[CR] รีวิว 3 วัน 2 คืน ทริปลุยเดี่ยว พระธาตุอินแขวน อยากมาต้องได้มา..

กระทู้รีวิว

กลับมาอีกครั้งกลับรีวิวทริปพม่า.....รอบนี้ฉายเดี่ยวหลังจากคราวที่แล้วไม่ได้ขึ้นพระธาตุอินแขวน รอบนี้ตั้งใจแล้วนะ...

เริ่มเดินทางด้วยสายการบิน Mynmar National Airline ไม่เคยขึ้น และไม่เคยอ่านรีวิวซักทีว่าเป็นยังไงบ้าง สรุปว่าเริดค่ะ มีอาหารว่างเสริฟให้เที่ยวบินไม่ดีเลย์ ขับนุ่มสบาย เบาะนั่งสบายขาไม่ติด ถ้าจองได้ช่วงเวลาโปรโมชั่น แนะนำสายการบินนี้ค่ะ

ถึงสนามบินย่างกุ้ง ติดต่อไกด์คนเก่งไว้เหมือนเดิม ไกด์ทุยะ ผู้ซึ่งเป็นทั้งไกด์ เป็นทั้งเพื่อน ใครอยากวางแผนเที่ยวในสไตล์ตัวเองไม่ผิดหวังค่ะ รับรองได้ไปทุกที่ตามที่วางไว้ แถมยังไม่ต้องคอยกังวลใจ ไกด์สุภาพ มารยาทดีมาก ใครจะไปเที่ยว ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ลองไลน์ไปคุยดูก่อนนะคะ line ID : thuya99 หรือ e-mail yathuya42@gmail.com

เดินทางมาถึงย่างกุ้ง 11:30 แวะทานอาหารที่ร้าน อาหารที่พม่าไม่แปลก รสชาติพอทานได้ หากร้านไหนภูกปากหน่อยก็จะเจริญอาหาร เป็นธรรมดา รอบนี้ สั่งผัดผักน้ำมันหอย ยอดมะระผัด เป็ดย่างจานเล็ก ข้าวผัดจานเล็ก (เอิ่ม ถ้าใครไม่ใส่สายกินที่แท้จริง แนะนำ หันมองขนาดจานโต๊ะข้างๆก่อนนะคะ สั่งมาครั้งเดียวกินได้เกือบ 5 คน) ขึ้นอยู่กับบางร้านนะคะ แต่เท่าที่ประสบมาจากคราวก่อน ขนาดไม่ต่างกันค่ะ ใหญ่สะไม่มี

วัดแรก วัดพระเขี้ยวแก้ว : ความรู้ซักนิด
พระเขี้ยวแก้วที่ประเทศพม่าได้มาจากศรีลังกาส่วนนอกคือเมืองโคลัมโบ (ภาษาบาลีเรียกว่า กุลุมพุนคเร)เวลานั้นกษัตริย์โคลัมโบ คือ พระเจ้าธรรมปาละ ได้มอบพระเขี้ยวแก้วพร้อมพระธิดาให้แก่ กษัตริย์พม่า ชื่อ บุเรงนอง ประดิษฐานในวังเมืองหงสาวดี ประเทศพม่า พ.ศ.๒๑๐๖ กษัตริย์บุเรงนองให้ทูตไปขอเจ้าหญิงลังกามาเป็นมเหสี พวกทูตมาขึ้นที่เมืองกุลุมพุนครเวลานั้นพระเจ้าธรรมปาละ ได้มอบพระทันตธาตุหุ้มด้วยทองคำบรรจุในพระเจดีย์ประดับพลอย ทูตก็อ้อนวอนขอดู อำมาตย์ก็ไม่ค่อยจะยอมนัก แต่เสียอ้อนวอนไม่ได้ก็พาไปดูในเวลากลางคืนทูตพม่าเห็นเข้าเลื่อมใสนัก รีบสวดมนต์เป็นการใหญ่ แล้วเจรจาขอแลกด้วยทองคำสิบหมื่น อำมาตย์จึงยอมตกลง ทูตพม่าจึงอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วแห่แหนมาทางทะเล..

ต่อมาเป็นสถานที่อีกที่ เป็นที่รวมสอบของพระสงฆ์ เข้าไปคล้ายๆสนามกีฬาเหมือนกันนะเนี่ย รอบๆจะเป็นที่นั่งสำหรับผู้สังเกตการณ์ค่ะ ก็คือกลุ่มพระสงฆ์นั่นเอง หากมีการสอบ พระสงฆ์ผละพระผู้ทำการสอบจะสั่งอยู่กลางห้องโถงแห่งนี้ จะจัดปีละ 1 ครั้ง ช่วงนั้นจะคึกคักมากค่ะ

ภายในบริเวณยังมีต้นไม้ที่พ่อหลวง ร.9 และ พระบรมราชินีนารถฯ ทรงปลูกไว้ด้วยค่ะ

แวะเติมพลัง ด้วยคาปูชิโน่เย็นซักแก้ว ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าพม่าไม่ใช่สวรรค์ของนักดื่มเครื่องดื่มเย็นนัก สภาพก็เป็นอย่างที่เห็นนี่หล่ะค่ะ คาปูชิโนเย็น พร้อมฟองนม ลอยๆอยู่ อิอิ .ใส่น้ำแข็งก้อนเล็กๆ ประมาณ 2-3 ก้อน พอได้รับทราบว่าเป็นเครื่องดื่มเย็น จะว่าไปแล้วก็คิดถึงกาแฟอเมซอนบ้านเราจริงๆ

ถัดมาเป็นวัดขื่อ Hair Relic Botataung Pagoda ค่ะ บรรจุพระเกศา วัดแห่งนี้คือที่เดียวกับที่ประดิษฐานเทพทันใจ ที่ใครหลายๆคนอยากจะมากราบไหว้ขอพรท่าน ครั้งก่อน ยังบูรณะไม่แล้วเสร็จ กลับมารอบนี้ มีห้องแอร์ แบ่งทางเข้าออก สะดวกค่ะ คนไม่เยอะด้วย รอบก่อนที่มาแทบจะไม่มีที่ยืนรอกันเลยทีเดียว

เทพกระซิบ ก็เป็นอีกหนึ่งที่ ที่พลาดไม่ได้ค่ะ

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ว่าด้วยเรื่องการขอพร :
วิธีขอพรจากเทพทันใจ
การสักการะเทพทันใจ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการเรื่องของสักการะอยู่ด้านหน้าของวัด ซึ่งจะประกอบไปด้วยมะพร้าว กล้วย ใบชนะ ผ้าคล้องคอ ร่มฉัตรกระดาษ ดอกไม้ พร้อมทั้งธนบัตรจำนวน 2 ใบ ให้ม้วนธนบัตรเป็นรูปกรวย สอดไปในมือของเทพทันใจ จากนั้นนำหน้าผากของเราไปแตะชิดที่นิ้วชี้ของเทพทันใจที่ชี้มา พร้อมอธิษฐาน ให้อธิษฐานได้เพียงข้อเดียวเท่านั้นถึงจะสัมฤทธิ์ผล เสร็จแล้วจึงดึงนำธนบัตรออกมา 1 ใบ เพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคล จากนั้นเดินจับรูปปั้นเทพทันใจรอบๆ รวมถึงจับไม้เท้าท่านด้วย แล้วคนทำพิธีจะให้ใบชนะแก่เรา และให้เรานำผ้าไปคล้องคอเทพทันใจ เป็นอันเสร็จพิธี

วิธีขอพรจากเทพกระซิบ
การเคารพและบูชาเทพกระซิบ จะบูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก และผลไม้ และกระซิบเพื่อขอพรท่าน ซึ่งเมี๊ยยะนานหน่วยนั้นถือได้ว่าเป็นเทพที่ให้แต่พรและความโชคดีแก่ทุกๆคนที่มาขอพร

ตลาดเช่าบูชา ของศักดิสิทธิ์ ที่เกี่ยวกับเทพทันใจเกือบทั้งสิ้น

เสร็จจากไหว้พระขอพรแล้ว ก็ check in ที่พักกันเลยจ้า..
โรงแรม H Valley Yangon.. จองมาก่อนผ่าน Agoda ส่วนลด 8% แหนะ ที่สำคัญคือ ตอนจองจอง Single Delex มา ถีงตอนเข้าพัก กลายเป็น Tripple Delex เฉยเลย ถือว่าเป็นโบนัสละกันค่ะ สามเตียง นอนคนเดียว สามวัน ก็เปลี่ยนเตียงละกันละกัน ฮี่ๆๆๆ โรงแรมสะอาดค่ะ แต่ข้อเสียที่เจอคือ อาจจะอยู่ลึกไปนิด ห่างจากร้านขายของ ดึกๆนี่ถ้าหิวหมดโอกาสได้กินอะไรรองท้องนะคะ ต้องหาซื้อเข้าไปตุนไว้ ส่วนตัวแล้วเจอปัญหานิดหน่อย จะอาบน้ำ เปิดน้ำเย็นกลายเป็นน้ำร้อน กับน้ำร้อนมาก เฮ้ออออ.... เรียกช่างมาแก้ไขให้ เค้าก็รีบมาแก้ไข จนใช้ได้ประมาณ 30 นาที เป็นอีกแล้วค่ะ เอาเป็นว่ารอบนี้ อาจจะหนักไปทางอาบน้ำโดยใช้น้ำจากอ่างล้างหน้า เยอะหน่อย

ประมาณ ห้าโมงครึ่งไกด์ก็พาออกมาเจดีย์ชเวดากองค่ะ รอบที่แล้วไม่ทันตอนเค้าเปิดไฟ รอบนี้กำชับไกด์ขอดูให้ทันตอนเค้าเปิดไฟนะ แล้วก็ได้ดูสมใจค่ะ
องค์พระเจดีย์ชเวดากองจำลอง เป็นทองทั้งหมด สวยมากค่ะ
บรรยากาศโดยรอบตอนเปิดไฟ ก็จะสวยๆ แบบนี้....

คนมาขอพรกันเยอะมากค่ะ อาจจะเป็นเพราะใกล้วันพระด้วย

ช่วงหัวค่ำ ถ่ายรูปออกมาจะสวยมากค่ะ ส่วนค่ำไปแล้ว ไฟจะเยอะไปหน่อย อย่างที่เห็น

นักท่องเที่ยวหลายคน ยังไม่รู้ องค์พระเจดีย์ จะมีเพชรอยู่ส่วนบนยอด เพชรจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ถ้าเรายืนในจุดที่ต่างกัน ต้องให้ไกด์ทุยะ พาไปดูนะคะ มีหลายๆสี ถ่ายรูปออกมาแล้วเห็นไม่ชัด แต่ของจริงสวยมาก การันตีค่ะ..

อาหารมื้อค่ำ ร้านอาหารริมน้ำ โต๊ะที่นั่งเห็นวิวนี้พอดี สวยมากค่ะ สั่งอาหารมื้อนี้ไม่เยอะจ่ายสบายกระเป๋ากันไปค่ะ
ไม่ทันได้ถ่ายหน้าตาอาหาร พออาหารลงปุ๊บ ก็หมดปั๊บทันตาเห็น