ลายครามมาถึงโรงพยาบาลเพื่อเผชิญหน้ากับพี่ชายคนโตที่กำลังเฝ้าพ่ออยู่ข้างเตียง มงคลบิดปากใส่น้องชาย
“ทำไมช้านัก มัวแต่ระเริงในงานเลี้ยงจนลืมพ่อรึไง”
“ขอบคุณที่ตั่วเฮียยังจำได้นะครับว่าอมรามีงานฉลองที่การแถลงข่าวประสบความสำเร็จ ลบคำสบประมาทใครบางคน” มงคลกัดฟันกรอด แต่ลายครามยังใส่ต่อ “และแม่เพิ่งบอกผมเรื่องพ่อถึงได้มาช้า ตั่วเฮียต่างหาก ทำไมไม่แจ้งข่าวกันบ้าง”
“ไอ้คราม!”
“เฮ้อ พอเถอะ” กลายเป็นคนบนเตียงต้องห้ามทัพ พลางชี้นิ้วที่ลูกชายคนโต “พ่ออยากกินน้ำหวานๆ ไปหาซื้อข้างล่างให้หน่อยสิ”
“พ่อป่วยนะ กินสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง” มงคลท้วง
“อั้วขอน้ำหวานไม่ได้ขอเหล้า อย่าเรื่องมาก”
มงคลฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนยอมทำตามสั่ง ลายครามนั่งแทนที่พี่ชาย ลอบสำรวจบุพการีอย่างรวดเร็ว บิดาผอมลงจากครั้งก่อนที่เจอกันมาก ไม่เหลือเค้าหนุ่มเจ้าสำราญสมัยก่อนเลย อีกฝ่ายก็กำลังมองบุตรชายเช่นกัน
“แม่โทร. บอกครามเรื่องพ่อเรอะ แล้วตัวเขาล่ะจะมาเยี่ยมไหม”
“พ่อเข้าโรง’ บาลกี่ครั้ง แม่เคยมาเยี่ยมด้วยเหรอ”
คนถามหน้าม่อยลง “พ่อทำผิดกับแม่แกไว้เยอะ”
ลายครามฝืนยิ้ม “อย่าคิดมากเลยครับ รักษาตัวให้แข็งแรงดีกว่า”
“ไม่ต้องปลอบหรอก ฉันเข้าโรง’ บาลคราวนี้คงไม่ได้ออกแล้วล่ะ” หัวเราะใส่ลูกชายที่รีบร้องปราม “พวกแกไม่ต้องปิด ร่างกายฉันฉันรู้ดีที่สุด และเตรียมพินัยกรรมเรียบร้อยไม่ต้องห่วงหรอก ขี้เกียจเห็นลูกๆ ทะเลาะกันหน้าโลง”
บิดาดูจะรับมือสภาพตนเองง่ายกว่าที่คาด แม้เสียใจแต่ความตึงเครียดของผู้เป็นลูกค่อยๆ ผ่อนคลายลง “พ่อก็แบ่งสมบัติให้ตั่วเฮียเยอะหน่อยสิ ไม่งั้นมีบ่นยาวแหงๆ ไม่ต้องห่วงผมหรอก”
“มั่นใจขนาดนี้ อมราคงกำลังไปได้สวยละสิ”
“ฮ่าๆ ฝีมือเจ้าเมธทั้งนั้นแหละครับ” รอยยิ้มบนริมฝีปากลายครามคลายลง “บางทีผมก็แอบคิดๆ อมราจะเป็นไงถ้าไม่มีเจ้าเมธอยู่”
“หือ? ช่วงนี้มีอะไรน่าสงสัยรึไง”
“เปล่า...เปล่าครับ” ลูกชายรีบโบกมือพัลวัน “คงเพราะเครียดๆ เลยฟุ้งซ่าน มันจะทิ้งอมราไปไหนได้”
คนฟังส่ายหน้า “แกก็ประมาทเกิน”
“โธ่...พ่อ กลัวเมธทรยศผมเหมือนที่ตั่วเฮียกลัวรึไง”
“อ้าว เจ้าหมงคิดงั้นเรอะ แต่ฉันไม่ได้ว่าแกประมาทเรื่องนั้น ฉันว่าแกประมาทความสามารถตัวเองต่างหาก ทำไมปล่อยเมธเขาแสดงฝีมือคนเดียว แกมันขี้ไก่นักหรือไง”
ลายครามเลิกคิ้ว “ผมเนี่ยนะ...บริหารอมรา!”
แววตาที่มองลูกชายคนสุดท้องอ่อนแสงลง “คงเป็นความผิดฉันด้วย สมัยก่อนชอบด่าแกไม่เอาไหนจนมันฝังหัวซะมิด อย่าปล่อยคำพูดพล่อยๆ ของใครฉุดศักยภาพแกไว้สิ”
หัวใจหนุ่มเพล์บอยพองคับอก เขาหวังจะฟังคำพูดแบบนี้ของบิดามาตลอด ความชื่นใจเปี่ยมล้นแต่ขณะเดียวกันก็หวั่นไหว ด้วยพยายามเท่าไรกลับนึกภาพตัวเองจัดการเรื่องธุรกิจเต็มตัวไม่ออก ทว่ายังแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ให้เสียน้ำใจบิดา
“ผมจะ...ลองดูๆ แล้วกัน ยังไงก็บริษัทผม อะไรที่จำเป็นกับบริษัทผมคิดเองได้ ไม่ต้องรอเจ้าเมธหรอก”
“มันต้องอย่างนี้ อย่างน้อยก่อนตายเห็นแกเดินได้ด้วยตัวเองฉันก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง”
“ปั้ดโธ่! อย่าเอาแต่แช่งตัวเองสิครับ”
“ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย ฉันไม่กลัวตายหรอก จะเสียดายก็แค่ก่อนตายอยากแก้ไขเรื่องผิดพลาดในอดีตของตัวเองแต่ดันต้องนอนแซ่วบนเตียง แกช่วยฉันได้ไหมเจ้าคราม”
“หือ? ผมคนเดียวเหรอ ปกติมีอะไรพ่อสั่งตั่วเฮียตลอด”
คนป่วยเงียบไปครู่ใหญ่ “ในพินัยกรรมฉันแบ่งสมบัติให้พวกลูกๆ ที่เกิดจากเมียอื่นด้วย แต่ละคนก็ไม่ได้จดรับรองบุตรไว้ งานนี้เจ้าหมงคงไม่ยอมง่ายๆ”
ชายหนุ่มถึงกับหน้าเบ้ “ชัวร์ครับ ตั่วเฮียเล่นถึงโรงถึงศาลแน่”
“ฉันไม่อยากให้มันลุกลามขนาดนั้น และในบรรดาคนที่เหลือก็มีแค่แกที่พอจะงัดค้างเจ้าหมงได้ เลยจะฝากแกดูแล ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ”
ลายครามกลืนน้ำลายเฝื่อน แน่แหละว่าเขาคงปฏิเสธไม่ได้ ทว่าพอนึกภาพอนาคตยามพี่ชายคนโตทราบเรื่องพินัยกรรม ก็อยากปีนขึ้นไปนอนเตียงโรงพยาบาลเป็นเพื่อนบิดาเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
*****
งานแถลงข่าวของอมราที่เพิ่งผ่านพ้นกลายเป็นข่าวฮือฮาในหมู่พนักงานลายหงส์ ช่วงต้นยังมองขำๆ กับเครื่องสำอางสำหรับสาวข้ามเพศ จนเมื่อระดับผู้บริหารพากันอธิบายการวิเคราะห์ของธีร์วราและกระแสสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลายคนจึงเริ่มวิตกขึ้นตามลำดับ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นธีทัตเดินหน้าบึ้งเข้ามาในโรงงาน ต่างแอบกระซิบกันว่าธีทัตคงเครียดเช่นเดียวกัน
เหล่าพนักงานต่างเดาถูกและผิดอย่างและครึ่ง เพราะธีทัตกำลังเครียดจริงๆ แต่ไม่เกี่ยวกับอมราเลยสักนิด ในความคิดชายหนุ่มตอนนี้มีแต่เรื่องของขวัญดาราสาวเท่านั้น มาร์คหนักข้อขึ้นทุกวัน ดาราสาวพยายามเจรจาทุกวิถีทางก็ยังกำจัดเจ้าปลิงดูดเลือดจากชีวิตไม่พ้น จนเขาเหลืออดแล้ว!
“ของขวัญเข้าใจคุณกายนะคะ” ดาราสาวพูดอย่างเหน็ดเหนื่อยผ่านโทรศัพท์หาเขาเมื่อคืน “แต่มาร์คชอบขู่ถ้าเลิกกันเขาจะปล่อยข่าวฉาวให้ของขวัญเสียชื่อ ภาพลักษณ์ซีซีจะแย่ไปด้วย ของขวัญกลัว”
ธีทัตกัดฟันกรอด เพราะสาเหตุนี้แหละเขาเลยเหมือนน้ำท่วมปาก ทว่านับวันความรู้สึกผิดยิ่งเกาะกุมจนสุดจะทน “วันก่อนเขาทำร้ายคุณถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเชียวนะ พอได้แล้วของขวัญ! ผมจะคุยกับมาร์คเอง”
“อย่านะคะ ถ้าเขารู้ว่าเราเกี่ยวข้องกันอาจใช้มันแบล็กเมลลายหงส์ เรื่องจะไปกันใหญ่”
ธีทัตเกาหัวหงุดหงิด หัวข้อสนทนาวนเวียนไปมาเหมือนพายเรือในอ่าง หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ตะกอนอารมณ์จึงตกค้างมาจนวันนี้
เพิ่งเดินถึงห้องทำงาน ปรากฏว่าเตชินีเลขานุการพี่สาวมารอเพื่อขอพบอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มแปลกใจแต่ยังเชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้าห้อง
“ตู่มาถึงโรงงานเชียว พี่แก้วมีธุระฝากผมหรือ”
“เปล่าค่ะ ตู่มาเพราะเรื่องคุณกายโดยตรงต่างหาก” หล่อนเปิดโทรศัพท์เคลื่อนที่พลางหันหน้าจอไปทางเขา “เมื่อเช้าเพื่อนนักข่าวของตู่ส่งภาพนี่มาค่ะ”
ธีทัตพลันเย็นสันหลังวูบ ด้วยสิ่งที่เห็นคือภาพเขากับของขวัญนั่งแนบชิดบนโซฟาหน้าห้องตรวจในโรงพยาบาล เป็นตอนที่เขาไปเยี่ยมดาราสาวซึ่งเข้ารักษาตัวเพราะโดนมาร์คทำร้าย
“อย่าตกใจเลยค่ะ ตู่ซื้อภาพไว้แล้วไม่มีทางไปลงข่าวที่ไหนแน่” เลขานุการสาวเอ่ยฉะฉาน “ครั้งนี้เผอิญคนถ่ายรูปเป็นนักข่าวเพื่อนตู่เขาถึงติดต่อมาก่อน แต่ครั้งต่อๆ ไปคงไม่โชคดีแบบเดิม ตู่ถึงมาแจ้งให้คุณกายเตรียมแก้ไขก่อนตู่จะรายงานกับคุณแก้วค่ะ”
“ทำไมต้องบอกพี่แก้วด้วย!”
เตชินีทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “จะไม่แจ้งก็ได้ค่ะถ้าคุณกายรับปากจะเลิกยุ่งกับของขวัญ แค่อดทนจนกว่าเธอหมดสัญญาพรีเซ็นเตอร์เท่านั้น”
“แล้วมันเมื่อไหร่กันล่ะ!” อีกฝ่ายมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ธีทัตแก้ตัวแทบไม่ทัน “อย่าเข้าใจผิดนะผมไม่ได้เร่งรัดเพราะอยากรีบคบกับของขวัญ แต่มัน...” เขาตะปบปากตัวเอง หน้ายู่ “โอ๊ย! พูดยากจริง”
เตชินีลุกยืน “ตู่ไม่มีสิทธิแนะนำคุณกายหรอกค่ะ คงได้แค่ส่งข่าวก่อนไปแจ้งคุณแก้วตามที่เคยเรียน ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนตู่!” ชายหนุ่มรีบขยับไปยืนบังประตู แววตากระสับกระส่าย เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิดจึงไม่ได้เกรงพี่สาวจะทราบความจริง แต่กลัวการตัดสินใจของฝ่ายนั้นเสียมากกว่า เพราะมีโอกาสที่ธีร์วราจะเห็นแก่ผลประโยชน์บริษัทแล้วออกคำสั่งจนส่งผลร้ายต่อของขวัญ เขาอยากแก้ปัญหาครั้งนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเตชินียอมให้ความร่วมมือ
ธีทัตสูดลมหายใจลึก ผายมือกลับไปยังเก้าอี้ที่หญิงสาวเพิ่งลุก “ผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง ได้โปรดเถอะ”
ผู้เป็นเจ้านายขอร้องขนาดนี้ เลขานุการสาวจึงยอมตามโดยดี ธีทัตเล่าทุกอย่างหมดเปลือกโดยไม่ห่วงที่ของขวัญเคยขอร้องอย่าเพิ่งแพร่งพรายกับใคร ด้วยข่าวมาไกลขนาดนี้ปิดบังไปก็เท่านั้น เตชินีถึงกับยกมือทาบอก
“อะไรนะคะ มาร์คทำร้ายของขวัญ! ไม่น่าเชื่อ”
“หลักฐานก็อยู่ในมือคุณไง ของขวัญถึงขนาดต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียวนะ เธอคุยกับมาร์คตั้งหลายเที่ยว ให้เลิกกันแล้วปิดเงียบจนกว่าสัญญาพรีเซ็นเตอร์จะหมด แต่นายนั่นไม่ยอมรับเลย ทำไมหัวดื้อขนาดนั้นก็ไม่รู้”
เตชินีพูดไม่ออก จะให้บอกว่ามาร์คยืนกรานคบของขวัญเพราะสัญญาลับๆ ที่เขาทำไว้กับลายหงส์อย่างนั้นหรือ ไม่!...ธีทัตจะทราบความจริงไม่ได้เด็ดขาด
“แล้วของขวัญเจ็บมากไหมคะ”
“แผลกายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่แผลใจ...” เขากัดฟัน กอดอกก้มหน้านิ่งอยู่พักใหญ่ค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ผมทนเห็นสภาพของขวัญต่อไปไม่ไหวแล้ว ยังไงก็จะยกเลิกสัญญาพรีเซ็นเตอร์ของเธอกับมาร์คซะ พอเธอเป็นอิสระซีซีก็รอดไปด้วย ผมจะได้ปกป้องเธอเต็มที่ไม่ต้องกลัวเสียงนินทาอีก”
คนฟังเบิกตาโพลง “มันอาจมีผลต่อยอดขายซีซีนะคะ”
“ไม่หรอก เพราะผมเล็งคู่พรีเซ็นเตอร์ใหม่มาแทนแล้ว” เขาเอ่ยชื่อดาราสาวพราวเสน่ห์ที่คบหากับนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ นับเป็นคู่รักซึ่งโด่งดังพอตัว เตชินีจึงเริ่มคล้อยตาม
“แต่นักธุรกิจคนนั้นเขาไม่ค่อยชอบเป็นข่าวนะคะ ขนาดออกงานคู่กันยังน้อยมาก”
“เผอิญเขาเป็นเครือญาติเพื่อนสนิทผม เลยมีเส้นสายนิดหน่อยน่ะ”
“ถ้าได้ตัวเขาก็เยี่ยม เพราะยังไม่เคยมีสินค้าตัวไหนทาบทามสำเร็จมาก่อน”
“ผมทำสำเร็จแน่หากได้ตู่ช่วยน่ะนะ” ธีทัตโน้มตัวไปหาอีกฝ่าย “อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพี่แก้วได้ไหม เพราะถ้าเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์แล้วยอดขายซีซีตกลงผมจะรับผิดชอบคนเดียว ไม่เอาพี่แก้วมาเสี่ยงด้วย”
เตชินีกลืนน้ำลายฝืดเฝื่อน พี่น้องสองคนนี่นิสัยคิดเองเออเองเหมือนกันทั้งคู่ คนกลางอย่างหล่อนเลยน้ำท่วมปาก “ขอโทษคุณกายด้วยค่ะ แต่ตู่ยังคิดว่าการบอกคุณแก้วจะเหมาะสมกว่า”
“ไม่! ถือเป็นคำสั่งผม” เขาจ้องหล่อนเขม็งจนหญิงสาวหนาวเยือก “คิดว่าผมไม่รู้ที่คุณเป็นคนแจ้งพี่แก้วเรื่องขโมยไอเดียอมรารึไง ผมไม่ทนกับคนที่กล้าขัดคำสั่งบ่อยๆ หรอกนะ”
เตชินีมือไม้สั่นขณะรีบหยิบโทรศัพท์มาลบรูปเจ้าปัญหาทิ้ง ธีทัตค่อยยิ้มออกเป็นครั้งแรกของวัน
*****
คู่เล่ห์เคียงรัก ตอนที่ 17
“ทำไมช้านัก มัวแต่ระเริงในงานเลี้ยงจนลืมพ่อรึไง”
“ขอบคุณที่ตั่วเฮียยังจำได้นะครับว่าอมรามีงานฉลองที่การแถลงข่าวประสบความสำเร็จ ลบคำสบประมาทใครบางคน” มงคลกัดฟันกรอด แต่ลายครามยังใส่ต่อ “และแม่เพิ่งบอกผมเรื่องพ่อถึงได้มาช้า ตั่วเฮียต่างหาก ทำไมไม่แจ้งข่าวกันบ้าง”
“ไอ้คราม!”
“เฮ้อ พอเถอะ” กลายเป็นคนบนเตียงต้องห้ามทัพ พลางชี้นิ้วที่ลูกชายคนโต “พ่ออยากกินน้ำหวานๆ ไปหาซื้อข้างล่างให้หน่อยสิ”
“พ่อป่วยนะ กินสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง” มงคลท้วง
“อั้วขอน้ำหวานไม่ได้ขอเหล้า อย่าเรื่องมาก”
มงคลฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนยอมทำตามสั่ง ลายครามนั่งแทนที่พี่ชาย ลอบสำรวจบุพการีอย่างรวดเร็ว บิดาผอมลงจากครั้งก่อนที่เจอกันมาก ไม่เหลือเค้าหนุ่มเจ้าสำราญสมัยก่อนเลย อีกฝ่ายก็กำลังมองบุตรชายเช่นกัน
“แม่โทร. บอกครามเรื่องพ่อเรอะ แล้วตัวเขาล่ะจะมาเยี่ยมไหม”
“พ่อเข้าโรง’ บาลกี่ครั้ง แม่เคยมาเยี่ยมด้วยเหรอ”
คนถามหน้าม่อยลง “พ่อทำผิดกับแม่แกไว้เยอะ”
ลายครามฝืนยิ้ม “อย่าคิดมากเลยครับ รักษาตัวให้แข็งแรงดีกว่า”
“ไม่ต้องปลอบหรอก ฉันเข้าโรง’ บาลคราวนี้คงไม่ได้ออกแล้วล่ะ” หัวเราะใส่ลูกชายที่รีบร้องปราม “พวกแกไม่ต้องปิด ร่างกายฉันฉันรู้ดีที่สุด และเตรียมพินัยกรรมเรียบร้อยไม่ต้องห่วงหรอก ขี้เกียจเห็นลูกๆ ทะเลาะกันหน้าโลง”
บิดาดูจะรับมือสภาพตนเองง่ายกว่าที่คาด แม้เสียใจแต่ความตึงเครียดของผู้เป็นลูกค่อยๆ ผ่อนคลายลง “พ่อก็แบ่งสมบัติให้ตั่วเฮียเยอะหน่อยสิ ไม่งั้นมีบ่นยาวแหงๆ ไม่ต้องห่วงผมหรอก”
“มั่นใจขนาดนี้ อมราคงกำลังไปได้สวยละสิ”
“ฮ่าๆ ฝีมือเจ้าเมธทั้งนั้นแหละครับ” รอยยิ้มบนริมฝีปากลายครามคลายลง “บางทีผมก็แอบคิดๆ อมราจะเป็นไงถ้าไม่มีเจ้าเมธอยู่”
“หือ? ช่วงนี้มีอะไรน่าสงสัยรึไง”
“เปล่า...เปล่าครับ” ลูกชายรีบโบกมือพัลวัน “คงเพราะเครียดๆ เลยฟุ้งซ่าน มันจะทิ้งอมราไปไหนได้”
คนฟังส่ายหน้า “แกก็ประมาทเกิน”
“โธ่...พ่อ กลัวเมธทรยศผมเหมือนที่ตั่วเฮียกลัวรึไง”
“อ้าว เจ้าหมงคิดงั้นเรอะ แต่ฉันไม่ได้ว่าแกประมาทเรื่องนั้น ฉันว่าแกประมาทความสามารถตัวเองต่างหาก ทำไมปล่อยเมธเขาแสดงฝีมือคนเดียว แกมันขี้ไก่นักหรือไง”
ลายครามเลิกคิ้ว “ผมเนี่ยนะ...บริหารอมรา!”
แววตาที่มองลูกชายคนสุดท้องอ่อนแสงลง “คงเป็นความผิดฉันด้วย สมัยก่อนชอบด่าแกไม่เอาไหนจนมันฝังหัวซะมิด อย่าปล่อยคำพูดพล่อยๆ ของใครฉุดศักยภาพแกไว้สิ”
หัวใจหนุ่มเพล์บอยพองคับอก เขาหวังจะฟังคำพูดแบบนี้ของบิดามาตลอด ความชื่นใจเปี่ยมล้นแต่ขณะเดียวกันก็หวั่นไหว ด้วยพยายามเท่าไรกลับนึกภาพตัวเองจัดการเรื่องธุรกิจเต็มตัวไม่ออก ทว่ายังแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ให้เสียน้ำใจบิดา
“ผมจะ...ลองดูๆ แล้วกัน ยังไงก็บริษัทผม อะไรที่จำเป็นกับบริษัทผมคิดเองได้ ไม่ต้องรอเจ้าเมธหรอก”
“มันต้องอย่างนี้ อย่างน้อยก่อนตายเห็นแกเดินได้ด้วยตัวเองฉันก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง”
“ปั้ดโธ่! อย่าเอาแต่แช่งตัวเองสิครับ”
“ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย ฉันไม่กลัวตายหรอก จะเสียดายก็แค่ก่อนตายอยากแก้ไขเรื่องผิดพลาดในอดีตของตัวเองแต่ดันต้องนอนแซ่วบนเตียง แกช่วยฉันได้ไหมเจ้าคราม”
“หือ? ผมคนเดียวเหรอ ปกติมีอะไรพ่อสั่งตั่วเฮียตลอด”
คนป่วยเงียบไปครู่ใหญ่ “ในพินัยกรรมฉันแบ่งสมบัติให้พวกลูกๆ ที่เกิดจากเมียอื่นด้วย แต่ละคนก็ไม่ได้จดรับรองบุตรไว้ งานนี้เจ้าหมงคงไม่ยอมง่ายๆ”
ชายหนุ่มถึงกับหน้าเบ้ “ชัวร์ครับ ตั่วเฮียเล่นถึงโรงถึงศาลแน่”
“ฉันไม่อยากให้มันลุกลามขนาดนั้น และในบรรดาคนที่เหลือก็มีแค่แกที่พอจะงัดค้างเจ้าหมงได้ เลยจะฝากแกดูแล ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ”
ลายครามกลืนน้ำลายเฝื่อน แน่แหละว่าเขาคงปฏิเสธไม่ได้ ทว่าพอนึกภาพอนาคตยามพี่ชายคนโตทราบเรื่องพินัยกรรม ก็อยากปีนขึ้นไปนอนเตียงโรงพยาบาลเป็นเพื่อนบิดาเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
*****
งานแถลงข่าวของอมราที่เพิ่งผ่านพ้นกลายเป็นข่าวฮือฮาในหมู่พนักงานลายหงส์ ช่วงต้นยังมองขำๆ กับเครื่องสำอางสำหรับสาวข้ามเพศ จนเมื่อระดับผู้บริหารพากันอธิบายการวิเคราะห์ของธีร์วราและกระแสสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลายคนจึงเริ่มวิตกขึ้นตามลำดับ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นธีทัตเดินหน้าบึ้งเข้ามาในโรงงาน ต่างแอบกระซิบกันว่าธีทัตคงเครียดเช่นเดียวกัน
เหล่าพนักงานต่างเดาถูกและผิดอย่างและครึ่ง เพราะธีทัตกำลังเครียดจริงๆ แต่ไม่เกี่ยวกับอมราเลยสักนิด ในความคิดชายหนุ่มตอนนี้มีแต่เรื่องของขวัญดาราสาวเท่านั้น มาร์คหนักข้อขึ้นทุกวัน ดาราสาวพยายามเจรจาทุกวิถีทางก็ยังกำจัดเจ้าปลิงดูดเลือดจากชีวิตไม่พ้น จนเขาเหลืออดแล้ว!
“ของขวัญเข้าใจคุณกายนะคะ” ดาราสาวพูดอย่างเหน็ดเหนื่อยผ่านโทรศัพท์หาเขาเมื่อคืน “แต่มาร์คชอบขู่ถ้าเลิกกันเขาจะปล่อยข่าวฉาวให้ของขวัญเสียชื่อ ภาพลักษณ์ซีซีจะแย่ไปด้วย ของขวัญกลัว”
ธีทัตกัดฟันกรอด เพราะสาเหตุนี้แหละเขาเลยเหมือนน้ำท่วมปาก ทว่านับวันความรู้สึกผิดยิ่งเกาะกุมจนสุดจะทน “วันก่อนเขาทำร้ายคุณถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเชียวนะ พอได้แล้วของขวัญ! ผมจะคุยกับมาร์คเอง”
“อย่านะคะ ถ้าเขารู้ว่าเราเกี่ยวข้องกันอาจใช้มันแบล็กเมลลายหงส์ เรื่องจะไปกันใหญ่”
ธีทัตเกาหัวหงุดหงิด หัวข้อสนทนาวนเวียนไปมาเหมือนพายเรือในอ่าง หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ตะกอนอารมณ์จึงตกค้างมาจนวันนี้
เพิ่งเดินถึงห้องทำงาน ปรากฏว่าเตชินีเลขานุการพี่สาวมารอเพื่อขอพบอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มแปลกใจแต่ยังเชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้าห้อง
“ตู่มาถึงโรงงานเชียว พี่แก้วมีธุระฝากผมหรือ”
“เปล่าค่ะ ตู่มาเพราะเรื่องคุณกายโดยตรงต่างหาก” หล่อนเปิดโทรศัพท์เคลื่อนที่พลางหันหน้าจอไปทางเขา “เมื่อเช้าเพื่อนนักข่าวของตู่ส่งภาพนี่มาค่ะ”
ธีทัตพลันเย็นสันหลังวูบ ด้วยสิ่งที่เห็นคือภาพเขากับของขวัญนั่งแนบชิดบนโซฟาหน้าห้องตรวจในโรงพยาบาล เป็นตอนที่เขาไปเยี่ยมดาราสาวซึ่งเข้ารักษาตัวเพราะโดนมาร์คทำร้าย
“อย่าตกใจเลยค่ะ ตู่ซื้อภาพไว้แล้วไม่มีทางไปลงข่าวที่ไหนแน่” เลขานุการสาวเอ่ยฉะฉาน “ครั้งนี้เผอิญคนถ่ายรูปเป็นนักข่าวเพื่อนตู่เขาถึงติดต่อมาก่อน แต่ครั้งต่อๆ ไปคงไม่โชคดีแบบเดิม ตู่ถึงมาแจ้งให้คุณกายเตรียมแก้ไขก่อนตู่จะรายงานกับคุณแก้วค่ะ”
“ทำไมต้องบอกพี่แก้วด้วย!”
เตชินีทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “จะไม่แจ้งก็ได้ค่ะถ้าคุณกายรับปากจะเลิกยุ่งกับของขวัญ แค่อดทนจนกว่าเธอหมดสัญญาพรีเซ็นเตอร์เท่านั้น”
“แล้วมันเมื่อไหร่กันล่ะ!” อีกฝ่ายมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ธีทัตแก้ตัวแทบไม่ทัน “อย่าเข้าใจผิดนะผมไม่ได้เร่งรัดเพราะอยากรีบคบกับของขวัญ แต่มัน...” เขาตะปบปากตัวเอง หน้ายู่ “โอ๊ย! พูดยากจริง”
เตชินีลุกยืน “ตู่ไม่มีสิทธิแนะนำคุณกายหรอกค่ะ คงได้แค่ส่งข่าวก่อนไปแจ้งคุณแก้วตามที่เคยเรียน ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนตู่!” ชายหนุ่มรีบขยับไปยืนบังประตู แววตากระสับกระส่าย เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิดจึงไม่ได้เกรงพี่สาวจะทราบความจริง แต่กลัวการตัดสินใจของฝ่ายนั้นเสียมากกว่า เพราะมีโอกาสที่ธีร์วราจะเห็นแก่ผลประโยชน์บริษัทแล้วออกคำสั่งจนส่งผลร้ายต่อของขวัญ เขาอยากแก้ปัญหาครั้งนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเตชินียอมให้ความร่วมมือ
ธีทัตสูดลมหายใจลึก ผายมือกลับไปยังเก้าอี้ที่หญิงสาวเพิ่งลุก “ผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง ได้โปรดเถอะ”
ผู้เป็นเจ้านายขอร้องขนาดนี้ เลขานุการสาวจึงยอมตามโดยดี ธีทัตเล่าทุกอย่างหมดเปลือกโดยไม่ห่วงที่ของขวัญเคยขอร้องอย่าเพิ่งแพร่งพรายกับใคร ด้วยข่าวมาไกลขนาดนี้ปิดบังไปก็เท่านั้น เตชินีถึงกับยกมือทาบอก
“อะไรนะคะ มาร์คทำร้ายของขวัญ! ไม่น่าเชื่อ”
“หลักฐานก็อยู่ในมือคุณไง ของขวัญถึงขนาดต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียวนะ เธอคุยกับมาร์คตั้งหลายเที่ยว ให้เลิกกันแล้วปิดเงียบจนกว่าสัญญาพรีเซ็นเตอร์จะหมด แต่นายนั่นไม่ยอมรับเลย ทำไมหัวดื้อขนาดนั้นก็ไม่รู้”
เตชินีพูดไม่ออก จะให้บอกว่ามาร์คยืนกรานคบของขวัญเพราะสัญญาลับๆ ที่เขาทำไว้กับลายหงส์อย่างนั้นหรือ ไม่!...ธีทัตจะทราบความจริงไม่ได้เด็ดขาด
“แล้วของขวัญเจ็บมากไหมคะ”
“แผลกายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่แผลใจ...” เขากัดฟัน กอดอกก้มหน้านิ่งอยู่พักใหญ่ค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ผมทนเห็นสภาพของขวัญต่อไปไม่ไหวแล้ว ยังไงก็จะยกเลิกสัญญาพรีเซ็นเตอร์ของเธอกับมาร์คซะ พอเธอเป็นอิสระซีซีก็รอดไปด้วย ผมจะได้ปกป้องเธอเต็มที่ไม่ต้องกลัวเสียงนินทาอีก”
คนฟังเบิกตาโพลง “มันอาจมีผลต่อยอดขายซีซีนะคะ”
“ไม่หรอก เพราะผมเล็งคู่พรีเซ็นเตอร์ใหม่มาแทนแล้ว” เขาเอ่ยชื่อดาราสาวพราวเสน่ห์ที่คบหากับนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ นับเป็นคู่รักซึ่งโด่งดังพอตัว เตชินีจึงเริ่มคล้อยตาม
“แต่นักธุรกิจคนนั้นเขาไม่ค่อยชอบเป็นข่าวนะคะ ขนาดออกงานคู่กันยังน้อยมาก”
“เผอิญเขาเป็นเครือญาติเพื่อนสนิทผม เลยมีเส้นสายนิดหน่อยน่ะ”
“ถ้าได้ตัวเขาก็เยี่ยม เพราะยังไม่เคยมีสินค้าตัวไหนทาบทามสำเร็จมาก่อน”
“ผมทำสำเร็จแน่หากได้ตู่ช่วยน่ะนะ” ธีทัตโน้มตัวไปหาอีกฝ่าย “อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพี่แก้วได้ไหม เพราะถ้าเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์แล้วยอดขายซีซีตกลงผมจะรับผิดชอบคนเดียว ไม่เอาพี่แก้วมาเสี่ยงด้วย”
เตชินีกลืนน้ำลายฝืดเฝื่อน พี่น้องสองคนนี่นิสัยคิดเองเออเองเหมือนกันทั้งคู่ คนกลางอย่างหล่อนเลยน้ำท่วมปาก “ขอโทษคุณกายด้วยค่ะ แต่ตู่ยังคิดว่าการบอกคุณแก้วจะเหมาะสมกว่า”
“ไม่! ถือเป็นคำสั่งผม” เขาจ้องหล่อนเขม็งจนหญิงสาวหนาวเยือก “คิดว่าผมไม่รู้ที่คุณเป็นคนแจ้งพี่แก้วเรื่องขโมยไอเดียอมรารึไง ผมไม่ทนกับคนที่กล้าขัดคำสั่งบ่อยๆ หรอกนะ”
เตชินีมือไม้สั่นขณะรีบหยิบโทรศัพท์มาลบรูปเจ้าปัญหาทิ้ง ธีทัตค่อยยิ้มออกเป็นครั้งแรกของวัน
*****