กินเหลา เป็นหนึ่งในคำยอดฮิตของคนในสินธร เวลาได้กำไรหุ้น ก็บอกว่า จะไปกินเหลา
พูดนานๆเข้า คนก็ลืมที่มาของคำไปเลย
ตามความเห็นของผม กินเหลาที่ดี ต้องหมายถึงของที่กินไม่ทำลายสุขภาพ + คนที่ร่วมกินเป็นกัลยาณมิตร
ขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็กินเหลากันไม่อร่อย แถมอาจจะเสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต
ที่ว่า กินเหลาแบบสูงสุด คืนสู่สามัญ ไม่ได้หมายความว่า
กินแพงๆ แล้วดาว์นเกรดมากินถูกๆ
แต่มันหมายความว่า
เมื่อก่อนเวลาจะนัดเจอเพื่อนๆในห้องสินธร ที่รู้จักอมยิ้มกันมานานเกินสิบปี
มักจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้านานๆ อย่างน้อยซักสองสามอาทิตย์
ต้องเลือกจองสถานที่จะพบปะ เลือกเรื่องหุ้นที่จะคุยกัน
เดี๋ยวนี้เอาแบบแด็กส์ด่วน นัดหมายกันในเฟซบุคล่วงหน้าซักสามสี่วัน
ใครว่างมาได้ ก็มานั่งคุยกันไป กินกันไป กินร้านไหน ก็เลือกแบบวอล์คอิน
ส่วนเรื่องที่จะพูดคุยกัน ก็สารพัดเรื่อง ไม่ได้คุยเฉพาะเรื่องหุ้นอย่างเดียว
เพราะผมเชื่อว่า สำหรับทุกคนที่ออกมาเจอกันนอกเนต
หุ้นมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ชีวิตทั้งชีวิตอีกต่อไปแล้ว
ผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นแทบทุกคน
เริ่มจากหมกมุ่นดูเรื่องหุ้น ทุกเวลา ก็กลายเป็น ว่างก็ดู ไม่ว่างก็ไม่ดู หาอะไรเพลินๆทำ
.
หลักการง่าย ๆ ที่จะทำให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนในตลาดหุ้นก็น่าจะประมาณว่า
๑ คิดเตือนใจตัวเองตลอดเวลาว่า ถ้าพลาดจะมีเวลาให้แก้ตัวอีกกี่ปี
๒ ถ้าได้ จะมีเวลาให้ใช้เงินอีกกี่ปี
คำว่าอิสรภาพทางการเงินของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน เพราะอายุปัจจุบันของแต่ละคน เป็นตัวกำหนดส่วนหนึ่ง
๓ ไม่ทำอะไร ที่มันเกินความรู้ ความสามารถของตัวเองเป็นอันขาด
ผมแปลกใจเพื่อนร่วมห้องสินธรคนหนึ่งมานานแล้ว
ทำไม ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนหุ้นมากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่ทำมาตลอดคือ ท่องเที่ยวในและต่างประเทศ ปีละอย่างน้อยที่สุดสิบทริป
ออกกำลังกายตามฟิตเนส เป็นประจำทุกวันที่ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยว
พอถามว่า เอาเงินมาลงทุนในหุ้น กี่เปอร์เซนต์ของทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด
คำตอบคือ ๒๐ %

ต่อให้ขาดทุนจนมูลค่าพอร์ตเหลือศูนย์
ก็ยังเหลือเงินอีก ๘๐ % ไว้ใช้จ่ายไปได้ตลอดชีวิตอย่างสบายๆ
ปัจจัยพื้นฐานสะสมของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ทำอะไรต้องรู้เราก่อน แล้วค่อยตามไปรู้เขา
ลงทุนร้อยครั้ง ถึงได้กำไรแค่ห้าครั้ง
ก็ขอให้ห้าครั้งที่ได้ สามารถกลบเก้าสิบห้าครั้งที่เสีย ก็น่าจะอยู่ได้
ถ้ามีเงินปันผลรับสม่ำเสมอทุกๆปี ก็ยิ่งอยู่ได้อย่างพอเพียง
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ไป"กินเหลา" แบบสูงสุด คืนสู่สามัญ
พูดนานๆเข้า คนก็ลืมที่มาของคำไปเลย
ตามความเห็นของผม กินเหลาที่ดี ต้องหมายถึงของที่กินไม่ทำลายสุขภาพ + คนที่ร่วมกินเป็นกัลยาณมิตร
ขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็กินเหลากันไม่อร่อย แถมอาจจะเสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต
ที่ว่า กินเหลาแบบสูงสุด คืนสู่สามัญ ไม่ได้หมายความว่า
กินแพงๆ แล้วดาว์นเกรดมากินถูกๆ
แต่มันหมายความว่า
เมื่อก่อนเวลาจะนัดเจอเพื่อนๆในห้องสินธร ที่รู้จักอมยิ้มกันมานานเกินสิบปี
มักจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้านานๆ อย่างน้อยซักสองสามอาทิตย์
ต้องเลือกจองสถานที่จะพบปะ เลือกเรื่องหุ้นที่จะคุยกัน
เดี๋ยวนี้เอาแบบแด็กส์ด่วน นัดหมายกันในเฟซบุคล่วงหน้าซักสามสี่วัน
ใครว่างมาได้ ก็มานั่งคุยกันไป กินกันไป กินร้านไหน ก็เลือกแบบวอล์คอิน
ส่วนเรื่องที่จะพูดคุยกัน ก็สารพัดเรื่อง ไม่ได้คุยเฉพาะเรื่องหุ้นอย่างเดียว
เพราะผมเชื่อว่า สำหรับทุกคนที่ออกมาเจอกันนอกเนต
หุ้นมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ชีวิตทั้งชีวิตอีกต่อไปแล้ว
ผู้เดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้นแทบทุกคน
เริ่มจากหมกมุ่นดูเรื่องหุ้น ทุกเวลา ก็กลายเป็น ว่างก็ดู ไม่ว่างก็ไม่ดู หาอะไรเพลินๆทำ
.
หลักการง่าย ๆ ที่จะทำให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนในตลาดหุ้นก็น่าจะประมาณว่า
๑ คิดเตือนใจตัวเองตลอดเวลาว่า ถ้าพลาดจะมีเวลาให้แก้ตัวอีกกี่ปี
๒ ถ้าได้ จะมีเวลาให้ใช้เงินอีกกี่ปี
คำว่าอิสรภาพทางการเงินของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน เพราะอายุปัจจุบันของแต่ละคน เป็นตัวกำหนดส่วนหนึ่ง
ผมแปลกใจเพื่อนร่วมห้องสินธรคนหนึ่งมานานแล้ว
ทำไม ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนหุ้นมากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่ทำมาตลอดคือ ท่องเที่ยวในและต่างประเทศ ปีละอย่างน้อยที่สุดสิบทริป
ออกกำลังกายตามฟิตเนส เป็นประจำทุกวันที่ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยว
พอถามว่า เอาเงินมาลงทุนในหุ้น กี่เปอร์เซนต์ของทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด
คำตอบคือ ๒๐ %
ก็ยังเหลือเงินอีก ๘๐ % ไว้ใช้จ่ายไปได้ตลอดชีวิตอย่างสบายๆ
ปัจจัยพื้นฐานสะสมของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ทำอะไรต้องรู้เราก่อน แล้วค่อยตามไปรู้เขา
ลงทุนร้อยครั้ง ถึงได้กำไรแค่ห้าครั้ง
ก็ขอให้ห้าครั้งที่ได้ สามารถกลบเก้าสิบห้าครั้งที่เสีย ก็น่าจะอยู่ได้