แม่สอนอะไรกันบ้างคะ มาแบ่งปันกัน

เราโตมากับการที่แม่ไม่มีเวลามาดูแลมากมายนัก
เพราะต้องทำงาน ไปโรงเรียนไม่มีสิทธิลืมของ ถ้าลืมคือจบ ต้องยอมรับความจริง บ้านไม่มีคนอยู่ ผิดกับเพื่อนๆอีกหลายคน ที่ยืนต่อแถว เพื่อจะใช้โทรศัพท์สาธารณะ โทรกลับไปหาคนที่บ้าน ให้เอาของที่ลืมมาให้
การบ้าน ด้วยความเป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือ ชอบซัก ชอบถาม ก็จะอ่านหนังสือ เวลาที่ว่าง จนจำได้ แม่เล่าว่า ถ้าวันไหนแม่ไม่ไปทำงาน อยู่บ้าน เราจะอ่านหนังสือเสียงดังมาก บางทีตัวเดินไปอยู่ในครัวแล้ว ปากยังพูดอยู่เลย แถมตรงตามหนังสือเป๊ะ จนถึงวันนี้บทกลอนสมัยป.1 ผ่านมา25ปี ก็ยังจำได้
ด้วยความที่ คนที่บ้านไม่มีเวลา ครูสั่งอะไรมา ยังไงก็จะพยายามทำเอง เอาไปส่ง พอไปถึง ก็ไม่สวยมากเหมือนของคนอื่นเขา แต่คิดซะว่า เราทำเองจริงๆ คะแนนก็ได้ไปค่อยเยอะหรอก พวกงานประดิษฐ์ งานฝีมือ ส่วนใหญ่อาจารย์ให้คะแนนพยายาม
แม่จะไปประชุมผู้ปกครองน้อยมาก เพราะทำโอแทบจะตลอด แต่ครู อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เราเป็นเด็กไม่มีปัญหา เรียนดี และเป็นหัวหน้าห้องมายาวนานถึง12ปี ไม่มีใครอยากเป็นมั้งคะคิดว่าอย่างนั้น
จนพอวันนึงเรียนจบ มีโอกาสไปทำงาน กับหัวหน้าเก่าของแม่ แล้วเค้าชมว่า แม่เลี้ยงลูกดีจัง เราเลยมามองย้อนกลับไป ว่าแม่เลี้ยงเรามายังไง สอนเรายังไง

1) ความรับผิดชอบ แม่ไม่เคยจ้ำจี้จ้ำไช เรื่องเรียนปล่อยให้เรารับผิดชอบตัวเอง แต่เพราะเรามีแม่เป็นแบบอย่าง แม่เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน เป็นคนมีน้ำใจ และรับผิดชอบงานในตำแหน่งหน้าที่ ของตนเองได้อย่างดี จึงทำให้ได้รับความเมตตา จากหัวหน้าเสมอๆ

2) ความพยายาม แม่เรียนไม่สูง แต่พยายามมาก จำได้ว่าตอนเราเป็นเด็ก แล้วคอมพิวเตอร์เพิ่งเข้ามา หัวหน้าเห็นแววของแม่ จึงชวนแม่ที่ทำงานอยู่ในรายผลิต มาอยู่ในออฟฟิตแทน แต่แม่ต้องเรียนคอมพิวเตอร์ กับเรียนภาษาอังกฤษ และแม่ยังได้รับโอกาสเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ก่อนหน้าเพื่อนๆ เสมอ
ดังนั้นสำหรับเรา ทำสำเร็จหรือไม่ ไม่สำคัญ เท่ากับการเริ่มต้นลงมือทำ แม่จะยินดี และสนับสนุนเสมอ หากเราอยากทดลองเรียน หรือทำอะไร เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หลายครั้งเราเองยังไม่แน่ใจ ว่าจะทำได้ไหม แต่แม่ก็จะบอกว่า เราเก่ง แม่เชื่อว่ามันจะไม่เกินความสามารถของเราอย่างแน่นอน

3) อย่านอนตื่นสาย ง่วงอย่างไร ก็ต้องตื่น แล้วมาอาบน้ำแต่งตัว ทำอะไรให้เสร็จเสียก่อน ถ้ายังง่วงอยู่ค่อยงีบหลับทีหลัง
เราแอบเห็นด้วยกับแม่ เพราะถ้ามัวแต่นอน เวลาก็เลยผ่านไป บางคนตื่นเที่ยง ตื่นบ่าย ยังไม่ทันทำอะไร ก็หมดวันเสียแล้ว

4)ด้วยงานของแม่ คืออยู่ฝ่ายวางแผน เราก็ซึมซับมาจากแม่อีกเช่นกัน หลายคนมักจะพูดว่า โอ๊ย ทำไมจัดการอะไร อะไร ในชีวิต ได้เยอะแยะจัง ทำไมมีเวลาทำอะไรได้หลายๆอย่าง
เพราะเรารู้จักวางแผน เราจะเขียนลงปฏิทินเลยว่า วันนี้มีนัดอะไร ต้องไปไหน ซื้ออะไร จะทำอะไรบ้าง ใครที่จะนัดเรา จะต้องแจ้งล่วงหน้า และเราจะรับนัด ในเวลาที่ไม่ตรงกับตารางเท่านั้น เราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเวลามาก
ทุกคนมีเวลาเท่ากัน เราไม่ควรขโมยเวลาของใคร ด้วยการให้เค้าต้องมานั่งคอยเรา ดังนั้น ถ้าเรามีนัดกับใคร ควรตรงต่อเวลา ไปให้ถึงก่อนเวลานัดหมายเสมอ ถ้ารู้ตัวว่าสายแน่นอน จะต้องรีบแจ้งผู้นัดหมายแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่รอจนถึงเวลานัดหมาย จึงแจ้งไป แบบนี้ถือว่าเสียมารยาทค่ะ

5) แม่บอกว่า รองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น ไม่สุภาพ จะไปไหน ต้องวางแผนการแต่งตัวให้ดี ถูกต้องเหมาะสม กับกาลเทศะหรือไม่ เพราะคนมักจะตัดสินเราจากการแต่งตัว ไม่ใช่แต่งตัวแพง แต่หมายถึงแต่งตัวดี สะอาด เรียบร้อย ถูกที่ ถูกเวลา

6) ตื่นนอน ต้องลุกทันที อย่ามัวแต่ขี้เกียจ แล้วเก็บที่นอนด้วย
ตอนเด็กๆ แม่เล่าว่า มีคนลุกจากที่นอน แล้วไม่เก็บ ผีเลยมานอนแทน 5555 เราก็เข้าใจนะว่าแม่หลอก แต่เก็บดีกว่า เดี๋ยวผีมาจริง

7) ชุดชั้นใน ซักมือ อย่าเอาไปซักรวมกับเสื้อผ้า ต้องมีกะละมังซักต่างหาก ตากให้เรียบร้อย อย่าเอาไปแขวนลอยอยู่ มันไม่เหมาะสม

8)ถุงเท้า ต้องแช่ก่อนซัก แล้วซักแยกในกะละมังเฉพาะ รองเท้าต้องสะอาด ถ้าซักได้ต้องซัก ซักไม่ได้ต้องเช็ด

9) ต้องกินข้าวเช้า ตื่นปุ๊บ เราจึงกลายเป็นคนหิวปั๊บ
ต้องดื่มน้ำ ถึงแม้จะไม่หิวก็ตาม คำพูดเดิมๆถึงแม้ว่าจะโต จนเริ่มแก่แล้วก็ตาม กินน้ำบ้าง เดี๋ยวเป็นร้อนใน เวลาเราเป็นร้อนใน เราชอบบ่น แล้วแม่ก็พูดว่า เพราะไม่ยอมดื่มน้ำเลย

10) จานกินแล้ว ต้องล้างทันที อย่าแช่ไว้ มันไม่น่าดู
ถ้าแม่ทำกับข้าว แม่จะทยอยล้างของ ล้างจาน ไปเรื่อยๆ ทำเสร็จคือเก็บเสร็จพอดี แต่เราจะเป็นแบบว่า ขอหนูทำก่อนเถอะ เดี๋ยวเก็บล้างทีเดียว สัญญาว่าจะไม่ทำเลอะเทอะ บางทีก็กลัวแม่ช็อค เลยบอกว่า ห้ามเข้าครัวตอนเราทำขนม ทำอาหาร

11) บ้าน ต้องสะอาด กวาด ถู ทุกวัน
สมัยก่อน แม่ถึงขนาดนั่งถูบ้านด้วยมือ กระเบื้องแผ่นต่อแผ่น ถูเป็นหน้าเดียวกัน ถูเสร็จบ้านเงาแว๊บเลย
ถึงเวลาเราถู แม่ก็มาเช็คว่าสะอาดไหม แม่ใช้วิธีจำจุด รอย ด่างดำแล้วเดินมาดู ว่ารอยที่แม่เล็งไว้ หายไปหรือไม่ ถ้ารอน
ยไม่หาย ก็ถูใหม่ ให้สะอาด

12) ห้องน้ำ มุ้งลวด พัดลม ต้องคอยสังเกต เริ่มมีคราบ มีฝุ่นเกาะเมื่อไหร่ เอามาทำความสะอาดเสีย เพราะความสกปรก เป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อโรค

13) ต้องใส่เสื้อผ้า ให้พอดีตัว สอนให้ดูการตัดเย็บ ผ้าดีไหม ตัดเย็บดีไหม กระดุม ติดแล้วสวยตรงกันหรือเปล่า ใส่เสื้อมุมเสื้อตรงกับช่วงหัวไหล่ ปกเสื้อเท่ากันไหม๊ เอวกระโปรง กางเกง ความยาว ต้องพอดี สรุปเสื้อผ้าเรา ซื้อมา แก้เกือบครึ่ง เสื้อผ้าไม่พอดีตัว เราก็ไม่ใส่จริงๆ เพราะคิดว่ามันไม่เหมาะกับเรา

14) การตักข้าว ในหม้อข้าว ต้องตักจากด้านบน และตักลึกลงไป ไม่ใช่ตักแต่ด้านบนสวยๆกินหมด แล้วคนข้างหลังมาเห็น ก็จะคิดว่ามันเป็นของเหลือ ดูไม่น่ากิน
ที่บ้านเรามีตาและยายอยู่ด้วย เพร่าะฉะนั้น จะต้องตักข้าวให้ตา ยาย ด้วยข้าวหม้อที่หุงใหม่เสมอ เพราะจะนิ่ม และทานง่ายกว่า ส่วนเราทานง่าย ข้าวเย็นที่หุงไว้ อุ่นแล้วก็ทานได้

15) ไม่รับความช่วยเหลือจากใครฟรีๆ เขาช่วยเรา เราช่วยเค้า เราได้ความใจดีจากแม่มาเต็มๆ หลายครั้งความใจดีก็สร้างเรื่องวุ่นวายใจให้กับเรา จนได้พูดคุยกับแม่ ได้ข้อสรุปว่า พวกเราจะต้องใจดีแบบมีสติ
พิมพ์ไปยิ้มไป ลูกแม่จริงๆค่ะ
เพื่อนๆ มีคำแม่สอนอะไรบ้าง มาแลกเปลี่ยนกันบ้างนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่