เมื่อจะไป "ภูชี้ฟ้า" แต่ไม่ถึง "ภูชี้ฟ้า"

เรามีประสบการณ์ แปลกๆมาเล่าให้ฟัง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว.....
บอกก่อนเลยนะว่า ตั้งแต่เด็กๆหลายคนจะบอกเราเสมอว่าเรามีสัมผัสที่ 6 บ้าง เรามีตาที่ 3 บ้าง ทั้งคนที่รู้จักเราและไม่รู้จักเรา  บางที่ไปซื้อของกับคนเฒ่า คนแก่ เขาจะพูดขึ้นมาว่า หนูเก็บสิ่งนี้ใว้นะ มันดี เราก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วตอบว่า “ค่ะ”  เราไม่คิดนะว่าเรามีสัมผัสที่6 หรือเห็นผีอะไรทั้งนั้น เรามองมันเป็นแค่ภาพผ่าน ภาพมโนของตัวเองที่เกิดแค่เสี้ยววินาที แล้วมันแค่บังเอิญมีตัวตนจริงๆแต่เขาไม่มีลมหายใจแล้วแค่นั้นเอง.... แต่มันมีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราและเพื่อนหลอนและกลัวทุกครั้งที่นึกถึงจนถึงทุกวันนี้....


มันเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2015 เรากับเพื่อนๆนัดกันว่าจะไปเที่ยวภูชี้ฟ้า เพราะปี2014 เราเคยไปกันแล้ว แต่ไปกลางเต้นท์นอนกันสนุกสนานตามเรื่องตามราว ทำให้ปีต่อมาเรานัดจะไปกันอีก แต่ครั้งนี้มีพี่ชายและพี่สะใภ้เพื่อนไปด้วยทำให้พวกเราเลือกที่จะจองที่พักเป็นบ้าน เพื่อที่จะเป็นส่วนตัว  พวกเราไปกัน 8 คน เพื่อนเราเป็นคนจองที่พัก (ขอไม่บอกชื่อนะ ) พอถึงวันไปเราก็ขับรถตามGPSไปจนใกล้ถึงแต่พวกเราหาทางเข้าไปที่พักไม่เจอ  ขับวนอยู่หลายรอบ แต่ก็เริ่มรู้สึกไม่โอเคเพราะที่พักมันไกลภูชี้ฟ้ามาก เหมือนยังไม่ได้ขึ้นภูเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ ใจดีสู้เสือเอาว่ะยังไงก็ต้องหาที่พักให้เจอก่อนจองไปแล้ว เรื่องขึ้นภูค่อยว่ากัน พวกเราขับไปในซอยตามที่เจ้าของบอกมา แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีตรงไหนเป็นสถานที่พักได้เลย  เลยถามคนแถวนั้นดูเขาก็บอกว่าขับเข้าไปอีกหน่อยจะเห็นประตูบ้านเป็นประตูไม้ใหญ่ๆ พอไปถึงอยากจะบอกว่าโครตพีคคคค โครตไม่เหมือนที่พักเลย พอเข้าไปมันจะเป็นบ้านเจ้าของก่อน 1 หลังใหญ่อยู่เหมือนกัน ข้างหลังบ้านเขาจะเป็นเหมือนลานปูนแล้วถัดไปจะเป็นเหมือนสวนเล็กๆมีบ้านไม้ทั้งหลัง ไม่เก่ามากแต่ก็ไม่ได้ใหม่นะ มี4 ห้องนอน ข้างบน2 ล่าง2 ซึ่งเป็นที่พักของพวกเราที่เราจองไว้ ส่วนข้างซ้ายจะเป็นเหมือนบ้านปูนชั้นเดียว แต่มีต้นไม้ของสวนกั้นไว้ระหว่างบ้านหลังนั้นกับที่เราพัก อารมณ์ตอนนั้นโครตไม่โอเคเลย  คือแบบ...บ้านไม่เหมือนกับในเว็บที่จอง อยู่ไกลภูมาก แล้วคือวันนั้นไม่มีใครพักเลยนอกจากพวกเรา  8 คน เรากับเพื่อนผู้หญิงเริ่มไม่โอเค บอกว่าจะไม่พัก เพราะมันดูน่ากลัว แต่เพื่อนผู้ชายและพี่ชายเพื่อนบอกว่า พักไปเหอะเราเสียเงินจองมาแล้ว  แล้วที่นี่มันมีสวนมีที่นั่งกินโอเค เอานะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยขับรถไปภูกัน  พวกเราก็เลยยอมนอนที่นั้นกัน  พอตกเย็นก็เริ่มทำของที่เตรียมมา ทำโน้นทำนี่กินกัน พวกเรานั่งกินกันที่สวนข้างบ้านที่เราพักกัน จนเริ่มดึกก็เริ่มเมาเริ่มมึนกัน (***หลังจากนี้เราจะเล่าเป็นสองมุมนะ มุมความรู้สึกเราที่เราพอจำได้กับมุมของเพื่อนเราที่เล่าให้เราฟังหลังจากเกิดเรื่องขึ้น)


พอเริ่มดึกก็เริ่มเมากัน เรารู้สึกว่าเราเมาแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง เราอยากเข้าห้องน้ำเลยเดินกลับมาเข้าที่บ้านพักกับเพื่อนอีกคน โดยใช้ห้องน้ำข้างล่าง  เราเข้าห้องน้ำแล้วพอจะออก อยู่ดีๆประตูมันเปิดไม่ออก ประตูมันเป็นกลอนเราก็พยายามเปิดมันก็ไม่ออก สักพักเราก็ตะโกนบอกให้เพื่อนมาช่วยเปิดประตูให้  ในมุมของเราคือแปปเดียวที่เราอยู่ในนั้น แล้วเพื่อนก็มาเปิดให้ หลังจากนั้นสติก็หายไปจำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่า “เราอยู่ในห้องน้ำนานมากกกก มากจนเพื่อนทุกคนมาช่วยกันเปิดประตูพาเราออกมา ตอนออกจากห้องน้ำ  เพื่อนเราเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เสร็จแล้ว ก็เอาเรานอนบนเตียง สักพักเราก็ร้องไห้น่ากลัวมาก แล้วพูดว่าอย่าทำ ร้องไห้บอกให้ปู่ช่วย จนพวกเพื่อนเราต้องช่วยกันจับ เรียกสติ แต่เราก็ยังร้องไห้เป็นพัก  เพื่อนๆเลยโทรหาลุงเจ้าของ  ถามว่าแถวนั้นพอมีวัดไหม ท่าทีไม่ค่อยดี  ลุงเขาเลยมา พร้อมไม้เท้าของพี่สาวเขาที่เป็นร่างทรงที่พึ่งเสียไป  แล้วเราก็ค่อยๆหายร้องไห้  ลุกขึ้นมาบอกว่า “หิวๆๆ” แล้วเราก็มองลุงแล้วยิ้ม  แล้วพูดออกมาว่า “สวย ผู้หญิงสวย”  เพื่อนเราบอกว่าเหมือนลุงจะรู้นะว่าเราหมายถึงอะไร แล้วลุงเขาก็เอาไม่เท้ามาแตะหน้าผากเราและลูบหัวเรา เราก็สงบลง ลุงเลยเอาขนมเปี๊ยะอันนึงที่แกถือมายื่นให้ จากนั้นก็แยกย้ายกะลุง  เราก็บ่นหิวๆ อยากกินอะไรเยอะๆ เพื่อนเราเลยบอกว่ามีแต่มาม่านะ กินไปก่อน เลยพากันขึ้นข้างบน แล้วอยู่ดีๆเราก็เดินเอามือไขว้หลัง เดินเหมือนคนแก่  เดินเองด้วย เพื่อนเราก็เดินตามขึ้นไป พอถึงเราก็นั่งพับเพียบลง  เพื่อนเราก็แกะขนมให้เรากิน ระหว่างรอมาม่า  เพื่อนบอกว่าเรากินมูมมามเหมือนคนหิว ที่ไม่ได้กินอะไรมาหลายๆๆวัน ทั้งมาม่าทั้งขนม พอเสร็จเราก็ไม่ได้สติไป พี่ๆผู้ชาย 3 คนช่วยกันอุ้มเรา แต่เขาบอกว่าอยู่ดีๆเราก็หนักมาก แทบยกไม่ไหว  จนยกไปนอนบนเตียงในห้องบนนั่นได้ จากนั้นผู้ชายก็แยกย้ายลงไปนอนข้างล่าง เพื่อนเราก็เข้าไปนอนอีกห้องข้างๆกัน สักพัก ได้ยินเสียงเราเรียกๆๆ  เพื่อนก็คิดว่าท่าไม่ดีละเลยเรียกพี่ๆผู้ชาย 2 คน มาอยู่ด้วย เพื่อความอุ่นใจ และเปิดประตูให้เราเข้าไป”                


ตัดมาที่เรานะเรา  เราไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เรารู้สึกตัวขึ้นมาแล้วมึนๆเจ็บเนื้อเจ็บตัวนะ มึนมาก เราตื่นมาในท่าที่เรานอนคว่ำหน้าลงบนเตียงแขนเรายุข้างเตียง เราลืมตาขึ้นมาเราเลยเอามือยันเตียงเพื่อจะลุกโดยหันหน้าไปทางพื้นห้อง สาบานได้เลย ภาพที่เราเห็นคือ ขาของคนหลายๆคนยืนมองเรา มันทำให้เรารีบลุกอย่างเร็ว เพื่อจะไปหาเพื่อนทันที (ทุกวันนี้ภาพนั้นยังติดตาอยู่เลย)เพื่อนเราเปิดประตูให้เข้าไป เพื่อนๆดูกลัวเรานะ แต่เราไม่สน เพราะเรากลัวมากกระโดนไปนอนตรงกลางเตียงคุมโปรงแล้วหลับดีกว่า  
    

พอตอนเช้าเราตื่นคนแรกนะ เพราะมีความรู้สึกอยากอาเจียนมากวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างไว แล้วอาเจียนออกมา ยอมรับว่าตกใจมากตอนอาเจียนเพราะสิ่งที่ออกมามีแต่เส้นมาม่าที่ยาวมากเหมือนไม่ได้เคี้ยวเลย  เหมือนเราใส่ปากแล้วกลืนเลย มีอะไรออกมาเป็นก้อนๆ(เรามารู้ทีหลังว่าเป็นขนม) มันรู้สึกขมๆอาเจียนหนักอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นก็คิดว่ากูไปกินมาตอนไหนว่ะ  แล้วกูกินเข้าไปได้ยังไงแบบนี้ พออาเจียนแล้วเราก็ออกมานอนต่อ  พอมาตอนเช้าพี่ชายเพื่อนที่นอนข้างล่างคนเดียว บอกว่า เมื่อคืนทำไรกันไม่หลับไม่นอน  เดินเสียงดังตึงตัง เต็มไปหมด  แต่ความจริงคือ  เพื่อนเราบอกว่าหลังจากส่งเราเข้านอน ไม่มีใคร กล้าลุกจากเตียงเลยจ้า  และคืนนั่นเกือบทั้งคืน แทบไม่นอนเลย  มาหลับใกล้เช้าแปปเดียว ก่อนจะลุกไปตลาดกัน เพื่อไปซื้อของทำบุญกัน เราก็ถามว่าพวกมันทำอะไรกัน  มันบอกจำอะไรไม่ได้เลยหรอ เราก็บอกพอจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ตอนนั้นไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืน ทุกคนช่วยกันซื้อของ กับข้าว ดอกไม้ แล้วทุกคนก็กลับมาที่พัก คุณลุงเจ้าของเขาช่วยเอาถาดใหญ่ๆมาให้แล้วบอกให้เราจัดเป็น 2 ชุด เพราะเขาบอกว่าข้างบนพุทธข้างล่างอิสลาม ก็ไม่รู้นะว่าเขาแบ่งยังไง คุณลุงก็พาพวกเราไหว้นะ จนเสร็จ  แล้วคุณลุงก็บอกให้เราตามเขาไปหน่อยได้ไหม  เราก็ตามคุณลุงไป  คุณลุงพาเราไปที่บ้านปูนหลังข้างๆที่อยู่ติดกับสวนพอเปิดประตูเท่านั้นแหละ  ทุกอย่างในหัวเราที่สงสัย ที่ไม่เข้าใจกระจ่างเลย ในบ้านหลังนั้นเป็นเหมือนตำหนักอะไรสักอย่าง ใหญ่มาก รูปปั้นอะไรเต็มไปหมดเราจำไม่ได้แต่สิ่งที่เราจำได้คือ ข้างกำแพงมีรูปคนที่เสียชีวิตไปแล้วเยอะมาก เกือบ10 ใบ ทำให้ภาพที่เราเห็นขาหลายๆคู่เมื่อคืนเขามาในหัวทันที กระจ่างเลย รู้เลยว่าเขาเป็นใคร คุณลุงให้เราไหว้ขอเป็นลูกศิษย์บอกเราว่า “ขอเป็นลูกศิษย์ที่นี่เลย”  เราก็ไหว้นะแต่เราก็แค่บอกว่าถ้าพวกหนูเผลอทำอะไรไม่ดีไปพวกหนูขอโทษ พวกหนูไม่ได้ตั้งใจ พวกเรามาดีไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรค่ะ ก่อนกลับคุณลุงก็ย้ำนะว่าอยากให้เราเอาพานมารับเป็นลูกศิษย์  แล้วแถมให้โชคบอกว่าให้พวกเราซื้อเลขทะเบียนรถที่เราขับไป  รับรองถูกแน่  แล้วงวดนั้นก็ออกทะเบียนรถจริงๆจร้า  สุดท้ายก็ขับรถกลับกัน เป็นการไปภูชี้ฟ้าแต่ไม่ถึงภูชี้ฟ้า จริงๆ


**พวกเรามั่นใจนะไม่ได้ทำอะไรไม่ดี  ไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวน หรือทำอะไรลบหลู่เขาเลย  แต่สิ่งที่พวกเรามั่นใจคือมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ**


****แอบแถมให้นะ  หลังจากขับรถกลับ พวกเราไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านพี่เพื่อน  ก็จอดรถไว้บ้านแล้วเดินไปกินกัน ขากลับก็พากันเดินกลับมาบ้านเพื่อขึ้นรถเดินทางต่อ เราเดินท้ายๆกับเพื่อนอีก2คน  แต่ความรู้สึกเหมือนมีคนเดินต่อหลังเราอีก  เราก็คิดว่าเป็นพี่เพื่อนก็หันไปคุยด้วย ปรากฎว่าไม่มีใครอยู่ เรา3คนเดินท้ายสุดแล้วส่วนพี่เพื่อนเดินอยู่ข้างหน้า เพื่อนก็ตกจว่าเราคุยกับใคร  ก็เลยไม่สบายใจรีบพากันไปวัดเพื่อไปทำบุญ สังฆทาน พระท่านรดน้ำมนต์ให้เรา แล้วพูดกับเราว่า ขอให้เราโชคดี ไม่มีอะไรแล้วนะ เท่านั้นแหละจร่าทุกคนอึ้งเลยรวมถึงเราแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรนะ จนกรวดน้ำเสร็จ เราก็เดินเอาน้ำไปเทใส่โคนต้นไม้ มันเป็นแค่เสี้ยววินาทีที่เราเห็นเป็นเท้าคนและมีโคลนเลอะเหมือนเราเทน้ำราดเท้าเขาอ่า เราตกใจนะแต่มองดีๆมันก็ไม่มีอะไรเป็นต้นไม้ธรรมดา  และหลังจากวันนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก มันกลายเป็นความทรงจำหลอนๆ ที่เมื่อเจอหน้ากันแล้วพูดถึงแค่นิดเดียวก็พากันหลอนกันหมด......******

ปล.ถ้ามีคำผิดต้องข้ออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่