Day8 (Niseko)
วันนี้จะเป็นวันแรกที่เรากินอาหารเช้าโรงแรมเพราะมันรวมอยู่ในค่าห้องอยู่แล้ว อาหารอลังการ หลากหลายดี แต่...ไม่ค่อยอร่อย ถูกใจเด็กๆอยู่อย่างเดียวคือ ไอติม
กินเสร็จ พวกเราก็ออกไปเก็บภาพโรงแรมก่อนลาจาก
เราจะออกจากโรงแรมไปสถานีรถไฟด้วยรถบัสคันเดิม (ใครซื้อตั๋วแบบไป-กลับต้องเก็บเอกสารไว้ด้วยนะคะ แต่ดูเหมือนคุณลุงคนขับน่าจะจำพวกเราได้) ขาลงจากเขา นั่งมองวิวตลอดทางเพื่อเก็บภาพไว้ในความทรงจำ เราขึ้นรถไฟไปลงสถานี Kutchan ใช้เวลาประมาณ 40นาที เพื่อรอรถโรงแรมมารับ
โรงแรมที่นี่ส่วนใหญ่จะมีบริการรับ-ส่งแขกของเค้าอยู่แล้ว บ้านไหนจะจองลองเช็คดูนะคะ ประหยัดค่าแท็กซี่และกันความผิดพลาดกรณีเราเรียกรถเอง (เมืองนี้มีรถประจำทางอยู่แต่ไม่ได้มีตลอดทั้งปี) รถตู้โรงแรมมาตรงเวลานัดเป๊ะตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น โรงแรมของเราอยู่ในย่านที่เรียกว่า Niseko Grand Hirafu ห่างจากลานสกีแค่ 100ม. เหตุผลที่คุณพ่อเลือกมาที่นิเซโกะเพราะต้องการมาสัมผัส Powder snow สักครั้งในชีวิต (ถึงมันจะเริ่มละลายแล้วก็ตาม!!) หิมะปุยนุ่มละเอียดดุจแป้ง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหิมะที่ดีที่สุดในโลกที่นักสกีทั่วโลกต้องมาให้ได้ โรงแรมน่ารักมาก พวกเราสำรวจห้องกันเล็กน้อยแล้วเราก็รีบไปลานสกีกันเลย
วันนี้เป็นวันธรรมดาหน้า Low season กอนโดลาไม่เปิดให้บริการค่ะ แป่ว!! แต่มาถึงที่แล้วแค่เล่นหิมะไม่ต้องบนเขาก็สนุกแล้ว ลานสกีตรงนี้กลายเป็นของเราทันที มองจนสุดสายตาไม่มีใครเลย พนักงานโรงแรมบอกว่า ยูมาช่วงนี้ดีแล้วแหละ ถ้ามาอาทิตย์ที่แล้ว อย่าว่าแต่ถ่ายรูปติดหัวคนเลย เดินแทบชนกันเลยทีเดียว วันนี้ฟ้าเปิด เห็นฟูจิน้อยตลอดเวลาเลย โชคดีจริงๆ^^
ตกเย็นอยากไปเดินหาอะไรกิน ปรากฏว่าร้านอาหารที่ดูน่ากินตลอด2ข้างทาง ปิดหมดเลย มารู้ทีหลังจากสาวบาร์เทนเดอร์โรงแรมว่า เพิ่งหมดหน้า Peak season ร้านต่างๆพากันปิดหลังจากรับนักท่องเที่ยวมาอย่างหนักหน่วง และจะปิดยาวประมาณ 1-2 อาทิตย์ก่อนจะกลับมาเปิดอีกครั้ง โห...แล้วจะฝากท้องกับใครเนี่ย โชคดีมีมินิมาร์ทช่วยชีวิต มีอาหารอุ่นร้อนให้เลือกหลายรายการ เด็กๆไม่พลาดที่จะคว้าไอติมมากินระหว่างเดินกลับโรงแรม (ถึงแม้จะหนาวแค่ไหนก็ตาม><) อาหารกล่องที่ซื้อกลับมากินอร่อยเกินคาดแฮะ
โรงแรมที่นี่มีออนเซนด้วย จริงๆเป็น Public Onsen แต่เนื่องจากแทบไม่มีคนพัก เราจึงสามารถใช้ประดุจดัง Private Onsen โดยที่ไม่เสียตังค์ซักบาท เด็กๆได้ลองออนเซนครั้งแรกในชีวิต แต่ลงได้ไม่ถึงครึ่งตัวนะคะ เธอไม่ไหว555 แต่มันก็ช่วยบรรเทาอาการเมื่อยขาได้ดีมากกก (วันนี้พวกเธอเดินขึ้น-ลงเขาหลายสิบรอบ เห็นแล้วยังเหนื่อยแทนเลย ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน) ออนเซนจะแยกเป็นห้องชาย-หญิงค่ะ ห้องของผู้หญิงต้องใช้คีการ์ดเปิดประตูเพื่อความปลอดภัย มีผ้าเช็ดตัวและที่อาบน้ำพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ส่วนบ่อแช่ออนเซนมีแบบ indoor-outdoor แช่เสร็จมีห้องแต่งตัวพร้อมเลย เรามากดน้ำกินที่นี่ใส่ขวดสบายเลย (ต่างประเทศค่าน้ำแพงมาก เวลาเดินทางพวกเราจะมีขวดน้ำไว้เติมน้ำกินแบบส่วนตั๊วส่วนตัวคนละ 1ขวด ถ้ามีให้กดฟรีก็เติม ถ้าไม่มีก็จะซื้อแบบขวดใหญ่แล้วมาแบ่งใส่ขวด ประหยัดได้เยอะ^^)
โรงแรมที่นี่มีชุดยูกาตะให้เด็กด้วย ถูกอกถูกใจมาก คืนนี้2สาวก็นอนในชุดนั้นเลย
Day9 (Hakodate-Red Brick Warehouses)
เช้านี้พวกเรากินอาหารเช้าโรงแรม เนื่องจากที่นี่มีห้องพักไม่เยอะ ทางโรงแรมไม่มีบริการบุฟเฟ่ท์ แต่จะมีให้เลือกเป็นอาหารเซ็ทแบบ Japanese Style & American Style เราเลือกทั้ง2แบบ ทำกันสดๆเลย อร่อยดีค่ะ กินอาหารเช้าไปมองวิวไป
แทบไม่อยากไปต่อเลย เมืองนี้น่ารัก บรรยากาศดี แต่ยังไงก็ต้องไปเพราะเรามีกระเป๋าจากพี่แมวดำไปรออยู่แล้วที่ฮาโกดาเตะ
รถตู้โรงแรมไปส่งพวกเราที่สถานีเหมือนเดิม เพื่อนั่งรถไฟ JR ยาวไปถึงฮาโกดาเตะ ใช้เวลาประมาณ 4ชม. ฝนตก!! หมดกัน!! แผนขึ้นเขาสำหรับวันนี้ กางร่มไปโรงแรม ทุลักทุเลเล็กน้อย พวกเราจะพักที่ฮาโกดาเตะ2คืนที่ Hotel Sharoum-inn2 ไปถึงรีเซฟชั่นถามหากระเป๋าจากพี่แมวดำก่อนเลย กระเป๋ามาถึงโดยสวัสดิภาพ(สภาพดีกว่าพวกเราอีก55 แร๊พมาอย่างดีเนื่องจากฝนตก) ประทับใจมาก
ห้องพักที่นี่เป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า “เรียวกัง” ห้องขนาดเล็กไปนิดสำหรับพวกเรา 4 คนแต่ก็สมราคาค่ะ ไม่แพง เก็บของเรียบร้อยก็ออกเลย เดี๋ยวไม่คุ้ม55 กางร่มออกเที่ยวกันเลย เรามุ่งหน้าไปโกดังอิฐแดง นั่งรถรางไปลงสถานี Jujikai และเดินต่ออีกประมาณ 5นาที ฝนเริ่มตกหนักขึ้นและเด็กๆก็หิวกันมาก เจอร้านอาหารตรงหน้าก็บุกเข้าไปเลย(ร้านชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่คนกินเยอะ สไตล์อิตาเลียน) อร่อยทุกอย่างเลยหรือว่าเราจะหิวกันมาก!!!
ร้านขายของที่นี่จะเปิด 9.30-19.00 กินเสร็จออกมาร้านค้าปิดกันหมดแล้ว เสียใจอย่างแรง อยากเข้าตั้งหลายร้าน เดินเล่นสักพักก็ต้องกลับเพราะอากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ
ถึงโรงแรมต้มม่าม่ากิน อุ่นสบายท้องไปเลย
**ฝากติดตามตอนต่อไปนะคะ**
https://pantip.com/topic/38080522 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day1-Day2)
https://pantip.com/topic/38140306 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day3)
https://pantip.com/topic/38084130 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day4-Day5)
https://pantip.com/topic/38087816 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day6)
https://pantip.com/topic/38090807 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day7)
https://pantip.com/topic/38104436 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day10)
https://pantip.com/topic/38108285 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day11)
https://pantip.com/topic/38131887 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day12)
https://pantip.com/topic/38135982 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day13)
https://pantip.com/topic/38157088 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day14-15)
[CR] ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ#5 (Day8-Day9)
วันนี้จะเป็นวันแรกที่เรากินอาหารเช้าโรงแรมเพราะมันรวมอยู่ในค่าห้องอยู่แล้ว อาหารอลังการ หลากหลายดี แต่...ไม่ค่อยอร่อย ถูกใจเด็กๆอยู่อย่างเดียวคือ ไอติม
กินเสร็จ พวกเราก็ออกไปเก็บภาพโรงแรมก่อนลาจาก
เราจะออกจากโรงแรมไปสถานีรถไฟด้วยรถบัสคันเดิม (ใครซื้อตั๋วแบบไป-กลับต้องเก็บเอกสารไว้ด้วยนะคะ แต่ดูเหมือนคุณลุงคนขับน่าจะจำพวกเราได้) ขาลงจากเขา นั่งมองวิวตลอดทางเพื่อเก็บภาพไว้ในความทรงจำ เราขึ้นรถไฟไปลงสถานี Kutchan ใช้เวลาประมาณ 40นาที เพื่อรอรถโรงแรมมารับ
โรงแรมที่นี่ส่วนใหญ่จะมีบริการรับ-ส่งแขกของเค้าอยู่แล้ว บ้านไหนจะจองลองเช็คดูนะคะ ประหยัดค่าแท็กซี่และกันความผิดพลาดกรณีเราเรียกรถเอง (เมืองนี้มีรถประจำทางอยู่แต่ไม่ได้มีตลอดทั้งปี) รถตู้โรงแรมมาตรงเวลานัดเป๊ะตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น โรงแรมของเราอยู่ในย่านที่เรียกว่า Niseko Grand Hirafu ห่างจากลานสกีแค่ 100ม. เหตุผลที่คุณพ่อเลือกมาที่นิเซโกะเพราะต้องการมาสัมผัส Powder snow สักครั้งในชีวิต (ถึงมันจะเริ่มละลายแล้วก็ตาม!!) หิมะปุยนุ่มละเอียดดุจแป้ง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหิมะที่ดีที่สุดในโลกที่นักสกีทั่วโลกต้องมาให้ได้ โรงแรมน่ารักมาก พวกเราสำรวจห้องกันเล็กน้อยแล้วเราก็รีบไปลานสกีกันเลย
วันนี้เป็นวันธรรมดาหน้า Low season กอนโดลาไม่เปิดให้บริการค่ะ แป่ว!! แต่มาถึงที่แล้วแค่เล่นหิมะไม่ต้องบนเขาก็สนุกแล้ว ลานสกีตรงนี้กลายเป็นของเราทันที มองจนสุดสายตาไม่มีใครเลย พนักงานโรงแรมบอกว่า ยูมาช่วงนี้ดีแล้วแหละ ถ้ามาอาทิตย์ที่แล้ว อย่าว่าแต่ถ่ายรูปติดหัวคนเลย เดินแทบชนกันเลยทีเดียว วันนี้ฟ้าเปิด เห็นฟูจิน้อยตลอดเวลาเลย โชคดีจริงๆ^^
ตกเย็นอยากไปเดินหาอะไรกิน ปรากฏว่าร้านอาหารที่ดูน่ากินตลอด2ข้างทาง ปิดหมดเลย มารู้ทีหลังจากสาวบาร์เทนเดอร์โรงแรมว่า เพิ่งหมดหน้า Peak season ร้านต่างๆพากันปิดหลังจากรับนักท่องเที่ยวมาอย่างหนักหน่วง และจะปิดยาวประมาณ 1-2 อาทิตย์ก่อนจะกลับมาเปิดอีกครั้ง โห...แล้วจะฝากท้องกับใครเนี่ย โชคดีมีมินิมาร์ทช่วยชีวิต มีอาหารอุ่นร้อนให้เลือกหลายรายการ เด็กๆไม่พลาดที่จะคว้าไอติมมากินระหว่างเดินกลับโรงแรม (ถึงแม้จะหนาวแค่ไหนก็ตาม><) อาหารกล่องที่ซื้อกลับมากินอร่อยเกินคาดแฮะ
โรงแรมที่นี่มีออนเซนด้วย จริงๆเป็น Public Onsen แต่เนื่องจากแทบไม่มีคนพัก เราจึงสามารถใช้ประดุจดัง Private Onsen โดยที่ไม่เสียตังค์ซักบาท เด็กๆได้ลองออนเซนครั้งแรกในชีวิต แต่ลงได้ไม่ถึงครึ่งตัวนะคะ เธอไม่ไหว555 แต่มันก็ช่วยบรรเทาอาการเมื่อยขาได้ดีมากกก (วันนี้พวกเธอเดินขึ้น-ลงเขาหลายสิบรอบ เห็นแล้วยังเหนื่อยแทนเลย ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน) ออนเซนจะแยกเป็นห้องชาย-หญิงค่ะ ห้องของผู้หญิงต้องใช้คีการ์ดเปิดประตูเพื่อความปลอดภัย มีผ้าเช็ดตัวและที่อาบน้ำพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ส่วนบ่อแช่ออนเซนมีแบบ indoor-outdoor แช่เสร็จมีห้องแต่งตัวพร้อมเลย เรามากดน้ำกินที่นี่ใส่ขวดสบายเลย (ต่างประเทศค่าน้ำแพงมาก เวลาเดินทางพวกเราจะมีขวดน้ำไว้เติมน้ำกินแบบส่วนตั๊วส่วนตัวคนละ 1ขวด ถ้ามีให้กดฟรีก็เติม ถ้าไม่มีก็จะซื้อแบบขวดใหญ่แล้วมาแบ่งใส่ขวด ประหยัดได้เยอะ^^)
โรงแรมที่นี่มีชุดยูกาตะให้เด็กด้วย ถูกอกถูกใจมาก คืนนี้2สาวก็นอนในชุดนั้นเลย
Day9 (Hakodate-Red Brick Warehouses)
เช้านี้พวกเรากินอาหารเช้าโรงแรม เนื่องจากที่นี่มีห้องพักไม่เยอะ ทางโรงแรมไม่มีบริการบุฟเฟ่ท์ แต่จะมีให้เลือกเป็นอาหารเซ็ทแบบ Japanese Style & American Style เราเลือกทั้ง2แบบ ทำกันสดๆเลย อร่อยดีค่ะ กินอาหารเช้าไปมองวิวไป
แทบไม่อยากไปต่อเลย เมืองนี้น่ารัก บรรยากาศดี แต่ยังไงก็ต้องไปเพราะเรามีกระเป๋าจากพี่แมวดำไปรออยู่แล้วที่ฮาโกดาเตะ
รถตู้โรงแรมไปส่งพวกเราที่สถานีเหมือนเดิม เพื่อนั่งรถไฟ JR ยาวไปถึงฮาโกดาเตะ ใช้เวลาประมาณ 4ชม. ฝนตก!! หมดกัน!! แผนขึ้นเขาสำหรับวันนี้ กางร่มไปโรงแรม ทุลักทุเลเล็กน้อย พวกเราจะพักที่ฮาโกดาเตะ2คืนที่ Hotel Sharoum-inn2 ไปถึงรีเซฟชั่นถามหากระเป๋าจากพี่แมวดำก่อนเลย กระเป๋ามาถึงโดยสวัสดิภาพ(สภาพดีกว่าพวกเราอีก55 แร๊พมาอย่างดีเนื่องจากฝนตก) ประทับใจมาก
ห้องพักที่นี่เป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า “เรียวกัง” ห้องขนาดเล็กไปนิดสำหรับพวกเรา 4 คนแต่ก็สมราคาค่ะ ไม่แพง เก็บของเรียบร้อยก็ออกเลย เดี๋ยวไม่คุ้ม55 กางร่มออกเที่ยวกันเลย เรามุ่งหน้าไปโกดังอิฐแดง นั่งรถรางไปลงสถานี Jujikai และเดินต่ออีกประมาณ 5นาที ฝนเริ่มตกหนักขึ้นและเด็กๆก็หิวกันมาก เจอร้านอาหารตรงหน้าก็บุกเข้าไปเลย(ร้านชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่คนกินเยอะ สไตล์อิตาเลียน) อร่อยทุกอย่างเลยหรือว่าเราจะหิวกันมาก!!!
ร้านขายของที่นี่จะเปิด 9.30-19.00 กินเสร็จออกมาร้านค้าปิดกันหมดแล้ว เสียใจอย่างแรง อยากเข้าตั้งหลายร้าน เดินเล่นสักพักก็ต้องกลับเพราะอากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ
ถึงโรงแรมต้มม่าม่ากิน อุ่นสบายท้องไปเลย
**ฝากติดตามตอนต่อไปนะคะ**
https://pantip.com/topic/38080522 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day1-Day2)
https://pantip.com/topic/38140306 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day3)
https://pantip.com/topic/38084130 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day4-Day5)
https://pantip.com/topic/38087816 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day6)
https://pantip.com/topic/38090807 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day7)
https://pantip.com/topic/38104436 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day10)
https://pantip.com/topic/38108285 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day11)
https://pantip.com/topic/38131887 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day12)
https://pantip.com/topic/38135982 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day13)
https://pantip.com/topic/38157088 ฮอกไกโด 15วันคงไม่พอ (Day14-15)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้