***หมายเหตุ กระทู้นี้เป็นการรีวิวจากประสบการณ์จริง ของผู้เขียนเอง หากมีภาษาหรือถ้อยคำใดไม่เหมาะสม ก็ขออภัยมา ณ ที่ นี้ด้วยคร้าบบบ
กราบบ สวัสดีสมาชิกชาวพันทิป และผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ เนื่องจากเมื่อต้นเดือน กันยายน 61 ที่ผ่านมานี้ นี่เอง ตัวกระผมเองได้มีประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศ กับภรรยาสุดที่รักและ เคารพยิ่ง ซึ่งเป็นการซื้อทริปทัวร์ไปกับสมาชิกอื่นๆ รวมๆแล้วมีประมาณ 30 คน ที่ซื้อโปรแกรมทัวร์ไปนะครับ เรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อทัวร์นั้นเท่าไหร่ตัวผู้เขียนเองก็ไม่ทราบแน่ชัด เพราะเรื่องการเงินเราจะไม่เข้าไปยุ่งกับฝ่ายบัญชีของบ้านเราอยู่แล้วนะครับ (ปกติจะมีหน้าที่หาเงินเข้าบ้านอย่างเดียว) หลังจากที่ได้จัดการซื้อโปรแกรมทัวร์เสร็จสรรพ เรียบร้อยแล้ว ก็มีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางถึง 7 วัน หรือ 1 อาทิตย์กันเลยทีเดียว เรื่องเสื้อผ้านั้นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้นี่แหละ นั่นก็คือ ตม.เกาหลีนั่นเอง จากการหาข้อมมูลในอินเตอร์เน็ต ทั้งจากผู้ที่เคยมาเขียนกระทู้ในพันทิป หรือแม้กระทั้งเว็บบล็อกอื่นๆก็ตาม ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตม.เกาหลีนั้น ....โหดดดดมากกกก!!!! เอาละสิทีนี้ เกิดความกลัวขึ้นมาในใจนิดๆ ว่าเราจะผ่านมั๊ยน๊า พาสปอร์ตก็ขาวทั้งคู่ซะด้วยสิ ถ้าไปถึงแล้ว ดั๊นนนนติด ตม. จะทำไง แต่ก็คิดในใจ ไม่เป็นไรเราไปเที่ยวว้อย จะกลัวไรถ้ามันไม่ให้เข้าก็นอนกับมันที่นั่นแหละ คิดในใจนะ
พออ่านๆ ก็เตรียมตัวตามหัวข้อที่เขาให้เตรียมตัวแหละ ก็มีตั้งแต่การเตรียมกระเป๋าต้องเอาไปใบเล็กใบใหญ่ยังไง เอกสารรับรองต่างๆ ทั้งเอกสารรับรองการทำงาน เงินเดือน บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต โปรแกรมทัวร์ ตั๋วไป-กลับ รายการของที่คิดว่าตั้งใจจะไปซื้อที่นู้น เยอะแยะมากมาย เตรียมเอกสารเหมือนตอนจะไปสอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัย ยังไงยังงั๊น รวมถึงการแต่งตัว การพูดการสื่อสารกรณีเขาดั๊นถามว่ามาทำอะไร กี่วัน มากับใคร บลาๆๆๆ ฝึกพูด ฝึกตอบกันไป ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองกันเลยงานนี้ เนื่องจากตัวผมเองก็ไม่ค่อยจะเก่งภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ พอแค่ถูๆไถๆ งูๆปลาๆ แถไปได้แบบหลังถลอกก็แค่นั้นเองนะฮะ...555+ ก่อนเดินทางประมาณ 3-4 วัน ดั๊นนนมีพี่ที่ทำงานมาคุยเรื่องคนงานไทยโดนจับที่เกาหลี พวกที่หนีทัวร์ไปทำงานไรประมาณนี้ให้ฟัง ว่าเขาจะให้เข้าเหรอช่วงนี้ยิ่งเข้มเลยล่ะ เอาล่ะสิ ที่นี้ความมั่นใจลดลงไปอีก และแล้ว เวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก วันเดินทางก็มาถึง แทนที่จะมีความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแร๊กกในชีวิตกลับกลายเป็นความกดดันซะงั้น เวรกรรมจิ๊งๆ ก็ไอ้เรื่อง ตม.โอปป้าพยายมอันเลื่องชื่อนี่แหละ มาก่อกวนจิตใจซะงั้น ทำไรไม่ได้ละรู้ตัวอีกทีก็ถึงสนามบิน ICN เกาหลีใต้เป็นที่เรียยบร้อยละ พอลงเครื่องตรง Teminal-1 เสร็จสองคนผัวเมีย เจ้ากรรมดั๊นไปรวมตัวกับกรุ๊ปทัวร์คนอื่นๆไม่ทัน เพราะมัวเดินชมทิวทัศน์ระหว่างทางกับเข้าห้องน้ำเพลินไปหน่อย คนอื่นเขาเดินทางไป Terminal-2 กันหมดแล้ว เอาล่ะไม่เป็นไรเดี๋ยวเราตามไปก็ด๊ายยไม่เห็นยาก พอตามมาถึงTerminal-2 ซึ่งอันเป็นที่อยู่ของ ตม.โอปป้าพยายมพำนักอาศัยอยู่ คอยเฝ้าประตูนรก สวรรค์ คอยชี้ทางว่าใคร!!! ต้องไปนรก ใคร!!!ต้องไปสวรรค์ (ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนแบบนั้นม๊ากๆ) เราก็เข้าแถวต่อคิวเพื่อเข้ารับคำพิพากษา โดยเราเป็นสุภาพบุรุษเนาะ ก็เลยให้เมียอยู่หน้า...555+ ไม่ได้หลบหลังเมียนะ อย่าเข้าใจผิด ระหว่างยืนรอเราก็พูดคุยกันปกติ สบายๆชิวๆ เพราะเรามาเที่ยวจริงๆ เอาล่ะ!! ถึงคิวเราทั้งคู่ล่ะ ช่องที่เราสองคนเข้าเป็น ตม. ผู้หญิงนะครับ ภรรยาผมเข้าไปก่อน ยื่นพาสปอร์ตเสร็จ ตม.ก็มองหน้า สองสามรอบ แล้วเทอก็ถามอะไรไม่ร็กับภรรยาผม ภรรยาผมก็หันมามองที่ผมแล้วทั้งคู่ก็พยักหน้าคุยไรกันไม่รู้ สักพัก ก็ให้ภรรยาผมสแกนนิ้ว แล้วให้ผ่านไปได้...ว้าววววเมียผ่านแล้ว คราวนี้กดดันกว่าเดิม ถ้าเราไม่ผ่านทำไงหว่า เดินเข้าไปยื่นพาสปอร์ต เขาก็มองหน้าเรา เราก็มองหน้าเขา (ที่มองเพราะเขาสวย หน้าใสมว๊าก) มองกันไปกันมา นึกในใจถ้ามองนานกว่านี้ท้องแน่ พอมองหน้ากันจนสาแก่ใจแล้ว หล่อนก็ปล่อยเราผ่านไปโดยไม่ถามไม่ไถ่เรื่องสุขภาพกันเลยสั๊กคำ .....เห้ออออ ประตูสวรรค์เปิดแล้ว ผ่านทั้งคู่สบายใจมากๆตอนนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอกกันเลยทีเดียว...555+
สรุปง่ายๆนะครับ จากการที่สังเกตุดูตอนต่อแถวทั้งคนที่ผ่าน และคนที่ไม่ผ่าน ตม. เขาจะคอยสังเกตูบุคลิก ท่าทาง ลักษณะว่าเราคุยกับใคร อะไรยังไง มีท่าทางมีพิรุธหรือไม่ เหมือนเขาดูออกว่าใครมาเที่ยวจริงๆหรือจะแอบมาทำงาน เซ๊นต์เขาคงแรง สมชื่อ ตม.โอปป้าพยายมจิง ผู้ชี้ทางไปนรก สวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวไทย....เอาล่ะครับเล่ามายาวพอละ สำหรับกระทู้นี้ก็ขอยุติแต่เพียงเท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาอ่านมากๆนะครับ มีอะไรให้คำแนะนำก็ขอน้อมรับไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ โอกาศหน้าพบกันใหม่นะครับ ส-วัสดี ก๊าบ...
รีวิวประสบการณ์ ตม.โอปป้าพยายม (ตม.เกาหลี)
กราบบ สวัสดีสมาชิกชาวพันทิป และผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ เนื่องจากเมื่อต้นเดือน กันยายน 61 ที่ผ่านมานี้ นี่เอง ตัวกระผมเองได้มีประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศ กับภรรยาสุดที่รักและ เคารพยิ่ง ซึ่งเป็นการซื้อทริปทัวร์ไปกับสมาชิกอื่นๆ รวมๆแล้วมีประมาณ 30 คน ที่ซื้อโปรแกรมทัวร์ไปนะครับ เรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อทัวร์นั้นเท่าไหร่ตัวผู้เขียนเองก็ไม่ทราบแน่ชัด เพราะเรื่องการเงินเราจะไม่เข้าไปยุ่งกับฝ่ายบัญชีของบ้านเราอยู่แล้วนะครับ (ปกติจะมีหน้าที่หาเงินเข้าบ้านอย่างเดียว) หลังจากที่ได้จัดการซื้อโปรแกรมทัวร์เสร็จสรรพ เรียบร้อยแล้ว ก็มีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางถึง 7 วัน หรือ 1 อาทิตย์กันเลยทีเดียว เรื่องเสื้อผ้านั้นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้นี่แหละ นั่นก็คือ ตม.เกาหลีนั่นเอง จากการหาข้อมมูลในอินเตอร์เน็ต ทั้งจากผู้ที่เคยมาเขียนกระทู้ในพันทิป หรือแม้กระทั้งเว็บบล็อกอื่นๆก็ตาม ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตม.เกาหลีนั้น ....โหดดดดมากกกก!!!! เอาละสิทีนี้ เกิดความกลัวขึ้นมาในใจนิดๆ ว่าเราจะผ่านมั๊ยน๊า พาสปอร์ตก็ขาวทั้งคู่ซะด้วยสิ ถ้าไปถึงแล้ว ดั๊นนนนติด ตม. จะทำไง แต่ก็คิดในใจ ไม่เป็นไรเราไปเที่ยวว้อย จะกลัวไรถ้ามันไม่ให้เข้าก็นอนกับมันที่นั่นแหละ คิดในใจนะ
พออ่านๆ ก็เตรียมตัวตามหัวข้อที่เขาให้เตรียมตัวแหละ ก็มีตั้งแต่การเตรียมกระเป๋าต้องเอาไปใบเล็กใบใหญ่ยังไง เอกสารรับรองต่างๆ ทั้งเอกสารรับรองการทำงาน เงินเดือน บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต โปรแกรมทัวร์ ตั๋วไป-กลับ รายการของที่คิดว่าตั้งใจจะไปซื้อที่นู้น เยอะแยะมากมาย เตรียมเอกสารเหมือนตอนจะไปสอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัย ยังไงยังงั๊น รวมถึงการแต่งตัว การพูดการสื่อสารกรณีเขาดั๊นถามว่ามาทำอะไร กี่วัน มากับใคร บลาๆๆๆ ฝึกพูด ฝึกตอบกันไป ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองกันเลยงานนี้ เนื่องจากตัวผมเองก็ไม่ค่อยจะเก่งภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ พอแค่ถูๆไถๆ งูๆปลาๆ แถไปได้แบบหลังถลอกก็แค่นั้นเองนะฮะ...555+ ก่อนเดินทางประมาณ 3-4 วัน ดั๊นนนมีพี่ที่ทำงานมาคุยเรื่องคนงานไทยโดนจับที่เกาหลี พวกที่หนีทัวร์ไปทำงานไรประมาณนี้ให้ฟัง ว่าเขาจะให้เข้าเหรอช่วงนี้ยิ่งเข้มเลยล่ะ เอาล่ะสิ ที่นี้ความมั่นใจลดลงไปอีก และแล้ว เวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก วันเดินทางก็มาถึง แทนที่จะมีความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแร๊กกในชีวิตกลับกลายเป็นความกดดันซะงั้น เวรกรรมจิ๊งๆ ก็ไอ้เรื่อง ตม.โอปป้าพยายมอันเลื่องชื่อนี่แหละ มาก่อกวนจิตใจซะงั้น ทำไรไม่ได้ละรู้ตัวอีกทีก็ถึงสนามบิน ICN เกาหลีใต้เป็นที่เรียยบร้อยละ พอลงเครื่องตรง Teminal-1 เสร็จสองคนผัวเมีย เจ้ากรรมดั๊นไปรวมตัวกับกรุ๊ปทัวร์คนอื่นๆไม่ทัน เพราะมัวเดินชมทิวทัศน์ระหว่างทางกับเข้าห้องน้ำเพลินไปหน่อย คนอื่นเขาเดินทางไป Terminal-2 กันหมดแล้ว เอาล่ะไม่เป็นไรเดี๋ยวเราตามไปก็ด๊ายยไม่เห็นยาก พอตามมาถึงTerminal-2 ซึ่งอันเป็นที่อยู่ของ ตม.โอปป้าพยายมพำนักอาศัยอยู่ คอยเฝ้าประตูนรก สวรรค์ คอยชี้ทางว่าใคร!!! ต้องไปนรก ใคร!!!ต้องไปสวรรค์ (ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนแบบนั้นม๊ากๆ) เราก็เข้าแถวต่อคิวเพื่อเข้ารับคำพิพากษา โดยเราเป็นสุภาพบุรุษเนาะ ก็เลยให้เมียอยู่หน้า...555+ ไม่ได้หลบหลังเมียนะ อย่าเข้าใจผิด ระหว่างยืนรอเราก็พูดคุยกันปกติ สบายๆชิวๆ เพราะเรามาเที่ยวจริงๆ เอาล่ะ!! ถึงคิวเราทั้งคู่ล่ะ ช่องที่เราสองคนเข้าเป็น ตม. ผู้หญิงนะครับ ภรรยาผมเข้าไปก่อน ยื่นพาสปอร์ตเสร็จ ตม.ก็มองหน้า สองสามรอบ แล้วเทอก็ถามอะไรไม่ร็กับภรรยาผม ภรรยาผมก็หันมามองที่ผมแล้วทั้งคู่ก็พยักหน้าคุยไรกันไม่รู้ สักพัก ก็ให้ภรรยาผมสแกนนิ้ว แล้วให้ผ่านไปได้...ว้าววววเมียผ่านแล้ว คราวนี้กดดันกว่าเดิม ถ้าเราไม่ผ่านทำไงหว่า เดินเข้าไปยื่นพาสปอร์ต เขาก็มองหน้าเรา เราก็มองหน้าเขา (ที่มองเพราะเขาสวย หน้าใสมว๊าก) มองกันไปกันมา นึกในใจถ้ามองนานกว่านี้ท้องแน่ พอมองหน้ากันจนสาแก่ใจแล้ว หล่อนก็ปล่อยเราผ่านไปโดยไม่ถามไม่ไถ่เรื่องสุขภาพกันเลยสั๊กคำ .....เห้ออออ ประตูสวรรค์เปิดแล้ว ผ่านทั้งคู่สบายใจมากๆตอนนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอกกันเลยทีเดียว...555+
สรุปง่ายๆนะครับ จากการที่สังเกตุดูตอนต่อแถวทั้งคนที่ผ่าน และคนที่ไม่ผ่าน ตม. เขาจะคอยสังเกตูบุคลิก ท่าทาง ลักษณะว่าเราคุยกับใคร อะไรยังไง มีท่าทางมีพิรุธหรือไม่ เหมือนเขาดูออกว่าใครมาเที่ยวจริงๆหรือจะแอบมาทำงาน เซ๊นต์เขาคงแรง สมชื่อ ตม.โอปป้าพยายมจิง ผู้ชี้ทางไปนรก สวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวไทย....เอาล่ะครับเล่ามายาวพอละ สำหรับกระทู้นี้ก็ขอยุติแต่เพียงเท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาอ่านมากๆนะครับ มีอะไรให้คำแนะนำก็ขอน้อมรับไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ โอกาศหน้าพบกันใหม่นะครับ ส-วัสดี ก๊าบ...