บางคนอาจไม่เข้าใจ หรือเห็นต่างก็ไม่เป็นไรนะคะ เราแค่อยากshareในมุมมองนี้และความรู้สึกของเรา
เรื่องก็คือ เพื่อนที่ทำงานเรา 2 คนชอบมาขอยืมเงินเราบ่อยๆ เราก็ให้ยืมเพราะเห็นว่าเค้าไม่มีจริงๆ(ไม่ใช่ว่าเรามีนะ แต่เข้าใจเพราะเราก็เคยอยู่ในสถานการณ์นั้น)
แรกๆยืมหลักพัน ใช้คืนสิ้นเดือน(ยืมตั้งแต่ต้นเดือนบ้าง กลางเดือนบ้าง) เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง ตอนแรกก็คิดว่าช่วยเหลือกันไป อีกอย่างคือปฏิเสธยากด้วย
ต่อมาเริ่มยืมหลักหมื่นเราก็ปฏิเสธไป(แต่ก็ยังให้ยืมนะ) ไม่ได้ให้ยอดที่ขอแต่ให้แค่ที่เราอยากช่วย
[code]เราแอบประเมินการใช้ชีวิตของสองคนนี้ ที่ใช้เงินจนติดลบทุกเดือน
คนแรก - ติดแบรนด์ กินใช้แต่ของดี บุฟเฟ่ราคาแพงเกือบทุกอาทิตย์ ของที่เกี่ยวกับความงามซื้อแบบไม่เกี่ยง
คนที่2 - ชอบชอปปิ้งมาก เสื้อผ้าของใช้ถ้าถูกใจซื้อทันที..ต่อให้ไม่มีเงินมาทำงานก็ไม่เป็นไร(แต่คนนี้ไม่แบรนด์เนมแบบคนแรก)
ส่วนเรื่องบัตรเครดิตไม่ต้องสืบค่ะ ทั้งสองคนวงเงินเต็มทุกใบ
*** ขอบอกก่อนเลยนะคะ เราไม่ได้อยากวิจารณ์ แล้วก็ไม่เคยติดใจ ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องรสนิยมหรือการใช้ชีวิตของใคร (เพราะเราเองก็ใช้เคยเงินจนติดลบ) ***

[/code]
แต่ที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเค คือตอนที่ยังยืมเงินเราใช้อยู่เนี่ย เค้าก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม คนแรกก็ยังคงกินน้ำกินเค้กstarbuckเกือบทุกเช้า คนที่สองก็ยังช้อปกระเป๋ารองเท้าทุกอาทิตย์
(แอบคิดสงสารตัวเองด้วยซ้ำว่าให้เงินคนอื่นยืมจนตัวเองต้องประหยัด อดใจของที่อยากได้ไว้)
ต่อมาเราเริ่มปฏิเสธสองคนนี้(อ้างไม่มี เงินหมด ไม่พอใช้) แต่ก็ยังไม่วายตื้อให้ช่วยอีก เราเลยบอกว่ามีเพื่อนปล่อยกู้ ซึ่งสองคนนี้โอเค
เลยเปลี่ยนจากการยืมมาเป็นการกู้แทน(ปล.มันก็เงินเรานี่แหละ)
แต่!!ไม่จบนะคะ คือมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่รู้เรื่องเค้าไม่โอเคในสิ่งที่เราทำ เราก็เข้าใจนะว่ามันไม่ดีเหมือนหากินกับเพื่อน แต่เราเองสบายใจมากในแบบนี้
ไม่ว่าคนยืมเงินเราไปทำอะไรเราก็ไม่รู้สึกอึดอัดแบบเมื่อก่อน
อย่างที่บอกไปตอนแรกเลยนะคะ
บางคนไม่เข้าใจไม่เป็นไร เราแค่อยากบอกในมุมของเรา
ชีวิตมันยากจริงๆ!!
เมื่อเพื่อนยืมเงินไป..ช้อปปิ้ง..กินหรู..อยู่สบาย...
เรื่องก็คือ เพื่อนที่ทำงานเรา 2 คนชอบมาขอยืมเงินเราบ่อยๆ เราก็ให้ยืมเพราะเห็นว่าเค้าไม่มีจริงๆ(ไม่ใช่ว่าเรามีนะ แต่เข้าใจเพราะเราก็เคยอยู่ในสถานการณ์นั้น)
แรกๆยืมหลักพัน ใช้คืนสิ้นเดือน(ยืมตั้งแต่ต้นเดือนบ้าง กลางเดือนบ้าง) เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง ตอนแรกก็คิดว่าช่วยเหลือกันไป อีกอย่างคือปฏิเสธยากด้วย
ต่อมาเริ่มยืมหลักหมื่นเราก็ปฏิเสธไป(แต่ก็ยังให้ยืมนะ) ไม่ได้ให้ยอดที่ขอแต่ให้แค่ที่เราอยากช่วย
[code]เราแอบประเมินการใช้ชีวิตของสองคนนี้ ที่ใช้เงินจนติดลบทุกเดือน
คนแรก - ติดแบรนด์ กินใช้แต่ของดี บุฟเฟ่ราคาแพงเกือบทุกอาทิตย์ ของที่เกี่ยวกับความงามซื้อแบบไม่เกี่ยง
คนที่2 - ชอบชอปปิ้งมาก เสื้อผ้าของใช้ถ้าถูกใจซื้อทันที..ต่อให้ไม่มีเงินมาทำงานก็ไม่เป็นไร(แต่คนนี้ไม่แบรนด์เนมแบบคนแรก)
ส่วนเรื่องบัตรเครดิตไม่ต้องสืบค่ะ ทั้งสองคนวงเงินเต็มทุกใบ
*** ขอบอกก่อนเลยนะคะ เราไม่ได้อยากวิจารณ์ แล้วก็ไม่เคยติดใจ ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องรสนิยมหรือการใช้ชีวิตของใคร (เพราะเราเองก็ใช้เคยเงินจนติดลบ) ***
แต่ที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเค คือตอนที่ยังยืมเงินเราใช้อยู่เนี่ย เค้าก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม คนแรกก็ยังคงกินน้ำกินเค้กstarbuckเกือบทุกเช้า คนที่สองก็ยังช้อปกระเป๋ารองเท้าทุกอาทิตย์
(แอบคิดสงสารตัวเองด้วยซ้ำว่าให้เงินคนอื่นยืมจนตัวเองต้องประหยัด อดใจของที่อยากได้ไว้)
ต่อมาเราเริ่มปฏิเสธสองคนนี้(อ้างไม่มี เงินหมด ไม่พอใช้) แต่ก็ยังไม่วายตื้อให้ช่วยอีก เราเลยบอกว่ามีเพื่อนปล่อยกู้ ซึ่งสองคนนี้โอเค
เลยเปลี่ยนจากการยืมมาเป็นการกู้แทน(ปล.มันก็เงินเรานี่แหละ)
แต่!!ไม่จบนะคะ คือมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่รู้เรื่องเค้าไม่โอเคในสิ่งที่เราทำ เราก็เข้าใจนะว่ามันไม่ดีเหมือนหากินกับเพื่อน แต่เราเองสบายใจมากในแบบนี้
ไม่ว่าคนยืมเงินเราไปทำอะไรเราก็ไม่รู้สึกอึดอัดแบบเมื่อก่อน
อย่างที่บอกไปตอนแรกเลยนะคะ
บางคนไม่เข้าใจไม่เป็นไร เราแค่อยากบอกในมุมของเรา
ชีวิตมันยากจริงๆ!!