การเรียนภาษาอังกฤษมันไม่มีคำว่า 'เก่งแล้ว'
มีแต่คำว่า 'ฝึกไปเรื่อย ๆ'
ไม่มีคำว่า 'รู้แล้ว'
มีแต่คำว่า 'เพิ่มเติมความรู้ขึ้นไปเรื่อย ๆ'
เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่า
การเรียนภาษามันคู่กับการลืม
มันเลยต้องย้ำตัวเองว่าทำต่อไปเรื่อย ๆ
ทุกครั้งที่ผมเจอคนที่บอกว่า
'ไม่จำเป็นต้องฝึกแล้ว' 'ท่องศัพท์ไปทำไม'
'อย่าไปอ่านเลยพวกหนังสือแกรมมาร์'
ผมรู้สึกแปลกใจ
เพราะมันแปลว่าเขาหยุดอยู่กับที่แล้ว
ไม่อาจจะพัฒนาไปมากกว่านั้น
และที่สำคัญ ความรู้เขากำลังเลือนหาย!
(เพราะอย่างที่บอก ภาษามันคู่กับการลืม!)
หลายคนไม่พร้อมจะเรียนภาษาอังกฤษ
เพราะเขายังไม่เข้าใจว่า
'ภาษาอังกฤษถ้าได้เรียนแล้ว
ต้องเรียนตลอดชีวิต'
ไม่ใช่เรียนแค่เดือนสองเดือนแล้วทิ้งไป
ดังนั้นทุกครั้งที่มีคนมาถามผมว่า 'ทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ'
คำตอบมันจึงง่ายมาก
'หยุดคิดเรื่องเก่ง แล้วมาโฟกัสแค่ให้เราฝึกไปเรื่อย ๆ จากวันนี้ไปจนตาย'
ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่ความหมายมันกลับเรียบง่ายคือ
'อย่าหยุดเรียน'
ส่วนจะเรียนเรื่องอะไรก่อนหลัง อย่าทำเหมือนว่าเพจผมไม่มีบอกสิ
จงค้นหาครับเพื่อน!
รู้มากกว่าเมื่อวานให้ได้ทุกวันก็พอแล้ว
JGC.
ข้อคิด + ภาษาอังกฤษ
มีแต่คำว่า 'ฝึกไปเรื่อย ๆ'
ไม่มีคำว่า 'รู้แล้ว'
มีแต่คำว่า 'เพิ่มเติมความรู้ขึ้นไปเรื่อย ๆ'
เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ดีว่า
การเรียนภาษามันคู่กับการลืม
มันเลยต้องย้ำตัวเองว่าทำต่อไปเรื่อย ๆ
ทุกครั้งที่ผมเจอคนที่บอกว่า
'ไม่จำเป็นต้องฝึกแล้ว' 'ท่องศัพท์ไปทำไม'
'อย่าไปอ่านเลยพวกหนังสือแกรมมาร์'
ผมรู้สึกแปลกใจ
เพราะมันแปลว่าเขาหยุดอยู่กับที่แล้ว
ไม่อาจจะพัฒนาไปมากกว่านั้น
และที่สำคัญ ความรู้เขากำลังเลือนหาย!
(เพราะอย่างที่บอก ภาษามันคู่กับการลืม!)
หลายคนไม่พร้อมจะเรียนภาษาอังกฤษ
เพราะเขายังไม่เข้าใจว่า
'ภาษาอังกฤษถ้าได้เรียนแล้ว
ต้องเรียนตลอดชีวิต'
ไม่ใช่เรียนแค่เดือนสองเดือนแล้วทิ้งไป
ดังนั้นทุกครั้งที่มีคนมาถามผมว่า 'ทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ'
คำตอบมันจึงง่ายมาก
'หยุดคิดเรื่องเก่ง แล้วมาโฟกัสแค่ให้เราฝึกไปเรื่อย ๆ จากวันนี้ไปจนตาย'
ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่ความหมายมันกลับเรียบง่ายคือ
'อย่าหยุดเรียน'
ส่วนจะเรียนเรื่องอะไรก่อนหลัง อย่าทำเหมือนว่าเพจผมไม่มีบอกสิ
จงค้นหาครับเพื่อน!
รู้มากกว่าเมื่อวานให้ได้ทุกวันก็พอแล้ว
JGC.