[CR] รีวิว Work and Travel 2018 เมื่อฉันได้มาตักไอศกรีมท่ามกลางหุบเขา Zion, @Springdale, UT

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การมา Work and Travel 2018 ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของเรา แบบม้วนเดียวจบ
แต่ประสบการณ์สนุกไม่แพ้ครั้งแรกเลยค่ะ ((ปี 2016 อยู่นี้จ้า)) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36864303

การมาเวิร์คไม่ยากและไม่วุ่นวายเลยค่ะ ถ้าเราทำความเข้าใจก่อน โครงการนี้เป็นโครงการสำหรับ นักศึกษาที่อยากจะมาหาประสบการณ์ในช่วงซัมเมอร์ ที่อเมริกา โดยเราจะได้รับวีซ่า J1 สำหรับมาทำงานและสามารถเที่ยวต่อหลังจากจบโครงการได้อีกตั้งหนึ่งเดือนด้วยค่ะ  เมื่อเราหาข้อมูลแล้ว ก็เริ่มจากการหาเอเจนซี่ค่ะ ซึ่งมีหลากหลายองค์กรมาก ที่จะคอยให้ข้อมูล เตรียมเอกสาร และดำเนินเรื่องร่วมกับองค์กรแลกเปลี่ยนของเรา โดยเรามองว่าทุกที่คล้ายกัน ให้เลือกงาน และรัฐที่อยากจะไปดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้วเราจะต้องดูแลตัวเองก่อนนั่นเอง ซึ่งคราวนี้เราเลือกมากับ Acadex สาขาเชียงใหม่ค่ะ เพราะเราสะดวกที่สุด และพี่ๆให้คำแนะนำได้ดี ดำเนินงานเป็นขั้นตอน และเอกสารไวค่ะ

ขออนุญาตเล่าคราวๆของขั้นตอนนะคะ เริ่มจากหาข้อมูลของงานและเมืองที่อยากไป >>หาเอเจนซี่ เข้าไปคุยกับพี่ทีมงาน วัดระดับภาษา>>จ่ายค่าสมัคร >>  จองงาน  >> สัมภาษณ์งานกับนายจ้าง/องค์กรแลกเปลี่ยน >>จ่ายค่าโครงการ >>สัมภาษณ์วีซ่า >>จองตั๋ว >> เก็บกระเป๋า>> และบิน เย้!

ค่าใช้จ่าย (ส่วนที่หลายๆคนอยากรู้มากที่สุด)  รวมทั้งหมดอยู่ที่ 90,000 – 170,000 บาท โดยประมาณ : ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นส่วนลด,ค่าโครงการของแต่ละเอเจนซี่,พ็อกเก็ตมันนี่ และตั๋วเครื่องบิน ของเราถือว่าอยู่ในราคาที่พอรับได้ค่ะ ประมาณแสนสามรวมทุกอย่างแล้วค่ะ เราเอาเงินติดตัวไปแค่500$ และได้ตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพงมากประมาณสองหมื่นกว่าบาท

Tip : ถ้าอยากได้ตั๋วถูกต้องลงสนามบินใหญ่ และบินวันธรรมดา , การเอาเงินไปน้อยจะอยู่รอดได้ ควรจ่ายทุกอย่างแล้วเช่น บัสเข้าเมือง เตรียมอาหารแห้ง สบู่ แชมพูอะไรก็ตามเอาไปให้พร้อม มันหนักก็จริง ทนๆขนไปเถอะ ที่นู่นถูกก็จริงแต่แค่ซื้อก็ใช้เงินแล้วจ้า แถมขากลับเราใช้ของพวกนี้หมด กระเป๋าก็ว่างให้ขนของกลับได้เต็มที่จ้า ^^

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับเมือง Springdale นั้นไม่สามารถบินมาลงได้โดยตรง โดยเราเลือกบินลงลาสเวกัส จากนั้นนั่งบัสมาลงเมือง St.Gorge แล้วนายจ้างจะมารับเข้าเมืองค่ะ เดินทางวุ่นวายหน่อยสำหรับเมืองเล็กๆ



เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็เข้าเรื่องของเรากันเลยค่ะ…
ตำแหน่ง :      Ice Cream Scooper
เมือง :           Springdale, UT
เรท :             $10/hr เฉลี่ย 40hr/week
Housing :      Free!
US Sponsor : CHI

ข้อสำคัญ เราสามารถกินไอศครีมในร้านได้มากเท่าที่ต้องการ ตราบที่ทำงานที่ร้าน  TT น้ำตาจะไหล เรากินมาสามเดือน น้ำหนักพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ และที่สำคัญมันอร่อยมากกกกกก มีรสเยอะมากๆ โดยเฉพาะเจลล่าโต้ โอโห หยุดไม่ได้ไปอีก !

เรื่องการทำงานกันบ้างนะคะ  หน้าที่หลักก็คือขายไอศกรีม สมูตตี้ และเมนูของหวานที่เรามีในร้าน  ซึ่งพนักงานจะมีทั้งหมด 2 คนค่ะ ร้านไม่ใหญ่มาก  ไม่มีเมเนเจอร์ หรือนายจ้างเข้ามาเท่าไหร่  แทบจะเรียกได้ว่าเค้าปล่อยให้เราจัดการกันเองในร้านนั่นแหละค่ะ  แต่ข้อควรระวัง แม้ว่าร้านของหวานลูกค้าจะน่ารักใจเย็นก็ตาม แต่จะเต็มไปด้วยเด็กๆ ที่วุ่นวายมากถึงมากที่สุด เราต้องพยามตักให้สวย และเท่าๆกันด้วยนะคะ ไม่เช่นนั้น เคยมีเหตุการณ์ที่เพื่อนฝรั่งนางทำบานานาสปริดไม่เหมือนกันให้ลูกค้า เด็กร้องไห้เลยค่ะ และพ่อแม่ก็ไปโวยกับเมเนเจอร์ที่นั่งอยู่ใน Hoodoos ที่ติดกับร้านเรานั่นเอง ยิ่งเราทำสวย ลูกค้าก็ยิ่งว้าว และมีความสุขนะคะ ^^



ต้องบอกก่อนว่างานที่ไปเป็นร้านขายไอศกรีมก็จริง แต่เจ้าของเป็นเครือเดียวกับ Sol foods ค่ะ ซึ่งจะมีซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ Sol food (บ้านพักอยู่ติดกับอันนั้น คนที่ได้ทำงานที่ Sol foods ของเราเป็นสองหนุ่มก็จะสามารถเดินไปได้สองนาทีก็ถึงจ้าแถมยีงได้เพื่อนเยอะมากๆ เพื่อคนทำงาน Sol food เยอะมาก ส่วนไอศครีมและฝั่ง Hoodoosน่ะหรอ ฮึฮึฮึ กริบมาก)


อันนี้เป็นภาพ Sol foods ค่ะ แม้จะเป็นธุรกิจท้องถิ่น แต่ก็ไม่เล็กเลยใช่ไหมคะ อิอิ

ส่วน Hoodoos Market เป็นร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก และ Ice Cream shop ที่อยู่ในบริเวณเดียวกับ Hoodoos Market ซึ่งถือว่าที่นี่คือที่ทำงานของเราค่ะ  การเดินทางก็จะสามารถขึ้นบัสฟรีไปได้ หรือจะเดินก็ประมาณหนึ่งไมล์


เวลาเริ่มงานของเราจะตายตัวอยู่ที่ 1 pm – 9 pm เป็นเวลาร้านเปิดปิด ซึ่งอาจจะล่วงเวลาเป็นการเก็บร้านถ้ายุ่งมากๆอีกครึ่งชั่วโมง หรืออาจจะเร็วกว่านั้นค่ะ โดยหน้าที่หลักของเราก็จะเริ่มจากเปิดร้าน ขนไอศกรีม ดูแลแคชเชียร์ ค่อยดูแลร้านให้สะอาด ทำวาฟเฟิลโคน ทำมิลเชค และสมูตตี้ บลาๆ เหมือนจะเป็นงานสนุก แต่เชื่อไหมคะว่า เพื่อนฝรั่งที่ถูกส่งมาทำที่นี่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ ชอบ!” เหนื่องจากเป็นงานที่หนัก และค่อนข้างยุ่งมากๆค่ะ  แถมไอศรีมในร้านแข็งมากๆ จนปวดข้อมือ และนอนมือชากันเลยทีเดียว



เดือนแรกๆยังยิ้มออก...ผ่านไปสักพัก ฮึฮึฮึฮึ

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว $10 นี่คุ้มมากนะให้เราทั้งเขียนป้ายทุกป้ายในร้าน ทำขบวนพาราเรทตอนวันชาติด้วยจ้า !

สำหรับตารางงาน จะออกทุกวันศุกร์ ล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ นี่คือเรื่องพีคของเราทีเดียวค่ะ เนื่องจาก มันเปลี่ยนบ่อยมากๆ จนแทบทุกวัน ต่อให้ออกมาแล้ว ใครลา ใครสาย ใครขาด เด็ก J1 นี่แหละที่ต้องเสียบแทนโดยไม่ถาม เป็นเรื่องที่บ่นกันทุกวันเลยค่ะ เพราะมันส่งผลต่อการหางานสองด้วย ซึ่งอย่างเรา การเริ่มงานบ่ายโมงถึงสามทุ่มนั้น งานสองซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารจะต้องการคนในช่วงค่ำ เราก็จะทำไม่ได้ ถ้าทำเฮ้าตามโรงแรมก็ต้องการคนแปดโมงเช้าถึงบ่ายสามก็ทำไม่ได้อีก แต่ใครจะไปยอมแพ้ งานเดียวอยู่ไม่รอดหรอกค่ะ ถ้าภาษาพอใช้ได้ก็ไปสมัครห้องอาการเช้าเลยค่ะ เราทำงานนี้แต่แค่ สามวันต่อสัปดาห์ พอดีๆไม่ให้มากไป


เราเองแหละจ้า ทำห้องอาหารเช้าที่ Hamptan Inn by Hilton งานหนักและต้องเร็ว ทำกาแฟ ดูแลบริเวณห้องอาหาร เติมอาหาร คอยตอบคำถามลูกค้า แต่เราชอบงานนี้นะคะ เหนื่อย แต่สนุก และเมเนเจอร์รักเรามากๆ คอยแพ็คอาหาร ผลไม้ให้กลับบ้าน คอยหาชั่วโมงงานเพิ่มให้ตลอดเลยค่ะ เพราะเราชอบบ่นให้ฟังว่างานแรกชอบให้ออกไปเบรก เพราะไม่ให้โอที ทั้งที่ร้านวุ่นวายมากๆ แถมเงินก็น้อยมากๆด้วย

ซึ่งของพวกเราทั้งสี่คนทำงานสองกันหมดทุกคนค่ะ และงานสองก็รักเรายิ่งกว่างานแรก เอ็นดูและค่อนข้างชอบพวกเรามากๆด้วยค่ะ  ส่วนงานแรกน่ะหรอ ฮึๆเรียกได้ว่าแทบจะโดยเท เป็นแรงงานลูกเมียน้อยมากๆ ให้ทำทุกอย่าง และคอยควบคุมชั่วโมงไม่ต้องการจ่ายโอที ไม่ยอมให้เด็กไทยหยุดพร้อมกัน ต้องขอแล้วขออีก จนเพื่อนฝรั่งงงทั้งที่เพื่อนที่จะแลกด้วยยินดีให้แล้วแล้วก็ตาม จนแทบทะเลาะกันมาแล้วค่ะ

ความเป็นอยู่ : บ้านพักฟรี มีดีมากกว่าแย่ ไม่แออัดอยู่สบายมากกก
สำหรับความเป็นอยู่นั้นถือว่าค่อนข้างดี บ้านพักอยู่สบาย โดยจะแบ่งเป็นสองห้อง ห้องละสองคนแยกชายหญิงค่ะ  ซึ่งรอบนี้เราได้เจอเพื่อนๆคนไทยที่น่ารักที่คอยดูแลกันมาตลอดสามเดือนค่ะ

ทุกๆอย่างที่อัดอัดไม่ชอบใจทิ้งไปให้หมดทันทีที่เดินเข้ารั้วบ้าน เหมือนหลุมหลบภัยตลอดสามเดือนของเราเอง

ดอกกุหลาบหน้าบ้านสวยมากตอนวันไปถึง เราอยู้ตั้งแต่กำลังบาน จนร่วง จนโดนตัดไม้เหลือ แล้วก็แตกดอกใหม่ก่อนกลับแหน่ะ

ในห้องเอาจริงๆคือกว้างมากนะคะ อยู่สองคนคือสบายๆแต่เสียแค่ครัวรวมอยู่ในห้องนอนเลย คือเวลาทำอาหารไทยทีนี่กลิ่นน้ำปลาหึ่งเลยจ้า ใครเข้าบ้านนี่รู้เลยทำอาหารอีกแล้ว !

ภาพนี้เป็นวิวจากหน้าบ้านค่ะ เราชอบมาก มันชิล และสบายมากๆ

ภาพบ้านพัก สบายมาก ไม่แออัด มีสนามหญ้าหน้าบ้านที่ชอบออกมานั่งเล่นใต้ต้นไม้กัน รายล้อมด้วยวิวหุบเขาสีแดง กลางคืนอากาศจะค่อนข้างเย็น ฟ้าโปร่งมองเห็นดาวล้านๆดวง และมีดาวตกทุกวันเลยค่ะ พวกเราทั้งสี่คนชอบออกมานอนดูดาว ฟังเพลงกันแทบทุกคืนเลยค่ะ ฟังดูโรแมนติกเนาะ แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ เพราะพวกเราเลิกงานกันสามทุ่มครึ่งไม่มีกระจิตกระใจจะนอนหรอกค่ะ เพื่อนผู้ชายเล่นสเก็ตหน้าบ้าน พวกที่เหลือนั่งเม้ามอยส์ ดราม่ากันบ้างอะไรบ้าง วันดีคืนดีเพื่อนซื้อลำโพงมา ก็เอามาเปิดฟังเพลงชิวๆ ออกมาเต้นแอโรบิคบ้าง ^^ โคตรมีความสุขเลยตอนนั้น



อย่าลืมกด HD นะจ๊ะ