[CR] สาวออฟฟิศคิดหนีเที่ยว ตอน “เขา” บอกให้ไป ปิล๊อก

หลังจากที่จากห่างหายจากการทำรีวิวไปนาน วันนี้เรากลับมาแล้วนะคะ
ถ้าใครคิดถึงทริปเก่า ก็ตามไปอ่านกันได้ที่ https://pantip.com/topic/35124475

ปีที่ผ่านมานี้ถือว่าเป็นปีที่พีคมากจริงๆ ค่ะ เพราะกำลังเรียน ป.โท อยู่ด้วย และต้องทำงานด้วย จัดได้ว่าไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนเลยจริงๆ
จนกระทั่งปีหนึ่งผ่านไป และก้าวสู่ปีสองที่ต้องทำ Thesis ถึงจะไม่ได้ว่างมาก แต่เมื่อมีเพื่อนสาวมาชวนไปหา “เขา” ที่ปิล๊อก
เราจึงต้องยกเลิกนัดทั้งหมด แล้วบึ่งรถไปหา “เขา” กันค่ะ

“ปิล๊อก คืออะไร (วะ) คะ ?” เรายังงงงวยเมื่อเพื่อนสาวทักแชทมาชวนไปปิล๊อก
ให้ตายเถอะช่วงปีที่ผ่านมาเรายุ่งจนไม่ได้ใส่ใจเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวอะไรใดๆเลยหรอเนี่ย

แต่ไม่เป็นไร ไปไหนก็ได้ กูไปด้วย

*ใครอยากอ่านเวอร์ชั่นเต็มกด spoil นะจ๊ะ*
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ณ จุดชมวิว ตำบลปิล๊อก

โอ่ยๆๆๆๆ แค่วิวสองข้างทางที่ขับมา กับวิวตรงหน้า ณ ตอนนี้ ก็ฟินแล้วจร้า
สูด ซิคะรออะไร...สูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สูดออกซิเจนให้เต็มปอดค่ะ

สูดเสร็จก็มาถ่ายรูปกันค่ะ
อะจ่ะ...ถ่ายมากันแต่หน้าคน
คำแนะนำแด่มนุษย์เพื่อน สำหรับการถ่ายรูปเมื่อไปเที่ยวนะคะ
กรุณาถ่ายให้เห็นวิวทิวทัศน์นิดนึง ถ้าถ่ายให้เห็นแค่หน้ากูแบบนี้...กูถ่ายหน้าบ้านก็ได้ค่ะ

ภาพที่ถ่ายมาด้วยโทรศัพท์มือถือธรรมดา ก็อาจจะไม่ได้สวยงามเท่าตาเห็นนะคะ คือของจริงมันฟินมาก

ตรงนี้เป็นจุดรับสัญญาณโทรศัพท์ เพราะระหว่างทางที่ขับมาสัญญาณโทรศัพท์ของเราได้ขาดหายไปเป็นช่วงๆ
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ GPS แบบเรา ก็คือให้เปิด GPS ค้างไว้ตั้งแต่ตอนมีสัญญาณเลยค่ะ
แล้วมันจะยังสามารถบอกทางเราได้อยู่แม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่เราก็ขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีทางเลี้ยวซับซ้อนอะไร

จากจุดรับสัญญาณเราเดินทางมุ่งหน้าไปยังเนินช้างศึก โดยเส้นทางจากจุดรับสัญญาณขึ้นมาจะมีความเป็นหลุมเป็นบ่อพอสมควร
เราจึงไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก มีทางขึ้นเขาบ้างแต่ไม่ได้สูงชันมากมาย เอาเป็นว่าถ้าเราสามารถขับรถขึ้นที่จอดแคบๆ บนตึกในเมืองได้
การขับขึ้นปิล๊อกก็จัดว่าชิล รถอีโค้คาร์คันน้อยอย่างเราก็ไปไหวค่ะ

เราเลี้ยวซ้ายตามป้ายทางไปเนินช้างศึกเพื่อจะไปชมความงามของที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ตก
หลายๆ รีวิวในพันทิพย์แนะนำไว้แบบนั้น เราจึงต้องดั้นด้นไป

แต่ทว่าพายุมังคุดที่ทำให้ฝนตกกระหน่ำก่อนที่เราจะมาถึง ได้ทำให้ทางลูกรังกลายเป็นบ่อโคลนไปเสียแล้ว
รถเก๋งคันก่อนหน้าเรากลับรถแล้วขับสวนทางออกมา เขาบอกว่ารถเก๋งไม่สามารถไปได้เพราะเละมาก

เราสามคันจอดรถลังเลชั่วครู่ จนมีฝรั่งชายหญิงขับมอเตอร์ไซด์กลับออกมา
ฝรั่งก็แนะนำว่า “รถเก๋งอย่างพวกยูคงไปไม่ได้ แต่ว่าถ้าพวกยูเดินไปจะใช้เวลาสัก 15 นาที”
“ตกลงค่ะ” 15 นาที ก็ไม่ได้นานอะไร เดินช็อปปิ้งในห้างนานกว่านี้ก็ทำมาแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจจอดรถไว้แล้วเดินเท้าไปกันต่อค่ะ


เดินมาได้สักพัก แก๊งค์มอเตอร์ไซด์วิบาก ก็ขับรถแซงหน้าเราไป
เสียงมอเตอร์ไซด์วิบากกลุ่มนั้นดังวนรอบภูเขาอยู่นานก่อนจะมีเสียงเร่งขึ้นเนิน
“แก ถ้าเราเดินไป แปลว่าเราต้องอ้อมภูเขาแบบนั้นใช่ไหม” เพื่อนคนหนึ่งในแก๊งค์พูดเสียงหอบ พร้อมกับดมยาดม
“นั่นไงแก มันคือยอดเขาลูกนั้น และเราต้องเดินอ้อมภูเขาลูกนี้ขึ้นไป” เพื่อนอีกคนชี้มือชี้ไม้


สุดท้ายพวกเราตัดสินใจไม่เดินไปตามถนน แต่เดินไปตามทางเล็กๆ
ที่เขียนว่า ‘ทางไปอุโมงค์เหมือง’ ด้วยความหวังว่ามันจะพาเราขึ้นไปถึงเนินช้างศึกได้ไวขึ้น

เราเดิน....

เดิน...

แล้วก็เดิน...

และแล้วเราก็มาสุดทาง ณ จุดนี้.....

หมู่บ้านปิล๊อกจากมุมบนคร่า!!!
คือสวยมากๆ


มันคือหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาสีเขียวขจี
หินผาสีธรรมชาติ และทะเลหมอก
ณ เวลาประมาณสี่โมงกว่าๆ ที่เรายืนอยู่ตรงนั้น หมู่บ้านปิล๊อกก็หายวับไปกับตาเพราะทะเลหมอกบดบัง


ก่อนที่ไอหมอกจะครอบคลุมทุกสิ่ง พวกเราเดินสำรวจโดยรอบ ก็พบอุโมงค์ที่คนงานเหมืองเคยใช้งาน

จากข้อมูลในอินเตอร์เน็ท ที่นี่เคยเป็นเหมืองเก่า ที่มีคนงานเหมืองหลายร้อยชีวิตจากหลายสัญชาติมาขุดแร่กันที่นี่  
จนกระทั่งยุคสมันเปลี่ยนไป ราคาแร่ตกต่ำ บรรดานักขุดแร่จึงต้องแยกย้ายกันไป ซึ่งนี่ก็เป็นอะไรที่สอนใจเราอยู่ไม่น้อย
ว่าโลกมันหมุนไปทุกวัน ถ้าเราไม่ยอมพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันโลก ก็เท่ากับเรากำลังเดินถอยหลัง
อะไรที่เคยเป็นที่นิยมในวันนี้ วันหนึ่งมันก็อาจจะหมดความนิยมและมีสิ่งอื่นมาทดแทน

คำว่า “ปิล๊อก” แปลว่าอะไรก็ไม่รู้
เป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้อีก
แต่เขาว่ากันว่ามาจากคำว่า “ผีหลอก”
แล้วไปไงมาไงไม่รู้ก็เพี้ยนไป กลายเป็น “ปิล๊อก”
ซึ่งอันนี้ชาวเน็ทเขาเดากันว่ามาจากชาวพม่าที่พูดไม่ชัดหน่ะ


เราเองก็ไม่เคยรู้ว่าทำเหมืองเขาเป็นอย่างไร แต่จากการเดินสำรวจเราจะเห็นป้ายอุโมงค์เหมืองเป็นทางเข้าใหญ่ๆ และรอบๆภูเขาลูกนั้น
ก็จะมีช่องเล็กๆเหมือนปากถ้ำขนาดย่อมอยู่โดยรอบ เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เดาว่ามันอาจจะเป็นรูระบายอากาศ เพราะคนที่เข้าไปขุดแร่ในภูเขา
ก็คงต้องการออกซิเจนสำหรับหายใจใช่ไหม? (คือรู้สึกดีที่ความรู้สมัยเรียนวิทยาศาสตร์ตอนประถมมันยังอยู่ในหัวบ้าง)


พวกเราเดินกลับมาที่ถนนเพื่อดูลาดเลาเส้นทางไปเนินช้างศึก
แต่ดูแล้วก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะอยู่ใกล้ๆเลย ยังไงก็ต้องอ้อมภูเขาไป
แล้ว 15 นาที ที่ฝรั่งว่าไว้คืออะไร!!!!???
ไหนหล่ะ 15 นาที ของยู ....นี่กูเดินมาครึ่งชั่วโมงแล้วคร่า

และแล้วพวกเราก็ไปไม่ถึงเนินช้างศึก เพราะเส้นทางที่เราเดินมามันสุดอยู่แค่นั้น
เราเดินกลับมาที่รถ แล้วขับต่อมายังหมู่บ้านอีต่อง


คือจุดหมายแรกๆ ก็ไปไม่ถึงซะแล้ว แล้วเราจะไปถึงหมู่บ้านกันไหมเนี่ย...



ณ เวลาห้าโมงเย็น ทะเลหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณจนเราไม่เห็นหมู่บ้าน
พวกเราขับเลยกันเข้าไปจนเห็นป้าย “สุดเขตประเทศไทย”

...เดี๋ยวนะ นี่เรามาถูกทางกันป่าววะ????...
ชื่อสินค้า:   เที่ยวปิล็อก จ.กาญจนบุรี
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่