สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิกพันทิปที่ได้อ่านกระทู้นี้
ดิฉันมีเรื่องอยากจะขอความคิดเห็นหรือคำแนะนำค่ะ เรื่องราวมีอยู่ว่า
ดิฉันเคยมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง อายุยี่สิบปลายๆ เธอเคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนดิฉัน พอเลิกกับเพื่อนของดิฉันไป ดิฉันก็ยังคบกับเธออยู่ เคยรักและเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง มีอะไรเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเสมอ
ตัวดิฉันเองมีสามี และลูกเลี้ยง (ผู้ชาย) ซึ่งดิฉันก็ดูแลเขามานาน ก็รักเหมือนลูกแท้ๆ และน้องยังเป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึงยี่สิบ
วันหนึ่งด้วยความโง่ของดิฉันเอง ได้แนะนำเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ให้รู้จักกับลูกเลี้ยง ยอมรับว่ามีส่วนทำให้ทั้งสองคนมาคบกันได้ ลึกๆในใจรู้ดีค่ะว่ามันไม่เหมาะสม และไม่สมควรที่จะให้เขาสองคนคบกัน ด้วยวัยที่ต่างกันและผู้หญิงก็เคยเป็นแฟนเก่าเพื่อนเรามาก่อนด้วย แต่ก็คิดในแง่ดีว่าเอาเถอะ ถ้าเขาสองคนมีความสุข เราก็ควรจะยินดีมากกว่าไม่ใช่หรือ
พอทั้งสองคนเริ่มคบกันในสถานะแฟน ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน ดิฉันก็เรียกผู้หญิงมาคุย ขอร้องให้เธอคุมกำเนิดด้วย เพราะลูกดิฉันยังเรียนไม่จบ อายุก็ยังน้อย ไม่พร้อมที่จะมีลูกมีครอบครัวตอนนี้หรือแม้แต่อีกสี่ห้าปีข้างหน้าเป็นอย่างต่ำ ดิฉันขอให้เธอไปฉีดยาคุมหรือฝังยาคุมก็ได้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะออกให้ เธอปฏิเสธ บอกว่าจะกินยาคุม แต่เธอไม่กิน ดิฉันเลยไปซื้อยาคุมมาให้ เธอก็โกหกว่ากิน แต่ก็ไม่กิน และเธอยังโกหกลูกดิฉันด้วยว่า เธอมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ลูกดิฉันยังเด็ก ก็เชื่อผู้หญิงเลยทำให้ไม่ได้ป้องกันเอง ในที่สุดผู้หญิงก็ท้อง ซึ่งตอนที่รู้ว่าท้องนั้น ทั้งสองคนมีปัญหา ระหองระแหงกันมาสักระยะหนึ่งแล้วเพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้หญิง และได้ตกลงว่าจะเลิกกัน และฝ่ายหญิงก็ได้ยัายออกไปอยู่เองแล้วเกือบเดือน
พอผู้หญิงบอกว่าท้อง และขอให้ครอบครัวเรารับผิดชอบในการส่งเสียค่าเลี้ยงดูเด็ก ดิฉันปฏิเสธไป เพราะว่าเธอเป็นคนตั้งใจที่จะท้อง เพื่อเอาเด็กมาต่อรองให้ครอบครัวเรารับผิดชอบชีวิตของเธอกับลูก ซึ่งดิฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับครอบครัวของดิฉันเลย
ดิฉันยอมให้เธอเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน ไม่เคยด่า ไม่เคยว่า ขอแค่ให้เธอเข้าใจ และทำในสิ่งที่ดิฉันขอคือคุมกำเนิด แต่เธอก็ไม่ทำ
ดิฉันรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้เธอได้สิ่งที่เธอหมายตา คือลูกชายดิฉัน (จริงๆคงจะหมายตาสามีดิฉัน แต่สามีดิฉันไม่เล่นด้วย) เพราะก่อนที่เธอจะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน เธอเคยแสดงออกว่าเป็นคนดี คนน่าสงสารที่โดนคนไม่ดีกระทำมาตลอด แต่พอได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย เธอก็เผยธาตุแท้ออกมา
ดิฉันกลายเป็นคนรับใช้ทันที เธอไม่เคยช่วยเหลืองานบ้าน ตื่นนอนเป็นคนสุดท้าย เสียงดังโหวกเหวกไม่มีมารยาท ไม่มีความเกรงใจ พอดิฉันเตือนดีๆ เธอก็โกรธทุกครั้ง จนดิฉันหมดความอดทนและเชิญให้เธอออกจากบ้านไป หลังจากที่อดทนมาเกือบปี
ตอนนี้ดิฉันสับสนและรู้สึกผิดกับเด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งที่จะต้องเกิดมาโดยไม่มีพ่อ แต่ดิฉันไม่สามารถปล่อยให้ลูกไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบได้จริงๆ ดิฉันสงสารลูก เขายังต้องเรียน ยังมีอนาคตดีๆได้ ดิฉันบอกลูกว่า แม่เชื่อว่าวันหนึ่ง ลูกจะเป็นพ่อที่ดีได้ เมื่อลูกพร้อม ไม่ใช่เพราะถูกยัดเยียดให้เป็น ส่วนเด็ก ในเมื่อแม่เด็กตั้งใจที่จะมีเอง โดยไม่ฟังใคร ก็ให้รับผิดชอบการกระทำของตัวเองไป ในอนาคตถ้าเด็กโตพอและอยากจะรู้ว่าพ่อเป็นใคร แล้วเด็กติดต่อมา ในวันนั้นลูกคงเก็นะผู้ใหญ่พอ ที่จะตัดสินใจเองได้ ว่าจะทำอย่างไร
ดิฉันอยากทราบว่าถ้าเพื่อนๆสมาชิกคนอื่นอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับดิฉัน จะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้คะ?
ผิดมากไหมที่ปฏิเสธจะรับผิดชอบเด็กที่เกิดจากความผิดพลาด
ดิฉันมีเรื่องอยากจะขอความคิดเห็นหรือคำแนะนำค่ะ เรื่องราวมีอยู่ว่า
ดิฉันเคยมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง อายุยี่สิบปลายๆ เธอเคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนดิฉัน พอเลิกกับเพื่อนของดิฉันไป ดิฉันก็ยังคบกับเธออยู่ เคยรักและเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง มีอะไรเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเสมอ
ตัวดิฉันเองมีสามี และลูกเลี้ยง (ผู้ชาย) ซึ่งดิฉันก็ดูแลเขามานาน ก็รักเหมือนลูกแท้ๆ และน้องยังเป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึงยี่สิบ
วันหนึ่งด้วยความโง่ของดิฉันเอง ได้แนะนำเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ให้รู้จักกับลูกเลี้ยง ยอมรับว่ามีส่วนทำให้ทั้งสองคนมาคบกันได้ ลึกๆในใจรู้ดีค่ะว่ามันไม่เหมาะสม และไม่สมควรที่จะให้เขาสองคนคบกัน ด้วยวัยที่ต่างกันและผู้หญิงก็เคยเป็นแฟนเก่าเพื่อนเรามาก่อนด้วย แต่ก็คิดในแง่ดีว่าเอาเถอะ ถ้าเขาสองคนมีความสุข เราก็ควรจะยินดีมากกว่าไม่ใช่หรือ
พอทั้งสองคนเริ่มคบกันในสถานะแฟน ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน ดิฉันก็เรียกผู้หญิงมาคุย ขอร้องให้เธอคุมกำเนิดด้วย เพราะลูกดิฉันยังเรียนไม่จบ อายุก็ยังน้อย ไม่พร้อมที่จะมีลูกมีครอบครัวตอนนี้หรือแม้แต่อีกสี่ห้าปีข้างหน้าเป็นอย่างต่ำ ดิฉันขอให้เธอไปฉีดยาคุมหรือฝังยาคุมก็ได้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะออกให้ เธอปฏิเสธ บอกว่าจะกินยาคุม แต่เธอไม่กิน ดิฉันเลยไปซื้อยาคุมมาให้ เธอก็โกหกว่ากิน แต่ก็ไม่กิน และเธอยังโกหกลูกดิฉันด้วยว่า เธอมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ลูกดิฉันยังเด็ก ก็เชื่อผู้หญิงเลยทำให้ไม่ได้ป้องกันเอง ในที่สุดผู้หญิงก็ท้อง ซึ่งตอนที่รู้ว่าท้องนั้น ทั้งสองคนมีปัญหา ระหองระแหงกันมาสักระยะหนึ่งแล้วเพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้หญิง และได้ตกลงว่าจะเลิกกัน และฝ่ายหญิงก็ได้ยัายออกไปอยู่เองแล้วเกือบเดือน
พอผู้หญิงบอกว่าท้อง และขอให้ครอบครัวเรารับผิดชอบในการส่งเสียค่าเลี้ยงดูเด็ก ดิฉันปฏิเสธไป เพราะว่าเธอเป็นคนตั้งใจที่จะท้อง เพื่อเอาเด็กมาต่อรองให้ครอบครัวเรารับผิดชอบชีวิตของเธอกับลูก ซึ่งดิฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับครอบครัวของดิฉันเลย
ดิฉันยอมให้เธอเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน ไม่เคยด่า ไม่เคยว่า ขอแค่ให้เธอเข้าใจ และทำในสิ่งที่ดิฉันขอคือคุมกำเนิด แต่เธอก็ไม่ทำ
ดิฉันรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้เธอได้สิ่งที่เธอหมายตา คือลูกชายดิฉัน (จริงๆคงจะหมายตาสามีดิฉัน แต่สามีดิฉันไม่เล่นด้วย) เพราะก่อนที่เธอจะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน เธอเคยแสดงออกว่าเป็นคนดี คนน่าสงสารที่โดนคนไม่ดีกระทำมาตลอด แต่พอได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย เธอก็เผยธาตุแท้ออกมา
ดิฉันกลายเป็นคนรับใช้ทันที เธอไม่เคยช่วยเหลืองานบ้าน ตื่นนอนเป็นคนสุดท้าย เสียงดังโหวกเหวกไม่มีมารยาท ไม่มีความเกรงใจ พอดิฉันเตือนดีๆ เธอก็โกรธทุกครั้ง จนดิฉันหมดความอดทนและเชิญให้เธอออกจากบ้านไป หลังจากที่อดทนมาเกือบปี
ตอนนี้ดิฉันสับสนและรู้สึกผิดกับเด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งที่จะต้องเกิดมาโดยไม่มีพ่อ แต่ดิฉันไม่สามารถปล่อยให้ลูกไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบได้จริงๆ ดิฉันสงสารลูก เขายังต้องเรียน ยังมีอนาคตดีๆได้ ดิฉันบอกลูกว่า แม่เชื่อว่าวันหนึ่ง ลูกจะเป็นพ่อที่ดีได้ เมื่อลูกพร้อม ไม่ใช่เพราะถูกยัดเยียดให้เป็น ส่วนเด็ก ในเมื่อแม่เด็กตั้งใจที่จะมีเอง โดยไม่ฟังใคร ก็ให้รับผิดชอบการกระทำของตัวเองไป ในอนาคตถ้าเด็กโตพอและอยากจะรู้ว่าพ่อเป็นใคร แล้วเด็กติดต่อมา ในวันนั้นลูกคงเก็นะผู้ใหญ่พอ ที่จะตัดสินใจเองได้ ว่าจะทำอย่างไร
ดิฉันอยากทราบว่าถ้าเพื่อนๆสมาชิกคนอื่นอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับดิฉัน จะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้คะ?