จากใจ...ตำแหน่งเมียน้อยที่ถูกยัดเยียดให้โดยไม่รู้ตัว

สวัสดีค่ะ เราเป็นสมาชิกพันทิปมานานแล้ว นั่งอ่านเรื่องคนอื่นมาก็เยอะ ตั้งกระทู้ฟุ้งซ่านไว้ก็เยอะ ทั้งกระทู้อกหัก กระทู้หาแฟน 555 แต่ครั้งนี้เราจะพูดถึงเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเราค่ะ หลายคนบอกว่าเราควรจะลืมมันไป ไม่ต้องนึกถึงมันอีกตลอดชีวิต แต่เราคิดว่าเราควรเก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจตัวเองเสมอ เราจะได้ไม่เจ็บแบบนี้อีก รวมถึงคิดว่ามันน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้หญิงโลกสวยหลายคนได้ค่ะ เพราะเราเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน แล้วต้องเจอกับเรื่องราวที่คิดว่าไม่ควรจะได้เจอเลยในชีวิตนี้ เรื่องค่อนข้างยาวนะคะ แต่เราจะเล่ารวดเดียวจบค่ะ

           เราเรียนจบปริญญามาได้สองปีแล้วค่ะ แต่เพิ่งรับปริญญาไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บุคลิกเราเป็นคนตัวเล็กๆ อารมณ์ดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นคนตลก ไม่ค่อยคิดอะไรมากค่ะ และก็ชอบอ่านนิยาย ชอบแต่งนิยาย เป็นคนค่อนข้างเพ้อฝัน อ่อนไหวและร้องไห้ง่ายค่ะ

           ก่อนหน้านี้เราเคยมีภาวะซึมเศร้า (ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้านะคะ เป็นแค่ช่วงอารมณ์ของตัวเองที่เก็บหลายอย่างมาคิดเกินไป) จากการเครียดเรื่องงาน ปัญหาครอบครัวปัญหาความรัก แต่พอไปหาหมอ ได้เล่าความทุกข์ ได้ยามากินช่วงนึงก็หายค่ะ เราก็ใช้ชีวิตของเราปกติ

           เราทำงานในไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งที่พ่วงควบกันหลายตำแหน่ง เป็นธุรการ และฝ่ายขายบางเวลาที่เซลส์รับลูกค้าไม่ทัน ส่วนหนึ่งคือเป็นหัวหน้าสโตร์ ต้องไปรับสินค้าที่มาส่งหน้างาน แต่ช่วงหนึ่งบริษัทมีปัญหากับร้านที่ส่งท่อประปา เลยมีการเปลี่ยนซัพพลายเออร์ใหม่ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เจอกับอาร์ม (นามสมมติ) เขาอายุน้อยกว่าเราสองปี วันแรกที่เจอกันลูกน้องเราที่เป็นคนงานสโตร์ไม่ได้มาทำงาน เราจึงต้องไปรับท่อประปาแทน เขาเป็นคนอารมณ์ดี ตอนนั้นเขาใส่หมวกคลุมหน้าไว้ทั้งหมดและใส่เสื้อแขนยาว แต่เมื่อคุยกันถูกคอมากขึ้น เขาก็เริ่มถอดหมวกออกให้เราเห็นหน้า จากที่คุยแค่เรื่องท่อก็กลายเป็นว่ามาขอไลน์ แต่ครั้งนั้นเราไม่ได้ให้ไปเพราะเราก็คิดว่าอาร์มแค่แซวเล่นเฉยๆเหมือนบรรดาคนส่งของเจ้าอื่นๆ

             แต่หลังจากนั้นอาร์มมาส่งกี่ครั้งๆก็ฝากขนมไว้กับคนงานให้เราเสมอ ถึงแม้มันจะตรงกับวันหยุดของเราก็ตาม วันรุ่งขึ้นก็จะเห็นขนมวางเอาไว้ที่โต๊ะทำงาน เป็นแบบนี้อยู่สองเดือน จนวนมาถึงวันที่ลูกน้องเราหยุดอีกครั้ง เราขับรถกอล์ฟออกไปหน้างานเพื่อรับของ อาร์มนั่งยองๆอยู่ด้านหน้าสโตร์ ในมือมีบุหรี่หนึ่งมวน เขายืนขึ้นและบอกว่า วันนี้ไม่ได้ซื้อขนมมาให้นะ เพราะรู้ว่าจะต้องได้เจอ เราก็ยิ้มรับคำทักทาย เดินไปเปิดตู้คอนเทรนเนอร์ให้ลงของตามปกติ แต่พอลงของเสร็จ เราล็อคกุญแจตู้คอนเทรนเนอร์ไม่ได้ เขาเลยมาช่วย และมีจังหวะที่มือโดนกัน เขาก็เลยแซวว่า แอบจับมือเขา เรารีบปล่อยมือออก อาจจะเพราะเขินด้วยส่วนหนึ่ง แต่เราไม่ได้ตั้งใจ เราหันไปเห็นไหล่เขามันเลอะไปหมด น่าจะเป็นฝุ่นจากท่อเพราะเขายกพาดไหล่ เราเลยปัดให้ อันนี้เราตั้งใจทำแต่ไม่คิดอะไร (ไม่ได้อ่อยนะ แต่เราเห็นมันเลอะจริงๆ) เขาก็ตกใจละบอก “เฮ้ย อย่าปัด มันสกปรก “ แค่ประโยคนี้คำเดียวเลยที่เรารู้สึกชอบเขา  พอเขาจะไปล้างมือ เราจะช่วยจับสายยางให้เขาก็ว่า มันสกปรก ไม่ต้องหรอก ไม่รู้ด้วยความโลกสวยของเราด้วยมั้งคะ ที่รู้สึกว่านี่มันคือเสน่ห์ของเขา เหมือนเขาห่วงว่ามันจะเลอะนู่นนี่นั่น เรารู้สึกเหมือนเราเป็นเจ้าหญิงอ่ะตอนนั้น เราเลยชอบเขา (โลกสวยมั้ย 555)

            เขาถามว่าเมื่อไหร่จะให้ไลน์เขาสักที ตอนนั้นเราเลยยอมตกลงให้ไปค่ะ หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ช่วงแรกๆเหมือนเขาวางมาดขรึมเล็กน้อย และค่อนข้างลึกลับจนเราแปลกใจ ดูเป็นคนหัวร้อน ชอบมีเรื่อง รักศักดิ์ศรีและไม่ยอมใครง่ายๆ อาร์มจะชอบพูดถึงพ่อบุญธรรมทีเป็นตำรวจ เขาเรียกสั้นๆว่า “รอง” ตอนเย็นหลังเลิกงาน หลายครั้งเราเห็นว่าอาร์มบล็อคไลน์เรา พอเราถามว่าเพราะอะไร อาร์มจะบอกว่ารองยืมใช้มือถือเพราะมือถือของรองพัง  แทบทุกวันที่อาร์มต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกับพ่อในช่วงเย็นเพื่อไปติดต่องานส่วนต่างๆ เรื่องนี้เราไม่ค่อยรู้มากและไม่อยากถามเยอะ เพราะมันก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเกินไป ยิ่งวันอาทิตย์อาร์มจะไม่ค่อยว่างมาคุยกับเราเท่าไหร่ เพราะต้องไปนู่นนี่กับรอง แต่เขาก็จะถ่ายคลิปวีดีโอวิวสถานที่ว่าเขาอยู่ที่ไหน มีรูปถ่ายมาให้เราดูเสมอ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรตรงนี้

    จนวันหนึ่งเราเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ และเราอึดอัดกับเรื่องลึกลับที่กำลังเจอ เราเลยพูดไปตรงๆว่าเรารู้สึกว่าเขาลึกลับเหมือนเขาทำอะไรไม่ดีไว้ เขาเลยให้เราถามเขา และเขาจะตอบเราทุกอย่าง อย่างแรกเลยเราถามว่าทุกวันนี้เขาอยู่บ้านกับใคร เขาตอบว่าอยู่กับปู่ คำถามที่สองคือเขามีแฟนอยู่แล้วรึเปล่า เขาตอบว่าไม่มี

    จนถึงคำถามถัดไปว่าเขารู้จักกับรองได้ยังไง เขาตอบว่าในคุก ตอนนั้นเราอึ้งมาก เราเลยถามเขาต่อว่าคดีอะไร เขาบอกว่าคดีปล้นฆ่า ถ้ารู้แล้วอ่ะ จะไม่อยู่ก็ได้นะเพราะหลายคนที่เข้ามาก็ไม่มีใครรับได้สักคน ทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องคบกับคนติดคดี เราก็เจาะลงไปว่าทำไมเขาถึงต้องทำ เขาบอกว่าน้องชายในแก๊งเขาโดนปล้นฆ่าจนตาย เขาเลยตามที่จะล่า และเขาไม่หนี ยอมที่จะมอบตัวแต่โดยดี มันจึงทำให้เขารู้จักกับรอง คนที่มาถูกชะตากับเขาและทำให้เขาได้ออกมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

    เขาว่าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครลึกเท่านี้ เพราะคดีมันยังไม่จบ เขายังไม่ได้ใบหลุดพ้น ทุกอย่างมันถึงดูลึกลับไปหมด เขาได้แต่ตัดพ้อกับทุกสิ่งตอนนี้ เขาบอกว่าตาเขามองไม่ค่อยเห็นในบางช่วงเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ และนิ้วเขาเคยหักสองนิ้ว อาจเพราะเป็นกรรมที่เขาเคยทำไว้กับคนอื่น เขายื่นทางเลือกให้เรา ว่าจะทิ้งคนคุกอย่างเขาไว้ตรงนี้ก็ได้นะ ในเมื่อเราก็มีชีวิตที่ดีของเราอยู่แล้ว ไม่อยากดึงให้มาพัวพันกับอะไรอย่างนี้

    ตอนนั้นเรารู้สึกคลื่นไส้ ไม่รู้ทำไม แต่เราไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนที่เคยติดคุกมาก่อน แถมยังติดคุกคดีค่อนข้างแรง ถามว่าเรากลัวมั้ย ใช่ค่ะ เรากลัว แต่ลึกๆในใจเราก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้น่ากลัว เราเลยเลือกจะตอบเขาไปว่าเราจะอยู่ตรงนี้ อยู่กับเขา และรอให้เขาผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ ขอแค่ให้เขาสัญญาว่าเขาจะไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้อีก  เขาก็ยอมสัญญากับเรา และขอบคุณเราซะมากมายที่เราเลือกจะอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่