมองมากขึ้น คุณจะรู้จักตัวเองมากขึ้น และคุณจะได้เห็นเองว่าในแต่ละเหตุการณ์ที่คุณเคยมองว่า คุณถูกกระทำนั้น จริงๆแล้วมันเป็นการกระทำซึ่งกันและกัน หรือเป็นเราต่างหากที่กระทำเขา

แล้วเอาไปพิจารณาและถ้ามีโอกาสลองทำดูนะคะ ซักเดือนก็ได้ค่ะแล้วคุณอาจพบอะไรที่คุณไม่เคยพบมาก่อนก็ได้ค่ะ

ถ้าฉันเป็นคุณนะคะ แค่การวินิจฉัยของหมอที่ว่า Severe depressive episode without psychotic symptoms
ฉันก็รู้สึกเบาใจแล้วค่ะ  มันแปลว่าภาวะซึมเศร้าที่รุนแรงโดยไม่มีอาการทางจิต  เขายังไม่ได้วินิจฉัยว่าคุณป่วยเป็นโรคนะคะ ภาวะอาการต่างๆมันเกิดได้กับทุกคนที่ไม่สามารถใช้กลไกทางจิตจัดการกับปัญหาได้ เมื่อคุณไม่มีอาการทางจิต หมอเขาถึงบอกว่าสาเหตุมันคือนิสัย ซึ่งก็คืออารมณ์ไงคะ

ถ้าคุณคิดในทางบวกอาการคุณไม่ได้รุนแรงน่ากังวลเลยนะคะ

ลองเก็บเอาไปคิดดูนะคะ ปมต่างๆในชีวิตนี่บางทีมันคิดได้มันหลุดแบบไม่รู้ตัวค่ะ ถ้าเราไม่คิดวนไปมาแต่แบบเดิมๆค่ะ

ขอให้โชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่