[CR] เล่าประสบการณ์การรังสรรเมนูเนื้อ Rib Eye จาก Company B ด้วยกระบวนการทำซูวีในบ้านตัวเอง

เมื่อวานก่อนได้มีโอกาสเดินทางไปหาอะไรกินที่ MBK center ที่ไม่ค่อยได้ไปมานาน แต่ที่อยากไปจริงๆก็คือ อยากจะเอาเนื้อมาทำอาหารกินเองที่บ้านสักก้อนหนึ่ง และรู้ว่า ร้าน Company B มีเปิดสาขาในนั้นแล้ว อยู่ชั้นหก ทั้งนี้ ปกติแล้วผมเองไม่ได้มีโอกาสที่จะซื้อเนื้อสดแบบนี้ทำกินเองสักเท่าไหร่ เพราะ ส่วนมาก ก้อนเนื้อแถวบ้านก็จะมีร้านขายเป็น Super Market หรือว่าเป็น Macro Food Service ซึ่งเนื้อดีๆไม่ค่อยจะเท่าไหร่นัก อย่างมากก็จะเป็นเนื้อแช่แข็งกันไปซะหมดแล้ว ทำให้ประสบการณ์การปรุงเนื้อที่บ้านนั้น จะใช้เป็นเนื้อประเภท Freeze มาแล้วทุกครั้งไป นี่ถือได้ว่าเป็นการใช้เนื้อที่ไม่ได้ผ่านการ Freeze มาทำอาหารเป็นครั้งแรกของชีวิตกันเลยก็ว่าได้ครับ

นี่คือหน้าตาของเนื้อที่ซื้อจากร้าน Company B ภาพด้านหน้าขอชิ้นเนื้อ
และนี่ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง เพื่อแสดงถึงความหนาของเนื้อ Rib Eye ก้อนนี้ซึ่งมันมีความหนาประมาณ 1.5 นิ้ว เรียกได้ว่าหนากำลังดีทีเดียว

เมื่อตัวเนื้อพร้อมแล้วก็จะเหลือแต่อุปกรณ์และเครื่องปรุงนิดหน่อยเท่านั้นเอง โดยการทดสอบการปรุงเนื้อครั้งนี้ ผมจะเลือกใช้การปรุงให้สุกระดับ Medium Rare โดยการใช้เครื่องซูวี เพื่อการทำความร้อนให้เนื้อสุกแบบกำลังดี เท่าที่มันจะทำได้ (แน่นอนแหละ ผมมีเครื่องซูวีติดบ้านเอาไว้เพื่อการทำเนื้อโดยเฉพาะ ลองคิดดูแล้วกันน่ะครับ ว่า ถ้าหากว่าผมไม่ได้เจ้าเครื่องซูวีอะไรเนี่ยะ ผมก็ไม่กล้าจะเอาเนื้อก้อนแบบแพงๆมาทำกินเองหรอก เพราะ ถ้าหากว่า ทำเองแล้วย่างปกติแล้วถ้าหากว่ามันมีระดับความสุกมากกว่าที่เราอยากจะกิน เราก็จะเสียใจมาก เพราะ มันเสียเงินซื้อเนื้อมาแล้ว แล้วยังจะต้องเสียใจเสียเนื้อก้อนนั้นทิ้งไปอีกหากว่าทำให้มันสุกเกินกว่าที่เราอยากจะได้น่ะครับ เรียกได้ว่า เครื่องซูวี อะไรเนี่ยะ มันทำให้เรารู้สึกว่า เราเป็นเชฟขึ้นมาได้ทันที แบบสร้างความกล้าหาญเล็กๆขึ้นมาในใจ เพื่อกล้าที่จะทำเน่ื้อก้อนแพงๆแบบนี้ที่บ้านได้ยังไงล่ะ)

สำหรับก้อนเนื้อก้อนนี้ที่เป็น Rib Eye จาก Company B ราคาทั้งหมดก็ประมาณ 7xx บาท.- เรียกได้ว่า ก็แพงเอาการอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เนื้อถูกๆตามร้านขาย Supermarket แบบแช่แข็ง โดยก้อนเนื้อก้อนนี้นั้น ผมไปเล็งมานานกว่าจะได้มาก้อนหนึ่ง

ทีนี้ก็เป็นภาพของเครื่องซูวีที่ผมมีติดบ้าน หลังจะเครื่องเอาไว้ครับ โดยถ้าหากว่านึกคิดว่าอยากจะกินเนื้อเมื่อไหร่ หรือ อยากจะทำเสต็กอะไรก็สุดแล้วแต่ ก็เอาเครื่องนี้ออกมาจัดมาใช้งานน่ะครับ โดยจากภาพผมยังคงเก็บเอาไว้ในกล่องของเค้าเลย เพราะ อยากจะเก็บมันเอาไว้ให้ดีที่สุดน่ะครับ ( ก็ แหม .. ใช้สำหรับโอกาสพิเศษที่เราออกแรงเข้าครัวแปลงร่างตัวเองเป็นเชฟมือทองอะไรประมาณนั้นน่ะครับ )

การปรุงรสก็ไม่ได้มีอะไรมาก ทำแค่สองอย่างก็คือ เอาเกลือสีชมพูใส่เข้าไปเยอะๆหน่อย แล้วก็เอาพริกไทยดำ โปรยให้ทั่วเนื้อทั้งด้านหน้าแล้วด้านหลัง

เมื่อได้เนื้อที่ผ่านการปรุงรสเล็กน้อยมาแล้ว ที่เหลือก็จะเป็นขั้นตอนในการทำซูวีด้วยเครื่องซูวีทั้งหมดแล้วน่ะครับ โดยหลักการของการทำซูวีก็คือ เอาอาหารเนื้อหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ที่เราจะเอาไปกินเข้าปากเนี่ยะ เอามาบรรจุในถุงซูวีที่ดูดอากาศออก โดยวิธีการเอาอากาศออกผมนั้นจะใช้วิธีการ คือ ค่อยๆเอาถุงเนื้อนั้นค่อยๆหย่อนลงไปในน้ำแล้วแอบเปิดปากถุงเอาไว้เล็กน้อย โดยน้ำมันจะมีแรงดันอากาศ มันก็จะดันอากาศในถุง Sous Vide ออกจากถุงผ่านทางรูที่เราเปิดเหลือเอาไว้เล็กน้อยออกไปทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ ถ้าหากว่า ดูแล้วอากาศไหลออกมาผ่านรูเกือบทั้งหมดแล้วเราก็ปิดรูที่ปากถุงให้สนิท เราก็จะได้เนื้ออยู่ในถุงโดยด้านในนั้นมันจะเป็นสูญอากาศทั้งถุงนั่นเอง หรือ ถ้าหากว่า คุณเป็นพวกที่มีงบประมาณและรู้ตัวเองว่า คุณกำลังจะทำการปรุงอาหารด้วยการ Sous Vide นี้บ่อย คุณอาจจะหาซื้อเครื่องดูดอากาศมาใช้งานอย่างจริงจังกันไปเลยก็ได้น่ะครับ เพราะ แน่นอนแหละว่า เครื่องมันก็ทำงานได้ดีกว่า และ เร็วกกว่า ทำได้มากกว่า และ สะดวกกว่า การใช้จุ่มๆเหมือนกับผมล่ะครับ

เอ.. ถึงไหนแล้วนะ อ่อ ! เมื่อได้เนื้อแล้วก็เอาเข้าเครื่องซูวีแล้วตั้ง time and temperature โดยสำหรับกรณีนี้ ผมเลือกจะตั้งเวลา 2 hours  และความร้อนกำหนดเอาไว้ที่ประมาณ 53 องศาเซลเซียสน่ะครับ เพื่อที่ความสุกคาดหวังของเนื้อก้อน Rib Eye ความหนา 1.5 นิ้วนี้ จะมีระดับความสุกแบบ Mid Rare ที่อยากจะได้ยังไงอย่างงั้น ส่วนที่ผมต้องตั้งระยะเวลา 120 นาทีนั้นก็เพราะว่า ผมจะได้แน่ใจว่า มันจะสุกเท่ากันทั้งหมด (สุกระดับ Medium Rare นี่น่ะแหละ) และความร้อนมามันถึงด้านในสุด แม้ว่าเนื้อมันจะหนากว่า 1.5 นิ้วก็ตามที เรื่องนี้ผมไปหาอ่านบทความเมืองนอกมาน่ะครับ เค้าเล่าว่า ระยะเวลา มันจะมีผลต่อความยุ่ยของเนื้อ และ มันเป็นผลมาจากความหนาของก้อนเนื้อนั้นนั่นเอง ก็แปลความได้ว่า ถ้าหากว่าเนื้อมันบางๆก็ไม่ได้ต้องตั้ง Timer นานระดับนี้นะ่ครับ ผมเคยทำเนื้อ Froozen เนี่ยะตั้งเวลาแค่ 60 นาทีก็โอเคดีน่ะครับ ลืมบอกอีกประเด็นก็คือ แม้ว่าเนื้อมันจะเป็น Froozen แข็งมาก็ตาม คุณสามารถทำการ ซูวี เหมือนปกติได้เลย ไม่ต้องไป Thraw หรือละลายน้ำแข็งอะไรมันเลยน่ะคัรบ เพราะว่า เจ้าการทำซูวี แบบนี้เนี่ยะ มันก็เหมือนกับการละลายน้ำแข็งในตัวอยู่แล้ว และ มันค่อยๆละลายซะด้วยซิ ซึ่งดีมากสำหรับอาหารแช่แข็งครับ

อยากจะแถมอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องการทำซูวีด้วยเครื่องซูวีน่ะครับ ก็คือ มันมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือได้ว่า ถ้าหากว่า คุณทำเนื้อสัตว์ใดๆด้วยการซูวีนี้ แล้วล่ะก็​... เนื้อจะออกมายังคงสภาพของน้ำของเนื้อเอาไว้ได้ดี เพราะ แหง แหละ มันไม่ได้โดนสัมผัสกับสภาพภายนอกอะไรเลย หรือถ้าหากว่ามันจะต้องสัมผัส มันก็สัมผัสกับความร้อนสุกในระยะเวลาที่ไม่นานนักยังไงล่ะครับ

มาต่อการทำซูวีก้อนเนื้อ Rib Eye Company B นี้ต่ออีกสักหน่อย ก็เมื่อเอาเนื้อใส่ Sous Vide machine แล้วตั้งเวลาและความร้อนแล้ว เราก็เหลือแค่รอ เมื่อมันหมดเวลา เราก็เอาเนื้อก้อนนี้มา Finishing ตกแต่งมันน่ะครับ โดยการตกแต่งผมเลือกเป็นการ pan fry ปกติ ครับ
โดยผมใส่แค่เนยและกระเทียมเพิ่มเท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรมาก  ...​เท่านั้นจริง โดยการทำการเผาในเตานี้ด้านละสองนาทีเท่านั้นเองครับ เรียกได้ว่า เพื่อทำให้โปรตีนจากเนื้อด้านนอกสุดโดยกระทะเผาแรงๆ เพื่อให้เกิดการคาราเมไรส์เซชั่น เป็นสีน้ำตาลและหอมขึ้น .ก็แค่นั้นน่ะครับ เราไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับการสุก หรือระดับความสุกอะไรแล้วครับ เพราะ เราได้จัดการเรื่องระดับความสุกเอาไว้ก่อนหน้าแล้วด้วย การ Sous Vide ก่อนหน้านั่นเองครับ

เราก็จะได้อาหารออกหน้าตาประมาณนี้ครับ .... ถ้าหากว่าคุณเห็นแล้ว สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ คุณจะเห็นว่าเนื้อมันจะสุกเท่านั้นเป้ะทั้งก้อนแบบด้านบนยันด้านล่างเหมือนกันหมด คือ สีชมพูระเรื่อน่าทานเป็นอย่างมาก

เอาแบบนี้ดีกว่า สำหรับคนที่ขี้เกียจจะอ่านเนื้อความที่ผมพิมพ์ไว้ด้านบนดูเป็น youtube VDO  ก้ได้น่ะครับสะดวกดัเหมือนกัน ตามนี้ได้เลย !
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ขอบคุณที่ดู content รีวิวการทำเนื้อเสต็ก Rib Eye ด้วยเครื่องซูวีครับ
ก้อนเนื้อ Rib Eye จาก Company B มาบุญครองนะครับแล้วก็ เครื่องซูวี รุ่นนี้ก็ยังคงเห็นจำหน่ายมาตั้งแต่ปีก่อน ปีนี้ก็ยังเห็นเป็นรุ่นเดียวกันอยู่จาก https://www.sousvidemax.com
ชื่อสินค้า:   Company B, เนื้อ, Dry Aged, Let's Eat, Let's Eat Thailand
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่