คนสมัยก่อนชอบทำงานเก็บเงิน รอวันเกษียณแล้วค่อยคิดถึงเรื่องเดินทางท่องเที่ยว
เรียกว่า เก็บอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ใช้
พอมาเจอเด็กสมัยใหม่ก็มักจะบอกว่า เด็กสมัยนี้ใช้เงินเก่ง ไม่รู้เก็บเงินเป็นหรือเปล่า
เรียกว่า ทำไปใช้ไป เห็นจะได้
คนที่มีอายุอยู่ระหว่าง 20-40 ปี หรือที่อยู่ในช่วง Gen Y ส่วนมากคงจะเป็นเช่นนั้น
เริ่มต้นปีใหม่ ต้องกางปฏิทินดูช่วงวันหยุดยาว วางแผนไปเที่ยว ไตรมาสละครั้ง หรือปีละครั้งสองครั้ง เพื่อเติมไฟให้ชีวิต
บางคนยึดเอาคติว่า "ตอนมีแรงให้รีบเที่ยว อย่ารอวันที่ทำได้เพียงลงไปเยี่ยว แล้วกลับมานั่งรอคนอื่นบนรถบัส"
แต่ความจริงแล้วที่เด็กสมัยใหม่เที่ยวบ่อย มันมีเหตุผลอยู่ดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายถูกลง แต่ความสะดวกเพิ่มขึ้น ถ้าเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวสมัยนี้น่าจะถูกกว่าสมัยก่อนมากพอสมควร
- เริ่มตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน มีทั้ง Low Cost Airline หรือสายการบินเดิมที่แข่งกันลดราคา ทำโปรโมชั่นแย่งลูกค้ากันอย่างดุเดือด
- การพัฒนาขนส่งมวลชนของหลายๆประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้ง่ายขึ้น เชื่อมต่อจากสนามบินเข้าถึงใจกลางเมืองและสถานที่เที่ยวได้ ซึ่งในอนาคตคงจะสะวดกกว่านี้อีกหลายเท่าสำหรับหลายๆสถานที่
- โรงแรมที่พักที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งโรงแรมห้าดาว Hostel BoutiqueHotel หรือแม้แต่ Apartment ก็นำมาปล่อยเช่าให้นักท่องเที่ยวในราคาถูก
เรียกได้ว่าการแข่งขันเสรีในยุคทุนนิยม ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์มากขึ้นทั้งในแง่ราคาและคุณภาพ ยังไม่รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศต่างๆ โดยไม่ต้องขอและเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า
2. ช่องทางออนไลน์ เพิ่มความสะดวกให้วัยรุ่นสมัยนี้เข้าถึงข้อมูลต่างๆได้อย่างง่าย
- นอกจากจะมีสายการบินเพิ่มขึ้นแล้ว เว็บไซต์ของสายการบิน ก็พัฒนาให้ผู้บริโภคสามารถค้นหาตั๋วเครื่องบินตามวันและเวลาที่ต้องการ สามารถจองและชำระเงินได้โดยไม่ต้องพูดคุยกับ call center และยังมีเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่แข่งขันกันทำตลาด ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาแต่ละสายการบินได้ทันทีผ่านแพลตฟอร์มแบบ One Stop Service
- การจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ค้นหาที่พัก Agoda หรือ Booking.com การจองผ่านแพลตฟอร์มนี้ (Online Travel Agency) นอกจากจะมีราคาถูกกว่าจองผ่านโรงแรมโดยตรงแล้ว ยังมีโค้ดส่วนลดที่แถมให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า บริษัท Priceline เจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าวจะมีรายได้มากกว่าโรงแรมระดับโลกหลายแห่ง ทั้งๆที่ไม่ได้มีโรงแรมเป็นของตัวเองเลยแม้แต่ห้องเดียว
- แม้แต่การจองรถ การซื้อประกันการเดินทางก็สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ เลือกความคุ้มครอง ราคา และช่วงเวลาที่ต้องการได้ ทั้งหมดนี้สามารถชำระผ่านบัตรเครดิต ซึ่งนอกจากจะได้สะสมแต้งแล้ว ในบางกรณียังเลือกที่จะผ่อนชำระแบบ 0% ได้อีกด้วย
เปรียบเทียบกับสมัยก่อนที่เราแทบไม่รู้เลยว่า ที่ไหนมีโรงแรมอะไรให้บริการ อยากโทรไปหาโรงแรมต้องโทรไปถามเบอร์ก่อนแล้วค่อยโทรเข้าโรงแรม อยากจองตั๋วเครื่องบินจะต้องติดต่อเอเย่นเจ้าไหนดี แค่โทรเช็คราคาก็เสียเวลาเป็นวันๆ เทียบกันไม่ได้เลยกับความสะดวกสบายที่ปลายนิ้ว ซึ่งช่วยทำให้คนสมัยนี้เข้าถึงข้อมูลเพื่อการตัดสินใจได้ง่ายและเร็วขึ้น
3. Social Media มีอิทธิพลในการกระตุ้นความอยากของคน Gen Y
- สมัยนี้ใครไปเที่ยวที่ไหน ทำอะไรที่แสดงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีก็มักจะโพสรูปลง facebook IG Line แสดงให้สังคมได้รู้ พอเพื่อนคนอื่นๆเห็นก็เกิดความรู้สึกอยากมี อยากได้ อยากไป ประกอบกับการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงเป็นพลังที่แอบผลักให้คนสมัยนี้ออกไปเปิดหูเปิดตาในโลกกว้าง เสร็จแล้วก็นำไปโพสลงโซเชี่ยลเป็นวงจรอยู่อย่างนั้น
- บริษัททัวร์เองก็ปรับตัวหันมาทำโฆษณาผ่านโซเชี่ยลมีเดีย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่กระตุ้นความอยากของผู้บริโภคได้ตรงจุด ด้วยราคาที่แสนถูก 'โปรไฟไหม้' แถมมีรถรับส่งถึงหน้าโรงแรม พร้อมไกด์นำเที่ยว ทำให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องต่างประเทศ สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ
- นอกจากอิทธิพลโดยตรงจากเพื่อนฝูงแล้ว สมัยนี้ยังมีการทำโฆษณาทั้งรับจ้างรีวิวจากคนมีชื่อเสียง การทำโฆษณาจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการ OTA การทำโฆษณาโดยตรงไปสู่กลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนๆกัน รวมไปถึงการทำโฆษณาที่ตามมาหลอกหลอนเรา หรือเรียกว่า Remarketing
ในสมัยก่อนที่ไม่มีเทคโนโลยี่ ก็คงมีคนที่ชอบเที่ยวและคนที่เที่ยวบ่อยจำนวนไม่น้อย แต่ไม่มีช่องทางสื่อสารให้คนอื่นรู้เป็นวงกว้างและรวดเร็วเท่าสมัยนี้
แต่ปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว คนสมัยใหม่จึงสามารถรับรู้เรื่องราวจากภายนอกได้อย่างรวดเร็ว บางคนยังถือว่าการได้ออกไปดูโลกกว้างจะเพิ่มมุมมองในการใช้ชีวิต เข้าใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆได้ดีขึ้น
เพียงแต่บางครั้งอาจลืมคิดไปว่า 'เหรียญมีสองด้านเสมอ' สิ่งที่คนอื่นโพสลงไปบนโซเชี่ยลนั้นมีเพียงด้านเดียว คือ ด้านที่อยากให้คนอื่นรู้ ซึ่งคือชีวิตที่ดูดีและหรูหรา
แต่กว่าจะไปถึงจุดๆนั้น เขาต้องผ่านความยากลำบากอะไรมาบ้าง เขาไม่ได้แสดงให้โลกเห็น จึงอย่าไปหลงติดกับดักของโลกออนไลน์เพียงมุมเดียวเท่านั้น
เกษียณก่อนเที่ยว หรือ เที่ยวก่อนเกษียณ..?
เรียกว่า เก็บอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ใช้
พอมาเจอเด็กสมัยใหม่ก็มักจะบอกว่า เด็กสมัยนี้ใช้เงินเก่ง ไม่รู้เก็บเงินเป็นหรือเปล่า
เรียกว่า ทำไปใช้ไป เห็นจะได้
คนที่มีอายุอยู่ระหว่าง 20-40 ปี หรือที่อยู่ในช่วง Gen Y ส่วนมากคงจะเป็นเช่นนั้น
เริ่มต้นปีใหม่ ต้องกางปฏิทินดูช่วงวันหยุดยาว วางแผนไปเที่ยว ไตรมาสละครั้ง หรือปีละครั้งสองครั้ง เพื่อเติมไฟให้ชีวิต
บางคนยึดเอาคติว่า "ตอนมีแรงให้รีบเที่ยว อย่ารอวันที่ทำได้เพียงลงไปเยี่ยว แล้วกลับมานั่งรอคนอื่นบนรถบัส"
แต่ความจริงแล้วที่เด็กสมัยใหม่เที่ยวบ่อย มันมีเหตุผลอยู่ดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายถูกลง แต่ความสะดวกเพิ่มขึ้น ถ้าเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวสมัยนี้น่าจะถูกกว่าสมัยก่อนมากพอสมควร
- เริ่มตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน มีทั้ง Low Cost Airline หรือสายการบินเดิมที่แข่งกันลดราคา ทำโปรโมชั่นแย่งลูกค้ากันอย่างดุเดือด
- การพัฒนาขนส่งมวลชนของหลายๆประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้ง่ายขึ้น เชื่อมต่อจากสนามบินเข้าถึงใจกลางเมืองและสถานที่เที่ยวได้ ซึ่งในอนาคตคงจะสะวดกกว่านี้อีกหลายเท่าสำหรับหลายๆสถานที่
- โรงแรมที่พักที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งโรงแรมห้าดาว Hostel BoutiqueHotel หรือแม้แต่ Apartment ก็นำมาปล่อยเช่าให้นักท่องเที่ยวในราคาถูก
เรียกได้ว่าการแข่งขันเสรีในยุคทุนนิยม ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์มากขึ้นทั้งในแง่ราคาและคุณภาพ ยังไม่รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศต่างๆ โดยไม่ต้องขอและเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า
2. ช่องทางออนไลน์ เพิ่มความสะดวกให้วัยรุ่นสมัยนี้เข้าถึงข้อมูลต่างๆได้อย่างง่าย
- นอกจากจะมีสายการบินเพิ่มขึ้นแล้ว เว็บไซต์ของสายการบิน ก็พัฒนาให้ผู้บริโภคสามารถค้นหาตั๋วเครื่องบินตามวันและเวลาที่ต้องการ สามารถจองและชำระเงินได้โดยไม่ต้องพูดคุยกับ call center และยังมีเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกที่แข่งขันกันทำตลาด ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาแต่ละสายการบินได้ทันทีผ่านแพลตฟอร์มแบบ One Stop Service
- การจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ค้นหาที่พัก Agoda หรือ Booking.com การจองผ่านแพลตฟอร์มนี้ (Online Travel Agency) นอกจากจะมีราคาถูกกว่าจองผ่านโรงแรมโดยตรงแล้ว ยังมีโค้ดส่วนลดที่แถมให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า บริษัท Priceline เจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าวจะมีรายได้มากกว่าโรงแรมระดับโลกหลายแห่ง ทั้งๆที่ไม่ได้มีโรงแรมเป็นของตัวเองเลยแม้แต่ห้องเดียว
- แม้แต่การจองรถ การซื้อประกันการเดินทางก็สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ เลือกความคุ้มครอง ราคา และช่วงเวลาที่ต้องการได้ ทั้งหมดนี้สามารถชำระผ่านบัตรเครดิต ซึ่งนอกจากจะได้สะสมแต้งแล้ว ในบางกรณียังเลือกที่จะผ่อนชำระแบบ 0% ได้อีกด้วย
เปรียบเทียบกับสมัยก่อนที่เราแทบไม่รู้เลยว่า ที่ไหนมีโรงแรมอะไรให้บริการ อยากโทรไปหาโรงแรมต้องโทรไปถามเบอร์ก่อนแล้วค่อยโทรเข้าโรงแรม อยากจองตั๋วเครื่องบินจะต้องติดต่อเอเย่นเจ้าไหนดี แค่โทรเช็คราคาก็เสียเวลาเป็นวันๆ เทียบกันไม่ได้เลยกับความสะดวกสบายที่ปลายนิ้ว ซึ่งช่วยทำให้คนสมัยนี้เข้าถึงข้อมูลเพื่อการตัดสินใจได้ง่ายและเร็วขึ้น
3. Social Media มีอิทธิพลในการกระตุ้นความอยากของคน Gen Y
- สมัยนี้ใครไปเที่ยวที่ไหน ทำอะไรที่แสดงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีก็มักจะโพสรูปลง facebook IG Line แสดงให้สังคมได้รู้ พอเพื่อนคนอื่นๆเห็นก็เกิดความรู้สึกอยากมี อยากได้ อยากไป ประกอบกับการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงเป็นพลังที่แอบผลักให้คนสมัยนี้ออกไปเปิดหูเปิดตาในโลกกว้าง เสร็จแล้วก็นำไปโพสลงโซเชี่ยลเป็นวงจรอยู่อย่างนั้น
- บริษัททัวร์เองก็ปรับตัวหันมาทำโฆษณาผ่านโซเชี่ยลมีเดีย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่กระตุ้นความอยากของผู้บริโภคได้ตรงจุด ด้วยราคาที่แสนถูก 'โปรไฟไหม้' แถมมีรถรับส่งถึงหน้าโรงแรม พร้อมไกด์นำเที่ยว ทำให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องต่างประเทศ สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ
- นอกจากอิทธิพลโดยตรงจากเพื่อนฝูงแล้ว สมัยนี้ยังมีการทำโฆษณาทั้งรับจ้างรีวิวจากคนมีชื่อเสียง การทำโฆษณาจากเว็บไซต์ผู้ให้บริการ OTA การทำโฆษณาโดยตรงไปสู่กลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนๆกัน รวมไปถึงการทำโฆษณาที่ตามมาหลอกหลอนเรา หรือเรียกว่า Remarketing
ในสมัยก่อนที่ไม่มีเทคโนโลยี่ ก็คงมีคนที่ชอบเที่ยวและคนที่เที่ยวบ่อยจำนวนไม่น้อย แต่ไม่มีช่องทางสื่อสารให้คนอื่นรู้เป็นวงกว้างและรวดเร็วเท่าสมัยนี้
แต่ปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว คนสมัยใหม่จึงสามารถรับรู้เรื่องราวจากภายนอกได้อย่างรวดเร็ว บางคนยังถือว่าการได้ออกไปดูโลกกว้างจะเพิ่มมุมมองในการใช้ชีวิต เข้าใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆได้ดีขึ้น
เพียงแต่บางครั้งอาจลืมคิดไปว่า 'เหรียญมีสองด้านเสมอ' สิ่งที่คนอื่นโพสลงไปบนโซเชี่ยลนั้นมีเพียงด้านเดียว คือ ด้านที่อยากให้คนอื่นรู้ ซึ่งคือชีวิตที่ดูดีและหรูหรา
แต่กว่าจะไปถึงจุดๆนั้น เขาต้องผ่านความยากลำบากอะไรมาบ้าง เขาไม่ได้แสดงให้โลกเห็น จึงอย่าไปหลงติดกับดักของโลกออนไลน์เพียงมุมเดียวเท่านั้น