บทที่ 9
https://pantip.com/topic/38060791
ความเดิน ตอนที่แล้ว
กองทัพแมวป่า และแมวบ้าน กำลังปะทะกัน ฏกยที่กองทัพแมวป่ามีกำลังมาเสริมอีกหลายตัว
สถานการณ์กำลังย่ำแย่
----------
“ตอนนี้จะอ้อนวอนขอความปรานีก็สายเกินไปแล้ว พวกแกต้องตายทั้งหมดที่นี่”
พูดจบพวกแมวป่าก็พากันพองตัวขนฟูน่าเกลียดน่ากลัวเหลือประมาณ และยังส่งเสียงร้องประสานเสียงกันดังระงมกึกก้องโหยหวนน่าขนลุกขนพองเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์วิกฤติคับขัน เพราะกองกำลังต่างกันเหลือเกิน
---------
ขณะนั้นเองแว่วเสียงเห่ากระโชกและปรากฏฝุ่นตะลบขึ้นมาจากทางหมู่บ้าน ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นคลุ้งกระจาย ใต้แสงตะวันโพล้เพล้ ปรากฏร่างพวกหมาหน้าโหดยกโขยงกันมาเกือบสิบตัว แต่ละตัวหน้าตาบอกปลาย่างไม่รับ!
ด้านหน้าก็แมวป่า ด้านหลังก็ฝูงหมาหน้าโหด กองทัพขนาดเล็กของแมวบ้านไม่มีทางหนีหรือทางถอยเสียแล้ว เหมือนกับสุภาษิตที่ว่าหนีแมวปะหมา
แต่เหตุการณ์กลับเปลี่ยนไปในทางที่ไม่คาดคิด พวกหมาบ้านพอมาถึงก็พากันเดินไปยืนเรียงแถวต่อจากแถวของแมวบ้าน ไม่พูดไม่จาไม่เห่าไม่หอน สายตาของพวกหมาจับจ้องไปยังพวกแมวป่าแบบไม่กะพริบ
เป็นภาพคงหาดูไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้ สำหรับการเผชิญหน้ากันของแมวป่าและแมวบ้าน ซึ่งมีแมวในเมืองเป็นผู้นำ แถมด้วยกองทัพหมาบ้าน เป็นกำลังเสริมสำคัญอีกต่างหาก ครั้งแรกเมื่อเห็นฝูงหมา พวกแมวบ้านใจก็ตกวูบไปอยู่อุ้งเท้า เพราะหมาพวกนี้เคยไล่กัดเล่นเป็นประจำ ใครจะมาคิดว่าจู่ ๆ พวกหมาหน้าโหดก็มาช่วยแบบไม่ได้รับเชิญ
ถึงหมากับแมวจะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะพูดกันตัวละภาษา คนละเผ่าพันธุ์ แต่ด้วยวิญญาณของความรักบ้านเกิดเมืองนอน ทำให้พวกหมาต่างรู้สึกว่ายอมไม่ได้เช่นกัน ที่จะให้แมวบ้านตกอยู่ในอันตราย เพราะไล่กัดกันจนคุ้นเคยกันแล้ว วันไหนไม่ได้ไล่กัดจะกินข้าวปลาไม่ลงนอนไม่หลับ จะให้แมวต่างถิ่นมาทำร้ายแมวบ้านซึ่งคุ้นเคยกันมานาน พวกหมาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน เพราะเป็นการหยามเกียรติหมา แมวพวกนี้สงวนลิขสิทธิ์ให้พวกหมาบ้านไล่กัดได้เท่านั้น แมวป่าไม่เกี่ยว แมวข้าใครอย่าแตะ... แมวบ้านต้องพวกหมาบ้านเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ไล่กัดไล่เห่า จะว่าไปแล้วการที่หมาไล่กัดแมวมันก็เป็นไปตามประเพณี และขนบธรรมเนียมของหมาแมวเท่านั้น
การปรากฏตัวของฝูงหมาหน้าโหดครั้งนี้ ดูจะเป็นการพลิกโฉมหน้าสถานการณ์การต่อสู้อีกครั้ง ชนิดไม่มีแมวตัวไหนคาดคิดมาก่อน พวกแมวป่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นมาทันที เพราะอย่างไรหมาก็คือหมา แมวก็คือแมว
ขนที่กำลังฟองตัวอ้วนฟูของพวกแมวป่าหดแฟบลงทันที หลายตัวแยกเขี้ยวขู่แบบแมวจนตรอก
ตอนเห็นฝูงหมาครั้งแรก ปิฬาร์เองก็ขาแข็ง ตัวแข็งแทบเป็นลม แต่ตอนนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร กำลังใจปะทุขึ้นมาเป็นอักโข แข้งขาเริ่มขยับได้ หันไปยิ้มอย่างเป็นต่อกับพวกแมวป่าก่อนบอกว่า
“นี่ไง ไม้ตายของพวกเรา หมาบ้านพวกนี้เป็นลูกน้องฉัน ทีนี้ก็จะรู้ว่าใครเป็นใคร” ปิฬาร์คุยโอ่แบบหน้าตาเฉย เคราะห์ดีว่าพวกหมาฟังไม่รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่อง
พวกแมวป่าเห็นท่าไม่ดี เริ่มพากันถอยหลังกรูด พวกแมวบ้านได้ทีพากันร้องระงมลั่นป่าขึ้นมาโดย พร้อมเพรียงกัน นั่นเป็นเหมือนสัญญาณเปิดศึก พวกแมวบ้านพากันเฮเข้าหาพวกแมวป่า โดยมีพวกหมากระโจนทะยานแซงหน้าไปอย่างมันเขี้ยว เพราะแมวป่ามันน่ากัดน่าเห่าเหลือเกิน
สมรภูมิรบเกิดขึ้นชายป่าอย่างดุเดือด เสียงร้องระงมไปทั่ว ฝุ่นตะลบอบอวล พวกแมวป่าสู้แบบสุดชีวิตไว้ลายแมวป่า อาศัยความว่องไวหลับหูหลับตาตบซ้ายป่ายขวาอุตลุด พวกหมาอาศัยพละกำลังและเสียงเห่าอันสะท้านสะเทือนป่าข่มขวัญไปในตัว พุ่งเข้าบดขยี้ราวขุนเขาถล่มทลาย พวกแมวบ้านอาศัยจังหวะจู่โจมวงนอกแบบฉาบฉวยตอดเล็กตอดน้อย ไม่ได้ทำอันตรายอะไรมากมาย แต่เป็นการทำลายสมาธิเป็นอย่างดียิ่ง ส่วนพวกลูกแมวไม่ได้เข้าร่วมวงการต่อสู้ พากันกระโดดโลดเต้น ส่งเสียงร้องเชียร์อยู่ห่าง ๆ ส่งกำลังใจช่วยพ่อแม่ พวกแมวป่าพะวงหน้าพะวงหลัง ไหนจะสู้กับหมา ไหนจะพวกแมวบ้าน ไหนจะรำคาญเสียงเชียร์ ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสุดกู่
ไม่นานนัก แมวป่าหัวโจกก็ส่งเสียงร้องแปลก ๆ ลั่นป่า บรรดาแมวป่าพากันผละถอยออกจากสมรภูมิรบทันที แต่ละตัวพากันบอบช้ำไปไม่มากก็น้อย พวกมันพากันวิ่งหนีเข้าไปในป่าสุดชีวิต โดยมีฝูงหมาไล่กวดไปติด ๆ ส่งเสียงกระโชกคำรามสำทับข่มขู่ จนขวัญพวกแมวป่ากระเจิดกระเจิงโบยบิน ยอมแพ้โดยสิ้นเชิงแบบไม่คิดจะกลับมาอีกแล้ว
พวกแมวบ้านพากันร้อง เมี๊ยว ๆ ลั่นด้วยความยินดี สามารถขับไล่ผู้บุกรุกได้แบบราบคาบสวยงามที่สุด และไม่มีการสูญเสียชีวิตของพวกแมวอย่างที่คาดเอาไว้ ในใจของบรรดาแมวทั้งหลายเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ ในการปกป้องมาตุภูมิของตนเองไว้ได้ มันเป็นความรู้สึกพิเศษสุดและยิ่งใหญ่เหลือเกิน ยิ่งกว่าชัยชนะใด เพราะมันหมายถึงศักดิ์ศรี เกียรติยศของความเป็นแมว
"พวกเรา ชนะแล้ว เมี๊ยว...!"
"ท่านปิฬาร์คือผู้นำของพวกเรา เย"
เสียงร้องด้วยความดีใจก้องป่า ขากลับพวกแมวสนุกสนานและมีความสุข แมวเล็กแมวน้อยวิ่งไปวิ่งมาอย่างร่าเริง แมวใหญ่ยืดอกเชิดหน้าอย่างอาจหาญ แต่ขณะจะเข้าหมู่บ้าน ขบวนแมวก็หยุดชะงักเพระเห็นฝุ่นตะลบมาจากแนวป่าเชิงหมู่บ้าน เป็นฝูงหมานั่นเองที่วิ่งกลับมาจากการไล่ล่าแมวป่า
พวกแมวปั่นป่วนเรรวนขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้อยู่ในที่โล่งกลางแจ้ง ไม่มีต้นไม้ให้ปีนป่ายหลบหลีก ยังไม่นับพวกแมวเล็กแมวน้อย ซึ่งไม่มีทางหนีทันอยู่แล้ว เรียกว่าถ้าหมาหน้าโหดโจมตี พวกแมวจะต้องย่อยยับทันที
แต่พวกหมาหน้าโหดกลับวิ่งเชิดหน้าผ่านไปแบบหยิ่ง ๆ ทำนองว่าพวกฉันได้ไล่... ได้สู้...พวกแมวป่าซึ่งไล่สนุกกว่า... ถึงใจกว่า... ออกรสออกชาติกว่า... ประทับใจกว่า... ให้ความรู้สึกดีกว่า... ตื่นเต้นสะใจกว่า... เรื่องอะไรตอนนี้ฉันจะไล่กัดพวกแมวบ้านคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างพวกแก มันเสียอรรถรสแห่งสุนทรียภาพในการไล่ เป็นอย่างมาก เห่าไปก็เสียปาก เสียความรู้สึก เอาไว้วันหลังเถอะ วันนี้อย่าหวัง จะจ้างสักพันฉันก็ไม่หันไปเห่า เชอะ....
พวกแมวบ้านพากันอ้าปากหวอ มองพวกหมาทำหน้าหยิ่งและอิ่มสุข เดินเชิดหน้าหยิ่งผ่านไปอย่างไม่เข้าใจ
“นี่มันอะไรกัน” แมวตัวหนึ่งร้องอย่างมึนงง และเสียดายอยู่ในที “ปกติหมาพวกนี้เห็นเราเป็นไม่ได้ ต้องเห่าต้องไล่ นี่เดินผ่านเฉย แบบนี้มันดูถูกกันชัด ๆ เลยนี่นา”
“มันจะมากเกินไปแล้ว” แมวอีกตัวกัดฟันกรอดทำท่าจะวิ่งตามฝูงหมาไปอย่างเอาเรื่อง “เห็นพวกเราไม่มีความหมาย ไม่มีความสำคัญหรือไง คอยดูเถอะ... วันหลังอย่ามาง้อเห่าเลย ปล่อยให้เห่าใบตองแห้งซะให้เข็ด”
“เอาน่า” แมวปิฬาร์รีบหย่าศึก เพราะกลัวว่าหมาจะเปลี่ยนใจ หันมาให้ความสำคัญกับแมวบ้าน เดี๋ยวเป็นเรื่อง “ยังไง หมาพวกนี้ก็มาช่วยพวกเรา อย่าไปงอนพวกเขาเลย เดี๋ยวไม่นานก็หันมาเห่าเราเองล่ะน่า ตอนนี้พวกหมากำลังปลาบปลื้มอิ่มเอมใจ ก็ดีแล้วจะต้องไม่ยุ่งกับพวกเรา”
พอหัวหน้าบอกพวกแมวค่อยลดอาการงอนลง เดินตามท่านผู้นำกลับหมู่บ้านแต่โดยดี
ทางเดินเล็กๆ คดเคี้ยวไปมาตามหุบเขา คุณตาผู้ใจดีเดินนำหน้าหนุ่มนักศึกษาไฟแรงสองคน ที่อ้อนวอนให้พาไปสำรวจระบบนิเวศน์ของหมู่บ้าน ตั้งแต่ตอนเที่ยงจนตกเย็น เพื่อจะนำข้อมูลที่ได้กลับไปเขียนโครงการเสนอต่อทางมหาวิทยาลัย เพื่อของบประมาณหรือความช่วยเหลือในการนำมาพัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ ให้ความเป็นอยู่ชาวบ้านอยู่ดีกินดี ในเชิงอนุรักษ์แบบยั่งยืนและต่อเนื่อง พวกเขาเป็นตัวแทนของชุมนุมพัฒนาชนบทของมหาวิทยาลัย มีคนรุ่นหนุ่มสาวไฟแรงอีกหลายสิบคน ที่พร้อมจะมาเต็มอัตราศึกในคราวต่อไป
ไอ้หนุ่มผมยาวบอกคุณตาอย่างภาคถูมิใจ ขณะลัดเลาะไปตามริมธารน้ำสายหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณตา อีกไม่นานพวกเราจะยกโขยงกันมาหลายสิบคน ไม่ต้องห่วงเรื่องการต้อนรับขับสู้หรอกครับ พวกเราจะดูแลตัวเองแบบตามมีตามเกิด ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อต้นน้ำลำธารแน่นอน ผมเห็นมีหลายจุดที่เราต้องแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา ให้ดียิ่งขึ้น ในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียง”
คุณตาได้แต่ยิ้ม และในใจนึกว่า มาแค่สองคนยังบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ ถ้ามามากมายหลายสิบคนจะเป็นอย่างไร แต่ก็อดรักใคร่เอ็นดูสองหนุ่มไม่ได้ ถึงพฤติกรรมจะแปลกประหลาดไปจากชาวบ้านนอกบ้าง ก็ดูไฟแรงจริงใจดี
ขณะลัดเลาะบริเวณริมธารค่อนข้างลื่น หนุ่มลูกน้องที่เดินตามหลังมาก็เหยียบพลาดหล่นลงน้ำดังตูม ก่อนตาลีตาเหลือกตะกายขึ้นมาในสภาพลูกหมาตกน้ำ ทว่าในมือยังชูขวดเหล้าใว้สูงเหนือหัว ลูกพี่ผมยาวลงไปลากลูกน้องขึ้นมา พลางหัวเราะอย่างขบขันต่อชะตากรรมชองเจ้าน้อยเสียคน
“ไอ้น้อย แกอย่าเมามากนัก เดี๋ยวเสียการเสียงาน...หนอย...เดี่ยวนี้หัดกินเหล้า ใครสอนแกวะ อายผีสางเทวดาบ้าง เมาแล้วเดินตกน้ำ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย เพ่.....” เสียงลูกน้องตัวดีค่อนข้างอ้อแอ้ หน้าตาซึมฉ่ำลึก กำลังได้ที่ทีเดียว “เพราะเพ่นั่นล่ะทำให้ผมรู้ ว่ามันสาสมใจขนาดไหน เอื้อก...แหม รู้ว่าเมาแบบนี้กินตั้งนานแล้ว”
รุ่นพี่เกาหัวแกรก ไม่คิดว่าการอุตริแกล้งรุ่นน้องด้วยความสนุกสนานชั่วครั้งชั่วคราว จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกฝ่ายให้ย่ำแย่ขนาดนี้ คิดในใจว่า ข้าผิดจริงหรือนี่ ...ทำให้บางคนหันมาติดเหล้า..กรรมเล่นงานตูตายแน่... เปลี่ยนพฤติกรรมคน ๆ หนึ่งทั้งชีวิตด้วยเหล่าเพียงแก้วเดียว ไม่น่าเลยเรา …..โถ ไอ้น้อยเสียคน
ขณะนั้นเอง ทั้งสามก็เห็นแมวป่าฝูงหนึ่งพากันเดินกระโผลกกระเผลกผ่านหน้าตรงไปยังแนวป่าด้านหลัง เป็นแมวป่าฝูงที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจในการถูกหมาบ้านไล่กัดเอานั่นเอง พวกมันเดินหูตกคอตกหางห้อยอย่างหมดอาลัยตายอยาก น่าเวทนาเหลือเกิน
คุณตาตั้งข้อสังเกต “ไม่เคยเห็นพวกแมวป่ามาเพ่นพ่านใกล้หมู่บ้านแบบนี้มาก่อนเลย”
“ท่าทางยังกับไปฟัดกับใครมา แล้วนี่คงจะกลับเข้าป่าลึกอีกแล้ว ปกติแมวป่าพวกนี้จะอยู่ในป่า ไม่ค่อยออกมายุ่มย่ามวุ่นวายกับผู้คนเท่าไรหรอก นี่คงเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง” ไอ้หนุ่มผมยาวพูดขึ้นทันทีแบบนักวิชาการ
“ไม่ต้องสงสัยเลยครับคุณตา แสดงว่าพื้นที่แถบนี้กำลังจะเสียสมดุลทางธรรมชาติ ระบบนิเวศน์กำลังจะเปลี่ยนไป ทำให้ขาดความเสถียรภาพและศักยภาพอย่างควรจะเป็น การควบคุมด้วยตัวของระบบกำลังถูกคุกคาม แมวป่าถึงอยู่ไม่ได้ ต้องออกมาจากถิ่นฐานบ้านเดิม ผมว่าพวกมันน่าสงสารจะตาย ไม่มีใครหรอกครับอยากโยกย้ายทิ้งถิ่นฐานบ้านเดิมไม่ว่าคนหรือแมว นอกจากจะจำเป็นจริง ๆ”
“เอ็งพูดได้ดี....ไอ้หลานชายถึงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรกับคำยาก ๆ ของเอ็ง แต่คงจะจริงอย่างที่เอ็งว่า ทุกวันนี้มีพวกนายทุนเข้าไปตัดไม้กันโครมๆ ไปยุ่งกับพวกมันก็ไม่ได้ เดี๋ยวพวกมันยิงเอาตาย”
“โอ...พวกแมวป่าที่น่าสงสาร” ไอ้หนุ่มรุ่นน้องมองตามฝูงแมวป่าซึ่งเดินจากไปในแนวป่า น้ำตาคลอ ไม่รู้ว่าซาบซึ้งหรือเมากันแน่
“ต้องร่อนเร่พเนจร ค่ำไหนนอนนั่น วันหน้าถ้าฉันมาจะขนเอาอาหารแมวมาฝากพวกแกเยอะๆเลย เอื้อก.....เจอกันเมื่อชาติต้องการนะคุณแมวป่า เย...เมี๊ยว แมวจงเจริญ นายทุนจงพินาศ”
ประโยคหลัง หนุ่มขี้เมามือใหม่กระโดดตะโกนลั่นป่า ให้กับฝูงแมวผู้จากไป
.
แมวปิฬาร์.........10 (ร่วมใจ)
https://pantip.com/topic/38060791
ความเดิน ตอนที่แล้ว
กองทัพแมวป่า และแมวบ้าน กำลังปะทะกัน ฏกยที่กองทัพแมวป่ามีกำลังมาเสริมอีกหลายตัว
สถานการณ์กำลังย่ำแย่
----------
“ตอนนี้จะอ้อนวอนขอความปรานีก็สายเกินไปแล้ว พวกแกต้องตายทั้งหมดที่นี่”
พูดจบพวกแมวป่าก็พากันพองตัวขนฟูน่าเกลียดน่ากลัวเหลือประมาณ และยังส่งเสียงร้องประสานเสียงกันดังระงมกึกก้องโหยหวนน่าขนลุกขนพองเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์วิกฤติคับขัน เพราะกองกำลังต่างกันเหลือเกิน
---------
ขณะนั้นเองแว่วเสียงเห่ากระโชกและปรากฏฝุ่นตะลบขึ้นมาจากทางหมู่บ้าน ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นคลุ้งกระจาย ใต้แสงตะวันโพล้เพล้ ปรากฏร่างพวกหมาหน้าโหดยกโขยงกันมาเกือบสิบตัว แต่ละตัวหน้าตาบอกปลาย่างไม่รับ!
ด้านหน้าก็แมวป่า ด้านหลังก็ฝูงหมาหน้าโหด กองทัพขนาดเล็กของแมวบ้านไม่มีทางหนีหรือทางถอยเสียแล้ว เหมือนกับสุภาษิตที่ว่าหนีแมวปะหมา
แต่เหตุการณ์กลับเปลี่ยนไปในทางที่ไม่คาดคิด พวกหมาบ้านพอมาถึงก็พากันเดินไปยืนเรียงแถวต่อจากแถวของแมวบ้าน ไม่พูดไม่จาไม่เห่าไม่หอน สายตาของพวกหมาจับจ้องไปยังพวกแมวป่าแบบไม่กะพริบ
เป็นภาพคงหาดูไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้ สำหรับการเผชิญหน้ากันของแมวป่าและแมวบ้าน ซึ่งมีแมวในเมืองเป็นผู้นำ แถมด้วยกองทัพหมาบ้าน เป็นกำลังเสริมสำคัญอีกต่างหาก ครั้งแรกเมื่อเห็นฝูงหมา พวกแมวบ้านใจก็ตกวูบไปอยู่อุ้งเท้า เพราะหมาพวกนี้เคยไล่กัดเล่นเป็นประจำ ใครจะมาคิดว่าจู่ ๆ พวกหมาหน้าโหดก็มาช่วยแบบไม่ได้รับเชิญ
ถึงหมากับแมวจะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะพูดกันตัวละภาษา คนละเผ่าพันธุ์ แต่ด้วยวิญญาณของความรักบ้านเกิดเมืองนอน ทำให้พวกหมาต่างรู้สึกว่ายอมไม่ได้เช่นกัน ที่จะให้แมวบ้านตกอยู่ในอันตราย เพราะไล่กัดกันจนคุ้นเคยกันแล้ว วันไหนไม่ได้ไล่กัดจะกินข้าวปลาไม่ลงนอนไม่หลับ จะให้แมวต่างถิ่นมาทำร้ายแมวบ้านซึ่งคุ้นเคยกันมานาน พวกหมาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน เพราะเป็นการหยามเกียรติหมา แมวพวกนี้สงวนลิขสิทธิ์ให้พวกหมาบ้านไล่กัดได้เท่านั้น แมวป่าไม่เกี่ยว แมวข้าใครอย่าแตะ... แมวบ้านต้องพวกหมาบ้านเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ไล่กัดไล่เห่า จะว่าไปแล้วการที่หมาไล่กัดแมวมันก็เป็นไปตามประเพณี และขนบธรรมเนียมของหมาแมวเท่านั้น
การปรากฏตัวของฝูงหมาหน้าโหดครั้งนี้ ดูจะเป็นการพลิกโฉมหน้าสถานการณ์การต่อสู้อีกครั้ง ชนิดไม่มีแมวตัวไหนคาดคิดมาก่อน พวกแมวป่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นมาทันที เพราะอย่างไรหมาก็คือหมา แมวก็คือแมว
ขนที่กำลังฟองตัวอ้วนฟูของพวกแมวป่าหดแฟบลงทันที หลายตัวแยกเขี้ยวขู่แบบแมวจนตรอก
ตอนเห็นฝูงหมาครั้งแรก ปิฬาร์เองก็ขาแข็ง ตัวแข็งแทบเป็นลม แต่ตอนนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร กำลังใจปะทุขึ้นมาเป็นอักโข แข้งขาเริ่มขยับได้ หันไปยิ้มอย่างเป็นต่อกับพวกแมวป่าก่อนบอกว่า
“นี่ไง ไม้ตายของพวกเรา หมาบ้านพวกนี้เป็นลูกน้องฉัน ทีนี้ก็จะรู้ว่าใครเป็นใคร” ปิฬาร์คุยโอ่แบบหน้าตาเฉย เคราะห์ดีว่าพวกหมาฟังไม่รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่อง
พวกแมวป่าเห็นท่าไม่ดี เริ่มพากันถอยหลังกรูด พวกแมวบ้านได้ทีพากันร้องระงมลั่นป่าขึ้นมาโดย พร้อมเพรียงกัน นั่นเป็นเหมือนสัญญาณเปิดศึก พวกแมวบ้านพากันเฮเข้าหาพวกแมวป่า โดยมีพวกหมากระโจนทะยานแซงหน้าไปอย่างมันเขี้ยว เพราะแมวป่ามันน่ากัดน่าเห่าเหลือเกิน
สมรภูมิรบเกิดขึ้นชายป่าอย่างดุเดือด เสียงร้องระงมไปทั่ว ฝุ่นตะลบอบอวล พวกแมวป่าสู้แบบสุดชีวิตไว้ลายแมวป่า อาศัยความว่องไวหลับหูหลับตาตบซ้ายป่ายขวาอุตลุด พวกหมาอาศัยพละกำลังและเสียงเห่าอันสะท้านสะเทือนป่าข่มขวัญไปในตัว พุ่งเข้าบดขยี้ราวขุนเขาถล่มทลาย พวกแมวบ้านอาศัยจังหวะจู่โจมวงนอกแบบฉาบฉวยตอดเล็กตอดน้อย ไม่ได้ทำอันตรายอะไรมากมาย แต่เป็นการทำลายสมาธิเป็นอย่างดียิ่ง ส่วนพวกลูกแมวไม่ได้เข้าร่วมวงการต่อสู้ พากันกระโดดโลดเต้น ส่งเสียงร้องเชียร์อยู่ห่าง ๆ ส่งกำลังใจช่วยพ่อแม่ พวกแมวป่าพะวงหน้าพะวงหลัง ไหนจะสู้กับหมา ไหนจะพวกแมวบ้าน ไหนจะรำคาญเสียงเชียร์ ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสุดกู่
ไม่นานนัก แมวป่าหัวโจกก็ส่งเสียงร้องแปลก ๆ ลั่นป่า บรรดาแมวป่าพากันผละถอยออกจากสมรภูมิรบทันที แต่ละตัวพากันบอบช้ำไปไม่มากก็น้อย พวกมันพากันวิ่งหนีเข้าไปในป่าสุดชีวิต โดยมีฝูงหมาไล่กวดไปติด ๆ ส่งเสียงกระโชกคำรามสำทับข่มขู่ จนขวัญพวกแมวป่ากระเจิดกระเจิงโบยบิน ยอมแพ้โดยสิ้นเชิงแบบไม่คิดจะกลับมาอีกแล้ว
พวกแมวบ้านพากันร้อง เมี๊ยว ๆ ลั่นด้วยความยินดี สามารถขับไล่ผู้บุกรุกได้แบบราบคาบสวยงามที่สุด และไม่มีการสูญเสียชีวิตของพวกแมวอย่างที่คาดเอาไว้ ในใจของบรรดาแมวทั้งหลายเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ ในการปกป้องมาตุภูมิของตนเองไว้ได้ มันเป็นความรู้สึกพิเศษสุดและยิ่งใหญ่เหลือเกิน ยิ่งกว่าชัยชนะใด เพราะมันหมายถึงศักดิ์ศรี เกียรติยศของความเป็นแมว
"พวกเรา ชนะแล้ว เมี๊ยว...!"
"ท่านปิฬาร์คือผู้นำของพวกเรา เย"
เสียงร้องด้วยความดีใจก้องป่า ขากลับพวกแมวสนุกสนานและมีความสุข แมวเล็กแมวน้อยวิ่งไปวิ่งมาอย่างร่าเริง แมวใหญ่ยืดอกเชิดหน้าอย่างอาจหาญ แต่ขณะจะเข้าหมู่บ้าน ขบวนแมวก็หยุดชะงักเพระเห็นฝุ่นตะลบมาจากแนวป่าเชิงหมู่บ้าน เป็นฝูงหมานั่นเองที่วิ่งกลับมาจากการไล่ล่าแมวป่า
พวกแมวปั่นป่วนเรรวนขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้อยู่ในที่โล่งกลางแจ้ง ไม่มีต้นไม้ให้ปีนป่ายหลบหลีก ยังไม่นับพวกแมวเล็กแมวน้อย ซึ่งไม่มีทางหนีทันอยู่แล้ว เรียกว่าถ้าหมาหน้าโหดโจมตี พวกแมวจะต้องย่อยยับทันที
แต่พวกหมาหน้าโหดกลับวิ่งเชิดหน้าผ่านไปแบบหยิ่ง ๆ ทำนองว่าพวกฉันได้ไล่... ได้สู้...พวกแมวป่าซึ่งไล่สนุกกว่า... ถึงใจกว่า... ออกรสออกชาติกว่า... ประทับใจกว่า... ให้ความรู้สึกดีกว่า... ตื่นเต้นสะใจกว่า... เรื่องอะไรตอนนี้ฉันจะไล่กัดพวกแมวบ้านคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างพวกแก มันเสียอรรถรสแห่งสุนทรียภาพในการไล่ เป็นอย่างมาก เห่าไปก็เสียปาก เสียความรู้สึก เอาไว้วันหลังเถอะ วันนี้อย่าหวัง จะจ้างสักพันฉันก็ไม่หันไปเห่า เชอะ....
พวกแมวบ้านพากันอ้าปากหวอ มองพวกหมาทำหน้าหยิ่งและอิ่มสุข เดินเชิดหน้าหยิ่งผ่านไปอย่างไม่เข้าใจ
“นี่มันอะไรกัน” แมวตัวหนึ่งร้องอย่างมึนงง และเสียดายอยู่ในที “ปกติหมาพวกนี้เห็นเราเป็นไม่ได้ ต้องเห่าต้องไล่ นี่เดินผ่านเฉย แบบนี้มันดูถูกกันชัด ๆ เลยนี่นา”
“มันจะมากเกินไปแล้ว” แมวอีกตัวกัดฟันกรอดทำท่าจะวิ่งตามฝูงหมาไปอย่างเอาเรื่อง “เห็นพวกเราไม่มีความหมาย ไม่มีความสำคัญหรือไง คอยดูเถอะ... วันหลังอย่ามาง้อเห่าเลย ปล่อยให้เห่าใบตองแห้งซะให้เข็ด”
“เอาน่า” แมวปิฬาร์รีบหย่าศึก เพราะกลัวว่าหมาจะเปลี่ยนใจ หันมาให้ความสำคัญกับแมวบ้าน เดี๋ยวเป็นเรื่อง “ยังไง หมาพวกนี้ก็มาช่วยพวกเรา อย่าไปงอนพวกเขาเลย เดี๋ยวไม่นานก็หันมาเห่าเราเองล่ะน่า ตอนนี้พวกหมากำลังปลาบปลื้มอิ่มเอมใจ ก็ดีแล้วจะต้องไม่ยุ่งกับพวกเรา”
พอหัวหน้าบอกพวกแมวค่อยลดอาการงอนลง เดินตามท่านผู้นำกลับหมู่บ้านแต่โดยดี
ทางเดินเล็กๆ คดเคี้ยวไปมาตามหุบเขา คุณตาผู้ใจดีเดินนำหน้าหนุ่มนักศึกษาไฟแรงสองคน ที่อ้อนวอนให้พาไปสำรวจระบบนิเวศน์ของหมู่บ้าน ตั้งแต่ตอนเที่ยงจนตกเย็น เพื่อจะนำข้อมูลที่ได้กลับไปเขียนโครงการเสนอต่อทางมหาวิทยาลัย เพื่อของบประมาณหรือความช่วยเหลือในการนำมาพัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ ให้ความเป็นอยู่ชาวบ้านอยู่ดีกินดี ในเชิงอนุรักษ์แบบยั่งยืนและต่อเนื่อง พวกเขาเป็นตัวแทนของชุมนุมพัฒนาชนบทของมหาวิทยาลัย มีคนรุ่นหนุ่มสาวไฟแรงอีกหลายสิบคน ที่พร้อมจะมาเต็มอัตราศึกในคราวต่อไป
ไอ้หนุ่มผมยาวบอกคุณตาอย่างภาคถูมิใจ ขณะลัดเลาะไปตามริมธารน้ำสายหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณตา อีกไม่นานพวกเราจะยกโขยงกันมาหลายสิบคน ไม่ต้องห่วงเรื่องการต้อนรับขับสู้หรอกครับ พวกเราจะดูแลตัวเองแบบตามมีตามเกิด ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อต้นน้ำลำธารแน่นอน ผมเห็นมีหลายจุดที่เราต้องแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา ให้ดียิ่งขึ้น ในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียง”
คุณตาได้แต่ยิ้ม และในใจนึกว่า มาแค่สองคนยังบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ ถ้ามามากมายหลายสิบคนจะเป็นอย่างไร แต่ก็อดรักใคร่เอ็นดูสองหนุ่มไม่ได้ ถึงพฤติกรรมจะแปลกประหลาดไปจากชาวบ้านนอกบ้าง ก็ดูไฟแรงจริงใจดี
ขณะลัดเลาะบริเวณริมธารค่อนข้างลื่น หนุ่มลูกน้องที่เดินตามหลังมาก็เหยียบพลาดหล่นลงน้ำดังตูม ก่อนตาลีตาเหลือกตะกายขึ้นมาในสภาพลูกหมาตกน้ำ ทว่าในมือยังชูขวดเหล้าใว้สูงเหนือหัว ลูกพี่ผมยาวลงไปลากลูกน้องขึ้นมา พลางหัวเราะอย่างขบขันต่อชะตากรรมชองเจ้าน้อยเสียคน
“ไอ้น้อย แกอย่าเมามากนัก เดี๋ยวเสียการเสียงาน...หนอย...เดี่ยวนี้หัดกินเหล้า ใครสอนแกวะ อายผีสางเทวดาบ้าง เมาแล้วเดินตกน้ำ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย เพ่.....” เสียงลูกน้องตัวดีค่อนข้างอ้อแอ้ หน้าตาซึมฉ่ำลึก กำลังได้ที่ทีเดียว “เพราะเพ่นั่นล่ะทำให้ผมรู้ ว่ามันสาสมใจขนาดไหน เอื้อก...แหม รู้ว่าเมาแบบนี้กินตั้งนานแล้ว”
รุ่นพี่เกาหัวแกรก ไม่คิดว่าการอุตริแกล้งรุ่นน้องด้วยความสนุกสนานชั่วครั้งชั่วคราว จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกฝ่ายให้ย่ำแย่ขนาดนี้ คิดในใจว่า ข้าผิดจริงหรือนี่ ...ทำให้บางคนหันมาติดเหล้า..กรรมเล่นงานตูตายแน่... เปลี่ยนพฤติกรรมคน ๆ หนึ่งทั้งชีวิตด้วยเหล่าเพียงแก้วเดียว ไม่น่าเลยเรา …..โถ ไอ้น้อยเสียคน
ขณะนั้นเอง ทั้งสามก็เห็นแมวป่าฝูงหนึ่งพากันเดินกระโผลกกระเผลกผ่านหน้าตรงไปยังแนวป่าด้านหลัง เป็นแมวป่าฝูงที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจในการถูกหมาบ้านไล่กัดเอานั่นเอง พวกมันเดินหูตกคอตกหางห้อยอย่างหมดอาลัยตายอยาก น่าเวทนาเหลือเกิน
คุณตาตั้งข้อสังเกต “ไม่เคยเห็นพวกแมวป่ามาเพ่นพ่านใกล้หมู่บ้านแบบนี้มาก่อนเลย”
“ท่าทางยังกับไปฟัดกับใครมา แล้วนี่คงจะกลับเข้าป่าลึกอีกแล้ว ปกติแมวป่าพวกนี้จะอยู่ในป่า ไม่ค่อยออกมายุ่มย่ามวุ่นวายกับผู้คนเท่าไรหรอก นี่คงเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง” ไอ้หนุ่มผมยาวพูดขึ้นทันทีแบบนักวิชาการ
“ไม่ต้องสงสัยเลยครับคุณตา แสดงว่าพื้นที่แถบนี้กำลังจะเสียสมดุลทางธรรมชาติ ระบบนิเวศน์กำลังจะเปลี่ยนไป ทำให้ขาดความเสถียรภาพและศักยภาพอย่างควรจะเป็น การควบคุมด้วยตัวของระบบกำลังถูกคุกคาม แมวป่าถึงอยู่ไม่ได้ ต้องออกมาจากถิ่นฐานบ้านเดิม ผมว่าพวกมันน่าสงสารจะตาย ไม่มีใครหรอกครับอยากโยกย้ายทิ้งถิ่นฐานบ้านเดิมไม่ว่าคนหรือแมว นอกจากจะจำเป็นจริง ๆ”
“เอ็งพูดได้ดี....ไอ้หลานชายถึงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรกับคำยาก ๆ ของเอ็ง แต่คงจะจริงอย่างที่เอ็งว่า ทุกวันนี้มีพวกนายทุนเข้าไปตัดไม้กันโครมๆ ไปยุ่งกับพวกมันก็ไม่ได้ เดี๋ยวพวกมันยิงเอาตาย”
“โอ...พวกแมวป่าที่น่าสงสาร” ไอ้หนุ่มรุ่นน้องมองตามฝูงแมวป่าซึ่งเดินจากไปในแนวป่า น้ำตาคลอ ไม่รู้ว่าซาบซึ้งหรือเมากันแน่
“ต้องร่อนเร่พเนจร ค่ำไหนนอนนั่น วันหน้าถ้าฉันมาจะขนเอาอาหารแมวมาฝากพวกแกเยอะๆเลย เอื้อก.....เจอกันเมื่อชาติต้องการนะคุณแมวป่า เย...เมี๊ยว แมวจงเจริญ นายทุนจงพินาศ”
ประโยคหลัง หนุ่มขี้เมามือใหม่กระโดดตะโกนลั่นป่า ให้กับฝูงแมวผู้จากไป
.