ฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น จะอยู่ในช่วงเดือนกรกฏาคม และเดือนสิงหาคม แต่ละพื้นที่จะมีอุณภูมิสูงกว่า 30 องศา เหมือนอากาศของประเทศไทยในช่วงสงกรานต์ ซึ่งงานที่จะถูกจัดขึ้นในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ก็คือ “นัตสึมัตสึริ”「NATSU MATSURI」หรือ “งานเทศกาลฤดูร้อน” ซึ่งจะถูกจัดขึ้นเป็นเวลาหลายวันในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นช่วงเทศกาลที่มีทั้งการแห่เทพเจ้าเดินทั่วเมือง หรือ การจุดดอกไม้ไฟ กันอย่างครึกครื้น ทั่วทั้งเมือง
ในสมัยโบราณที่ยังไม่มีเครื่องช่วยปรับอากาศเพื่อคลายความร้อนเหมือนแอร์ หรือตู้เย็นในปัจจุบัน ทำให้ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงที่เกิดโรคภัยไข้เจ็บกันได้ง่าย และแพร่หลาย ดังนั้นจึงได้จัดงานเทศกาลฤดูร้อนนี้ขึ้นเพื่อขอพร และแห่เทพเจ้าไปทั่วเมือง เพื่อปัดเป่าภัยอันตราสิ่งชั่วร้าย และโรคภัยไข้เจ็บ ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาฤดูร้อนนี้ไปได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง เป็นเทศกาลเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่คนญี่ปุ่นเองก็คุ้นเคยกันดี ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นในช่วงหลายปีมานี้อีกด้วย
ครั้งนี้เราจึงจะพาเพื่อนๆ ไปเข้าร่วมชมบรรยากาศงานเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่น ในงาน「OSAKA・Tenjin-Matsuri Festival」และ「TOKYO・Tsukiji Honganji Bon-Odori Festival」กันทั้งหมด 2 งาน เพื่อสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนผ่านงานเทศกาลเหล่านี้
รีวิวของเราแบ่งออกเป็น 16 ตอน จาก Day 1- Day 4
Day1-1 เริ่มทริป ! จากกรุงเทพ เดินทางมายังสนามบินคันไซที่โอซาก้า และเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า
Day1-2 เที่ยวชมบริเวณโดยรอบปราสทโอซาก้า และทานอาหารกลางวันที่ร้าน “คาสึโอะ”「KATSUWO」
Day1-3 หนึ่งในงานเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่น “เทศกาลเท็นจิน”「TENJIN-MATSURI FESTIVAL」กับการแห่ขบวน「GIRL’S MIKOSHI」
Day1-4 เดินทางไปยัง “Hanshin-Koshien Stadium” สเตเดียมการแข่งขันเบสบอลแห่งแรกของญี่ปุ่นเพื่อชมการแข่งขันของ 「HANSHIN Tigers」
Day1-5 การแข่งขันกีฬาเบสบอลอันดุเดือนของ HANSHIN Tigers
Day1-6 เดินทางไปยังโรงแรม OSAKA CASTLE HOTEL พร้อมทานร้านราเม็งซุปหมูทงคตสึร้านดัง「MANKAI」
Day2-1 สัมผัสบรรยากาศตลาดของญี่ปุ่นที่ตลาดคุโรมง「KUROMON MARKET」ในตัวเมืองโอซาก้า
Day2-2 จุดคลายแม็กส์ของงาน “เทศกาลเท็นจิน”「RIKUTOGYO」กับงานขบวนแห่「RIKUTOGYO」และ「FUNATOGYO」
Day2-3 งานดอกไม้ไฟ「Tenjin-Matsuri Festival Fire Work」ไฮไลท์ของเทศกาลเท็นจิน3
Day2-4 ทานอาหารเย็นที่ร้านโอโคโนมิยากิ「BON-SHIGE」และเข้าเช็คอินที่โรงแรม「HOTEL SHIN-IMAMIYA」
Dat3-1 อิ่มอร่อย ช้อปปิ้ง ชมวิว อย่างจุใจที่「DECKS TOKYO BEACH」ใน “โอไดบะ”
Day3-2 อิ่มอร่อย ช้อปปิ้ง ชมวิว อย่างจุใจที่「DECKS TOKYO BEACH」ใน “โอไดบะ”
Day3-3 แฟนๆ「UNICORN GUNDAM」ไม่ควรพลาด !! กับ Diver City Tokyo Plaza พร้อมสิ่งที่น่าสนใจมากมาย
Day3-4 เข้าร่วมงานเทศกาลหน้าร้อนในโตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่นกับงาน “เทศกาลบงโอโดริ สึกิจิ ฮงกันจิ”「Tsukiji Honganji Bon-Odori Festival」
Day3-5 ทานซูชิร้านดัง “ซูชิซันมัย”「SUSHI-ZANMAI」ในตลาดปลาสึกิจิ และเข้าพักที่โรงแรม「E-Hotel Ginza」
Day4-1 ช้อปปิ้ง “ย่านกินซ่า Ginza Street” และเดินทางจากตัวเมืองโตเกียวสู่สนามบินนาริตะ
เริ่มทริป ! Day1-1 จากกรุงเทพ เดินทางมายังสนามบินคันไซที่โอซาก้า และเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
ครั้งนี้เราจะไปเที่ยวโอซาก้ากับโตเกียว เพราะฉะนั้นเราจะเข้าญี่ปุ่นที่สนามบินคันไซ และกลับประเทศไทยจากสนามบินฮาเนดะ หรือสนามบินนาริตะค่ะ
ซึ่งสายการบินที่บินไปสนามบินคันไซ สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนาริตะ ณ เดือนกรกฏาคม พ.ศ.2561 จะมีอยู่ 4 สายการบินก็คือ
・ สายการบินไทย
・ สายการบินญี่ปุ่น JAL
・ แอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X
・ สกู้ท Scoot
ถึงแม้ว่าตั๋วของแอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X ออกเดินทางจากกรุงเทพวันที่ 22 เดือนกรกฏาคม และออกเดินทางจากโตเกียว วันที่ 26 กรกฏาคม ราคาจะถูกที่สุดอยู่ที่ 8990 บาท
แต่จะถึงสนามบินคันไซตอนดึก แล้วต้องเสียเวลาไป 1 วันเต็ม ๆ เราจึงเลือกที่จะขึ้นของการบินไทย ราคาอาจจะแพงหน่อยที่ 18700 บาท แต่ราคานี้ก็ยังถือว่าไม่ได้แพงมาก แล้วยังรวมค่าโหลดกระเป๋า อาหาร และถึงตอนเช้าด้วย
สายการบินไทยจะบินไปโอซาก้าวันละ 2 เที่ยว รอบบินกลางคืน เที่ยวบิน 622 จะใช้เครื่อง A380 ส่วนรอบบินเช้า เที่ยวบิน 672 จะเป็นเครื่องบินใหม่ A350 ให้เราได้นั่งไปญี่ปุ่นอย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ หากเลือกตั๋วที่ต้องทำการเปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งระหว่างทางก็อาจได้บินมาญี่ปุ่นในราคาที่ถูกกว่า ยกตัวอย่างเช่น สายการบินคาเธย์แปซิฟิคแวะฮ่องกง สายการบินเกาหลีแวะโซล หรือ สายการบิน EVA AIR แวะไทเป ราคาตั๋วก็จะอยู่ที่ มากกว่าหรือน้อยกว่า 15000 บาท นอกจากนี้ก็มี สายการบินฟิลิปปินส์แวะซีบู หรือ สายการบินเวียดนามแวะฮานอยก็จะถูกกว่าอยู่ในช่วงราคา 10000 บาทเลยทีเดียว
ด้วยสายการบินไทยเพื่อมุ่งหน้าไปสู่สนามบินคันไซ สุวรรรณภูมิที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย ปัจจุบันก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจริงๆ ค่ะ ช่วงเที่ยวบินรอบดึกไปญี่ปุ่นและเกาหลี จะทำการเช็คอินอยู่ที่ช่อง C หากทำการเช็คอินจากเครื่องเช็คอินอัตโนมัติที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ C ก็สามารถต่อแถว「BagDrop」ที่สั้นกว่าได้เลย ถ้าใครถนัดเครื่องเช็คอินก็ใช้บริการเลยนะคะ นอกจากนี้สายการบินไทยที่ออกจากกรุงเทพสามารถเช็คอินได้ที่เว็ปไซต์เลย
https://www.thaiairways.com/en/index.page?
ณ ปัจจุบัน เดือนกรกฏาคม ปีพ.ศ. 2561 นั้นสามารถเช็คอินได้ก่อน 24 ชั่วโมงไปจนถึงก่อน 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นรีบเช็คอินในเว็ปไซต์เอาไว้ก่อนเลยก็ดีนะคะ
ซึ่งเที่ยวบิน TG ที่มุ่งหน้าไปสู่ สนามบินนาริตะ หรือ สนามบินคันไซ ส่วนหนึ่งจะใช้เครื่องบินลำใหญ่แบบ 2 ชั้น กับเครื่อง A380 เพราะฉะนั้นหากใครได้นั่งเครื่อง A380 ก็แนะนำให้นั่งชั้น 2F เลยค่ะ
เมื่อทำการเช็คอินทางเว็บไซต์ในขั้นตอนการเลือกที่นั่ง จะมีปุ่ม Medium Deck และ Upper Deck ให้เลือก เราจะเลือกเป็น Upper Deck ซึ่งเว็บไซต์จะเลือกอัตโนมัติไปที่ชั้น Medium Deck ก่อนเพราะฉะนั้นที่นั่งชั้น Upper Deck จะว่างกว่ามากเลยค่ะ
เมื่อเช็คอินเสร็จแล้ว ไปเช็คกระเป๋า และก็ผ่านเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองไปเลย เราก็คงรู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าช่วงเวลารอบดึก ช่วงเที่ยวบิน TG622 จะเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมากๆ บางครั้งเราใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงเลย เพราะฉะนั้นรีบเข้าเกทไปก่อนน่าจะดีกว่านะคะ
ซึ่งช่วงเวลาพีคของการตรวจเช็คกระเป๋า และตรวจคนเข้าเมืองจะอยู่ที่ช่วงเวลา 21:00-24:00 น. เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเวลาไปสนามบินเร็วหน่อยก็สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่นกว่าเลยค่ะ ซึ่งภายในสนามบินสุวรรณภูมิเองก็เป็นสนามบินที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร หรือร้านนวดต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่ายซิม SIM ต่างประเทศที่สามารถใช้ที่ญี่ปุ่นได้อีกด้วย
เที่ยวบินของ TG ส่วนใหญ่มักจะออกจากโซน C หรือ E เพราะฉะนั้นถ้าผ่านตม.มาแล้วต้องไปที่โซน C ก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ส่วนโซน E ก็เลี้ยวไปทางขวาเลยค่ะ
ถ้าเดินไปอีกสักพักแต่ละฝั่งก็จะเจอสี่แยกค่ะ ถ้า C ก็เลี้ยวขวา ส่วน E ก็เลี้ยวซ้ายจากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ในกรณีของการบินไทยจะปิดเกทก่อนเครื่องออกประมาณ 20
นาทีเพราะฉะนั้นต้องรีบไปที่เกทไว้ก่อนนะคะ
โดยเฉพาะเครื่องลำใหญ่อย่าง A380 ที่มักจะจอดอยู่ที่ประตูที่อยู่ริมๆ ดังนั้นควรจะเผื่อเวลาเดินไปที่เกทด้วยนะคะ
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ถึงจะเป็นคนที่ขึ้นเครื่องหลายสิบครั้งต่อปี แต่ช่วงเวลานี้ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเริ่มทริป ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาค่ะ
เครื่อง A380 ที่เราได้นั่งวันนี้เป็นเครื่องบิน 2 ชั้น ซึ่งชั้น 2F ส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งสำหรับ First class และ Business class แต่ก็มีส่วนหนึ่งท้ายๆ ที่เป็น Economy class เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่นั่งชั้นสองก็จะต้องเดินผ่านบริเวณชั้น 1F ไปเพื่อขึ้นบันไดที่อยู่หลังสุด เพื่อขึ้นไปที่ชั้น 2F ตอนที่เราผ่านชั้น 1F ก็เห็นว่าที่นั่งเกือบเต็มเลยค่ะ แต่ส่วนชั้น 2F ยังพอมีที่ว่างอยู่บ้าง ได้นั่งแบบสบายๆ ในบรรยากาศเหมือนได้นั่ง「Economy First」เลยค่ะ
ซึ่งสายการบิน TG จะมีการติดตั้งกล้องเอาไว้ที่ส่วนหางของเครื่องบินให้เราได้ชมบรรยากาศนอกเครื่องได้ด้วย และเราจะใช้เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ผ่านอุบลราชธานี ผ่านดานังที่เวียดนาม ไต้หวัน เพื่อเข้าใกล้ญี่ปุ่นเรื่อยๆ ซึ่งอาหารจะมาเสริฟ์ก่อนเครื่องลง 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ
เมื่อขึ้นไปบนเครื่องแล้ว ก็จะได้รับใบตรวจคนเข้าเมืองและใบศุลกากร เราจำเป็นจะต้องเขียนสองใบนี้ดีๆ จะได้ไม่มีปัญหาตอนเข้าประเทศค่ะ ถ้าเขียนที่อยู่มั่วๆ ก็อาจจะได้เปิดเช็คสัมภาระกันยกใหญ่เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นตั้งใจเขียนข้อมูลให้ครบและเขียนให้เป็นระเบียบนะคะ ในส่วนของเบอร์โทรติดต่อกลับ
ถ้าเป็นเบอร์ไทยก็ตัด 0 ที่อยู่ด้านหน้าออกและใส่ +66 แทน เช่น เบอร์ 081-234-5678 ให้เขียนเป็น +66-1-234-5678
ออกจากกรุงเทพตอน 23:30 เที่ยวบิน TG622 ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เมื่อลงจากเครื่องแล้ว สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ อากาศช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น ลองเช็คอุณภูมิในมือถือดูโอซาก้าตอนนี้ถึงจะเป็นเวลา 7 โมงเช้า แต่ก็ 31 องศาแล้วค่ะ
[CR] 4D3N Osaka Tokyo เที่ยวงานเทศกาลฤดูร้อน รีวิวแบบละเอียด มือใหม่ก็ใช้เที่ยวได้
ฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น จะอยู่ในช่วงเดือนกรกฏาคม และเดือนสิงหาคม แต่ละพื้นที่จะมีอุณภูมิสูงกว่า 30 องศา เหมือนอากาศของประเทศไทยในช่วงสงกรานต์ ซึ่งงานที่จะถูกจัดขึ้นในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ก็คือ “นัตสึมัตสึริ”「NATSU MATSURI」หรือ “งานเทศกาลฤดูร้อน” ซึ่งจะถูกจัดขึ้นเป็นเวลาหลายวันในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นช่วงเทศกาลที่มีทั้งการแห่เทพเจ้าเดินทั่วเมือง หรือ การจุดดอกไม้ไฟ กันอย่างครึกครื้น ทั่วทั้งเมือง
ในสมัยโบราณที่ยังไม่มีเครื่องช่วยปรับอากาศเพื่อคลายความร้อนเหมือนแอร์ หรือตู้เย็นในปัจจุบัน ทำให้ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงที่เกิดโรคภัยไข้เจ็บกันได้ง่าย และแพร่หลาย ดังนั้นจึงได้จัดงานเทศกาลฤดูร้อนนี้ขึ้นเพื่อขอพร และแห่เทพเจ้าไปทั่วเมือง เพื่อปัดเป่าภัยอันตราสิ่งชั่วร้าย และโรคภัยไข้เจ็บ ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาฤดูร้อนนี้ไปได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง เป็นเทศกาลเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่คนญี่ปุ่นเองก็คุ้นเคยกันดี ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นในช่วงหลายปีมานี้อีกด้วย
ครั้งนี้เราจึงจะพาเพื่อนๆ ไปเข้าร่วมชมบรรยากาศงานเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่น ในงาน「OSAKA・Tenjin-Matsuri Festival」และ「TOKYO・Tsukiji Honganji Bon-Odori Festival」กันทั้งหมด 2 งาน เพื่อสัมผัสเสน่ห์ของญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อนผ่านงานเทศกาลเหล่านี้
รีวิวของเราแบ่งออกเป็น 16 ตอน จาก Day 1- Day 4
Day1-1 เริ่มทริป ! จากกรุงเทพ เดินทางมายังสนามบินคันไซที่โอซาก้า และเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโอซาก้า
Day1-2 เที่ยวชมบริเวณโดยรอบปราสทโอซาก้า และทานอาหารกลางวันที่ร้าน “คาสึโอะ”「KATSUWO」
Day1-3 หนึ่งในงานเทศกาลฤดูร้อนของญี่ปุ่น “เทศกาลเท็นจิน”「TENJIN-MATSURI FESTIVAL」กับการแห่ขบวน「GIRL’S MIKOSHI」
Day1-4 เดินทางไปยัง “Hanshin-Koshien Stadium” สเตเดียมการแข่งขันเบสบอลแห่งแรกของญี่ปุ่นเพื่อชมการแข่งขันของ 「HANSHIN Tigers」
Day1-5 การแข่งขันกีฬาเบสบอลอันดุเดือนของ HANSHIN Tigers
Day1-6 เดินทางไปยังโรงแรม OSAKA CASTLE HOTEL พร้อมทานร้านราเม็งซุปหมูทงคตสึร้านดัง「MANKAI」
Day2-1 สัมผัสบรรยากาศตลาดของญี่ปุ่นที่ตลาดคุโรมง「KUROMON MARKET」ในตัวเมืองโอซาก้า
Day2-2 จุดคลายแม็กส์ของงาน “เทศกาลเท็นจิน”「RIKUTOGYO」กับงานขบวนแห่「RIKUTOGYO」และ「FUNATOGYO」
Day2-3 งานดอกไม้ไฟ「Tenjin-Matsuri Festival Fire Work」ไฮไลท์ของเทศกาลเท็นจิน3
Day2-4 ทานอาหารเย็นที่ร้านโอโคโนมิยากิ「BON-SHIGE」และเข้าเช็คอินที่โรงแรม「HOTEL SHIN-IMAMIYA」
Dat3-1 อิ่มอร่อย ช้อปปิ้ง ชมวิว อย่างจุใจที่「DECKS TOKYO BEACH」ใน “โอไดบะ”
Day3-2 อิ่มอร่อย ช้อปปิ้ง ชมวิว อย่างจุใจที่「DECKS TOKYO BEACH」ใน “โอไดบะ”
Day3-3 แฟนๆ「UNICORN GUNDAM」ไม่ควรพลาด !! กับ Diver City Tokyo Plaza พร้อมสิ่งที่น่าสนใจมากมาย
Day3-4 เข้าร่วมงานเทศกาลหน้าร้อนในโตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่นกับงาน “เทศกาลบงโอโดริ สึกิจิ ฮงกันจิ”「Tsukiji Honganji Bon-Odori Festival」
Day3-5 ทานซูชิร้านดัง “ซูชิซันมัย”「SUSHI-ZANMAI」ในตลาดปลาสึกิจิ และเข้าพักที่โรงแรม「E-Hotel Ginza」
Day4-1 ช้อปปิ้ง “ย่านกินซ่า Ginza Street” และเดินทางจากตัวเมืองโตเกียวสู่สนามบินนาริตะ
ครั้งนี้เราจะไปเที่ยวโอซาก้ากับโตเกียว เพราะฉะนั้นเราจะเข้าญี่ปุ่นที่สนามบินคันไซ และกลับประเทศไทยจากสนามบินฮาเนดะ หรือสนามบินนาริตะค่ะ
ซึ่งสายการบินที่บินไปสนามบินคันไซ สนามบินฮาเนดะ และสนามบินนาริตะ ณ เดือนกรกฏาคม พ.ศ.2561 จะมีอยู่ 4 สายการบินก็คือ
・ สายการบินไทย
・ สายการบินญี่ปุ่น JAL
・ แอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X
・ สกู้ท Scoot
ถึงแม้ว่าตั๋วของแอร์เอเชียเอกซ์ Airasia X ออกเดินทางจากกรุงเทพวันที่ 22 เดือนกรกฏาคม และออกเดินทางจากโตเกียว วันที่ 26 กรกฏาคม ราคาจะถูกที่สุดอยู่ที่ 8990 บาท
แต่จะถึงสนามบินคันไซตอนดึก แล้วต้องเสียเวลาไป 1 วันเต็ม ๆ เราจึงเลือกที่จะขึ้นของการบินไทย ราคาอาจจะแพงหน่อยที่ 18700 บาท แต่ราคานี้ก็ยังถือว่าไม่ได้แพงมาก แล้วยังรวมค่าโหลดกระเป๋า อาหาร และถึงตอนเช้าด้วย
สายการบินไทยจะบินไปโอซาก้าวันละ 2 เที่ยว รอบบินกลางคืน เที่ยวบิน 622 จะใช้เครื่อง A380 ส่วนรอบบินเช้า เที่ยวบิน 672 จะเป็นเครื่องบินใหม่ A350 ให้เราได้นั่งไปญี่ปุ่นอย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ หากเลือกตั๋วที่ต้องทำการเปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้งระหว่างทางก็อาจได้บินมาญี่ปุ่นในราคาที่ถูกกว่า ยกตัวอย่างเช่น สายการบินคาเธย์แปซิฟิคแวะฮ่องกง สายการบินเกาหลีแวะโซล หรือ สายการบิน EVA AIR แวะไทเป ราคาตั๋วก็จะอยู่ที่ มากกว่าหรือน้อยกว่า 15000 บาท นอกจากนี้ก็มี สายการบินฟิลิปปินส์แวะซีบู หรือ สายการบินเวียดนามแวะฮานอยก็จะถูกกว่าอยู่ในช่วงราคา 10000 บาทเลยทีเดียว
ด้วยสายการบินไทยเพื่อมุ่งหน้าไปสู่สนามบินคันไซ สุวรรรณภูมิที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย ปัจจุบันก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจริงๆ ค่ะ ช่วงเที่ยวบินรอบดึกไปญี่ปุ่นและเกาหลี จะทำการเช็คอินอยู่ที่ช่อง C หากทำการเช็คอินจากเครื่องเช็คอินอัตโนมัติที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ C ก็สามารถต่อแถว「BagDrop」ที่สั้นกว่าได้เลย ถ้าใครถนัดเครื่องเช็คอินก็ใช้บริการเลยนะคะ นอกจากนี้สายการบินไทยที่ออกจากกรุงเทพสามารถเช็คอินได้ที่เว็ปไซต์เลย
https://www.thaiairways.com/en/index.page?
ณ ปัจจุบัน เดือนกรกฏาคม ปีพ.ศ. 2561 นั้นสามารถเช็คอินได้ก่อน 24 ชั่วโมงไปจนถึงก่อน 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นรีบเช็คอินในเว็ปไซต์เอาไว้ก่อนเลยก็ดีนะคะ
ซึ่งเที่ยวบิน TG ที่มุ่งหน้าไปสู่ สนามบินนาริตะ หรือ สนามบินคันไซ ส่วนหนึ่งจะใช้เครื่องบินลำใหญ่แบบ 2 ชั้น กับเครื่อง A380 เพราะฉะนั้นหากใครได้นั่งเครื่อง A380 ก็แนะนำให้นั่งชั้น 2F เลยค่ะ
เมื่อทำการเช็คอินทางเว็บไซต์ในขั้นตอนการเลือกที่นั่ง จะมีปุ่ม Medium Deck และ Upper Deck ให้เลือก เราจะเลือกเป็น Upper Deck ซึ่งเว็บไซต์จะเลือกอัตโนมัติไปที่ชั้น Medium Deck ก่อนเพราะฉะนั้นที่นั่งชั้น Upper Deck จะว่างกว่ามากเลยค่ะ
เมื่อเช็คอินเสร็จแล้ว ไปเช็คกระเป๋า และก็ผ่านเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองไปเลย เราก็คงรู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าช่วงเวลารอบดึก ช่วงเที่ยวบิน TG622 จะเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมากๆ บางครั้งเราใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงเลย เพราะฉะนั้นรีบเข้าเกทไปก่อนน่าจะดีกว่านะคะ
ซึ่งช่วงเวลาพีคของการตรวจเช็คกระเป๋า และตรวจคนเข้าเมืองจะอยู่ที่ช่วงเวลา 21:00-24:00 น. เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเวลาไปสนามบินเร็วหน่อยก็สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่นกว่าเลยค่ะ ซึ่งภายในสนามบินสุวรรณภูมิเองก็เป็นสนามบินที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร หรือร้านนวดต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่ายซิม SIM ต่างประเทศที่สามารถใช้ที่ญี่ปุ่นได้อีกด้วย
เที่ยวบินของ TG ส่วนใหญ่มักจะออกจากโซน C หรือ E เพราะฉะนั้นถ้าผ่านตม.มาแล้วต้องไปที่โซน C ก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ส่วนโซน E ก็เลี้ยวไปทางขวาเลยค่ะ
ถ้าเดินไปอีกสักพักแต่ละฝั่งก็จะเจอสี่แยกค่ะ ถ้า C ก็เลี้ยวขวา ส่วน E ก็เลี้ยวซ้ายจากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ในกรณีของการบินไทยจะปิดเกทก่อนเครื่องออกประมาณ 20
นาทีเพราะฉะนั้นต้องรีบไปที่เกทไว้ก่อนนะคะ
โดยเฉพาะเครื่องลำใหญ่อย่าง A380 ที่มักจะจอดอยู่ที่ประตูที่อยู่ริมๆ ดังนั้นควรจะเผื่อเวลาเดินไปที่เกทด้วยนะคะ
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ถึงจะเป็นคนที่ขึ้นเครื่องหลายสิบครั้งต่อปี แต่ช่วงเวลานี้ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกของการเริ่มทริป ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาค่ะ
เครื่อง A380 ที่เราได้นั่งวันนี้เป็นเครื่องบิน 2 ชั้น ซึ่งชั้น 2F ส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่งสำหรับ First class และ Business class แต่ก็มีส่วนหนึ่งท้ายๆ ที่เป็น Economy class เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่นั่งชั้นสองก็จะต้องเดินผ่านบริเวณชั้น 1F ไปเพื่อขึ้นบันไดที่อยู่หลังสุด เพื่อขึ้นไปที่ชั้น 2F ตอนที่เราผ่านชั้น 1F ก็เห็นว่าที่นั่งเกือบเต็มเลยค่ะ แต่ส่วนชั้น 2F ยังพอมีที่ว่างอยู่บ้าง ได้นั่งแบบสบายๆ ในบรรยากาศเหมือนได้นั่ง「Economy First」เลยค่ะ
ซึ่งสายการบิน TG จะมีการติดตั้งกล้องเอาไว้ที่ส่วนหางของเครื่องบินให้เราได้ชมบรรยากาศนอกเครื่องได้ด้วย และเราจะใช้เวลาเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ผ่านอุบลราชธานี ผ่านดานังที่เวียดนาม ไต้หวัน เพื่อเข้าใกล้ญี่ปุ่นเรื่อยๆ ซึ่งอาหารจะมาเสริฟ์ก่อนเครื่องลง 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ
เมื่อขึ้นไปบนเครื่องแล้ว ก็จะได้รับใบตรวจคนเข้าเมืองและใบศุลกากร เราจำเป็นจะต้องเขียนสองใบนี้ดีๆ จะได้ไม่มีปัญหาตอนเข้าประเทศค่ะ ถ้าเขียนที่อยู่มั่วๆ ก็อาจจะได้เปิดเช็คสัมภาระกันยกใหญ่เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นตั้งใจเขียนข้อมูลให้ครบและเขียนให้เป็นระเบียบนะคะ ในส่วนของเบอร์โทรติดต่อกลับ
ถ้าเป็นเบอร์ไทยก็ตัด 0 ที่อยู่ด้านหน้าออกและใส่ +66 แทน เช่น เบอร์ 081-234-5678 ให้เขียนเป็น +66-1-234-5678
ออกจากกรุงเทพตอน 23:30 เที่ยวบิน TG622 ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง ตอนนี้เราก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เมื่อลงจากเครื่องแล้ว สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ อากาศช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น ลองเช็คอุณภูมิในมือถือดูโอซาก้าตอนนี้ถึงจะเป็นเวลา 7 โมงเช้า แต่ก็ 31 องศาแล้วค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้