ก็ไม่แปลกเลยที่ การสร้าง รถไฟต่างๆ ทำไมถึงช้า นักการเมือง

สรุปคร่าวๆความก้าวกระโดดอีกรอบสําหรับการพัฒนาระบบขนส่งทางรางโดยเฉพาะรถไฟทางคู่

ตอนนี้บอร์ดกรรมการบริหารกิจการ ได้อนุมัติเส้นทางใหม่ถึง 7 เส้นทาง ซึ่งจะเป็นเฟสที่ 2 หลังจากเฟสแรก ที่ผ่านการประมูลและเริ่มการก่อสร้างไปหมดแล้วประกอบด้วย
1.สายประจวบคีรีขันธ์ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร
2.สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม.
3.สายนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร
4.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร
5. หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กิโลเมตร
.
โดยผมจะมาร์คด้วยสีแดง นั่นคืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง
.
ถ้าลองสังเกตดีๆจะพบว่า ณ ปัจจุบันนี้หากทางคู่เสร็จได้ตามเวลา การเดินทางด้วยรถไฟในรัศมี 400 กม. จากกรุงเทพมหานครจะรวดเร็วขึ้นเกือบ 2 เท่า แต่อย่าลืมว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเฟสแรกของโครงการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่เท่านั้น เพราะยังเหลืออีกครึ่งทางที่ยังเป็นทางเดี่ยวนั่นเป็นที่มาของทางคู่เฟส 2 ที่จะเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
ประกอบด้วย

1. ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง326กม.
งบประมาณ 85,345ล้านบาท
2.ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง355กม.
งบประมาณ 67,965 ล้านบาท
3. ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม.
งบประมาณ24,294ล้านบาท
4.ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง324กม.
งบประมาณ 57,375 ล้านบาท
5.ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม.
งบประมาณ 8,120ล้ายบาท
6. ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง285กม.
งบประมาณ 62,883ล้านบาท
7.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง189กม. งบประมาณ 56,837ล้านบาท
8. ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม.
งบประมาณ 26,663 ล้านบาท
9. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง309กม. งบประมาณ37,527ล้านบาท.

กรณี 2 สายแรก จะพิเศษกว่าสายอื่น เพราะเป็นทางรถไฟสายใหม่ จําเป็นต้องมีการเวณคืนที่ดิน มีระยะทางที่ยาวเป็นพิเศษ จึงต้องใช้เวลานานและอาจเป็นสายท้ายๆที่ผ่าน ครม. ส่วนสายอื่นนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไรผ่าน ครม. ก็น่าจะพร้อมเปิดประมูลการก่อสร้างปีหน้า อย่างช้าก็ปลายปี ดังนั้นผมจึงขอ
- มาร์คสายที่พร้อมเปิดประมูลเป็นสีเหลือง
- สายที่อาจมีปัญหาและใช้เวลานานเป็นสีเขียว

ครม. อนุมัติให้ศึกษาเส้นทางใหม่อีก 3 เส้นทาง เพื่อเชื่อมต่ออีสานตอนล่างกับเส้นทางบ้านไผ่-นครพนม ในอีสานตอนบนที่อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ ซึ่งได้แก่ เส้นทาง ศรีสะเกษ-ยโสธร-ร้อยเอ็ด, อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-มุกดาหาร และอุบลราชธานี-ช่องเม็ก

- มาร์คสายที่อยู่ระหว่างการศึกษาเป็นสีฟ้า

จริงๆแล้วโครงการพวกนี้มันควรเริ่มดำเนินการในสมัยรัฐบาลที่แล้วแล้ว เพราะโครงการดังกล่าวถูกผลักดันและอนุมัติงบประมาณไปตั้งแต่ปี52 ตามแผนไทยเข็มแข็ง แต่เมือมีการยุบสภามีการผลัดเปลีายนได้รัฐบาลที่แล้วเข้ามามีการนำงบประมาณไปใช้โครงการอื่นจนโครงการนี้ถูกเลื่อนออก แล้วเลื่อนการสร้างรถไฟทางคู่ออกไป(บอกว่าจะสร้างเป็นความเร็วสูงบ้าง เปลี่ยนเป็นราง 1.435บ้างจนโครงการเลื่อน...ไปจากแผนที่ต้นปี60ทางคู่ต้องเสร็จ) และไม่ทราบว่าเงินหมดหรือยังไงถึงได้คิดจะออกพรบเงินกู้นอกระบบภายใต้พรบ สร้างอนาคตไทย จนโครงการถูกตีตกไปโดยศาล (คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าพรบ นี้ออกมาไทยจะเกิดวิกฤษแบบมาเลย์ไหม) แต่เอาเป็นว่า โครงการรถไฟทางคู่ได้เดินต่อในรัฐบาลชุดนี้

พอมาถึงรัฐบาลนี้ทุกสายทีพูดไว้ตั้งแต่พรบ.ไทยเข้มแข็ง จนถึง พรก.สร้างอนาคตไทย(โครงการ Thailand 2020) ก็ถูกสร้างขึ้นจริง แถมไปได้ไกลกว่าแผนเดิมในราคาที่ถูกลงด้วย PPP และการประมูลแบบใหม่ที่ประหยัดเงินได้นับพันล้าน ส่วนตัวผมมองว่าดีที่คนไม่เหลียวแลโครงการเหล่านี้ เพราะเมื่อใดที่คนที่ไม่รู้รายละเอียดแต่มีอคติเกลียดชังอยุ่ในใจได้ทราบเข้า ก็ต้องหาเรื่องมาต้านโครงการเป็นแน่

ถ้าให้ผมพูดถึงโครงการระบบรางทั้งหมดก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะยาวเกินจะเขียน ดังนั้น วันนี้จึงยกมาแค่โครงการรถไฟทางคู่แบบเมเตอร์เกจแล้วกัน
รถไฟทางคู่ คือการปฏิวัติวงการขนส่งทางรางครั้งใหญ่ในประเทศไทย จัดอยู่ในประเภทลงทุนน้อย ให้ผลมาก หัวใจหลักของโปรเจ็คก้คือการเพิ่มทางรถไฟขึ้นมาอีกทางหนึ่ง ปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณเดิม แก้ไขจุดตัดรถไฟ ลดรัศมีโค้ง ทําให้รถไฟเดิม มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทําความเร็วได้มากขึ้น ขนสินค้าได้มากขึ้น ลดต้นทุนโลวจิสติกส์ ลดมลภาวะ ETC

ในอนาคต หลังจากรถไฟทางคู่เฟส 2 เสร็จ จะเกิดอะไรขึ้น?

1. จะมีการจัดหาตู้สินค้า มีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นริมทางรถไฟมากมาย เพื่อจัดส่งสินค้าด้วยรถไฟ ซึ่งถูกกว่ารถบรรทุกรายได้ รฟท. จากการขนสิน้าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
2. โฉมหน้าใหม่ของ รฟท. ทั้งความสะอาดและสะดวกของสถานีความน่าเชื่อถือของรถไฟ จะเพิ่มผู้โดยสารทางรางอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน นําไปซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งบนรถไฟ และที่สถานีรถไฟ
3. TOD หรือการพัฒนาสถานีขนส่ง จะนําไปซึ่งการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ และห้างสรรพสินค้าบริเวณใกล้เคียง ยิ่งถ้าจังหวัดนั้นๆมีวสัยทัศน์ในการสร้างระบบขนส่ง feeder อย่างรถโดยสารสารธารณะขึ้นมา จะยิ่งเห็นผลมากขึ้ย
4. อุตสาหกรรมรางเติบโตทุกรุปแบบ ทั้งอุตสาหกรรมตู้รถไฟอุตสหกรรมหมอนรถไฟ บ.เอกชนต่างๆ เร่งพัฒนาสินค้าเพื่อเข้าประมูลโครงการของรัฐต่อๆไป
5. ดึงดูดการลงทุนระยะยาว นําประเทศเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางการงทุนในภูมิภาคด้วยข้อได้เปรียบด้านโลวจิสติกส์และอุตสหกรรมสนับสนุน

อยากจะสรุปสั้นๆว่า รถไฟทางคู่คือกุญแจสําคัญในการพัฒนาประเทศในระยะยาว ต้องขอบคุณผุ้ดําเนินโครงการทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนทีมีส่วนร่วมในโครงการนี้ ผมมั่นใจว่า รถไฟทางคู่จะความสําเร็จทางเศรษฐกิจมาสู่ประเทศไทยแน่นอนครับ


แผนรถไฟทางคู่ที่ รัฐบาลอภิสิทธิ์อนุมัติแผน 1.7 แสนล้านสร้าง "รถไฟทางคู่" ด้วยเงินในระบบงบประมาณ เงินลงทุนปกติทำได้

ถูกล้มเลิกโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เข้ามารับช่วงต่อจากนั้น หลังจากล้มโครงการในระบบงบประมาณตามปกติ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เอาแผนเดิมมาสร้างด้วยเงินนอกระบบ ด้วยการออกกฎหมายพิเศษ(ที่เรารู้จักกันในนาม พรบสร้างอนาคตไทย นั้นแหละ)

เสียดาย ถ้าทำต่อตั้งแต่ตอนนั้น วันนี้คงได้เริ่มทางสายเด่นชัยเชียงราย



https://www.thairath.co.th/content/eco/289454



ทำไมหนอ นักการเมืองไทย

ผมกลัวหลือเกิน เลือกตั้งแล้วโครงการต่างๆ จะ หยุดอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่