แชร์ประสบการณ์ทาวน์โฮมหลังน้อยๆ หลังแรกของชีวิต (Part1-ตัดสินใจ)

Part1-ตัดสินใจ ว่าด้วยการเตรียมตัวก่อนซื้อบ้าน การตัดสินใจ การจอง และทำสัญญา ยิ้ม

อ่านกระทู้แชร์ประสบการณ์ทาวน์โฮมหลังน้อยๆ หลังแรกของชีวิต (Part 2 ใกล้ความจริง) ที่ https://pantip.com/topic/39179031

สวัสดีค่ะ การที่เราได้มีโอกาสซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองนี่มันเป็นอะไรที่ปริ่มสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะคะ เราเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ^^ ตอนแรกคิดว่าจะเขียนเป็นไดอารีส่วนตัวไว้ แต่คิดไปคิดมา เราก็เข้ามาหาข้อมูลจาก Internet เยอะเหมือนกัน เลยคิดว่าเอามาแบ่งปันเล่าส่วนที่คิดว่าแชร์ได้มากที่สุดจากประสบการณ์ตรงของตัวเองบ้าง อมยิ้ม04 ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นผู้มีความรู้เรื่องใดๆ เฉพาะทางในการซื้อบ้านนะคะ อาจจะอ่านเอาเพลินไว้เป็นแนวทาง ถือว่ามาแชร์ประสบการณ์เพิ่มเติมกัน เราเขียนไม่ค่อยเก่งแค่ชอบเขียนไดอารี่ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะจร้าาา ^_^

(อ่านหลายที่หลายกระทู้มากไม่ได้ทำ list อ้างอิงเก็บไว้ ขออภัยด้วยนะคะ)

เมื่อผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยากมีอะไรที่เป็นของตัวเอง นั่นก็คือบ้านในฝันค่ะ (ไว้ซุกผู้ เฮ้ยยยย ไม่ใช่ 555 อมยิ้ม01) บ้านในฝันเราจริงๆ คือบ้านเดี่ยว เชื่อว่าบ้านเดี่ยวเป็นบ้านในฝันของหลายๆ คน แต่ทุกคนย่อมมีข้อจำกัดแตกต่างกันไป สำหรับเราเป็นเรื่องเงินล้วนๆ เลย ก่อนจะตัดสินใจคือคิดนานมากๆๆๆ กลัวไปหมดกับปัญหาที่จะตามมาทั้งเพื่อนบ้าน ตัวบ้าน อ่านจนหลอนไปเลยก็ว่าได้ แต่ก็เจอหลายๆ กระทู้ที่ปลอบใจได้ดีและทำให้เรากลัวน้อยลง หัวใจสังคมและสิ่งแวดล้อมของหมู่บ้านเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ ค่ะ แต่ทุกสิ่งมันมีองค์ประกอบ ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ 100% บางกระทู้สภาพแวดล้อม สังคมดีๆ บ้านเป็นสิบๆ ล้านยังมีปัญหาได้เลย (ปลอบใจตัวเองเยอะ ๆ) ทำใจให้สบาย มองทุกอย่างให้เป็นมิตร และปล่อยวาง (วิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์แป๊บ 555+) ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต บางอย่างกันไว้ก่อนเกิดได้แต่บางอย่างเหนือการควบคุมก็ต้องหาทางรับมือกันไปค่ะ ไม่แน่อาจจะเห็นกระทู้ปรึกษาปัญหาทาวน์โฮมของเราต่อไปก็ได้นะคะ 55555+ว่าแล้วก็ มาๆๆๆ เข้าเรื่องกัน

1. เริ่มด้วยการไปตะลอนดูโครงการบ้านต่างๆ ที่อยู่โซนใกล้ที่ทำงานเราและใกล้บ้านเดิมของคุณพ่อคุณแม่ที่เราอาศัยอยู่ ณ ปัจจุบันนะคะ ซึ่งอยู่ กทม. เกือบๆ จะออกสมุทรปราการ เป็นช่วงที่โครงการแถวๆ นี้ขึ้นเป็นดอกเห็ดเลย แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางเพราะว่าไม่มีรถส่วนตัว ชีวิตประจำวันคือรถประจำทาง+พี่วิน หรือพี่แท็ก มาตลอด อยากได้แบบไม่ลึกมาก (เงินน้อยยังข้อจำกัดเยอะอีกนะเรา) smileทั้งเปิดดูโครงการในเน็ต มือ1 มือ2 เราดูหมด จนได้โครงการที่คิดว่าอยากเข้าไปดู ตะลอนๆ ไป 5-6 โครงการแล้วพบว่าถูกใจอยู่ 1-2 โครงการ ดูที่การใช้ชีวิตใกล้เคียงกับปัจจุบันที่สุด (ถ้าได้ดีกว่าเดิมก็จะดีมากๆ ซึ่งมันก็ยากมากเช่นกัน) แต่ๆๆๆ ถูกใจแค่ไหนก็ยังซื้อไม่ได้อยู่ดีค่ะ TT เมื่อเข้าไปคุยกับเซลล์และหาข้อมูลเพิ่มพบว่า ควรมีเงินเก็บไว้ซัก 10-20 % ของราคาบ้าน เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ หรือกรณีมีอะไรฉุกเฉิน ระหว่างที่เริ่มเก็บเงินเพิ่ม เราจึงเบรกโครงการนี้ไว้ถึง 3 ปี เป็นช่วงที่เริ่มกล่อมคุณพ่อคุณแม่ให้โอเคด้วย

**ดังนั้นก่อนซื้อบ้านควรประเมินตัวเองก่อนอันทั้งเรื่องของการเดินทาง เงินเก็บและเงินที่จะต้องผ่อนต่อเดือนว่าไหวหรือไม่ เพื่อที่จะไม่ต้องหงอยกลับมาเหมือนเราค่ะ
อมยิ้ม08

2. คุยกับคนที่บ้าน (ใครที่ตัดสินใจคนเดียวได้ไม่ต้องถามใครก็ข้ามข้อนี้ไปได้ค่ะ) ระหว่างที่เริ่มเก็บเงินเราได้พูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ จึงรู้ว่าท่านไม่เห็นด้วยกับการซื้อทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม บ้านแถว ตึกแถว คอนโด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ใช้ผนังรวมกับบ้านอื่นๆ (ห๊ะ ต้องบ้านเดี่ยวเท่านั้น?) อาจเป็นเพราะว่าบ้านปัจจุบันที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่เราเป็นบ้านเดี่ยว ไม่ได้อยู่ในโครงการ เราโดนค้านแบบหัวชนฝา ร้องไห้เราก็แบบงานเข้าแล้วไง เพราะถ้าให้ซื้อบ้านเดี่ยวแถวๆ นี้โครงการขึ้นใหม่ก็ปาไป เริ่มต้นที่ 5 ล้าน แล้วจ้า มือสองต่ำๆ ก็สามล้านกว่า ซึ่งเรารู้ลิมิตตัวเองว่าราคานี้เราไม่สามารถแน่นอน ด้วยเงินเดือน อายุ และภาระค่าใช้จ่ายที่เราต้องรับผิดชอบของบ้านปัจจุบันและเผื่อไปถึงบ้านในอนาคต ขนาดทาวร์โฮมสองล้านกลางๆ ที่เราดู เรายังปาดเหงื่อเลย ตอนนั้นถอดใจ คิดซะว่ามันก็แค่ความอยากมีอะไรเป็นของตัวเอง จุ๊บๆเราแคร์ความรู้สึกของคนที่เรารักมากกว่า เราอยู่กับท่านก่อนได้ เอาไว้ถ้าอนาคตพี่น้องมีครอบครัวก็ค่อยว่ากันอีกที เวลานั้นอาจจะเปลี่ยนเป็นอยู่คอนโดแทนก็ได้สำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวแบบเรา (คิดไปเรื่อย)
อมยิ้ม07
3. ระยะเวลาเปลี่ยน ความคิดก็เปลี่ยน ระหว่างสามปีนี้เราก็เก็บเงินเรื่อยๆ นะ มีกล่อมๆ ท่าน อยู่บ้าง เพราะคิดว่าวันนึงถ้าพี่น้องเรามีครอบครัว เราอยากออกมาอยู่ส่วนตัวมากกว่า บอกกับท่านทั้งสองเสมอว่าซื้อบ้านแล้วไม่ได้ไปแล้วไปลับ ยังไปๆ กลับๆ มาดูหา มาดูแลกันอยู่เหมือนเดิม สำหรับเราถ้าได้ซื้อก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เมื่อกล่อมจน ok แล้ว บวกกับเราเก็บเงินได้จำนวนนึงที่คิดว่าน่าจะพอ จึงเริ่มนับ 1 ใหม่ และพบว่าโครงการที่เราถูกใจ 1 ใน 2 โครงการนั้น เปิดเฟสเพิ่ม จึงเข้าไปดู พร้อมกับไปดูอีก 1 โครงการที่ขึ้นมาใหม่ ใกล้ๆ กัน แต่ก็ยังถูกใจที่เดิมอยู่ จึงเข้าไปคุยกับทั้ง 2 โครงการแบบรายละเอียดที่ลึกขึ้น ได้แก่

โครงการ Aอมยิ้ม16

-ขนาดทาวน์โฮม 22.5 ตรว. หน้ากว้าง 6 เมตร หลังกลาง 1 ห้องนอนใหญ่ 2 ห้องนอนเล็ก 1 ห้องอเนกประสงค์ พื้นทีด้านหลังโซนซักล้าง 6*2 ตรม. โครงสร้างทำจากอิฐแดง บังคับจ่ายค่าเสาเข็มหลังบ้านต่างหาก ต้นละ 10,000 จำนวน 3 ต้น (จ่ายทุกหลัง)

-ทิศ หน้าบ้าน ทิศหัวนอน ตรงตามที่ต้องการ บ้านเลขที่รวมกันแล้วได้เลขที่โอเค (ที่บ้านค่อนข้างถือเรื่องนี้มาก อันนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ ใครไม่สนเรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านจ้า)

-การสร้าง เป็นหมู่บ้านที่ขึ้นที่ละเฟส ตอนนี้ที่ไปดูคือเฟส 3 แล้ว เป็นเฟสสุดท้ายยังไม่พร้อมให้เข้าอยู่ต้องผ่อนดาวน์ กับโครงการไปก่อน 8-10 เดือน (เฟส 1 คนเข้าอยู่แล้ว ส่วนเฟส 2 คนจอง+เริ่มเข้าอยู่บ้างแล้ว ถ้าเอาหลังที่เหลืออยู่ก็พร้อมยื่นกู้ ตรวจรับ โอน เข้าอยู่ได้เลย)

-ทางเข้า เป็นชุมชนก่อนถึงหน้าโครงการ ลึกพอควรประมาณ 1 km ถ้าเข้าบ้านต้องอาศัยพี่วิน และจากหน้าโครงการถึงตัวบ้านไม่ไกล ปากซอยมีที่จอดจักรยาน

- โปรโมชั่นของแถม ไม่ดึงดูด ค่าโอน+จดจำนองเราต้องจ่าย ค่าส่วนกลางจ่ายล่วงหน้า 2 ปี (เดือนละ 800 มี สโมสร+สวน+สระว่ายน้ำ) จ่ายค่าขอมิเตอร์น้ำไฟเอง ฟรีแค่ฉีดปลวก, ปั๊มน้ำ, ถังเก็บน้ำติดตั้งระบบประปา-ไฟฟ้า ส่วนแอร์ขอเพิ่มเองกว่าจะได้มา 1 ตัวนี่ลากเลือดไม่รวมติดตั้ง รอจ่ายส่วนกลางอีกรอบตอนได้นิติฯ ที่เป็นทางการ ตอนนี้สำนักงานขายดูแลเรื่องนิติฯ ให้อยู่ (อันนี้ต้องลุ้นเอา)

- สภาพแวดล้อม ก่อนถึงโครงการจะเข้าซอย มีซอยแยกๆ ไปเป็นชุมชน แต่ไม่แออัดนะคะ ซอยทะลุออกถนนอีกเส้นได้ พอเข้าแยกซอยโครงการบ้านรู้สึกว่าเงียบสงบพอสมควร เหมือนๆ หมู่บ้านทั่วไป บางหลังมีรถจอดหน้าบ้านแต่ไม่มาก ตัวโครงการสร้างสูงกว่าปากซอย หน้าบ้านอนุญาตให้ค้าขายได้ แต่ไม่ได้ครอบคลุมเรื่องการจดทะเบียนการค้าให้ ต้องไปดำเนินการเอง

โครงการ Bอมยิ้ม16

- ขนาด 16 ตรว. หน้ากว้าง 5 เมตร หลังกลาง มี 1 ห้องนอนใหญ่ 2 ห้องนอนเล็ก 2 ห้องน้ำ พื้นทีด้านหลังโซนซักล้าง 5*2 ตรม. โครงสร้างเป็นแบบ Precast อิฐมวลเบา

- ทิศบ้าน มีให้เลือกไม่มากเนื่องจากใกล้ปิดโครงการแล้ว หลังที่ยังเหลืออยู่ท้ายๆ หมู่บ้าน ไกลพอควรจากหน้า รปภ. ของโซนทาวน์โฮม มีหอบแฮ่กๆ อ่ะ ถ้าเดินจริงๆ เพราะวันที่ไปดูโครงการเค้าพานั่งรถกอล์ฟ

- การสร้าง บ้านสร้างเสร็จแล้วพร้อมตรวจรับ รอขายหมดก็ปิดโครงการ ยื่นกู้และพร้อมโอน หากตกลงจะซื้อ โครงการกำลังสร้างบ้านเดี่ยวโซนหน้าๆ อยู่

- โปรโมชั่นของแถม ดีในแบบทั่วๆ ไป คือ ค่าเดินเรื่อง+ประเมิน กับธนาคารฟรี ค่าโอนคนละครึ่งกับโครงการ ส่วนค่าจดจำนองเราต้องจ่ายเอง ให้แอร์แบบไม่ต้องขอ 1 ตัว ปั๊มน้ำ ถังน้ำ ฟรี (ลืมถามว่าพร้อมติดตั้งไหม) ฟรีฉีดปลวก ฟรีค่าส่วนกลางฟรี 2 ปี (ค่าส่วนกลาง เดือนละ 500 มีสวน ฟิตเนต สระว่ายน้ำ)

- การเดินทาง ตัวโครงการอยู่ติดถนน แต่กว่าจะเข้าไปถึงโซนทาวน์โฮมต้องผ่าน รปภ. ประมาณ 3 ชั้น ประมาณ 1 km เพราะโซนหน้าๆ เป็นบ้านเดี่ยวเพิ่งเริ่มสร้าง กับบ้านแฝดที่ขายหมดแล้ว ส่วนทาวน์โฮมจะอยู่โซนท้ายสุด ตลอดทางดูปลอดภัยดี ทำถนนเรียบ ดูดีมีคลาส ถ้าอยู่ที่นี่ก็ขี่จักรยานมาจอดตรง รปภ. แถวโครงการโซนหน้าแล้วออกมาขึ้นรถประจำทางได้เลย สะดวกดีค่ะ

- สภาพแวดล้อม เงียบสงบตั้งแต่ รปภ. จุดแรก ยันมาถึงโซนทาวน์โฮม ไม่ให้ทำการค้าหน้าบ้าน มีรถจอดหน้าบ้านอยู่บ้างบางหลัง แต่ไม่มาก เป็นของเค้าทั้งโครงการทั้งแต่เข้ามา ไม่มีทางทะลุออก เข้าออกทางเดียว ดูปลอดภัยดี

**สองโครงการที่บอกมาในสเปคนี้ข้างบนนี้ราคาพอๆ กันค่ะ คำนวณจากราคาบ้าน ส่วนลดและโปรโมชั่น ของทั้งสองโครงการแล้ว ถ้าเพิ่มพื้นที่หรือหลังมุมก็อัพราคาขึ้นไปอีก อัพแบบโดดมากทั้งสองโครงการ เพราะหลังมุมนี่ราคาเกือบเท่าบ้านเดี่ยวเลย รู้สึกไม่คุ้ม ส่วนเรื่องราคาแบบเป๊ะๆ ทำเล กับชื่อโครงการขอเป็นหลังไมค์นะคะ

4. ตัดสินใจ รักพี่เสียดายน้องมาก อีกที่ได้เรื่องเดินทาง+สภาพแวดล้อมถูกใจ อีกที่ได้เรื่องวัสดุ+พื้นที่ใช้สอยถูกใจ สุดท้ายเราเลือกโครงการ A เพราะถูกใจเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย ราคา และโครงสร้าง ตรงกับความต้องการ (แม้การเดินทางจะขัดใจไปหน่อย แต่ก็พอรับได้อยู่) หลังจากคุยรายละเอียดจึงตกลงจ่ายเงินจองค่ะ จะได้ "สัญญาการจอง" มา 1 ฉบับพร้อมใบเสร็จ ใบนี้ระบุไว้ว่าต้องทำ "สัญญาจะซื้อ" หลังจากนี้ภายในกี่วัน หากไม่มาทำสัญญาดังกล่าวจะถูกยึดเงินจอง [ทางที่ดีควรถามรายละเอียดและข้อมูลต่างๆ ของ "สัญญาจะซื้อ" กับทางโครงการให้ดีก่อนทำการจองนะคะ]

5. ทำ "สัญญาจะซื้อ" ภายในระยะเวลาที่กำหนดเราได้เข้ามาจ่ายค่าทำสัญญา ใบนี้จะมีรายละเอียดเยอะมากเป็นสิบหน้า ทั้งเงื่อนไขการจ่ายเงิน การกู้กับธนาคาร การคืนเงินหรือไม่คืนเงินในกรณีใดๆ การต่อเติม ของแถม การโอน ฯลฯ ต้องอ่านดีๆ ทุกข้อก่อนเซ็นแต่ละหน้า หากสงสัยให้ถามทันที (สัญญาขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ) โดยสัญญานี้ผู้ซื้อและผู้ขายถือคนละ 1 ชุด พร้อมระบุวันจ่ายเงินผ่อนดาวน์งวดแรก เก็บใบเสร็จการทำสัญญาให้ดีนะคะ

6. รับ card payment (ใครที่ไม่ได้ผ่อนดาวน์ข้ามข้อนี้ไปได้ค่ะ) เมื่อได้รับการ์ดพร้อมบาร์โค้ดสำหรับจ่ายเงินผ่อนดาวน์กับโครงการก็ดำเนินการจ่ายเลยค่ะ อย่าให้เกินวันที่เราตกลงกับเค้านะ ของเราผ่อนดาวน์ทั้งหมด 10 งวด (เงินผ่อนดาวน์, ค่าจอง, ค่าทำสัญญา จะไปหักลบกับยอดค่าบ้านที่ ณ วันโอน) หากยื่นกู้ไม่ผ่านจะได้เงินผ่อนดาวน์และทำสัญญาคืนเท่านั้น เงินจองไม่ได้คืนนะคะ (ข้อนี้แต่ละโครงการจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันให้ดูตามสัญญากับโครงการที่ทำการซื้อ)

(มีต่ออีกนิดกับ ทริคในการวางแผนการเงินเล็กน้อยของเรานะคะ) อมยิ้ม01
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่