กระทู้นี่เป็นกระทู้แรกที่เขียนอาจจะมีการเว้นวรรคเว้นช่วงหรือภาษาที่เขียนอาจจะไม่ถูกต้องหาก
ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ เนื้อเรื่องที่จะพิมจากเป็นเพียงความต้องการหาคำแนะนำต่างๆ
เพื่อเป็นแรงและกำลังใจในการตัดสินใจ

. ขอเกริ่นเรื่องก่อนเลยนะคะว่าทางบ้านค่อนข้างมีฐานะ
พ่อทำอาชีข้าราชการตำรวจยศสูง(แต่ท่านเกษียณแล้ว) แม่เป็นตัวแทนขายประกันรายได้โดยประมาณ
(150,000-200,00กว่าบาทไม่แน่ใจ)พื้นฐานลูกค้าถือว่าเยอะมาก ส่วนตัวเราเองค่อนข้างเป็นเด็กที่เกเร แต่ไม่ใช่เกเรในทางที่
กินดื่มเที่ยวจนดึกไม่กลับบ้าน บุหรี่เราก็ไม่สูบค่ะ และเกเรความหมายของเราคือ ไม่ไปยอมเรียนค่ะ
ปัญหาใหญ่เลย แต่ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องต่างๆ(ส่วนตัวขอไม่เล่ารายละเอียดนะคะว่าทำไมถึงไม่ไปเรียน)เกรดก็ยังอยู่ในระดับ3:00ขึ้นไป
แต่เหตุการณ์ที่เจอทำให้กลายเป็นคนกลัวการเข้าสังคมกลัวการพูดคุย จนตอนนี้อายุก็ปา24ปีเพิ่งเริ่มป.ตรีของราม
เราเป็นคนที่เซนซิทีฟมากอารมณ์อ่อนไหวง่ายซึ่งเราเกลียดตัวเองแบบนี้มากแต่พยายามแก้พยายามบอกตัวเองอย่าคิดมากเราโลกนี้ไม่ได้มีแค่คนๆเดียวแต่มันก็แก้ไม่ได้เราก็ใช้ชีวิตปกติหาเงินได้เล็กน้อยเคยผ่านการทำงานมาร้านนม มาบ้างแม่บอกเราไม่อยากให้ทำงานถึงจะเรียนรามแต่ขอให้
รีบเรื่องให้จบเอาสมองไปเรียนให้เต็มที่ แต่พ่อเราขัดแย้งบอกให้เรามาช่วยแม่บ้างแม่เราเป็นคนที่ทำงานหนักเคยถามแม่ว่าทำไมถึงทำงานหนักขนาดนี้
แม่เค้าบอกเค้ามีความสุขกับการทำงาน การออกไปหาลูกค้าแม่ชอบแต่งตัวสวยไปหาลูกค้าไปคุยเล่นไปดูแลลูกค้า จากเราก็ทำหน้าที่เราไปเรียนก็เรียนไปอย่างเดียวแต่เราก็ลงมาช่วยแม่บ้างและเราว่าเราไม่ชอบงานนี้เลยได้แต่เก็บไว้พ่อก็บอกตลอดเวลาว่าต้องขายนะประกัน
อาชีพนี้ทำให้เรามีกินพ่อบอกด้วยท่าทีจริงจังมากด้วยบุคลิกแกเป็นคนจริงจังเพราะแกเป็นตำรวจระเบียบวินัยเลยสูง เลยทำให้เรากลัวแกมากแกบอกถ้าไม่ขายก็จะปิดบริษัทไปเลย แต่ประกันพวกนี้แม่ก็สร้างมากับมือและเป็นสิ่งที่แม่รักเราเลยต้องถามตัวเองย้ำๆว่าเราต้องทำจริงหรือและมานั่งถามตัวเองย้ำๆซ้ำๆจนเราอ่านหนังสือไม่ได้เลยเพราะเครียดเรื่องนี้ อ่านหนังสือซ้ำแล้วกลับมาอ่านที่จดก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิดเครียดเข้าไปอีก จนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดก็ได้เกิดขึ้น แม่เกิดอาการล้มป่วยอย่างหนักลิ่มเลือดอุดตันในสมองทำให้แขนขาข้างซ้ายไม่มีเเรงขยับไม่ได้นอนโรงพยาบาลเราก็มาดูแลแม่ พ่อก็ว่าเราว่าเป็นไงให้เรียนรู้แม่เป็นแบบนี้ต่อแม่ได้ไหมแล้วเราตอบแบบก็ไม่ได้พ่อแกก็ส่ายหัวคือแม่เราได้ซื้อบ้านไว้จ.หนึ่งเผื่อเดินทางมาที่นี่ก็จะได้พักบ้านไม่ต้องเสียเงินเช่าโรงแรม พ่อก็เกิดการขู่ถ้าไม่ทำก็จะขายบ้านหลังนี้ เราก็กังวลอีกบ้านที่แม่ซื้อ(อ้อ ผ่อนยังไม่หมดนะคะ)แบบพ่อก็ไม่อยากเอามาผ่อนมาผ่อนให้เป็นภาระตัวเองแต่ขายไปแม่คงเสียใจมากเพราะแม่
ผ่อนได้ครึ่งทางแล้ว เราเลยได้แต่รับปากพ่อจะทำงานต่อแม่ คนที่รู้จักแม่ที่ขายประกันก็มาเยี่ยมพ่อก็ให้เราคุย ซึ่งคนกลัวคนกลัวสังคมแบบเราก็คุยได้ไม่มาก
แล้วพ่อแกก็ให้ไหว้ข้างอกแล้วถ่ายรูปไว้ว่ารูปนี่คือหลักฐานว่าเราจะทำต่อแม่ ต้องทำนะเข้าใจไหม ใครมาก็บอกเค้าหมดทำให้เรากดดัน
เข้าไปอีก หลัง7:00เช้าไปดูแลแม่ถึง22:00(แม่อยู่ICUค่ะเค้าไม่ให้นอน)หมอบอกว่าอาการจะค่อยๆดีขึ้นจนหายและเมื่อเรากลับมาบ้านที่ไรจะนั่งคิดนอนเครียดนั่งๆนอนๆถึงเวลานอนหลับก็สะดุ้งตื่นแทบทุก1ชั่วโมง
เราไม่ชอบการขายประกันเลย เพราะเราเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าแม่ทำงานไม่พักเลยเดินทางบ่อย เราชอบทำงานที่ไม่ต้องไปต่างจังหวัดบ่อย แต่ฐานลูกค้าของแม่มีแทบทุกจังหวัด เราเลยต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แล้วเราต้องแบบเวลาส่วนตัวอีกเพราะถ้าเราทำอะไรเครียดๆนานทุกอย่างมันจะเบลอหัวมันจะหมุนเหมือนการเบลอแบบเรามาทำอะไรที่นี่ เราอยู่ตรงนี้ทำไม หูจะเริ่มอื้อ จะงงๆ เราเลยอยากขอความคิดเห็นสำหรับคนเข้ามาอ่าน ถ้าตอนนี้คนที่เข้ามาอ่านจะทำยังไงกับงานที่เราไม่อยากทำเลยและก็กับการเรียนที่เราจำเป็นต้องเรียน และจะจัดสรรเวลายังไงให้ไม่เครียดเกินไป ถ้าทุกอย่างนี้เปรียบเสมือนเกิดขึ้นกับคุณผู้อ่านเอง
อ้อเราเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าชอบเก็บ ชอบแอบนั่งคิดอะไรแย่ๆแล้วก็เศร้าเองบางคนบอกให้คิดสิ่งดีๆสิเดียวก็ดีเราคิดแล้วแต่มันมืดมนไปหมดเคยคิดตายไปเลยดีไหม แต่ไม่เอาดีกว่ากลัวบาปกรรม อีกนั่งกอดเข่าโยกตัวคิดเรื่องแย่นู้นนี่นั่นจะเริ่มอะไรก็บอกแง่ลบก่อนตลอด
ขอคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านและทุกคำแนะนำนะคะ
จะทำอย่างไรค่ะ......เมื่อพ่อบังคับให้ทำงานที่เราไม่ชอบ
ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ เนื้อเรื่องที่จะพิมจากเป็นเพียงความต้องการหาคำแนะนำต่างๆ
เพื่อเป็นแรงและกำลังใจในการตัดสินใจ
พ่อทำอาชีข้าราชการตำรวจยศสูง(แต่ท่านเกษียณแล้ว) แม่เป็นตัวแทนขายประกันรายได้โดยประมาณ
(150,000-200,00กว่าบาทไม่แน่ใจ)พื้นฐานลูกค้าถือว่าเยอะมาก ส่วนตัวเราเองค่อนข้างเป็นเด็กที่เกเร แต่ไม่ใช่เกเรในทางที่
กินดื่มเที่ยวจนดึกไม่กลับบ้าน บุหรี่เราก็ไม่สูบค่ะ และเกเรความหมายของเราคือ ไม่ไปยอมเรียนค่ะ
ปัญหาใหญ่เลย แต่ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องต่างๆ(ส่วนตัวขอไม่เล่ารายละเอียดนะคะว่าทำไมถึงไม่ไปเรียน)เกรดก็ยังอยู่ในระดับ3:00ขึ้นไป
แต่เหตุการณ์ที่เจอทำให้กลายเป็นคนกลัวการเข้าสังคมกลัวการพูดคุย จนตอนนี้อายุก็ปา24ปีเพิ่งเริ่มป.ตรีของราม
เราเป็นคนที่เซนซิทีฟมากอารมณ์อ่อนไหวง่ายซึ่งเราเกลียดตัวเองแบบนี้มากแต่พยายามแก้พยายามบอกตัวเองอย่าคิดมากเราโลกนี้ไม่ได้มีแค่คนๆเดียวแต่มันก็แก้ไม่ได้เราก็ใช้ชีวิตปกติหาเงินได้เล็กน้อยเคยผ่านการทำงานมาร้านนม มาบ้างแม่บอกเราไม่อยากให้ทำงานถึงจะเรียนรามแต่ขอให้
รีบเรื่องให้จบเอาสมองไปเรียนให้เต็มที่ แต่พ่อเราขัดแย้งบอกให้เรามาช่วยแม่บ้างแม่เราเป็นคนที่ทำงานหนักเคยถามแม่ว่าทำไมถึงทำงานหนักขนาดนี้
แม่เค้าบอกเค้ามีความสุขกับการทำงาน การออกไปหาลูกค้าแม่ชอบแต่งตัวสวยไปหาลูกค้าไปคุยเล่นไปดูแลลูกค้า จากเราก็ทำหน้าที่เราไปเรียนก็เรียนไปอย่างเดียวแต่เราก็ลงมาช่วยแม่บ้างและเราว่าเราไม่ชอบงานนี้เลยได้แต่เก็บไว้พ่อก็บอกตลอดเวลาว่าต้องขายนะประกัน
อาชีพนี้ทำให้เรามีกินพ่อบอกด้วยท่าทีจริงจังมากด้วยบุคลิกแกเป็นคนจริงจังเพราะแกเป็นตำรวจระเบียบวินัยเลยสูง เลยทำให้เรากลัวแกมากแกบอกถ้าไม่ขายก็จะปิดบริษัทไปเลย แต่ประกันพวกนี้แม่ก็สร้างมากับมือและเป็นสิ่งที่แม่รักเราเลยต้องถามตัวเองย้ำๆว่าเราต้องทำจริงหรือและมานั่งถามตัวเองย้ำๆซ้ำๆจนเราอ่านหนังสือไม่ได้เลยเพราะเครียดเรื่องนี้ อ่านหนังสือซ้ำแล้วกลับมาอ่านที่จดก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิดเครียดเข้าไปอีก จนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดก็ได้เกิดขึ้น แม่เกิดอาการล้มป่วยอย่างหนักลิ่มเลือดอุดตันในสมองทำให้แขนขาข้างซ้ายไม่มีเเรงขยับไม่ได้นอนโรงพยาบาลเราก็มาดูแลแม่ พ่อก็ว่าเราว่าเป็นไงให้เรียนรู้แม่เป็นแบบนี้ต่อแม่ได้ไหมแล้วเราตอบแบบก็ไม่ได้พ่อแกก็ส่ายหัวคือแม่เราได้ซื้อบ้านไว้จ.หนึ่งเผื่อเดินทางมาที่นี่ก็จะได้พักบ้านไม่ต้องเสียเงินเช่าโรงแรม พ่อก็เกิดการขู่ถ้าไม่ทำก็จะขายบ้านหลังนี้ เราก็กังวลอีกบ้านที่แม่ซื้อ(อ้อ ผ่อนยังไม่หมดนะคะ)แบบพ่อก็ไม่อยากเอามาผ่อนมาผ่อนให้เป็นภาระตัวเองแต่ขายไปแม่คงเสียใจมากเพราะแม่
ผ่อนได้ครึ่งทางแล้ว เราเลยได้แต่รับปากพ่อจะทำงานต่อแม่ คนที่รู้จักแม่ที่ขายประกันก็มาเยี่ยมพ่อก็ให้เราคุย ซึ่งคนกลัวคนกลัวสังคมแบบเราก็คุยได้ไม่มาก
แล้วพ่อแกก็ให้ไหว้ข้างอกแล้วถ่ายรูปไว้ว่ารูปนี่คือหลักฐานว่าเราจะทำต่อแม่ ต้องทำนะเข้าใจไหม ใครมาก็บอกเค้าหมดทำให้เรากดดัน
เข้าไปอีก หลัง7:00เช้าไปดูแลแม่ถึง22:00(แม่อยู่ICUค่ะเค้าไม่ให้นอน)หมอบอกว่าอาการจะค่อยๆดีขึ้นจนหายและเมื่อเรากลับมาบ้านที่ไรจะนั่งคิดนอนเครียดนั่งๆนอนๆถึงเวลานอนหลับก็สะดุ้งตื่นแทบทุก1ชั่วโมง
เราไม่ชอบการขายประกันเลย เพราะเราเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าแม่ทำงานไม่พักเลยเดินทางบ่อย เราชอบทำงานที่ไม่ต้องไปต่างจังหวัดบ่อย แต่ฐานลูกค้าของแม่มีแทบทุกจังหวัด เราเลยต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แล้วเราต้องแบบเวลาส่วนตัวอีกเพราะถ้าเราทำอะไรเครียดๆนานทุกอย่างมันจะเบลอหัวมันจะหมุนเหมือนการเบลอแบบเรามาทำอะไรที่นี่ เราอยู่ตรงนี้ทำไม หูจะเริ่มอื้อ จะงงๆ เราเลยอยากขอความคิดเห็นสำหรับคนเข้ามาอ่าน ถ้าตอนนี้คนที่เข้ามาอ่านจะทำยังไงกับงานที่เราไม่อยากทำเลยและก็กับการเรียนที่เราจำเป็นต้องเรียน และจะจัดสรรเวลายังไงให้ไม่เครียดเกินไป ถ้าทุกอย่างนี้เปรียบเสมือนเกิดขึ้นกับคุณผู้อ่านเอง
อ้อเราเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าชอบเก็บ ชอบแอบนั่งคิดอะไรแย่ๆแล้วก็เศร้าเองบางคนบอกให้คิดสิ่งดีๆสิเดียวก็ดีเราคิดแล้วแต่มันมืดมนไปหมดเคยคิดตายไปเลยดีไหม แต่ไม่เอาดีกว่ากลัวบาปกรรม อีกนั่งกอดเข่าโยกตัวคิดเรื่องแย่นู้นนี่นั่นจะเริ่มอะไรก็บอกแง่ลบก่อนตลอด
ขอคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านและทุกคำแนะนำนะคะ