สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป นี่เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกนะคะ ผิดพลาดยังไงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าคะ
ทริปนี้เราเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยสายการบิน nokscoot ได้ราคาไปกลับที่ประมาณ 6 พันกว่าบาทค่ะ โดยเราที่เราจะไปปีนฟูจิกันสองวัน คือ วันศุกร์ที่ 31/8/61 และลงในวันเสาร์ที่ 1/9/61 ค่ะ
วิวฟูจิจากบนเครื่องบิน นี่เราจะไปปีนกันจริงๆใช้ไหมมมมมมมมม อั๊ยย่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อถึงโตเกียวเรียบร้อย เราก็จะเดินทางไปที่พักกันค่ะ เข้าเมืองกันโดย keisei skyliner ตรงไปยัง ueno เลยค่ะ คืนแรกที่โตเกียวเรานอนกันที่ รร.uno ueno hotel รถไฟจะจอดที่สถานี keisei ueno จากนั้นชีวิตจะสับสนเล็กน้อย เพราะไม่รู้ต้องออกจากไหน เดินไปทางไหน 555+ ด้วยความที่เป็นคนที่อยู่ในอาคารแล้วหลงทิศมาก เลยออกมาเดินข้างนอก แล้วเปิด google map แล้วเดินตามค่ะ จริงๆแล้วทางออกที่ใกล้ที่สุด ออกจาก ueno station ที่ทางออก 3 ค่ะ แล้วเดินตรงมาตามทางเรื่อยๆจนเจอตึกที่มีเซเว่นอยู่ใต้ถุน เลี้ยวซ้ายซอยแรกที่เจอเลยค่ะ เดินตรงไปเรื่อยๆผ่านร้าน Lawson ไป รร.จะอยู่ทางด้านขวามือค่ะ
ห้องที่เราจองเป็น triple room ค่ะ ที่นี่จะเป็นห้องน้ำรวมนะคะ แต่สะอาดมาก กระต่ายพักที่ห้อง 701 ค่ะ ชั้น 7 โดยชั้น 7 จะมีห้องน้ำสำหรับผู้หญิง 2 ห้อง และห้องอาบน้ำสำหรับผู้หญิง 1 ห้อง แต่ไม่มีห้องอาบน้ำสำหรับผู้ชาย คุณผู้ชายเลยต้องไปอาบน้ำที่ชั้น 6 กัน แต่เราสามารถไปอาบได้ทุกชั้นเลยนะคะ กระต่ายก็ไปอาบกับเพื่อนที่ชั้น 2 ค่ะ แบบว่าไปคนเดียวมันเปล่าเปลี่ยวหัวใจ
แล้ววันที่เราจะไปปีนฟูจิก็มาถึง โดยเราจะไปตามเส้นทางยอดฮิตนั่นก็คือ....Yoshida Trail นั่นเองค่ะ (รูปจาก google ค่ะ) เพื่อนๆสามารถโหลด map ดูได้ที่นี่นะคะ
http://www.fujisan-climb.jp/en/i1f37q0000000kz4-att/Yoshida2018_en.pdf
เราเดินทางจาก Tokyo ไปยัง Fuji 5th station โดยรถบัสค่ะ ซึ่งต้องจองตั๋วล่วงหน้านะคะ ไม่งั้นเต็มค่ะ จองจากลิงค์นี้ได้เลย
https://highway-buses.jp/course/fuji-5th.php (สำหรับกระต่ายนั้นจองแค่ขาไป ขาเดียวค่ะ เพราะขากลับไม่รู้ว่าจะลงมาถึงกี่โมง เลยเสี่ยงดวงมาซื้อที่เคาท์เตอร์เอาค่ะ) เลือกวันเวลา โดยจะไม่สามารถเลือกที่นั่งได้นะคะ แต่สามารถเลือกได้ว่าอยากนั่งโซนหน้าหรือหลัง ติดหน้าต่างหรือติดทางเดินค่ะ และกระต่ายกับเพื่อนก็โดน random ให้นั่งแยกกันหมดเลยทั้ง 4 คนค่ะ จากนั้นเค้าจะให้เลือกรับเป็น mobile ticket กับ web ticket ค่ะ ถ้า mobile ticket ก็ไม่ต้องปริ้นตั๋ว เอาหน้าจอโชว์ให้พนักงานดูได้เลย ถ้าเป็น web ต้องปริ้นออกมาค่ะ กระต่ายเลือก web ticket ค่ะ หน้าตาตั๋วจะประมาณนี้ ปริ้นออกมาไว้โชว์ให้พนักงานเค้าดูเลยค่ะ
เราจะไปขึ้นรถกันที่ Shinjuku express bus terminal โดยเดินทางไปที่ Shinjuku station ออกทางออก south exit แล้วเดินข้ามถนนไปตึกฝั่งตรงข้าม ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 4 โลดค่ะ ดูจากจอว่าหมายเลขรถเราอยู่ที่ชานชาลาไหน โดยเราได้ขึ้นที่ B6 ก็มานั่งรอค่ะ ระหว่างรอก็จะเห็นมีคุณลุงเตรียมตัวอย่างดีในการปีนเขาค่ะ แล้วก็มีกลุ่มวัยรุ่นนั่งรอไปปีนเขาเช่นกันค่ะ
และแล้วเราก็มาถึง Fuji 5th station ค่า จากนี้เราต้องปีนเขากันยาวยาวแล้วค่ะ ถามว่าพร้อมไหม ตอบเลยว่า ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 55555+
การเตรียมตัวของเราคือ พักผ่อนมาให้เพียงพอ เตรียมอุปกรณ์ดังนี้
- รองเท้าปีนเขา กระต่ายใส่ยี่ห้อ merrell ค่ะ
- ไฟฉายคาดหัว
- ผ้าเช็ดเหงื่อ
- น้ำ
- อาหารง่ายๆ เช่น ขนมปังหรือข้าวปั้นค่ะ เผื่อหิวระหว่างทาง หรือเป็นพวกอาหารให้พลังงานค่ะ
- ถุงมือ
- เสื้อกันฝน
- ผ้าพันคอ
- เสื้อขนเป็ดกันหนาวข้างบน
- กระต่ายเอาลองจอนไปด้วยค่ะ กลัวหนาวมากๆ
- ใจที่เข้มแข็ง
โดยเราจะแพลนว่าขึ้น 1 วัน จากนั้นพักผ่อน แล้วก็ออกเดินทางตอนดึกเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ลงเลยค่ะ นั่นหมายความว่าเราต้องจองที่พักด้านบนไว้ล่วงหน้าด้วย เดี๋ยวจะได้เล่าต่อไปค่ะ
พร้อมแล้วเราก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย
จากนั้น เราก็จะเริ่มเดินขึ้นเขากันแล้วค่ะ จากชั้น 5 ไปชั้น 6 จะเป็นทางเนินมีป่าให้เห็นบ้างเป็นระยะ จะยังไม่ชันเท่าไรค่ะ แล้วเราก็มาถึงชั้น 6 กัน สบายๆ (หรอ)
เดินตามป้าย ไม่หลงชัวร์
ถึงชั้นหกแล้ว ยังร่าเริงสดใส
แวะถ่ายรูปสักหน่อย
หลังจากนั้นเราก็เดินจากชั้น 6 ไปชั้น 7 กันค่ะ ซึ่งเส้นทางจะชันมากขึ้น ซิคแซคขึ้นไป เราจองที่พักไว้ที่ชั้น 7 ค่ะ ชื่อ Fujiichikan เพื่อนๆสามารถจองได้จากเว็บนี้เลยนะคะ
http://www.mfi.or.jp/fujiichikan/english/index.html แต่ถ้าใครฟิตเดินไหว ก็ไปพักชั้น 8 เถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องตื่นดึกมาก เราเดินทางไปถึงที่พักตอนประมาณบ่ายสามกว่าๆ และออกอีกทีตอน ห้าทุ่ม จริงๆทาง รร.บอกว่าเที่ยงคืนก็ทันค่ะ แต่กระต่ายเดินช้าเป็นเต่าเลยต้องออกเร็วหน่อย
ที่พักจะเป็นเหมือนกระท่อมค่ะ ด้านหน้ามีจุดให้แสตมป์ไม้พลอง เดินเข้าไปเราก็ยื่นใบอีเมลล์ที่จองที่พักให้เค้า เค้าก็ตอบว่า อ๋อ reserve reserve แล้วพาเราเข้าไปด้านใน โดยจะมีถุงให้เราถอดรองเท้าถุงเท้าเราใส่ในถุงไว้ เดินภายในที่พักโดยใช้เท้าเปล่าค่ะ ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอก จะมีรองเท้าแตะให้ใส่ออกไป แต่รองเท้าใส่ได้เฉพาะไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น ห้ามใส่ไปถ่ายรูปวิวเล่นชิคๆ อันนี้เป็นกฏที่เค้าปริ้นใส่กระดาษให้อ่านเลยนะคะ เค้าบอกรองเท้ามันน้อยจะไม่พอคนค่ะ ภายในสะอาด มีห้องให้นอนรวมกัน มีถุงนอนให้ มีหมอนที่หุ้มด้วยพลาสติก ซึ่งเค้าห้ามแกะพลาสติกออกค่ะ เวลานอนก็จะมีเสียงดังกรอบแกรบๆหน่อย ที่พักมีอาหารให้สองมื้อค่ะ มื้อเย็นเป็น ข้าวแกงกะหรี่ ส่วนมื้อเช้าเป็นขนมปัง น้ำชา แคลอรี่เมท ใส่ถุงมาให้แพคไปทานค่ะ






พอห้าทุ่มเราก็ออกเดินทางกันค่ะ แล้วสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นค่ะ นั่นคือ....ฝนตก.....ก็คว้าเสื้อกันฝนมาใส่แล้วลุยต่อกัน ตอนนั้นใกล้ถึงชั้น 8 ละค่ะ สักพักก็มาถึงชั้น 8 ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มีแต่ทวีความแรงขึ้น ทั้งเปียกทั้งหนาว เจอที่พัก เลยตัดสินใจไปหลบฝนกันค่ะ แต่.....เราต้องทานอาหารเค้าและอยู่ได้แค่ 15 นาทีเท่านั้นแล้วต้องออกค่ะ แต่ ณ จุดนั้นไม่ไหวแล้ว จัด นิชชินกันไปคนละถ้วย
พอครบสิบห้านาทีก็ต้องออก ฮือออออออ เดินต่อไปค่ะ ซิสสสสสสสส เราก็ออกเดินทางกันต่อ ก็ยังดีที่ฝนเบาลงหน่อย แต่ยังหนาวอยู่ เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน แล้วก็เห็นป้ายอยู่ตรงหน้า เย้!!!!!!!
เพิ่ง 8.5 จร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
แล้วเพลงพี่เบิร์ดก็ลอยมา กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง ฮือออออ ทำไงดี หนาวมาก ฝนตกลมแรงมาก คุยปรึกษากันกับเพื่อน เดินหน้าต่อค่ะ อดทน
แล้วก็มาถึงชั้นที่ 9 จนได้
พอมาถึงชั้นที่ 9 นะคะ ลมแรงกว่าเดิมล้านเท่า พัดมาทีตัวจะปลิว ขนาดว่ากระต่ายไม่ได้ตัวเล็ก และลมก็พัดมาทุกทาง พวกเราก็หลบลมตามแง่งหินบ้างไรบ้าง พยายามประคับประคองกันจนเห็นสิงห์และโทริอินี้
ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงชั้นสิบจนได้ค่ะ จากนั้นพุ่งตัวเข้าศาลเจ้าทันที กราบขอพรที่ช่วยชีวิตลูกไว้ นึกว่าจะหนาวตายแล้วค่ะ ภายในศาลเจ้าคนเยอะมากๆๆ เพราะเข้ามาหลบหนาวกัน ไม่มีใครอยู่ข้างนอกได้ค่ะ
ตีตราที่ศาลเจ้า
อยากจะชมวิวให้หนำใจเหมือนคนอื่นเค้า แต่อากาศไม่อำนวยอย่างมาก คิดกันต่อว่าเราจะเอาไงดี เราจะลงกันเลยไหม พระอาทิตย์ขึ้นไปแล้วเรียบร้อยตอนไหนก็ไม่รู้ด้วยค่ะ เพราะเมฆฝนหนามาก เราจึงมองไม่เห็น แถมสักพักศาลเจ้าเค้าก็ไล่คนออกไปค่ะ เลยตัดสินใจลงกันเลย จึงไม่ได้มีรูปวิวจากข้างบนมาฝากเพื่อนๆสักเท่าไร แล้วเราก็เดินลงกันค่ะ ทางลงกับทางขึ้นคนละทางกันนะคะ ห้องน้ำให้เข้าจากข้างบนมาเลยนะคะ เพราะไม่ได้มีจุดให้เข้าห้องน้ำเยอะเหมือนขาขึ้น ทางลงเป็นทางลาดชันยาวๆๆ เดินไปน่าเบื่อเบาๆค่ะ แต่ไกลมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตามสีเหลืองไปนะจ๊ะ อย่าไปผิดล่ะ
และเราก็ลงมาถึงชั้น 5 ได้อย่างปลอดภัย และเดินทางกลับชินจูกุโดยสวัสดิภาพค่ะ
จบแล้วสำหรับการเดินทางของเราในครั้งนี้ ถ้าใครอยากสอบถาม ถามมาได้เลยนะคะ กระทู้อาจจะไม่สนุก แต่อยากฝากไว้เผื่อเป็นประโยชน์กับใครบ้างค่า ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านนะคะและขออภัยที่รูปใหญ่นะคะ See you next trip
ไปเที่ยวกับกระต่าย ตอน ปีนภูเขาไฟฟูจิ 2018
ทริปนี้เราเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยสายการบิน nokscoot ได้ราคาไปกลับที่ประมาณ 6 พันกว่าบาทค่ะ โดยเราที่เราจะไปปีนฟูจิกันสองวัน คือ วันศุกร์ที่ 31/8/61 และลงในวันเสาร์ที่ 1/9/61 ค่ะ
การเตรียมตัวของเราคือ พักผ่อนมาให้เพียงพอ เตรียมอุปกรณ์ดังนี้
- รองเท้าปีนเขา กระต่ายใส่ยี่ห้อ merrell ค่ะ
- ไฟฉายคาดหัว
- ผ้าเช็ดเหงื่อ
- น้ำ
- อาหารง่ายๆ เช่น ขนมปังหรือข้าวปั้นค่ะ เผื่อหิวระหว่างทาง หรือเป็นพวกอาหารให้พลังงานค่ะ
- ถุงมือ
- เสื้อกันฝน
- ผ้าพันคอ
- เสื้อขนเป็ดกันหนาวข้างบน
- กระต่ายเอาลองจอนไปด้วยค่ะ กลัวหนาวมากๆ
- ใจที่เข้มแข็ง
โดยเราจะแพลนว่าขึ้น 1 วัน จากนั้นพักผ่อน แล้วก็ออกเดินทางตอนดึกเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ลงเลยค่ะ นั่นหมายความว่าเราต้องจองที่พักด้านบนไว้ล่วงหน้าด้วย เดี๋ยวจะได้เล่าต่อไปค่ะ
ที่พักจะเป็นเหมือนกระท่อมค่ะ ด้านหน้ามีจุดให้แสตมป์ไม้พลอง เดินเข้าไปเราก็ยื่นใบอีเมลล์ที่จองที่พักให้เค้า เค้าก็ตอบว่า อ๋อ reserve reserve แล้วพาเราเข้าไปด้านใน โดยจะมีถุงให้เราถอดรองเท้าถุงเท้าเราใส่ในถุงไว้ เดินภายในที่พักโดยใช้เท้าเปล่าค่ะ ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอก จะมีรองเท้าแตะให้ใส่ออกไป แต่รองเท้าใส่ได้เฉพาะไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น ห้ามใส่ไปถ่ายรูปวิวเล่นชิคๆ อันนี้เป็นกฏที่เค้าปริ้นใส่กระดาษให้อ่านเลยนะคะ เค้าบอกรองเท้ามันน้อยจะไม่พอคนค่ะ ภายในสะอาด มีห้องให้นอนรวมกัน มีถุงนอนให้ มีหมอนที่หุ้มด้วยพลาสติก ซึ่งเค้าห้ามแกะพลาสติกออกค่ะ เวลานอนก็จะมีเสียงดังกรอบแกรบๆหน่อย ที่พักมีอาหารให้สองมื้อค่ะ มื้อเย็นเป็น ข้าวแกงกะหรี่ ส่วนมื้อเช้าเป็นขนมปัง น้ำชา แคลอรี่เมท ใส่ถุงมาให้แพคไปทานค่ะ