สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากจะเล่าและขอคำแนะนำ...
เริ่มแรกเราย้ายเข้ามาอยู่บ้านน้าเรามาได้ประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ ปกติก่อนหน้านี้บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ลูกพี่ลูกน้องเราเขาอยู่คนเดียว ซึ่งปกติแล้วนิสัยเขาเป็นคนขี้หงุดหงิดง่าย ไม่ชอบทำความสะอาดบ้าน ค่อนข้างสกปรก ถ้าบอกให้ทำความสะอาดจะมีอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที และถ้าไปยุ่งกับของๆเขาไปเก็บให้เขาเขาก็จะเหวี่ยงทันที อีกอย่างเขาเป็นคนที่ชอบแต่งตัวทำให้มีรองเท้าและกระเป๋าเยอะมากๆ
.
ซึ่งตอนเราย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆของเดิมของเขามันก็เยอะอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะคิดว่าอยู่ได้ และ ไม่อยากมีปัญหา พอเราเข้ามาอยู่เราก็ทำความสะอาดปกติ ทำเฉพาะห้องเราและพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น (ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่คนที่ระเบียบจัด คือสะอาดในระดับปกติ อาทิตย์ไหนว่างก็ทำอาทิตย์ไหนไม่ว่างหรือขี้เกียจก็ไม่ทำ) แล้วมันมาพีคสุดๆตรงที่วันหนึ่งมีหนูเข้ามาในครัว เราเห็นว่ามันมีฉี่หนูและรอยเท้าของหนู เราเลยไปซื้อกาวดักหนูมาไว้ที่บ้าน ซึ่งเราก็วางไว้แบบแอบมิดชิดสุด ที่นี้ดึกๆเขากลับมาบ้านและเข้าไปในครัว เขาดันไปเหยียบกาวดักหนูที่อิหนูมันติดและลากมาทิ้งไว้หน้าห้องน้ำ เท่านั้นแหละค่ะ!! เหวี่ยงบ้านแทบแตก ตวาดเราว่า "เอากาวดักหนูมาวางไว้ทำไมตรงนี้" แล้วก็ปาขวดสบู่ที่อยู่ในห้องน้ำกระจุย ตอนนั้นเราก็ไม่รู้จะทำไงก็ทำได้แต่นั่งเช็ดคราบกาวที่เขาเหยียบ แล้วก็ตะโกนกลับไปว่า "ใครจะบ้าเอากาวดักหนูมาวางไว้หน้าห้องน้ำวะ .. หนูมันติดแล้วลากมาเอง" หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกับเขาอีกเลย คือจะคุยเฉพาะที่มีเรื่อง ไม่ได้คุยเล่นเหมือนแต่ก่อน
.
ละทีนี้เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน เราบอกเขาว่าให้เขาย้ายกองรองเท้าตรงริมผนังให้เราหน่อย (กล่องรองเท้าวางสูงประมาณ 2 เมตร เต็มผนัง) เพราะเราจะใช้พื้นที่ตรงนั้นวางโต๊ะทำงาน และอีกอย่างกองรองเท้ามันสูงเลยศาลเจ้าไปแล้วเราว่ามันก็ไม่ควรมั้ยอะ นี่มันสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะเว้ย แล้วมันยังมีเรื่องกลิ่นของรองเท้านับ100คู่+อยู่ในบ้าน ซึ่งมันตลบอบอวนมากๆ พอเราบอกไปเขาก็ไม่พอใจทันที บอกว่าจะให้ย้ายไปไหน? เรารีบใช้พื้นที่แค่ไหน? ถ้าเขาย้ายเขาจะซื้อตู้ใส่รองเท้า ต้องทำตู้ใส่รองเท้า บลาๆ แต่ตอนนี้ยังซื้อไม่ได้เพราะต้องใช้เงินไปเที่ยวเมืองนอก! คือเราก็อึ้งกับคำตอบเขาเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าจะต้องตอบว่าไร เราก็เลยบอกไปว่า "กลับมาก็จัดการให้ทีละกัน" และ หลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้เขากับเราก็ไม่เคยพูดอะไรกันอีกเลย..
.
คือเราอยากได้คำแนะนำจริงๆว่า.. เราควรทำยังไงกับคนแบบนี้คะ? หรือ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ยังไง?
หรือถ้าใครเจอเหตุการณ์แนวๆเดียวกันก็มาแชร์กันได้นะคะ
.
ปล.1 เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่น้าเราสร้างไว้ ซึ่งตอนนี้น้าเรามีแพลนที่จะยกบ้านหลังนี้ ให้เป็นชื่อเรา
ปล.2 ทุกวันนี้ที่อยู่ด้วยกัน เราเป็นคนที่ออกค่าน้ำ + ช่วยน้าออกค่าไฟ ส่วนสิ่งที่รับผิดชอบร่วมกันคือค่า internet เท่านั้น ซึ่งเขาไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายอะไรในบ้านเลย แต่!!! เป็นคนประเภทที่เปิดทุกอย่างแต่ไม่เคยปิด กลางคืนเวลาจะขึ้นนอนก็ไม่ปิดไฟอะไรทั้งนั้น ตอนเช้าจะออกไปทำงานก็ไม่ปิดไฟในบ้าน คือนี่ก็งงมากก แต่ก็โวยวายไม่ออกสักที เพราะเกรงใจแม่ของเขามากๆค่ะ -*-
ต้องอาศัยอยู่กับคนที่สกปรกมากๆและขี้เหวี่ยง ทำไงดีคะ?
เริ่มแรกเราย้ายเข้ามาอยู่บ้านน้าเรามาได้ประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ ปกติก่อนหน้านี้บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ลูกพี่ลูกน้องเราเขาอยู่คนเดียว ซึ่งปกติแล้วนิสัยเขาเป็นคนขี้หงุดหงิดง่าย ไม่ชอบทำความสะอาดบ้าน ค่อนข้างสกปรก ถ้าบอกให้ทำความสะอาดจะมีอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที และถ้าไปยุ่งกับของๆเขาไปเก็บให้เขาเขาก็จะเหวี่ยงทันที อีกอย่างเขาเป็นคนที่ชอบแต่งตัวทำให้มีรองเท้าและกระเป๋าเยอะมากๆ
.
ซึ่งตอนเราย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆของเดิมของเขามันก็เยอะอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะคิดว่าอยู่ได้ และ ไม่อยากมีปัญหา พอเราเข้ามาอยู่เราก็ทำความสะอาดปกติ ทำเฉพาะห้องเราและพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น (ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่คนที่ระเบียบจัด คือสะอาดในระดับปกติ อาทิตย์ไหนว่างก็ทำอาทิตย์ไหนไม่ว่างหรือขี้เกียจก็ไม่ทำ) แล้วมันมาพีคสุดๆตรงที่วันหนึ่งมีหนูเข้ามาในครัว เราเห็นว่ามันมีฉี่หนูและรอยเท้าของหนู เราเลยไปซื้อกาวดักหนูมาไว้ที่บ้าน ซึ่งเราก็วางไว้แบบแอบมิดชิดสุด ที่นี้ดึกๆเขากลับมาบ้านและเข้าไปในครัว เขาดันไปเหยียบกาวดักหนูที่อิหนูมันติดและลากมาทิ้งไว้หน้าห้องน้ำ เท่านั้นแหละค่ะ!! เหวี่ยงบ้านแทบแตก ตวาดเราว่า "เอากาวดักหนูมาวางไว้ทำไมตรงนี้" แล้วก็ปาขวดสบู่ที่อยู่ในห้องน้ำกระจุย ตอนนั้นเราก็ไม่รู้จะทำไงก็ทำได้แต่นั่งเช็ดคราบกาวที่เขาเหยียบ แล้วก็ตะโกนกลับไปว่า "ใครจะบ้าเอากาวดักหนูมาวางไว้หน้าห้องน้ำวะ .. หนูมันติดแล้วลากมาเอง" หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกับเขาอีกเลย คือจะคุยเฉพาะที่มีเรื่อง ไม่ได้คุยเล่นเหมือนแต่ก่อน
.
ละทีนี้เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน เราบอกเขาว่าให้เขาย้ายกองรองเท้าตรงริมผนังให้เราหน่อย (กล่องรองเท้าวางสูงประมาณ 2 เมตร เต็มผนัง) เพราะเราจะใช้พื้นที่ตรงนั้นวางโต๊ะทำงาน และอีกอย่างกองรองเท้ามันสูงเลยศาลเจ้าไปแล้วเราว่ามันก็ไม่ควรมั้ยอะ นี่มันสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะเว้ย แล้วมันยังมีเรื่องกลิ่นของรองเท้านับ100คู่+อยู่ในบ้าน ซึ่งมันตลบอบอวนมากๆ พอเราบอกไปเขาก็ไม่พอใจทันที บอกว่าจะให้ย้ายไปไหน? เรารีบใช้พื้นที่แค่ไหน? ถ้าเขาย้ายเขาจะซื้อตู้ใส่รองเท้า ต้องทำตู้ใส่รองเท้า บลาๆ แต่ตอนนี้ยังซื้อไม่ได้เพราะต้องใช้เงินไปเที่ยวเมืองนอก! คือเราก็อึ้งกับคำตอบเขาเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าจะต้องตอบว่าไร เราก็เลยบอกไปว่า "กลับมาก็จัดการให้ทีละกัน" และ หลังจากนั้นจนถึงทุกวันนี้เขากับเราก็ไม่เคยพูดอะไรกันอีกเลย..
.
คือเราอยากได้คำแนะนำจริงๆว่า.. เราควรทำยังไงกับคนแบบนี้คะ? หรือ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ยังไง?
หรือถ้าใครเจอเหตุการณ์แนวๆเดียวกันก็มาแชร์กันได้นะคะ
.
ปล.1 เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่น้าเราสร้างไว้ ซึ่งตอนนี้น้าเรามีแพลนที่จะยกบ้านหลังนี้ ให้เป็นชื่อเรา
ปล.2 ทุกวันนี้ที่อยู่ด้วยกัน เราเป็นคนที่ออกค่าน้ำ + ช่วยน้าออกค่าไฟ ส่วนสิ่งที่รับผิดชอบร่วมกันคือค่า internet เท่านั้น ซึ่งเขาไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายอะไรในบ้านเลย แต่!!! เป็นคนประเภทที่เปิดทุกอย่างแต่ไม่เคยปิด กลางคืนเวลาจะขึ้นนอนก็ไม่ปิดไฟอะไรทั้งนั้น ตอนเช้าจะออกไปทำงานก็ไม่ปิดไฟในบ้าน คือนี่ก็งงมากก แต่ก็โวยวายไม่ออกสักที เพราะเกรงใจแม่ของเขามากๆค่ะ -*-