เริ่มต้นจากวันหนึ่งเรามีอาการเหงือกบวมแดงเนื่องจากไปทานอาหารบางอย่างเข้าแล้วเหมือนมีอะไรไปบาดที่เหงือกทำให้เหงือกบวมและปวดค่ะ
ปล. สุขภาพปากและฟันเราปกติดีนะคะ
ซึ่งมีอาการมา 3 วันแล้วและดูท่าทางจะบวมหนักขึ้นจึงได้ไปพบหมอที่โรงพยาบาล
ซึ่งพยาบาลได้ซักถามประวัติและอาการของคนไข้เบื้องต้นก่อนที่จะเข้าไปพบหมอ แน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้ในคำถามนั้นคือคุณมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง?
"เราจึงตอบไปว่าเป็นโรคกระเพาะ"
(คือแต่ไม่ได้เป็นหนักมากค่ะ แต่เป็นเรื้อรังพอให้ได้รำคาญ และจะมีอาการก็ต่อเมื่อทานอาหารแสลงเข้าไป ไม่ได้ปวดทุกครั้งที่ทาน และหมอให้ทานยาเฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น)
และเมื่อได้เข้าพบหมอและบอกอาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยามา สำหรับทาน 5 วัน จำนวน 2 ซอง คือ NAPROXEN 250 MG. และ TRAMOL 50 MG.
สำหรับยาซองที่ 2 (ซองทางขวา TRAMOL 50 MG.) พยาบาลบอกว่าถ้าปวดมากถึงจะต้องทานยาซองนี้เพิ่มด้วย แต่จะมีอาการข้างเคียงคือคลื่นไส้อาเจียน
เมื่อกลับมาบ้านจึงทานแค่ยา NAPROXEN 259 MG. เพียงอย่างเดียว เนื่องจากยังไม่ถึงขั้นปวดมาก และเราทานทันทีที่ทานอาหารเสร็จค่ะ
เม็ดที่ 1 : หลังจากทานไปได้สักพักใหญ่ๆ มีอาการแสบในท้องนิดหน่อย ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นอาการที่เกิดจากยาที่ทาน
เม็ดที่ 2 : หลังจากทานไปได้สักพักใหญ่ๆ มีอาการจุกแน่นท้อง รู้สึกว่ามีลมในกระเพาะมาก และอึดอัดมาก ซึ่งก็ยังไม่คิดว่าเกิดจากยาที่ทานอยู่ดี
จนกระทั่ง...
เม็ดที่ 3 : หลังจากทานไปได้สักพักใหญ่ๆ มีอาการปวดท้องค่อนข้างรุนแรง หัวใจเต้นเร็ว มีเหงื่อออก จุกแน่นท้องอย่างมาก มีความทรมานเป็นที่สุด (ใครที่เคยปวดท้องมากๆคงจะพอเข้าใจความทรมานในครั้งนี้)
จึงเริ่มเอะใจว่าเกิดจากยาที่ทานนี้หรือเปล่า ระหว่างที่ปวดท้องไปแต่ก็หยิบโทรศัพท์พิมพ์หาข้อมูลของยาชนิดนี้ไปด้วยความทรมาน ก็พบว่า ยาชนิดนี้เป็นยาที่มีการระคายเคืองกับกระเพาะอาหารค่ะ
ค้นในเว็บ ya&u
นี่คือสิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
(ซึ่งเราก็ได้แจ้งไว้แล้ว)
นี่คืออาการที่ไม่พึงประสงค์ทั่วไป และตรงกับที่เราเป็น
และนี่คืออาการ ที่ควรหยุดใช้ยาทันที ซึ่งตรงกับที่เราเป็นอยู่อีกเช่นกัน
จึงตัดสินใจโทรไปที่โรงพยาบาลและสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับยาตัวนี้ ว่าคนเป็นโรคกระเพาะ ไม่ควรทานใช่หรือไม่ ทำไมถึงจ่ายยานี้มาให้ทาน ในเมื่อเราได้แจ้งไปแล้วว่าเราเป็นโรคกระเพาะ และยานี้ทำให้เราปวดท้องหนักมาก
ซึ่งได้คำตอบจากโรงพยาบาลมาว่าปกติแล้วยานี้คนเป็นโรคกระเพาะสามารถทานได้ แต่หมอจะให้ทานยาเกี่ยวกับโรคกระเพาะก่อนทานอาหาร เมื่อทานอาหารเสร็จค่อยทานยา NAPROXEN ตาม
"แต่สำหรับเคสของเรา หมอไม่ได้บอกอย่างนี้"
"นี่...จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเจอกับประสบการณ์ร้ายๆในครั้งนี้"
ทางโรงพยาบาลบอกเพิ่มเติมว่า...
เวลาบอกหมอเรื่องโรคประจำตัวให้บอกว่าเราเป็นโรคกระเพาะขั้นรุนแรงหมอจะได้จ่ายยาถูก
แต่คือเราไม่ได้เป็นขั้นรุนแรงไง!! (แต่ตอนนั้นขี้เกียจเถียงก็เลยฟังเฉยๆ) ก็บอกไปตามปกติเหมือนทุกทีที่ไปโรงพยาบาลว่าโรคประจำตัวคือโรคกระเพาะ
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้เรารู้ว่า...
"บางทีก็อย่าเชื่อใจหมอมากเกินไป ยาที่ได้มา ควรจะนำไปตรวจสอบในเว็บอีกครั้ง เพื่อเป็นการรีเช็ค ความถูกต้องของยาที่เราจะต้องทานเข้าไป ซึ่งหากวันใดวันหนึ่ง ยาที่เรากินเข้าไปนั้น มันไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสมกับตัวเรา อาจส่งผลร้ายกับเราได้"
บทสรุปนี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดกับเราเองเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ เราเจอปัญหาเรื่องการจ่ายยากับคนอื่นที่เคยเล่าให้ฟังอยู่หลายครั้ง ทั้งเพื่อนฝูงและแม่ของเราเองก็เคยเจอ เกี่ยวกับปัญหาการจ่ายยาค่ะ
ใครเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้ก็มาแชร์ให้อ่านกันบ้างนะคะเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน
ประสบการณ์แสนทรมาน!!! กับปัญหาการสั่งจ่ายยาของหมอ
ปล. สุขภาพปากและฟันเราปกติดีนะคะ
ซึ่งมีอาการมา 3 วันแล้วและดูท่าทางจะบวมหนักขึ้นจึงได้ไปพบหมอที่โรงพยาบาล
ซึ่งพยาบาลได้ซักถามประวัติและอาการของคนไข้เบื้องต้นก่อนที่จะเข้าไปพบหมอ แน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้ในคำถามนั้นคือคุณมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง?
"เราจึงตอบไปว่าเป็นโรคกระเพาะ"
(คือแต่ไม่ได้เป็นหนักมากค่ะ แต่เป็นเรื้อรังพอให้ได้รำคาญ และจะมีอาการก็ต่อเมื่อทานอาหารแสลงเข้าไป ไม่ได้ปวดทุกครั้งที่ทาน และหมอให้ทานยาเฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น)
และเมื่อได้เข้าพบหมอและบอกอาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยามา สำหรับทาน 5 วัน จำนวน 2 ซอง คือ NAPROXEN 250 MG. และ TRAMOL 50 MG.
สำหรับยาซองที่ 2 (ซองทางขวา TRAMOL 50 MG.) พยาบาลบอกว่าถ้าปวดมากถึงจะต้องทานยาซองนี้เพิ่มด้วย แต่จะมีอาการข้างเคียงคือคลื่นไส้อาเจียน
เมื่อกลับมาบ้านจึงทานแค่ยา NAPROXEN 259 MG. เพียงอย่างเดียว เนื่องจากยังไม่ถึงขั้นปวดมาก และเราทานทันทีที่ทานอาหารเสร็จค่ะ
เม็ดที่ 1 : หลังจากทานไปได้สักพักใหญ่ๆ มีอาการแสบในท้องนิดหน่อย ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นอาการที่เกิดจากยาที่ทาน
เม็ดที่ 2 : หลังจากทานไปได้สักพักใหญ่ๆ มีอาการจุกแน่นท้อง รู้สึกว่ามีลมในกระเพาะมาก และอึดอัดมาก ซึ่งก็ยังไม่คิดว่าเกิดจากยาที่ทานอยู่ดี
จนกระทั่ง...
เม็ดที่ 3 : หลังจากทานไปได้สักพักใหญ่ๆ มีอาการปวดท้องค่อนข้างรุนแรง หัวใจเต้นเร็ว มีเหงื่อออก จุกแน่นท้องอย่างมาก มีความทรมานเป็นที่สุด (ใครที่เคยปวดท้องมากๆคงจะพอเข้าใจความทรมานในครั้งนี้)
จึงเริ่มเอะใจว่าเกิดจากยาที่ทานนี้หรือเปล่า ระหว่างที่ปวดท้องไปแต่ก็หยิบโทรศัพท์พิมพ์หาข้อมูลของยาชนิดนี้ไปด้วยความทรมาน ก็พบว่า ยาชนิดนี้เป็นยาที่มีการระคายเคืองกับกระเพาะอาหารค่ะ
ค้นในเว็บ ya&u
นี่คือสิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
(ซึ่งเราก็ได้แจ้งไว้แล้ว)
นี่คืออาการที่ไม่พึงประสงค์ทั่วไป และตรงกับที่เราเป็น
และนี่คืออาการ ที่ควรหยุดใช้ยาทันที ซึ่งตรงกับที่เราเป็นอยู่อีกเช่นกัน
จึงตัดสินใจโทรไปที่โรงพยาบาลและสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับยาตัวนี้ ว่าคนเป็นโรคกระเพาะ ไม่ควรทานใช่หรือไม่ ทำไมถึงจ่ายยานี้มาให้ทาน ในเมื่อเราได้แจ้งไปแล้วว่าเราเป็นโรคกระเพาะ และยานี้ทำให้เราปวดท้องหนักมาก
ซึ่งได้คำตอบจากโรงพยาบาลมาว่าปกติแล้วยานี้คนเป็นโรคกระเพาะสามารถทานได้ แต่หมอจะให้ทานยาเกี่ยวกับโรคกระเพาะก่อนทานอาหาร เมื่อทานอาหารเสร็จค่อยทานยา NAPROXEN ตาม
"แต่สำหรับเคสของเรา หมอไม่ได้บอกอย่างนี้"
"นี่...จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเจอกับประสบการณ์ร้ายๆในครั้งนี้"
ทางโรงพยาบาลบอกเพิ่มเติมว่า...
เวลาบอกหมอเรื่องโรคประจำตัวให้บอกว่าเราเป็นโรคกระเพาะขั้นรุนแรงหมอจะได้จ่ายยาถูก
แต่คือเราไม่ได้เป็นขั้นรุนแรงไง!! (แต่ตอนนั้นขี้เกียจเถียงก็เลยฟังเฉยๆ) ก็บอกไปตามปกติเหมือนทุกทีที่ไปโรงพยาบาลว่าโรคประจำตัวคือโรคกระเพาะ
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้เรารู้ว่า...
"บางทีก็อย่าเชื่อใจหมอมากเกินไป ยาที่ได้มา ควรจะนำไปตรวจสอบในเว็บอีกครั้ง เพื่อเป็นการรีเช็ค ความถูกต้องของยาที่เราจะต้องทานเข้าไป ซึ่งหากวันใดวันหนึ่ง ยาที่เรากินเข้าไปนั้น มันไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสมกับตัวเรา อาจส่งผลร้ายกับเราได้"
บทสรุปนี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดกับเราเองเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้ เราเจอปัญหาเรื่องการจ่ายยากับคนอื่นที่เคยเล่าให้ฟังอยู่หลายครั้ง ทั้งเพื่อนฝูงและแม่ของเราเองก็เคยเจอ เกี่ยวกับปัญหาการจ่ายยาค่ะ
ใครเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้ก็มาแชร์ให้อ่านกันบ้างนะคะเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน