“See Angkor Wat and die” เคยได้ยินหรือกันมาบ้างไหมครับ มันแปลว่าอะไรล่ะ?
เห็นนครวัดแล้วก็ตายงี้หรอ? คำสาปรึเปล่า?
ผิดแล้ว!! ถ้าเป็นอย่างนั้นจะไปทำไมเล่า?
วลีนี้กล่าวโดย Arnold Joseph Toynbee ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเอื้อนเอ่ยเพื่อพรรณาถึงความงามของเมืองพระนครแห่งนี้ ชนิดที่ว่า “ก่อนตาย ขอได้ยลนครวัด” หรือ ชีวิตนี้ได้เห็นนครวัดแล้วตายได้นั่นแหละครับ
แล้วความสวยงามที่ว่ามันขนาดไหนกันนะ ตัวผมเองก็อยากจะไปดูให้เห็นกับตามานานแล้ว ประจวบเหมาะกับมีช่วงหยุดวันแม่ และคุณแม่ก็อยากไปพอดี เมื่อทุกอย่างลงตัว ก็จัดทริป พาคุณแม่ไปเที่ยวซะเลย
ขอเท้าความอดีตสักเล็กน้อยนะครับ ถึงแม้ว่านครวัด รวมถึงนครธม อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ไม่ใช่เมืองหนาวอย่างที่หลายคนฝันถึง แต่สำหรับผมเอง นี่คือทริปในฝันทริปหนึ่งเลยทีเดียว แรงบันดาลใจก็ได้มาจากหนังสือที่คุณแม่ซื้อให้อ่านเมื่อตอนเด็กเล่มนี้ ที่เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้อ่านเช่นกัน “ความเร้นลับในอดีต” ตอนนั้นแค่เห็นรูปวาด “รอยยิ้มปริศนาแห่งบายน” แล้วผมก็คิดว่า จะต้องไปเห็นใบหน้านี้ให้ได้ด้วยตาตัวเองเลยทีเดียวครับ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป นครวัด และนครธม
· อยู่ในเมือง เสียมราฐ (เสียมเรียบ) ในประเทศกัมพูชา ไม่ใช่เมืองหลวงพนมเปญ อย่าจองผิดนะคร้าบ
· ฝุ่นเยอะมากๆ ควรพกหน้ากากกันฝุ่นไปด้วย
· แดดจัด ควรพกร่ม หมวก และครีมกันแดดไปด้วย
· สามารถใช้เงินได้ทั้งสกุลของ กัมพูชา (เรียล), ไทย (บาท), ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) โดยการใช้เงิน USD จะได้เรทที่ดีที่สุด
· ใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์เท่าประเทศไทย แต่เต้าเสียบเป็นแบบ 2 ขาซะเป็นส่วนใหญ่ หากมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้ 3 ขาต้องเอาตัวแปลงมาด้วย
· ประชาชน โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว มักพูดภาษาอังกฤษได้
· สามารถเดินทางจากประเทศไทยได้ทั้งทางรถ และเครื่องบิน
· สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทย ไม่ต้องขอ VISA
· สภาพอากาศ
เห็นได้ว่า ช่วงที่เหมาะสมกับการเดินเที่ยวคือช่วง ธันวาคม – มกราคม ซึ่งสภาพอากาศกำลังเย็นสบาย แต่อย่าลืมว่า คนส่วนใหญ่ก็คิดแบบนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการเที่ยวช่วงนี้ต้องเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมหาศาลแน่ๆ และการถ่ายรูปให้ไม่มีคนก็จะยากขึ้นไปอีก
ในครั้งนี้ จขกท เลือกไปเดือนสิงหาคมช่วงหน้าฝน ถือเป็นช่วง shoulder season แม้อาจจะเสี่ยงกับฝน แต่ก็พอได้ความชุ่มชื้น และนักท่องเที่ยวไม่มากมายอย่าง high season
การเดินทางด้วยเครื่องบิน
การเดินทางด้วยเครื่องบิน มีทั้งสายการบิน Air Asia (บินจากดอนเมือง) และ Bangkok Airways (บินจากสุวรรณภูมิ) ซึ่งก็มีราคาโปรโมชั่นดีๆ เช่นกัน แต่เนื่องจาก จขกท เป็นคนต่างจังหวัด ต้องนั่งเครื่องเข้ากรุงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่แล้ว และไม่อยากเสียเวลาเดินทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีก จึงเลือก Air Asia ครับ
โดยเราได้ออกเดินทางจากดอนเมือง เข้าพักที่โรงแรม นอนเอาแรง 1 คืน เพื่อเที่ยวให้เต็มที่ในวันรุ่งขึ้น
สำหรับโปรแกรมการเที่ยวของเราก็เป็นดังนี้ครับ
Day 1
· ปราสาทตาพรหม (ปราสาทที่มีต้นสะปงขนาดใหญ่เลื้อยทับบนตัวปราสาท ที่เป็นฉากดังจากภาพยนต์ Tomb Raider)
· นครธม โดยเราจะเก็บทั้ง ประตูทิศใต้ และปราสาทบายนในช่วงเช้า และต่อด้วย ปราสาทบาปวน เขตพระราชวังหลวง ปราสาทพิมานอากาศ ลานพระเจ้าขี้เรื้อน และเมืองบาดาล (นรกภูมิ) ในช่วงบ่าย
· ชมอาทิตย์อัสดงที่ปราสาทบาแค็ง
*ถึงตรงนี้หลายท่านอาจแปลกใจว่าทำไมผมจัดแผนแปลกๆ ทำไมถึงไม่เที่ยวนครธมให้เสร็จไปในช่วงเช้าไปเลย ไว้จะมีเฉลยนะครับ
Day 2
· ชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่ปราสาทนครวัด
· ออกนอกเมืองไปชมป้อมแห่งสตรี “บอนเตียสะเรย”
· กลับมาชมความยิ่งใหญ่ของนครวัดในช่วงบ่าย
*เอาอีกแล้ว ทำไมต้องไปๆมาๆเนี่ย อ่านต่อไปก่อนนะครับ มีเฉลยแน่นอน
Day 3
· วันที่ 3 เป็นแผนสำรองเอาไว้เผื่อการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดในวันที่ 2 จะมีปัญหาจากสภาพอากาศ
· เดินทางกลับภูมิลำเนา
จากท่าอากาศยานดอนเมือง สู่ท่าอากาศยานเสียมเรียบ (Siem Reap) ใช้เวลาบินเพียงแค่ประมาน 50 นาที เท่านั้น เรียกว่า ตดยังไม่ทันหายเหม็น ก็ถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถึงที่หมายแล้ว สิ่งที่เราจะขาดไม่ได้เลยก็คือ ปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์เรา… โทรศัพท์นั่นเอง พอเดินออกจากตัวอาคารผู้โดยสาร ก็จะพบกับร้านขาย sim card หลายร้าน มีโปรโมชั่นแตกต่างกัน ซึ่งจากข้อมูลที่หามาล่วงหน้า และคำแนะนำจากเสม็ด โชเฟอร์ขับรถตุ๊กๆจากโรงแรม จขกท ก็ตกลงซื้อ sim card ของเครื่อข่าย SMART ด้วยราคา ประมาน 240 บาท เล่นเน็ตได้ 20 GB
เมื่อถึงโรงแรมแล้ว เราก็นัดหมายกับเสม็ด เรื่องเวลามารับเราเพื่อไปปราสาทหินต่างๆในวันรุ่งขึ้นเลยเพื่อไม่ให้เสียเวลา โดยได้ราคา 20 USD/วัน พร้อมน้ำดื่มตลอดเส้นทาง
ในส่วนนี้ สำหรับใครที่พักโรงแรมในตัวเมือง จะมีตุ๊กๆเต็มไปหมด สามารถต่อรองเองได้เลยนะครับ ส่วนโรงแรมที่ จขกท พัก อยู่ค่อนข้างนอกเมืองออกมา ไม่ค่อยมีตุ๊กๆมาจอดรอ และไม่อยากเสียเวลาไปหาในเมืองแล้วเพราะมีเวลาน้อย จึงนัดหมายไว้เลย
Day 1
จุดที่เราจะไปเที่ยวก็คือที่ดาวไว้นะครับ ดูออกจะงงๆหน่อย คือเลยไปปราสาทตาพรหมก่อน แล้วค่อยย้อนมานครธม แล้วก็ย้อนไปบาแค็งอีก
6.30 น. หลังทานอาหารเช้าโรงแรมเสร็จ เสม็ดก็มารับเราตามเวลานัดหมาย และนำเราไปซื้อ Angkor pass ที่ถนน Charles De Gaulle
Angkor pass คืออะไร? มันก็คือตั๋วเข้าชมปราสาทต่างๆในเมืองเสียมเรียบ สามารถเข้าชมได้เกือบทุกแห่ง จะมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่ม สำหรับประเภทของตั๋วและราคาปี 2018 ก็ตามนี้ครับ
· 1 วัน ราคา 37 USD
· 3 วัน ราคา 62 USD
· 7 วัน ราคา 72 USD
เราไม่สามารถซื้อตั๋ว Angkor pass ล่วงหน้าได้นะครับ เนื่องจากการขายตั๋วจำเป็นต้องการถ่ายรูปผู้ซื้อเพื่อติดบนตั๋วด้วย ในทริปนี้ จขกท เลือกซื้อตั๋วแบบ 3 วันด้วยราคา 62 USD ครับ ส่วนเวลาเปิดปิดของ ticket center คือ 5.00 – 17.30 น.
เมื่อได้ตั๋วแล้ว เราก็ต้องมาผ่านจุดตรวจตั๋วซึ่งอยู่บนถนน Charles De Gaulle เช่นกัน เรียกได้ว่า ใครจะไปเที่ยวชมปราสาท ยังไงก็ต้องผ่านถนนเส้นนี้แน่นอน สำหรับถนนหลายๆจุดก็เป็นไปตามที่เกริ่นไว้ครับ ฝุ่นเยอะมาก หลุมและบ่อเยอะด้วย เมื่อพนักงานตรวจตั๋วแล้ว ก็จะทำการเจาะรูบนตั๋ว เพื่อนับวัน เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าต่อกันเลย
ปราสาทตาพรหม (คนท้องถิ่นจะออกเสียงประมาณว่า ตาปรุมๆ)
ใช้เวลาเดินเที่ยวประมาน 2 ชั่วโมง
ระหว่างทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท ทางขวามือเราจะพบกับธรรมศาลา เชื่อว่าสร้างเพื่อเป็นที่พักของคนเดินทางครับ
เดินผ่านธรรมศาลามาไม่นาน ก็ถึงแล้วครับหนึ่งในปราสาทชื่อดังที่เป็นไฮไลท์ของเสียมเรียบ ปราสาทตาพรหมนั่นเอง ชื่อตาพรหมนี้ไม่ใช่ชื่อดั้งเดิมของปราสาทนะครับ แต่เป็นการเรียกชื่อตามเรื่องเล่าต่อกันมาว่า มีชายสูงอายุคนหนึ่งชื่อพรหม ที่มากวาดปราสาทนี้ด้วยจิตอาสาทุกวันเป็นเวลาช้านาน จึงมีการเรียกชื่อปราสาทตามชื่อของชายผู้นั้นว่า ตาพรหม
แน่นอนว่า แทบทุกคนที่มาเยือนปราสาทแห่งนี้มีจุดหมายที่เดียวกัน นั่นคือ รากต้นสะปง ที่เลื้อยทับตัวปราสาท ซึ่งเป็นฉากของภาพยนต์ชื่อดังอย่าง Tomb Raider
เมื่อเดินผ่านตัวปราสาทเข้ามาแล้วมองไปทางซ้ายมือ ก็จะพบแล้วครับ รากต้นสะปงที่เลื้อยผ่านปราสาทอย่างอ่อนช้อยราวสายน้ำไหล ภาพสิ่งก่อสร้างโดยมนุษย์เมื่อครั้งโบราณกาล ถูกแต่งเติมด้วยธรรมชาติช่างงดงามนี้ช่างดูเข้มขลังนัก ต้นสะปงนี้ ในภาษาไทยเรียกว่าต้นฟองน้ำนะครับ เป็นไม้ที่มีรูพรุน มีน้ำหนักเบา
ปราสาทตาพรหมสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์นักรบและมหาราชองค์สุดท้ายแห่งขอมโบราณ หลังจากพระองค์ทำสงครามชนะพวกจามแล้วจึงได้เกณฑ์คนมาสร้างปราสาทหลายหลัง รวมถึงปราสาทตาพรหมหลังนี้
ที่ปราสาทตาพรหมยังมีอีกหลายจุดที่กำลังทำการบูรณะ และยังไม่ได้บูรณะนะครับ บางครั้งก็จะเห็นกองหินกองอยู่ไม่ถูกเก็บให้เข้าที่ ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุผลในการบูรณะครับ หากเก็บหินไปกองรวมกันแล้วจะเป็นงานยากที่จะนำหินให้กลับตำแหน่งเดิมก่อนพังลงมาได้ และด้วยความที่กองหินยังระเกะระกะนี้เอง ทำให้ปราสาทยังคงดูขลัง และลึกลับ
ร่องรอยของการสลักส่วนใหญ่สึกหรอไปตามกาลเวลา เช่นภาพสลักทับหลังที่รูปด้านล่าง นอกจากนี้ เนื่องจากปราสาทตาพรหมเป็นปราสาทที่ถูกสร้างในยุคหลังๆแล้ว หินคุณภาพดีจากพนมกุเลนหายากมากขึ้น หินจึงอาจไม่สวยเท่ากับปราสาทอื่น แต่หินสภาพเก่าๆแบบนี้กลับให้ความรู้สึกโบราณและน่าค้นหามากไปอีก
รากต้นสะปงมีอีกหลายที่ในบริเวณปราสาท จึงมีจุดให้ถ่ายรุปอีกมากมาย มาเที่ยวแล้วไม่ต้องกลัวไม่ได้รูปเดี่ยวที่ไม่ติดคนเลยครับ อีกข้อดีของการมาเที่ยวฤดูฝน ก็คือความชื้นที่สูง ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นตัวปราสาทที่ถูกแต่งแต้มสีเขียวนี่ ดังเช่นปราสาทที่มีต้นไม้เยอะอย่างปราสาทตาพรหมนี่แหละครับ
หากเห็นว่าข้อมูลดี มีประโยชน์ ช่วยกด like แฟนเพจเฟซบุ๊คเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ
[CR] [sungunner] รีวิว เที่ยวนครวัด นครธม 2018 ไปเก็บไฮไลท์ 3 วัน 3 คืน แบบได้อารมณ์ ไม่ชะโงก
ขอเท้าความอดีตสักเล็กน้อยนะครับ ถึงแม้ว่านครวัด รวมถึงนครธม อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ไม่ใช่เมืองหนาวอย่างที่หลายคนฝันถึง แต่สำหรับผมเอง นี่คือทริปในฝันทริปหนึ่งเลยทีเดียว แรงบันดาลใจก็ได้มาจากหนังสือที่คุณแม่ซื้อให้อ่านเมื่อตอนเด็กเล่มนี้ ที่เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้อ่านเช่นกัน “ความเร้นลับในอดีต” ตอนนั้นแค่เห็นรูปวาด “รอยยิ้มปริศนาแห่งบายน” แล้วผมก็คิดว่า จะต้องไปเห็นใบหน้านี้ให้ได้ด้วยตาตัวเองเลยทีเดียวครับ
· อยู่ในเมือง เสียมราฐ (เสียมเรียบ) ในประเทศกัมพูชา ไม่ใช่เมืองหลวงพนมเปญ อย่าจองผิดนะคร้าบ
· ฝุ่นเยอะมากๆ ควรพกหน้ากากกันฝุ่นไปด้วย
· แดดจัด ควรพกร่ม หมวก และครีมกันแดดไปด้วย
· สามารถใช้เงินได้ทั้งสกุลของ กัมพูชา (เรียล), ไทย (บาท), ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) โดยการใช้เงิน USD จะได้เรทที่ดีที่สุด
· ใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์เท่าประเทศไทย แต่เต้าเสียบเป็นแบบ 2 ขาซะเป็นส่วนใหญ่ หากมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้ 3 ขาต้องเอาตัวแปลงมาด้วย
· ประชาชน โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว มักพูดภาษาอังกฤษได้
· สามารถเดินทางจากประเทศไทยได้ทั้งทางรถ และเครื่องบิน
· สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทย ไม่ต้องขอ VISA
· สภาพอากาศ
ในครั้งนี้ จขกท เลือกไปเดือนสิงหาคมช่วงหน้าฝน ถือเป็นช่วง shoulder season แม้อาจจะเสี่ยงกับฝน แต่ก็พอได้ความชุ่มชื้น และนักท่องเที่ยวไม่มากมายอย่าง high season
การเดินทางด้วยเครื่องบิน
การเดินทางด้วยเครื่องบิน มีทั้งสายการบิน Air Asia (บินจากดอนเมือง) และ Bangkok Airways (บินจากสุวรรณภูมิ) ซึ่งก็มีราคาโปรโมชั่นดีๆ เช่นกัน แต่เนื่องจาก จขกท เป็นคนต่างจังหวัด ต้องนั่งเครื่องเข้ากรุงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่แล้ว และไม่อยากเสียเวลาเดินทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีก จึงเลือก Air Asia ครับ
โดยเราได้ออกเดินทางจากดอนเมือง เข้าพักที่โรงแรม นอนเอาแรง 1 คืน เพื่อเที่ยวให้เต็มที่ในวันรุ่งขึ้น
สำหรับโปรแกรมการเที่ยวของเราก็เป็นดังนี้ครับ
Day 1
· ปราสาทตาพรหม (ปราสาทที่มีต้นสะปงขนาดใหญ่เลื้อยทับบนตัวปราสาท ที่เป็นฉากดังจากภาพยนต์ Tomb Raider)
· นครธม โดยเราจะเก็บทั้ง ประตูทิศใต้ และปราสาทบายนในช่วงเช้า และต่อด้วย ปราสาทบาปวน เขตพระราชวังหลวง ปราสาทพิมานอากาศ ลานพระเจ้าขี้เรื้อน และเมืองบาดาล (นรกภูมิ) ในช่วงบ่าย
· ชมอาทิตย์อัสดงที่ปราสาทบาแค็ง
*ถึงตรงนี้หลายท่านอาจแปลกใจว่าทำไมผมจัดแผนแปลกๆ ทำไมถึงไม่เที่ยวนครธมให้เสร็จไปในช่วงเช้าไปเลย ไว้จะมีเฉลยนะครับ
Day 2
· ชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่ปราสาทนครวัด
· ออกนอกเมืองไปชมป้อมแห่งสตรี “บอนเตียสะเรย”
· กลับมาชมความยิ่งใหญ่ของนครวัดในช่วงบ่าย
*เอาอีกแล้ว ทำไมต้องไปๆมาๆเนี่ย อ่านต่อไปก่อนนะครับ มีเฉลยแน่นอน
Day 3
· วันที่ 3 เป็นแผนสำรองเอาไว้เผื่อการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดในวันที่ 2 จะมีปัญหาจากสภาพอากาศ
· เดินทางกลับภูมิลำเนา
จากท่าอากาศยานดอนเมือง สู่ท่าอากาศยานเสียมเรียบ (Siem Reap) ใช้เวลาบินเพียงแค่ประมาน 50 นาที เท่านั้น เรียกว่า ตดยังไม่ทันหายเหม็น ก็ถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถึงที่หมายแล้ว สิ่งที่เราจะขาดไม่ได้เลยก็คือ ปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์เรา… โทรศัพท์นั่นเอง พอเดินออกจากตัวอาคารผู้โดยสาร ก็จะพบกับร้านขาย sim card หลายร้าน มีโปรโมชั่นแตกต่างกัน ซึ่งจากข้อมูลที่หามาล่วงหน้า และคำแนะนำจากเสม็ด โชเฟอร์ขับรถตุ๊กๆจากโรงแรม จขกท ก็ตกลงซื้อ sim card ของเครื่อข่าย SMART ด้วยราคา ประมาน 240 บาท เล่นเน็ตได้ 20 GB
เมื่อถึงโรงแรมแล้ว เราก็นัดหมายกับเสม็ด เรื่องเวลามารับเราเพื่อไปปราสาทหินต่างๆในวันรุ่งขึ้นเลยเพื่อไม่ให้เสียเวลา โดยได้ราคา 20 USD/วัน พร้อมน้ำดื่มตลอดเส้นทาง
ในส่วนนี้ สำหรับใครที่พักโรงแรมในตัวเมือง จะมีตุ๊กๆเต็มไปหมด สามารถต่อรองเองได้เลยนะครับ ส่วนโรงแรมที่ จขกท พัก อยู่ค่อนข้างนอกเมืองออกมา ไม่ค่อยมีตุ๊กๆมาจอดรอ และไม่อยากเสียเวลาไปหาในเมืองแล้วเพราะมีเวลาน้อย จึงนัดหมายไว้เลย
Angkor pass คืออะไร? มันก็คือตั๋วเข้าชมปราสาทต่างๆในเมืองเสียมเรียบ สามารถเข้าชมได้เกือบทุกแห่ง จะมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่ม สำหรับประเภทของตั๋วและราคาปี 2018 ก็ตามนี้ครับ
· 1 วัน ราคา 37 USD
· 3 วัน ราคา 62 USD
· 7 วัน ราคา 72 USD
เราไม่สามารถซื้อตั๋ว Angkor pass ล่วงหน้าได้นะครับ เนื่องจากการขายตั๋วจำเป็นต้องการถ่ายรูปผู้ซื้อเพื่อติดบนตั๋วด้วย ในทริปนี้ จขกท เลือกซื้อตั๋วแบบ 3 วันด้วยราคา 62 USD ครับ ส่วนเวลาเปิดปิดของ ticket center คือ 5.00 – 17.30 น.
ใช้เวลาเดินเที่ยวประมาน 2 ชั่วโมง
ระหว่างทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท ทางขวามือเราจะพบกับธรรมศาลา เชื่อว่าสร้างเพื่อเป็นที่พักของคนเดินทางครับ
เมื่อเดินผ่านตัวปราสาทเข้ามาแล้วมองไปทางซ้ายมือ ก็จะพบแล้วครับ รากต้นสะปงที่เลื้อยผ่านปราสาทอย่างอ่อนช้อยราวสายน้ำไหล ภาพสิ่งก่อสร้างโดยมนุษย์เมื่อครั้งโบราณกาล ถูกแต่งเติมด้วยธรรมชาติช่างงดงามนี้ช่างดูเข้มขลังนัก ต้นสะปงนี้ ในภาษาไทยเรียกว่าต้นฟองน้ำนะครับ เป็นไม้ที่มีรูพรุน มีน้ำหนักเบา
ที่ปราสาทตาพรหมยังมีอีกหลายจุดที่กำลังทำการบูรณะ และยังไม่ได้บูรณะนะครับ บางครั้งก็จะเห็นกองหินกองอยู่ไม่ถูกเก็บให้เข้าที่ ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุผลในการบูรณะครับ หากเก็บหินไปกองรวมกันแล้วจะเป็นงานยากที่จะนำหินให้กลับตำแหน่งเดิมก่อนพังลงมาได้ และด้วยความที่กองหินยังระเกะระกะนี้เอง ทำให้ปราสาทยังคงดูขลัง และลึกลับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้