“คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น นายทุนเล่นที่
เศรษฐีเล่นทั้งหุ้น เล่นทั้งหวย รวยทั้งที่
แล้วได้เงินฟรี ๆ จากเม่าในตลาดหุ้นตลอด ๆๆๆ!!”
นี่เป็นวลีเด็ดที่ป้าฯ ไม่ได้เขียนเอง แต่ไปลอกในอินเตอร์เน็ตมาดัดแปลงอีกที อิอิ
ป้าฯ ชอบเล่นหวยมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นอาหมวยสวยใสวัยเริ่มทำงาน
จนตอนนี้สาวเหลือน้อยแล้วก็ตั้งใจว่าจะไม่เลิกซื้อหวยอย่างเด็ดขาด บอกเลย!
เรื่องอะไรจะเลิกในเมื่อซื้อหวยรัฐบาลใช้เงินน้อยแค่ 80 บาท
ก็มีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัล 6 ล้านบาทได้สบาย ๆ แล้ว
หากโชคดีถูกรางวัลที่ 1 นี่ผลตอบแทนที่ได้ถือว่าคุ้มโคตร ๆ !
ป้าฯ ไม่อยากจะคุยโม้ว่าป้าฯ เป็นคนดวงดีได้ตังค์จากสลากต่าง ๆ หลายครั้งแล้วนะจะบอกให้
เคยถูกรางวัลใหญ่ชนิดที่พลิกชีวิตจนทำให้เชื่อเรื่องดวงว่ามีจริง ๆ
รายละเอียดเอาไว้ป้าฯ จะมาโม้ต่ออีกที (ถ้าหาหลักฐานเจอ) ในตอนอื่น ๆ ละกันนะ ^^
ส่วนเรื่องหุ้นป้าฯ เพิ่งจะรู้จัก และเพิ่งเข้าสู่วงการแค่ 10 ปีในช่วงที่เกิดวิกฤติซับไพรม์
หรือที่อาจจะรู้จักกันในชื่อ วิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งในประเทศไทยเรียกว่า
วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์โดยมีต้นกำเนิดเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่ลุกลามปั่นป่วนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไปทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย
เป็นช่วงที่วิกฤตปรากฏให้เห็นชัดในช่วงปี พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2551
และป้าฯ เข้ามาในตลาดหุ้นในปี 2551 โดยที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ไม่รู้ว่ากำลังเกิดวิกฤตอะไรและส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไรเลย
ป้าฯ มั่นใจว่าคนไทยส่วนมากต้องคิดเหมือนป้าฯ แน่ ๆ ว่า
ตลาดหุ้นเป็นเหมือนบ่อนการพนันที่ถูกกฏหมายสำหรับคนที่มีฐานะร่ำรวย
หุ้นในตลาดมีไว้ซื้อมาขายไปเพื่อเก็งกำไรและต้องใช้เงินเป็นแสนเป็นล้านเท่านั้น
ที่คิดเช่นนั้นเพราะครอบครัวของป้าฯ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนใกล้ตัว
ไม่เคยปรากฏว่าจะมีใครเล่นหุ้นและป้าฯ ก็ไม่เคยรู้จักใครที่เล่นหุ้นเลยสักคน
ส่วนคนรวยหรือคนที่เคยรวยก็อาจจะมองว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อนดูดเงินที่น่ากลัว
ถ้าใครเผลอพลัดหลงเข้ามามีหวังต้องเจ๊งหมดตุ๊ดออกไปทุกราย!
ช่วงตกงานไม่มีไรทำ ชีวิตป้าฯ นี่โคตรเฉา สิ้นหวัง และท้อแท้เหลือเกิน
จะรอดวงแทงหวยที่ได้ลุ้นแค่เดือนละ 2 ครั้งก็กลัวจะไม่พอค่าขนมค่าเครื่องสำอางค์
ป้าฯ ก็เลยอยากจะขยับฐานะตัวเองเปลี่ยนจากนักแทงหวยมาลองเป็นนักแทงหุ้นดูบ้าง
เผื่อจะโชคดีได้เงินค่าขนมทุกวันและถ้าดวงดีมีจริงแทงหุ้นได้ถูกตัวเหมือนแทงหวยแบบที่โม้
ก็จะได้ตังค์เป็นเด้ง ๆ แบบแทงหวยจะได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากกว้าง ๆ
ร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีเงินเป็นล้าน ๆ เหมือนคนอื่นเขาสักที
หลังจากอ่านหนังสือหุ้นเล่มโน้น กระโดดมาเล่มนี้ แล้วข้ามไปเล่มนั้น
พร้อม ๆ กับการเข้ามาซุ่มอ่านกระทู้ศึกษาเรื่องการลงทุนในห้องสินธรได้ไม่นาน
ยังไม่ทันที่ความรู้จะตกผลึก ป้าฯ ก็รีบติดต่อโบรกเกอร์ใกล้บ้านเพื่อเปิดบัญชีพอร์ตหุ้นทันที
ความตั้งใจแรกเริ่มของป้าฯ ก็คือขอให้ได้ค่าขนมแค่วันละสี่ซ้าห้าร้อยบาทก็เริดแล้ว
ดีกว่าตกงานแล้วเอาแต่นั่งตบยุง เดินวิจัยฝุ่น หายใจทิ้งไปวัน ๆ อย่างไร้ค่า
ป้าฯ บอกกับตัวเองตั้งแต่ตอนเปิดพอร์ตหุ้นเลยว่าจะกันเงิน 50,000 บาทไว้เล่นหุ้น
เป็นเงินที่ป้าฯ เตรียมใจพร้อมรับความเสี่ยงสูญเสียได้หมดหน้าตัก
เพื่อแลกกับประสบการณ์และความรู้ในการการซื้อขายหุ้น
โดยจะให้เวลาตัวเองประมาณ 1 ปี
ช่วงที่รอโบรกเกอร์ดำเนินการเปิดบัญชีหุ้นซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
ป้าฯ ยังไม่รู้วิธีซื้อขายหุ้นออนไลน์เองจึงเดินทางไปศึกษาดูหน้างาน
ที่ห้องค้าของโบรกเก้อร์ที่เปิดบัญชีเป็นการซ้อมก่อนลงมือปฏิบัติการซื้อขายหุ้นจริง
ในห้องค้านอกจากจะมีจอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีรายชื่อหุ้นเต็มจอบนกำแพงห้อง
หน้าจอที่มีราคาเปลี่ยนแปลงสลับสีเขียว ๆ สีแดง ๆ เหมือนที่เราเห็นตามข่าวในจอโทรทัศน์
ถัดจากจอก็ยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์เปิดหน้าจอไว้สำหรับเทรดหุ้นประมาณ 10-20 เครื่อง
วันแรกป้าฯ เดินเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปในบริเวณที่เครื่องคอมพิวเตอร์วางอยู่
เห็นบรรดาอาเฮีย อาซ๊อ อาแจ้ อาเจ็ก อาแปะ อาอึ้ม นั่งจับจองที่นั่งอยู่หน้าเครื่องกันตรึม
มองไปเห็นว่างอยู่อีก 2-3 เครื่องก็เข้าไปถามอาแจ้คนข้าง ๆ ว่าเครื่องนี้ใช้ได้ไหมคะ
อาแจ้ตอบว่าเครื่องนี้เป็นของคนที่ใช้ประจำอยู่แล้วแต่วันนี้ยังเดินทางมาไม่ถึง
แล้วก็ชี้ไปยังเครื่องที่ว่างว่าเครื่องพวกนั้นใช้ได้ไม่มีเจ้าของ
ฮั่นแน่! มีขาประจำเหมือนเจ้าถิ่นแบบในหนังซะด้วยยย!!
พอได้เครื่องที่ไม่เป็นของเจ้าถิ่นแล้วป้าฯ ก็เข้าเสียบประจำที่แล้วสะกิดอาแจ้ข้าง ๆ ถามว่า
จะดูหุ้นต้องทำอย่างไรบ้างคะ อาแจ้อีชี้ไปที่ช่องให้พิมพ์ชื่อหุ้นซึ่งป้าฯ ก็พิมพ์ตาม
แล้วนั่งเพ่งหน้าจอดูการเคลื่อนไหวราคา Bid-Offer พร้อมผูกโบว์บนคิ้วสองข้างเหมือนไก่ตาแตก
ป้าฯ ไม่กล้าสะกิดถามอาแจ้อีบ่อย ๆ เพราะท่าทางอีไม่ค่อย Friendly กับขาจรหน้าใหม่อย่างป้าฯ เท่าไร
ครั้นจะถามอาแปะที่นั่งอยู่อีกข้างก็ไม่กล้าเพราะลูอีหน้าลำค่ำเคียกกับหน้าจอเหมืองกัง!!
ป้าฯ ก็ได้แต่นั่งจ้องดูราคาหุ้นช่อง Bid-Offer และช่อง Ticker เองแบบงง ๆ
ป้าฯ เทียวไล้เทียวขื่อวนเวียนอยู่ในห้องค้าหุ้นของโบรกเกอร์เกือบสัปดาห์
ในระหว่างนั้นก็จะได้ยินเสียงของเหล่าเจ้าถิ่นแข่งกันคุยเสียงดังจ๊อกแจ๊กบ้าง
หัวเราะคิกคักบ้าง เม้าท์มอยถึงหุ้นตัวนั้นตัวนี้บ้างอย่างสนุกสนาน
สลับกับเสียงสบถดัง ๆ “ไอ้ฉิบ..เอ๊ยยย” ของบางคนเหมือนโดนเจ้ากินตับมา!
ตลอดเกือบสัปดาห์ป้าฯ เห็นบรรดาเจ้าถิ่นยกโทรศัพท์ที่วางข้างเครื่องคอมฯ
โทรภายในหามาร์เก็ตติ้งเพื่อสั่งซื้อขายหุ้นตัวโน้นตัวนี้หลักแสนหลักล้านหุ้น
ป้าฯ หันมาดูตัวเองแล้วเปรียบเทียบกับจำนวนเงินหลักหมื่น
ที่เตรียมโอนเข้าพอร์ตหุ้นแล้วอยากรีบลุกหนีกลับบ้านไปอย่างเร็ว
ป้าฯ ลุกออกจากโต๊ะไปชงกาแฟที่จัดให้บริการฟรีในห้องค้าก่อน
ค่อย ๆ ดื่มทีละนิด ๆ ไม่บุ่มบ่ามรีบเผ่นเพราะกลัวกาแฟจะลวกปาก
ดื่มหมดก็รีบนำบัตรจอดรถไปให้เจ้าหน้าที่ประทับตราจอดฟรี
แล้วค่อย ๆ ย่องออกจากห้องค้าพร้อมบอกกับตัวเองว่า
สงสัยตรูจะไม่เหมาะกับสถานที่แห่งนี้ซะแล้วววว หึหึหึ
อีกไม่กี่วันน้องมาร์เก็ตติ้งก็โทรแจ้งว่าบัญชีพอร์ตหุ้นของป้าฯ ได้รับการอนุมัติแล้ว
พร้อมกับแจ้ง User Name และ Password ในเวลาต่อมา
ป้าก็รีบโอนเงินเข้าพอร์ตหุ้นครั้งแรกด้วยเงิน 50,000 บาททันที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นป้าฯ ก็พยายามค่อย ๆ เรียนรู้เองจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านจนสามารถตั้งคำสั่งซื้อขายเองได้
ในช่วงที่เริ่มเทรดซื้อ ๆ ขาย ๆ ใหม่นั้น ป้าฯ รู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด
ป้าฯ ตื่นตาตื่นใจกับการได้คีย์ชื่อหุ้น พิมพ์จำนวนหุ้น และตั้งราคาที่จะซื้อขายด้วยตนเอง
มันช่างตื่นเต้น เร้าใจ ลุ้นระทึกไม่ต่างกับการเล่นเกมออนไลน์ของเด็ก ๆ เสียจริง ๆ
วัน ๆ ป้าฯ นั่งลุ้นเฝ้าหน้าจอดูติ้กเกอร์ราคาสีเขียว ๆ แดง ๆ วิ่งแซงตัดหน้ากันไปมา
แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง ตาโต อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ในวันแรก ๆ ที่ซื้อหุ้นแล้วช่องกำไรขาดทุนเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว
แล้วป้าฯ ก็ร้องตะโกนลั่น (ในใจ) ว่า
เย้ ๆๆ ตรูได้กำไรแว้ววว!!!
เฮ้ยย ตลาดหุ้นนี่มันดีขนาดนี้เลยหรือฟระ?
ตอนนั้นป้าฯ ยังไม่เข้าใจปรากฏการณ์ที่ดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ 700 กว่าจุด
ซึ่งกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ตอนดัชนีลงไปต่ำสุดที่ 384 จุดคืออะไร
ตอนนั้นเป็นช่วงที่มีแต่เซียนหุ้นพูดกันว่าแม้แต่เม่ามือใหม่อย่างป้าฯ
จิ้มหุ้นตัวไหนก็ได้ตังค์ค่าขนม ค่ากับข้าว สบายกระเป๋า
โดยไม่ต้องพึ่งความรู้และประสบการณ์อะไรเลย
OMG!! น้ำตาจิไหล!
ในที่สุดป้าฯ ก็ได้สัมผัสเงินกำไรก้อนแรกหลายร้อยบาทตัวเป็น ๆ ได้แว้ววว
แถมบางวันได้กำไรมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 400-500 บาทเสียอีก
ยิ่งถ้าวันไหนหุ้นหลาย ๆ ตัวพร้อมใจกันโชว์แสงสี เขียว ๆ ได้กำไรเป็นพันบาทนี่
วันนั้นป้าฯ หน้าบาน เป็นปลื้ม อารมณ์ดีฝุด ๆ จนคนในบ้านแอบงง
หึ ต่อไปนี้ป้าฯ คงไม่ต้องง้อดอกเบี้ยเงินฝากประจำปีละ 2 ครั้งอีกต่อไปสินะ
สวรรค์โปรดแท้ ๆ ตลาดหุ้นจ๋า ป้าฯ รักเจ้าจริง ๆ เลยนะ จุ๊บ ๆๆๆ
ตั้งแต่นั้นมาป้าฯ เสพติดการเล่นหุ้นหนักมาก จนมีอาการเพ้อเหมือน Stockaholism
พวกเราคงเคยได้ยินแต่คำว่า Workaholism หรือ Alcoholism กันมาแล้ว ชิมิ?
แต่คำว่า Stockaholism เป็นคำที่ป้าบัญญัติขึ้นเองเปรียบตัวป้าฯ เหมือน “คนติดหุ้น”
ชนิดที่หายใจเข้า-ออกเป็นหุ้นตลอดเวลา เหมือนหนุ่มติดสาว สาวติดหนุ่ม ยังไงยังงั้น
คือใจคอมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดถึงแต่หุ้นทุกเวลานาที
ก่อนนอนจะมีชื่อหุ้นลอยอยู่บนหน้า ตื่นเช้าก็อยากจะซื้อขายแต่หุ้น
ไม่อยากให้มีวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดยาว ๆ เลยพับผ่าสิ เฮ้อออ
ช่วงปีแรกนี่ป้าฯ เมามันส์กับการซื้อ ๆ ขาย ๆ หนักมาก
เล่นหุ้นตามสัญญาณสินธร Indicators ล้วน ๆ ไม่ต้องคิดเองให้เปลืองสมอง
เวลามีสมาชิกห้องสินธรตั้งกระทู้ข่าวร้าย ป้าฯ นี่ใจคอไม่ค่อยดีเลย
ต้องรีบกระโจนร่วมวง panic ขายหุ้นตามทันทีเพราะกลัวราคาดิ่งลง
แต่บ่อยครั้งพอขายปุ๊บ ราคาก็เด้งขึ้นใส่หน้าปั๊บ
ดาวนี่กระจายเต็มหน้าสวย ๆ ของป้าฯ จนแทบเสียโฉมเบยย หึหึ!
ช่วงนั้นหุ้นที่มีกำไรตัวเขียว ๆ ไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ในพอร์ตของป้าฯ นานเกินสัปดาห์
เพราะป้าฯ จะต้องรีบขายล็อคกำไรเอาไว้ก่อน
เหลือไว้แต่ตัวแดง ๆ รอให้เจ้ากลับมารับบนยอดดอยด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
แต่ตอนนี้กำลังน้ำตาตกในเพราะหุ้นบางตัวที่ซื้อชาตินี้ทำท่าจะดอยไปถึงชาติหน้า
ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าจะโผล่มารับซ๊ากกกที ฮือ ๆๆๆ
และแล้ววันหนึ่งความโลภก็ทำให้ความคิดของป้าฯ เปลี๋ยนไป๊!
ป้าฯ ไม่อยากจะทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองอีกต่อไป
ไม่อยากจะใช้เวลาฝึกฝนเพื่อหาประสบการณ์การเล่นหุ้นนานเป็นปี
กับเงินต้นแค่ 50,000 บาทที่ป้าฯ เริ่มรู้สึกว่าเป็นเงินก้อนน้อยนิดไปเสียแล้ว
ป้าฯ ทุ่มสรรพกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดทำให้พอร์ตหุ้นพุ่งทะยาน
จาก 5 หมื่นเป็นเกือบ 1 ล้านบาทภายในเวลา 5 เดือน!
เปล่าหรอกนะ...พอร์ตหุ้นของป้าฯ ไม่ได้พุ่งเพราะกำไรก้าวกระโดดเป็นเด้ง ๆ อย่างที่คิด
แต่เป็นเพราะช่วงไหนที่เงินฝากประจำ พันธบัตร สลากออมสิน ธกส. ครบกำหนด
ป้าฯ ก็จะรีบทยอยถอนและอัดใส่เข้าพอร์ตหุ้นจนหมดสิ้น
โดยไม่มีการเอาเงินออกมาจากพอร์ตเลยต่างหาก 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอร์ตหุ้นของป้าฯ แดงเดือดน่าตกใจสำหรับมือใหม่มากมาย ชิมิ?
นี่ขนาดมีหุ้นหลายตัวที่ซื้อในราคาต้นทุนต่ำ ๆ ในช่วงนั้นนะ
ยกตัวอย่างหุ้น PTT ที่มีอยู่จำนวน 1,000 หุ้น ๆ ละ 255 บาทรวมมูลค่า 255,000 บาท
หากตอนนั้นป้าฯ ไม่ตื่นเต้นดีใจรีบขายเห็นแก่กำไรหุ้นละ 2-3 บาท
แล้วถือหุ้น PTT ยาว ๆ ต่อมาจนถึงวันนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ
หุ้น PTT จำนวน 1,000 หุ้นจะกลายเป็น 10,000 หุ้นหลังการแตกพาร์ 1:10 เมื่อ 24/4/61
ต้นทุนจาก 255 บาทจะกลายเป็น 25.50 บาทต่อหุ้น
ในขณะที่มูลค่าหุ้นจาก 255,000 บาทจะกลายเป็น 510,000 บาท
ตามราคาตลาด ณ 17/09/61 ที่ราคา 51 บาทต่อหุ้น
คิดเป็นกำไรจากวันนั้นถึงวันนี้เท่ากับ 1 เด้งหรือ 100%!!
ฮือ ๆๆๆๆ นี่ยังไม่นับรวมเงินปันผลที่จะได้รับตั้งแต่ซื้อมาปี 2551
ซึ่งดูแค่ข้อมูลย้อนหลัง 4.5 ปีก็ได้เงินปันผลรวมถึง 65 บาท
คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดมากถึง 65,000 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รู้งี้ ถ้าไม่ขายตอนนั้น ตอนนี้ก็รวยเป็นเศรษฐีไปล้าววว
น่าเจ็บใจตัวเองเจง ๆ แง๊ ๆๆๆๆๆๆ!
จากนั้นป้าฯ ก็บอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้ป้าฯ จะไม่ยอมเป็น “สีทนได้” อีกต่อไป
เพราะประสบการณ์ได้สอนป้าฯ ว่า “เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือฟาย”!!
ช่วงหลัง ๆ นี้เวลาจะต้องตัดสินใจอะไรที่เกี่ยวกับการซื้อ-ขายหุ้น
ป้าฯ ก็ยังไม่เข็ด ยังแอบมาส่องหาสินธรอินดิเคเตอร์เสมอ
แต่จะทำตรงกันข้ามกับทุก ๆ อินดิเคเตอร์ซึ่งได้ผลดีจริง ๆ นะ เชื่อป้าฯ
ป้าฯ เรียนมา ป้าฯ รู้ ป้าฯ แอบอ่านกระทู้ของเซียนเก่ง ๆ ในห้องสินธรบ่อย ๆ
ป้าฯ เริ่มรู้ทาง เริ่มเข้าใจเรื่องหุ้นมากขึ้นและกำลังจะตกผลึกในหลาย ๆ กระบวนท่า
จนใกล้จะสำเร็จสุดยอดวิชา “หุ้นศาสตร์” เอกมโน โทจินตนาการในเร็วๆ นี้แล้ว อิอิ ^^
“คุณป้าเม่า” เล่าเรื่องหุ้น...ตอนที่ 3 เข้าบ่อนหุ้นด้วยเงินทุน 50,000 บาท
เศรษฐีเล่นทั้งหุ้น เล่นทั้งหวย รวยทั้งที่
แล้วได้เงินฟรี ๆ จากเม่าในตลาดหุ้นตลอด ๆๆๆ!!”
นี่เป็นวลีเด็ดที่ป้าฯ ไม่ได้เขียนเอง แต่ไปลอกในอินเตอร์เน็ตมาดัดแปลงอีกที อิอิ
ป้าฯ ชอบเล่นหวยมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นอาหมวยสวยใสวัยเริ่มทำงาน
จนตอนนี้สาวเหลือน้อยแล้วก็ตั้งใจว่าจะไม่เลิกซื้อหวยอย่างเด็ดขาด บอกเลย!
เรื่องอะไรจะเลิกในเมื่อซื้อหวยรัฐบาลใช้เงินน้อยแค่ 80 บาท
ก็มีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัล 6 ล้านบาทได้สบาย ๆ แล้ว
หากโชคดีถูกรางวัลที่ 1 นี่ผลตอบแทนที่ได้ถือว่าคุ้มโคตร ๆ !
ป้าฯ ไม่อยากจะคุยโม้ว่าป้าฯ เป็นคนดวงดีได้ตังค์จากสลากต่าง ๆ หลายครั้งแล้วนะจะบอกให้
เคยถูกรางวัลใหญ่ชนิดที่พลิกชีวิตจนทำให้เชื่อเรื่องดวงว่ามีจริง ๆ
รายละเอียดเอาไว้ป้าฯ จะมาโม้ต่ออีกที (ถ้าหาหลักฐานเจอ) ในตอนอื่น ๆ ละกันนะ ^^
ส่วนเรื่องหุ้นป้าฯ เพิ่งจะรู้จัก และเพิ่งเข้าสู่วงการแค่ 10 ปีในช่วงที่เกิดวิกฤติซับไพรม์
หรือที่อาจจะรู้จักกันในชื่อ วิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งในประเทศไทยเรียกว่า
วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์โดยมีต้นกำเนิดเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่ลุกลามปั่นป่วนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไปทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย
เป็นช่วงที่วิกฤตปรากฏให้เห็นชัดในช่วงปี พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2551
และป้าฯ เข้ามาในตลาดหุ้นในปี 2551 โดยที่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ไม่รู้ว่ากำลังเกิดวิกฤตอะไรและส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไรเลย
ป้าฯ มั่นใจว่าคนไทยส่วนมากต้องคิดเหมือนป้าฯ แน่ ๆ ว่า
ตลาดหุ้นเป็นเหมือนบ่อนการพนันที่ถูกกฏหมายสำหรับคนที่มีฐานะร่ำรวย
หุ้นในตลาดมีไว้ซื้อมาขายไปเพื่อเก็งกำไรและต้องใช้เงินเป็นแสนเป็นล้านเท่านั้น
ที่คิดเช่นนั้นเพราะครอบครัวของป้าฯ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนใกล้ตัว
ไม่เคยปรากฏว่าจะมีใครเล่นหุ้นและป้าฯ ก็ไม่เคยรู้จักใครที่เล่นหุ้นเลยสักคน
ส่วนคนรวยหรือคนที่เคยรวยก็อาจจะมองว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อนดูดเงินที่น่ากลัว
ถ้าใครเผลอพลัดหลงเข้ามามีหวังต้องเจ๊งหมดตุ๊ดออกไปทุกราย!
ช่วงตกงานไม่มีไรทำ ชีวิตป้าฯ นี่โคตรเฉา สิ้นหวัง และท้อแท้เหลือเกิน
จะรอดวงแทงหวยที่ได้ลุ้นแค่เดือนละ 2 ครั้งก็กลัวจะไม่พอค่าขนมค่าเครื่องสำอางค์
ป้าฯ ก็เลยอยากจะขยับฐานะตัวเองเปลี่ยนจากนักแทงหวยมาลองเป็นนักแทงหุ้นดูบ้าง
เผื่อจะโชคดีได้เงินค่าขนมทุกวันและถ้าดวงดีมีจริงแทงหุ้นได้ถูกตัวเหมือนแทงหวยแบบที่โม้
ก็จะได้ตังค์เป็นเด้ง ๆ แบบแทงหวยจะได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากกว้าง ๆ
ร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีเงินเป็นล้าน ๆ เหมือนคนอื่นเขาสักที
หลังจากอ่านหนังสือหุ้นเล่มโน้น กระโดดมาเล่มนี้ แล้วข้ามไปเล่มนั้น
พร้อม ๆ กับการเข้ามาซุ่มอ่านกระทู้ศึกษาเรื่องการลงทุนในห้องสินธรได้ไม่นาน
ยังไม่ทันที่ความรู้จะตกผลึก ป้าฯ ก็รีบติดต่อโบรกเกอร์ใกล้บ้านเพื่อเปิดบัญชีพอร์ตหุ้นทันที
ความตั้งใจแรกเริ่มของป้าฯ ก็คือขอให้ได้ค่าขนมแค่วันละสี่ซ้าห้าร้อยบาทก็เริดแล้ว
ดีกว่าตกงานแล้วเอาแต่นั่งตบยุง เดินวิจัยฝุ่น หายใจทิ้งไปวัน ๆ อย่างไร้ค่า
ป้าฯ บอกกับตัวเองตั้งแต่ตอนเปิดพอร์ตหุ้นเลยว่าจะกันเงิน 50,000 บาทไว้เล่นหุ้น
เป็นเงินที่ป้าฯ เตรียมใจพร้อมรับความเสี่ยงสูญเสียได้หมดหน้าตัก
เพื่อแลกกับประสบการณ์และความรู้ในการการซื้อขายหุ้น
โดยจะให้เวลาตัวเองประมาณ 1 ปี
ช่วงที่รอโบรกเกอร์ดำเนินการเปิดบัญชีหุ้นซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
ป้าฯ ยังไม่รู้วิธีซื้อขายหุ้นออนไลน์เองจึงเดินทางไปศึกษาดูหน้างาน
ที่ห้องค้าของโบรกเก้อร์ที่เปิดบัญชีเป็นการซ้อมก่อนลงมือปฏิบัติการซื้อขายหุ้นจริง
ในห้องค้านอกจากจะมีจอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีรายชื่อหุ้นเต็มจอบนกำแพงห้อง
หน้าจอที่มีราคาเปลี่ยนแปลงสลับสีเขียว ๆ สีแดง ๆ เหมือนที่เราเห็นตามข่าวในจอโทรทัศน์
ถัดจากจอก็ยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์เปิดหน้าจอไว้สำหรับเทรดหุ้นประมาณ 10-20 เครื่อง
วันแรกป้าฯ เดินเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปในบริเวณที่เครื่องคอมพิวเตอร์วางอยู่
เห็นบรรดาอาเฮีย อาซ๊อ อาแจ้ อาเจ็ก อาแปะ อาอึ้ม นั่งจับจองที่นั่งอยู่หน้าเครื่องกันตรึม
มองไปเห็นว่างอยู่อีก 2-3 เครื่องก็เข้าไปถามอาแจ้คนข้าง ๆ ว่าเครื่องนี้ใช้ได้ไหมคะ
อาแจ้ตอบว่าเครื่องนี้เป็นของคนที่ใช้ประจำอยู่แล้วแต่วันนี้ยังเดินทางมาไม่ถึง
แล้วก็ชี้ไปยังเครื่องที่ว่างว่าเครื่องพวกนั้นใช้ได้ไม่มีเจ้าของ
ฮั่นแน่! มีขาประจำเหมือนเจ้าถิ่นแบบในหนังซะด้วยยย!!
พอได้เครื่องที่ไม่เป็นของเจ้าถิ่นแล้วป้าฯ ก็เข้าเสียบประจำที่แล้วสะกิดอาแจ้ข้าง ๆ ถามว่า
จะดูหุ้นต้องทำอย่างไรบ้างคะ อาแจ้อีชี้ไปที่ช่องให้พิมพ์ชื่อหุ้นซึ่งป้าฯ ก็พิมพ์ตาม
แล้วนั่งเพ่งหน้าจอดูการเคลื่อนไหวราคา Bid-Offer พร้อมผูกโบว์บนคิ้วสองข้างเหมือนไก่ตาแตก
ป้าฯ ไม่กล้าสะกิดถามอาแจ้อีบ่อย ๆ เพราะท่าทางอีไม่ค่อย Friendly กับขาจรหน้าใหม่อย่างป้าฯ เท่าไร
ครั้นจะถามอาแปะที่นั่งอยู่อีกข้างก็ไม่กล้าเพราะลูอีหน้าลำค่ำเคียกกับหน้าจอเหมืองกัง!!
ป้าฯ ก็ได้แต่นั่งจ้องดูราคาหุ้นช่อง Bid-Offer และช่อง Ticker เองแบบงง ๆ
ป้าฯ เทียวไล้เทียวขื่อวนเวียนอยู่ในห้องค้าหุ้นของโบรกเกอร์เกือบสัปดาห์
ในระหว่างนั้นก็จะได้ยินเสียงของเหล่าเจ้าถิ่นแข่งกันคุยเสียงดังจ๊อกแจ๊กบ้าง
หัวเราะคิกคักบ้าง เม้าท์มอยถึงหุ้นตัวนั้นตัวนี้บ้างอย่างสนุกสนาน
สลับกับเสียงสบถดัง ๆ “ไอ้ฉิบ..เอ๊ยยย” ของบางคนเหมือนโดนเจ้ากินตับมา!
ตลอดเกือบสัปดาห์ป้าฯ เห็นบรรดาเจ้าถิ่นยกโทรศัพท์ที่วางข้างเครื่องคอมฯ
โทรภายในหามาร์เก็ตติ้งเพื่อสั่งซื้อขายหุ้นตัวโน้นตัวนี้หลักแสนหลักล้านหุ้น
ป้าฯ หันมาดูตัวเองแล้วเปรียบเทียบกับจำนวนเงินหลักหมื่น
ที่เตรียมโอนเข้าพอร์ตหุ้นแล้วอยากรีบลุกหนีกลับบ้านไปอย่างเร็ว
ป้าฯ ลุกออกจากโต๊ะไปชงกาแฟที่จัดให้บริการฟรีในห้องค้าก่อน
ค่อย ๆ ดื่มทีละนิด ๆ ไม่บุ่มบ่ามรีบเผ่นเพราะกลัวกาแฟจะลวกปาก
ดื่มหมดก็รีบนำบัตรจอดรถไปให้เจ้าหน้าที่ประทับตราจอดฟรี
แล้วค่อย ๆ ย่องออกจากห้องค้าพร้อมบอกกับตัวเองว่า
สงสัยตรูจะไม่เหมาะกับสถานที่แห่งนี้ซะแล้วววว หึหึหึ
อีกไม่กี่วันน้องมาร์เก็ตติ้งก็โทรแจ้งว่าบัญชีพอร์ตหุ้นของป้าฯ ได้รับการอนุมัติแล้ว
พร้อมกับแจ้ง User Name และ Password ในเวลาต่อมา
ป้าก็รีบโอนเงินเข้าพอร์ตหุ้นครั้งแรกด้วยเงิน 50,000 บาททันที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นป้าฯ ก็พยายามค่อย ๆ เรียนรู้เองจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านจนสามารถตั้งคำสั่งซื้อขายเองได้
ในช่วงที่เริ่มเทรดซื้อ ๆ ขาย ๆ ใหม่นั้น ป้าฯ รู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด
ป้าฯ ตื่นตาตื่นใจกับการได้คีย์ชื่อหุ้น พิมพ์จำนวนหุ้น และตั้งราคาที่จะซื้อขายด้วยตนเอง
มันช่างตื่นเต้น เร้าใจ ลุ้นระทึกไม่ต่างกับการเล่นเกมออนไลน์ของเด็ก ๆ เสียจริง ๆ
วัน ๆ ป้าฯ นั่งลุ้นเฝ้าหน้าจอดูติ้กเกอร์ราคาสีเขียว ๆ แดง ๆ วิ่งแซงตัดหน้ากันไปมา
แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง ตาโต อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ในวันแรก ๆ ที่ซื้อหุ้นแล้วช่องกำไรขาดทุนเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว
แล้วป้าฯ ก็ร้องตะโกนลั่น (ในใจ) ว่า
เย้ ๆๆ ตรูได้กำไรแว้ววว!!!
เฮ้ยย ตลาดหุ้นนี่มันดีขนาดนี้เลยหรือฟระ?
ตอนนั้นป้าฯ ยังไม่เข้าใจปรากฏการณ์ที่ดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ 700 กว่าจุด
ซึ่งกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ตอนดัชนีลงไปต่ำสุดที่ 384 จุดคืออะไร
ตอนนั้นเป็นช่วงที่มีแต่เซียนหุ้นพูดกันว่าแม้แต่เม่ามือใหม่อย่างป้าฯ
จิ้มหุ้นตัวไหนก็ได้ตังค์ค่าขนม ค่ากับข้าว สบายกระเป๋า
โดยไม่ต้องพึ่งความรู้และประสบการณ์อะไรเลย
OMG!! น้ำตาจิไหล!
ในที่สุดป้าฯ ก็ได้สัมผัสเงินกำไรก้อนแรกหลายร้อยบาทตัวเป็น ๆ ได้แว้ววว
แถมบางวันได้กำไรมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 400-500 บาทเสียอีก
ยิ่งถ้าวันไหนหุ้นหลาย ๆ ตัวพร้อมใจกันโชว์แสงสี เขียว ๆ ได้กำไรเป็นพันบาทนี่
วันนั้นป้าฯ หน้าบาน เป็นปลื้ม อารมณ์ดีฝุด ๆ จนคนในบ้านแอบงง
หึ ต่อไปนี้ป้าฯ คงไม่ต้องง้อดอกเบี้ยเงินฝากประจำปีละ 2 ครั้งอีกต่อไปสินะ
สวรรค์โปรดแท้ ๆ ตลาดหุ้นจ๋า ป้าฯ รักเจ้าจริง ๆ เลยนะ จุ๊บ ๆๆๆ
ตั้งแต่นั้นมาป้าฯ เสพติดการเล่นหุ้นหนักมาก จนมีอาการเพ้อเหมือน Stockaholism
พวกเราคงเคยได้ยินแต่คำว่า Workaholism หรือ Alcoholism กันมาแล้ว ชิมิ?
แต่คำว่า Stockaholism เป็นคำที่ป้าบัญญัติขึ้นเองเปรียบตัวป้าฯ เหมือน “คนติดหุ้น”
ชนิดที่หายใจเข้า-ออกเป็นหุ้นตลอดเวลา เหมือนหนุ่มติดสาว สาวติดหนุ่ม ยังไงยังงั้น
คือใจคอมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดถึงแต่หุ้นทุกเวลานาที
ก่อนนอนจะมีชื่อหุ้นลอยอยู่บนหน้า ตื่นเช้าก็อยากจะซื้อขายแต่หุ้น
ไม่อยากให้มีวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดยาว ๆ เลยพับผ่าสิ เฮ้อออ
ช่วงปีแรกนี่ป้าฯ เมามันส์กับการซื้อ ๆ ขาย ๆ หนักมาก
เล่นหุ้นตามสัญญาณสินธร Indicators ล้วน ๆ ไม่ต้องคิดเองให้เปลืองสมอง
เวลามีสมาชิกห้องสินธรตั้งกระทู้ข่าวร้าย ป้าฯ นี่ใจคอไม่ค่อยดีเลย
ต้องรีบกระโจนร่วมวง panic ขายหุ้นตามทันทีเพราะกลัวราคาดิ่งลง
แต่บ่อยครั้งพอขายปุ๊บ ราคาก็เด้งขึ้นใส่หน้าปั๊บ
ดาวนี่กระจายเต็มหน้าสวย ๆ ของป้าฯ จนแทบเสียโฉมเบยย หึหึ!
ช่วงนั้นหุ้นที่มีกำไรตัวเขียว ๆ ไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ในพอร์ตของป้าฯ นานเกินสัปดาห์
เพราะป้าฯ จะต้องรีบขายล็อคกำไรเอาไว้ก่อน
เหลือไว้แต่ตัวแดง ๆ รอให้เจ้ากลับมารับบนยอดดอยด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
แต่ตอนนี้กำลังน้ำตาตกในเพราะหุ้นบางตัวที่ซื้อชาตินี้ทำท่าจะดอยไปถึงชาติหน้า
ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าจะโผล่มารับซ๊ากกกที ฮือ ๆๆๆ
และแล้ววันหนึ่งความโลภก็ทำให้ความคิดของป้าฯ เปลี๋ยนไป๊!
ป้าฯ ไม่อยากจะทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองอีกต่อไป
ไม่อยากจะใช้เวลาฝึกฝนเพื่อหาประสบการณ์การเล่นหุ้นนานเป็นปี
กับเงินต้นแค่ 50,000 บาทที่ป้าฯ เริ่มรู้สึกว่าเป็นเงินก้อนน้อยนิดไปเสียแล้ว
ป้าฯ ทุ่มสรรพกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดทำให้พอร์ตหุ้นพุ่งทะยาน
จาก 5 หมื่นเป็นเกือบ 1 ล้านบาทภายในเวลา 5 เดือน!
เปล่าหรอกนะ...พอร์ตหุ้นของป้าฯ ไม่ได้พุ่งเพราะกำไรก้าวกระโดดเป็นเด้ง ๆ อย่างที่คิด
แต่เป็นเพราะช่วงไหนที่เงินฝากประจำ พันธบัตร สลากออมสิน ธกส. ครบกำหนด
ป้าฯ ก็จะรีบทยอยถอนและอัดใส่เข้าพอร์ตหุ้นจนหมดสิ้น
โดยไม่มีการเอาเงินออกมาจากพอร์ตเลยต่างหาก 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอร์ตหุ้นของป้าฯ แดงเดือดน่าตกใจสำหรับมือใหม่มากมาย ชิมิ?
นี่ขนาดมีหุ้นหลายตัวที่ซื้อในราคาต้นทุนต่ำ ๆ ในช่วงนั้นนะ
ยกตัวอย่างหุ้น PTT ที่มีอยู่จำนวน 1,000 หุ้น ๆ ละ 255 บาทรวมมูลค่า 255,000 บาท
หากตอนนั้นป้าฯ ไม่ตื่นเต้นดีใจรีบขายเห็นแก่กำไรหุ้นละ 2-3 บาท
แล้วถือหุ้น PTT ยาว ๆ ต่อมาจนถึงวันนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ
หุ้น PTT จำนวน 1,000 หุ้นจะกลายเป็น 10,000 หุ้นหลังการแตกพาร์ 1:10 เมื่อ 24/4/61
ต้นทุนจาก 255 บาทจะกลายเป็น 25.50 บาทต่อหุ้น
ในขณะที่มูลค่าหุ้นจาก 255,000 บาทจะกลายเป็น 510,000 บาท
ตามราคาตลาด ณ 17/09/61 ที่ราคา 51 บาทต่อหุ้น
คิดเป็นกำไรจากวันนั้นถึงวันนี้เท่ากับ 1 เด้งหรือ 100%!!
ฮือ ๆๆๆๆ นี่ยังไม่นับรวมเงินปันผลที่จะได้รับตั้งแต่ซื้อมาปี 2551
ซึ่งดูแค่ข้อมูลย้อนหลัง 4.5 ปีก็ได้เงินปันผลรวมถึง 65 บาท
คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดมากถึง 65,000 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รู้งี้ ถ้าไม่ขายตอนนั้น ตอนนี้ก็รวยเป็นเศรษฐีไปล้าววว
น่าเจ็บใจตัวเองเจง ๆ แง๊ ๆๆๆๆๆๆ!
จากนั้นป้าฯ ก็บอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้ป้าฯ จะไม่ยอมเป็น “สีทนได้” อีกต่อไป
เพราะประสบการณ์ได้สอนป้าฯ ว่า “เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือฟาย”!!
ช่วงหลัง ๆ นี้เวลาจะต้องตัดสินใจอะไรที่เกี่ยวกับการซื้อ-ขายหุ้น
ป้าฯ ก็ยังไม่เข็ด ยังแอบมาส่องหาสินธรอินดิเคเตอร์เสมอ
แต่จะทำตรงกันข้ามกับทุก ๆ อินดิเคเตอร์ซึ่งได้ผลดีจริง ๆ นะ เชื่อป้าฯ
ป้าฯ เรียนมา ป้าฯ รู้ ป้าฯ แอบอ่านกระทู้ของเซียนเก่ง ๆ ในห้องสินธรบ่อย ๆ
ป้าฯ เริ่มรู้ทาง เริ่มเข้าใจเรื่องหุ้นมากขึ้นและกำลังจะตกผลึกในหลาย ๆ กระบวนท่า
จนใกล้จะสำเร็จสุดยอดวิชา “หุ้นศาสตร์” เอกมโน โทจินตนาการในเร็วๆ นี้แล้ว อิอิ ^^