สวัสดีครับ สำหรับกระทู้ประมาณนี้ ผมก็มาเขียนเป็นครั้งแรกหลังจากสิงตัวอยู่ในพันทิปอยู่นาน เนื่องจากไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้บ่อยๆ อาจจะต้องขออภัยล่วงหน้าถ้าอ่านแล้วเข้าใจยากนะครับ
สำหรับกระทู้นี้ ก็เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์ และกระทู้บ่น ตัดพ้อก็แล้วกันนะครับ
ผมเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่งที่เปิดบนเฟสบุ๊ค และเช่าเว็บไซต์สำเร็จรูปและ ร้านค้าบน eBay อีกที่หนึ่งครับ
ค้าขายเกี่ยวกับสินค้าดิจิตอลที่สามารถส่งให้กันได้โดยไม่พึ่งพาบริการขนส่ง
สำหรับการชำระเงิน ถ้าลูกค้าเป็นคนไทย ผมก็จะให้โอนผ่านทางธนาคารครับ แต่ถ้าลูกค้าชาวต่างชาติ (ตัวละครที่ 1) ก็จะใช้ Paypal (ตัวละครที่ 2)
1. ทำไมผมถึงกล่าวว่าโลกยุคใหม่ ผู้บริโภคมีสิทธิแม้ในเงินที่ตัวเองจ่ายออกไปแล้ว
หลังจากที่ทำไปสักพัก ร้านผมมีลูกค้าเยอะขึ้น โดยยอดชำระผ่านเพย์พาวที่มากขึ้น ผมก็ได้รับประสบการณ์แบบใหม่
สิ่งที่ผมได้พบเจอหลังจากการใช้เพย์พาวคือกรณีลูกค้า Claim ไม่ได้ Claim ในคุณภาพสินค้า ไม่ได้ Claim ว่าไม่ได้รับของ
แต่ Claim Unauthorized Transaction ครับ
2. Unauthorized Transaction คืออะไร
สำหรับ Keyword นี้ ใครจะค้าขายผ่าน Paypal ท่านต้องจำให้ขึ้นใจครับ สำหรับเหตุผลในการ Claim ตัวนี้หมายถึง
การทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของเจ้าของ หมายความว่า แกกำลังพูดว่า "ยอดนี้มานอาราย ฉันม่ายรู้ววเรื่องง"
นั้นสามารถแตกสาเหตุแยกย่อยออกไปอีกได้ว่า เจ้าของบัญชีอาจจะโดนมิจฉาชีพ Hack เอาข้อมูลบัตรเครดิตไป/ ลูกหลานเอาไปใช้/ แกล้งโง่อยากยกเคส ซึ่งเมื่อเกิด Dispute ขึ้นมาแล้ว เงินที่เราได้รับมาจากลูกค้าจะถูกกักออกจากบัญชีไปแบบที่เราไม่สามารถทำอะไรได้
3. เมื่อ Dispute/Claim เกิดขึ้นแล้ว ทางผู้ขายสามารถทำอะไรได้บ้าง
เมื่อเกิด Dispute ขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ผู้ขายทำได้มีแค่อย่างเดียวคือการให้ข้อมูลทั้งหมดที่เรารู้และหลักฐานธุรกรรมทั้งหมดที่เรามีครับ
ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนา ใบเสร็จ ใบออเดอร์ และที่สำคัญที่สุดคือ เลข Tracking นอกจากนี้ได้แค่รอครับ รอแบบลมๆ แล้งๆ ไป
ไม่มีอะไรที่เราจะทำได้เพื่อต่อสู้เพื่อเงินของเราแม้เราจะเสียต้นทุนทางการค้าไปแล้ว เรียกง่ายๆ ว่าของส่งไปแล้ว เงินก็ไม่ได้นั่นเอง
ซึ่งเคสนั้นอาจจะยาวนานได้ถึง 3 เดือน และผลลัพธ์นั้นอาจจะเป็นได้ทั้งชนะ ได้เงินกลับมา (แน่นอนว่าไม่มีชดเชย) หรือแพ้ เสียของและเจ็บใจฟรีๆ
4. เมื่อตัวละครอีกหนึ่ง มามีส่วนร่วม
ตัวละครนั้นคือบริษัทบัตรเครดิตครับ เนื่องจาก Paypal นอกจากจะเป็นผู้จัดการในเรื่องการทำธุรกรรมออนไลน์แล้ว แกยังเป็น Payment Gateway ด้วย
ในกรณีที่ลูกค้า (ไม่ว่าจริงหรือเก๊) จะชำระผ่านทาง Paypal แกจะมีทางเลือกคือใช้ยอดเงินในบัญชี Paypal มาชำระหรือใช้บัตรเครดิตชำระอีกที
ในกรณีที่เกิด Dispute ขึ้น หากเป็นลูกค้าชำระมาทาง Paypal เรื่องก็อาจจะจบง่าย เพราะ Paypal สามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่ามาก ในขณะที่ Dispute
ที่ถูกส่งต่อมาจากบัตรเครดิต จะทำให้การดำเนินงานยุ่งยาก และโอกาสชนะของทางผู้ขายจะต่ำติดดิน
5. Seller Protection ที่แสนบอบบางของ Paypal
แม้ Paypal จะโฆษณาว่าซื้อขายผ่านทาง Paypal ปลอดภัยแบบนู้น แบบนี้ ในความเป็นจริงแล้วที่ปลอดภัยดูเหมือนจะมีแค่ทางผู้ซื้ออย่างเดียว
ในทางกลับกันผู้ขายนั้น ถ้าจะขายผ่าน Paypal ทำการกุศลจะดีต่อใจกว่ามาก เนื่องจากผู้ซื้อที่เมื่อชำระเงินออกไปแล้ว สามารถร้องเรียนยกเคสได้
360 กระบวนท่า ไม่ว่าจะเป็น..
I didn’t receive an item I purchased - ไม่ได้รับของหลังจากการซื้อขาย
I received an item that wasn’t as described - ของไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ
I want to report unauthorized activity - เจ้าของบัญชีไม่ได้รับรู้ในการซื้อขายที่เกิดขึ้น << เกรียนสุด
I have a billing issue - บิลผิด มีปัญหา
ในขณะที่ Seller Protection ของ Paypal ในกรณี Dispute ยอดฮิตอย่าง Unauthorized Transaction
นั้นจำกัดวงแค่สินค้าที่สามารถขนส่งและจับต้องได้ (โลกไปไกล 4.0 Paypal ยังอยู่กับที่)
ในขณะที่ สินค้าประเภทข้อมูล บริการ ลิขสิทธิ์ สินค้าที่จับต้องไม่ได้ รวมถึงสินค้าประเภทยานยนต์
แล้วถ้าคุณเอาของไปส่งโดยไม่ผ่านบริการขนส่ง เค้าก็ไม่ช่วยนะครับ ไม่ว่าคุณมีหลักฐานยังไง...
6. ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นจากการใช้ Paypal
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมากับผมคือมิจฉาชีพจำนวนกลุ่มหนึ่ง ใช้บัญชี Paypal มาสั่งซื้อสินค้ากับผมแล้วเปิด Dispute Unauthorized Transaction
ใส่ผมเป็นจำนวนมาก โดยทั้งหมดเป็นการสั่งซื้อโดยใช้บัตรเครดิตผ่าน Paypal ซึ่งในกรณีนี้ ผมเองก็อาจจะต้องทำใจ แม้จะยังหวังนิดๆ ว่าบัตรเครดิตจะช่วย... แต่โดนส่วนมากจะแพ้และเสียสินค้าไปฟรีๆ ครับ
7. สรุป
ในอดีตพ่อค้ามักจะเป็นฝ่ายที่หลอกลวงเอาเงิน ญาติผู้ใหญ่มักสอนให้ระวังตัวก่อนจะซื้อของ ต้องซื้อกับคนที่น่าเชื่อถือ แต่ในปัจจุบันเหมือนพ่อค้าเอง
ก็ต้องระวังลูกค้าเอาไว้พอสมควรครับ มิเช่นนั้นอาจจะเจอลูกเล่นใหม่ๆ หลอกลวงเอาได้
สวัสดีครับ
โลกยุคใหม่กับผู้บริโภคที่มีสิทธิในเงินที่ตัวเองจ่ายออกไป แม้เงินนั้นจะไปอยู่ในกระเป๋าพ่อค้าแล้ว
สำหรับกระทู้นี้ ก็เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์ และกระทู้บ่น ตัดพ้อก็แล้วกันนะครับ
ผมเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่งที่เปิดบนเฟสบุ๊ค และเช่าเว็บไซต์สำเร็จรูปและ ร้านค้าบน eBay อีกที่หนึ่งครับ
ค้าขายเกี่ยวกับสินค้าดิจิตอลที่สามารถส่งให้กันได้โดยไม่พึ่งพาบริการขนส่ง
สำหรับการชำระเงิน ถ้าลูกค้าเป็นคนไทย ผมก็จะให้โอนผ่านทางธนาคารครับ แต่ถ้าลูกค้าชาวต่างชาติ (ตัวละครที่ 1) ก็จะใช้ Paypal (ตัวละครที่ 2)
1. ทำไมผมถึงกล่าวว่าโลกยุคใหม่ ผู้บริโภคมีสิทธิแม้ในเงินที่ตัวเองจ่ายออกไปแล้ว
หลังจากที่ทำไปสักพัก ร้านผมมีลูกค้าเยอะขึ้น โดยยอดชำระผ่านเพย์พาวที่มากขึ้น ผมก็ได้รับประสบการณ์แบบใหม่
สิ่งที่ผมได้พบเจอหลังจากการใช้เพย์พาวคือกรณีลูกค้า Claim ไม่ได้ Claim ในคุณภาพสินค้า ไม่ได้ Claim ว่าไม่ได้รับของ
แต่ Claim Unauthorized Transaction ครับ
2. Unauthorized Transaction คืออะไร
สำหรับ Keyword นี้ ใครจะค้าขายผ่าน Paypal ท่านต้องจำให้ขึ้นใจครับ สำหรับเหตุผลในการ Claim ตัวนี้หมายถึง
การทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของเจ้าของ หมายความว่า แกกำลังพูดว่า "ยอดนี้มานอาราย ฉันม่ายรู้ววเรื่องง"
นั้นสามารถแตกสาเหตุแยกย่อยออกไปอีกได้ว่า เจ้าของบัญชีอาจจะโดนมิจฉาชีพ Hack เอาข้อมูลบัตรเครดิตไป/ ลูกหลานเอาไปใช้/ แกล้งโง่อยากยกเคส ซึ่งเมื่อเกิด Dispute ขึ้นมาแล้ว เงินที่เราได้รับมาจากลูกค้าจะถูกกักออกจากบัญชีไปแบบที่เราไม่สามารถทำอะไรได้
3. เมื่อ Dispute/Claim เกิดขึ้นแล้ว ทางผู้ขายสามารถทำอะไรได้บ้าง
เมื่อเกิด Dispute ขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ผู้ขายทำได้มีแค่อย่างเดียวคือการให้ข้อมูลทั้งหมดที่เรารู้และหลักฐานธุรกรรมทั้งหมดที่เรามีครับ
ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนา ใบเสร็จ ใบออเดอร์ และที่สำคัญที่สุดคือ เลข Tracking นอกจากนี้ได้แค่รอครับ รอแบบลมๆ แล้งๆ ไป
ไม่มีอะไรที่เราจะทำได้เพื่อต่อสู้เพื่อเงินของเราแม้เราจะเสียต้นทุนทางการค้าไปแล้ว เรียกง่ายๆ ว่าของส่งไปแล้ว เงินก็ไม่ได้นั่นเอง
ซึ่งเคสนั้นอาจจะยาวนานได้ถึง 3 เดือน และผลลัพธ์นั้นอาจจะเป็นได้ทั้งชนะ ได้เงินกลับมา (แน่นอนว่าไม่มีชดเชย) หรือแพ้ เสียของและเจ็บใจฟรีๆ
4. เมื่อตัวละครอีกหนึ่ง มามีส่วนร่วม
ตัวละครนั้นคือบริษัทบัตรเครดิตครับ เนื่องจาก Paypal นอกจากจะเป็นผู้จัดการในเรื่องการทำธุรกรรมออนไลน์แล้ว แกยังเป็น Payment Gateway ด้วย
ในกรณีที่ลูกค้า (ไม่ว่าจริงหรือเก๊) จะชำระผ่านทาง Paypal แกจะมีทางเลือกคือใช้ยอดเงินในบัญชี Paypal มาชำระหรือใช้บัตรเครดิตชำระอีกที
ในกรณีที่เกิด Dispute ขึ้น หากเป็นลูกค้าชำระมาทาง Paypal เรื่องก็อาจจะจบง่าย เพราะ Paypal สามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่ามาก ในขณะที่ Dispute
ที่ถูกส่งต่อมาจากบัตรเครดิต จะทำให้การดำเนินงานยุ่งยาก และโอกาสชนะของทางผู้ขายจะต่ำติดดิน
5. Seller Protection ที่แสนบอบบางของ Paypal
แม้ Paypal จะโฆษณาว่าซื้อขายผ่านทาง Paypal ปลอดภัยแบบนู้น แบบนี้ ในความเป็นจริงแล้วที่ปลอดภัยดูเหมือนจะมีแค่ทางผู้ซื้ออย่างเดียว
ในทางกลับกันผู้ขายนั้น ถ้าจะขายผ่าน Paypal ทำการกุศลจะดีต่อใจกว่ามาก เนื่องจากผู้ซื้อที่เมื่อชำระเงินออกไปแล้ว สามารถร้องเรียนยกเคสได้
360 กระบวนท่า ไม่ว่าจะเป็น..
I didn’t receive an item I purchased - ไม่ได้รับของหลังจากการซื้อขาย
I received an item that wasn’t as described - ของไม่ตรงตามที่สั่งซื้อ
I want to report unauthorized activity - เจ้าของบัญชีไม่ได้รับรู้ในการซื้อขายที่เกิดขึ้น << เกรียนสุด
I have a billing issue - บิลผิด มีปัญหา
ในขณะที่ Seller Protection ของ Paypal ในกรณี Dispute ยอดฮิตอย่าง Unauthorized Transaction
นั้นจำกัดวงแค่สินค้าที่สามารถขนส่งและจับต้องได้ (โลกไปไกล 4.0 Paypal ยังอยู่กับที่)
ในขณะที่ สินค้าประเภทข้อมูล บริการ ลิขสิทธิ์ สินค้าที่จับต้องไม่ได้ รวมถึงสินค้าประเภทยานยนต์
แล้วถ้าคุณเอาของไปส่งโดยไม่ผ่านบริการขนส่ง เค้าก็ไม่ช่วยนะครับ ไม่ว่าคุณมีหลักฐานยังไง...
6. ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นจากการใช้ Paypal
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมากับผมคือมิจฉาชีพจำนวนกลุ่มหนึ่ง ใช้บัญชี Paypal มาสั่งซื้อสินค้ากับผมแล้วเปิด Dispute Unauthorized Transaction
ใส่ผมเป็นจำนวนมาก โดยทั้งหมดเป็นการสั่งซื้อโดยใช้บัตรเครดิตผ่าน Paypal ซึ่งในกรณีนี้ ผมเองก็อาจจะต้องทำใจ แม้จะยังหวังนิดๆ ว่าบัตรเครดิตจะช่วย... แต่โดนส่วนมากจะแพ้และเสียสินค้าไปฟรีๆ ครับ
7. สรุป
ในอดีตพ่อค้ามักจะเป็นฝ่ายที่หลอกลวงเอาเงิน ญาติผู้ใหญ่มักสอนให้ระวังตัวก่อนจะซื้อของ ต้องซื้อกับคนที่น่าเชื่อถือ แต่ในปัจจุบันเหมือนพ่อค้าเอง
ก็ต้องระวังลูกค้าเอาไว้พอสมควรครับ มิเช่นนั้นอาจจะเจอลูกเล่นใหม่ๆ หลอกลวงเอาได้
สวัสดีครับ