Superb Lyrebird คำฉันท์



------------------------------------------------------------------


๐ นกหางพิณสะพรั่งประพรายตระก(ะ)ล(ะ)การ
สกุณาพิจิ-            ตรสถานพนาลี

๐ ท้องถิ่นทักษิณาทวีป(ะ)อนุศรี
ยุรยาตร             ผละวตีแสดงตน

๐ ชูท้ายฉายจะกรีดจะกรายมฤทุยล
รุจิราพินิ-             จตริฉงน ธ โลมา

๐ พร้อมหวีดร้องวะวี้ดจะตรึงรมณิยา
คณนาเสนาะ         พธุรสาประโลมนาง

๐ แม่นกน้อยสิอ่อนสลายสละศุภางค์
สุตผาสุก             วจิมิจางสะท้านกรรณ

๐ ลงเอยได้พระนางนิรันด(ะ)ร(ะ)สวรรค์
อมตาสถิ-             ตยสุพรรณ ณ โลกีย์ ...

------------------------------------------------------------------




เสียง : https://www.xeno-canto.org/217894 บันทึกโดย Henk Krajenbrink

นกหางพิณวิจิตร (Superb lyrebird / Manura novaehollandiae, superba) พบเจอได้เฉพาะในทวีปออสเตรเลีย แถบบริเวณแนวป่าชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีป ถูกจัดให้อยู่ในประเภทนกเกาะคอน (Songbird / Passeriformes) ซึ่งนั่นทำให้มันเป็นนกร้องเพลงที่ตัวใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่งของโลก

ความสามารถของนกชนิดนี้ที่จัดว่าพิเศษคือ การเลียนเสียงต่างๆรอบข้างมันได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งไม่ใช่แค่การเลียนเสียงตามตัวโน้ต แต่ยังสามารถลอก sound quality ของเสียงที่เลียนได้อย่างเกือบสมบูรณ์แบบ (นกในไทยที่เลียนเสียงได้ดีพอๆกันก็เช่นนกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ (Greater Racket-tailed Drongo))


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ซึ่งเสียงตามธรรมชาติของนกหางพิณวิจิตรจะประกอบไปด้วยเสียงที่มันเลียนแบบถึง 80% เลยทีเดียว นั่นทำให้นกบางชนิดในละแวกนั้นได้ยิน แล้วเกิดความเข้าใจผิดร้องขานรับเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนตัวเอง อย่างเช่นเจ้าคุกคาบูร่าธรรมดา (Laughing Kookabura) ในคลิปข้างบนเป็นต้น

แต่จุดเด่นของมันยังไม่หมดแค่การเลียนเสียงต่างๆได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เป็นหางที่น่าตระการตา งดงามคล้ายพิณตะวันตก ซึ่งตัวผู้จะร้องเรียกพร้อมแพนหางหันหลังโชว์ตัวเมีย เป็นการเกี้ยวพาราสีที่น่าตรึงตราตรึงใจแก่ผู้ได้ชม ทักษะตรงนี้จะคล้ายกับพวกนกปักษาสวรรค์ (Bird-of-paradise)

แต่ด้วยความที่มันมี range เสียงที่กว้างแบบนกร้องเพลง และตัวที่ยาวใหญ่แบบนกยูง ทำให้มันไม่ถูกจัดอยู่ในวงศ์ Paradisaeidae แต่อยู่ในวงศ์แยกคือ Menuridae (; Lesson, 1828)

ซึ่งในวงศ์นี้ก็จะมีอีกตัวคือ Albert's Lyrebird ผู้ซึ่งมีหางไม่สวยงามเท่า แต่มีทักษะการเลียนเสียงเทียบเท่ากัน

ส่วนฉันท์ที่แต่งตอนต้นนั้นไม่ทราบว่ามีใครเคยแต่งลักษณะนี้หรือไม่ มีรูปแบบฉันทลักษณ์คือ; วรรคแรก 11 วรรคที่สอง 5 และวรรคที่สาม 7 รวมเป็น 23, บังคับครุ-ลหุ ดังนี้ :

1)ครุ -ครุ -ครุ -ลหุ -ครุ -ลหุ -ครุ -ลหุ -ลหุ -ลหุ -ครุ

2)ลหุ -ลหุ -ครุ -ลหุ -ลหุ

3)ลหุ -ลหุ -ลหุ -ครุ -ลหุ -ครุ -ครุ

กำหนดเสียงสัมผัส: ให้เสียงลงท้ายของวรรคแรก สัมผัสกับเสียงของคำที่ 4 ของวรรคที่สาม, คำลงท้ายของวรรคที่สาม จะไปสัมผัสกับเสียงสุดท้ายของวรรคแรก วนไป

และที่เด่นคือคำที่ 3 ของวรรคที่สอง -- คือคำครุโดดในวรรคนั้น -- จะต้องมีเสียงเดียวกันทุกบท

ไม่บังคับสัมผัสเสียง : เสียงลงท้ายในวรรคแรกอาจเข้ามามีสัมผัสกับคำครุโดดในวรรคที่สองก็ได้  ไม่กำหนดบท เปรียบเสมือนการดีดพิณเล่น ขึงเส้นสายมาแล้วจะเล่นเสียหน่อยหรือปล่อยนิ่งก็ตามสะดวก

ถ้ายังไม่มีผู้เคยแต่งฉันท์ลักษณะนี้ ขอถือวิสาสะตั้งชื่อให้มันว่า

... "วิหคหางพิณคำฉันท์ 23" ...

ที่ให้ชื่อเช่นนี้เนื่องจากสัมผัสเสียงของวรรคที่สอง ที่เหมือนกันในทุกบท ลากลงมาเป็นเส้นตรงตึง ดั่งสายพิณที่ต้องขึงให้ตึงพอดี ไม่ย่อหย่อน และจากลักษณะของนกหางพิณวิจิตรที่มีส่วนหัวราบเรียบ ไม่น่าตื่นเต้นอะไรดั่งเช่นคำครุเริ่มต้น 3 คำ แต่พอไล่มาถึงช่วงหางก็จะเจอกับความวิจิตรบรรจงของพายุลหุ

ขอบคุณรูปภาพจาก Wikimedia Commons และ Tessy Amesreiter จาก ABC.net au ตามลำดับ

:: แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะการเลียนเสียง และเจตนารมณ์ในการตั้งชื่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่