สวัสดีค่ะ เนื่องจากทริปนี้เราไม่ได้แพลนไว้ในหัวเลย มันก็จะออกแนวสุ่มหน่อยๆ เดาทางกันไปเรื่อยๆ เพราะความที่ตอนแรกตั้งใจจะไปเกาะช้างกับเพื่อนสมัยเรียน กลับมาโดนเททั้งกลุ่ม ย้ำ!!! ทั้งกลุ่ม แอบเสียใจ แต่ในเมื่อเราลางานแล้วก็จะต้องไปให้ได้ จะไปถ่ายรูปสวยๆ แล้วโพสลงใน facebook IG เอาให้อิจฉากันไปเลย มีแอบเคืองเล็กน้อยนะจ้ะงานนี้ ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปปล่าวเปลี่ยวคนเดียวเพราะได้ผู้ร่วมชะตากรรมมา 1 คน กับ 1 ตัว แต่เรามาเปลี่ยนทริปกะทันหันวันสุดท้ายก่อนไป เพราะเกาะช้างฝนตกตลอด เลยขอหนีลงใต้อีกสักครั้งก็แล้วกัน
เราเดินทางจากกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานีโดยรถไฟ ขบวนรถนอน ซึ่งเราก็จะไปถึงในตอนเช้าประมาณ 7 โมง ที่สถานีจะมีห้องอาบน้ำ ค่าบริการ 3 บาท เผื่อใครไม่อยากเน่า หรือจะเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมสำหรับถ่ายรูปที่เขื่อน เช่นเพื่อนของเรานั่นเอง
1 ตัวที่ว่า....ลูกชายเราเอง
พอเดินออกมาหน้าสถานีใครอยากจะประหยัดงบก็ให้ลองหารถโดยสารไปลงที่ตาขุน แล้วค่อยหารถต่อเข้าไปในข้างในเขื่อน หรือจะหารถไปลงที่ตลาดเกษตร2 แล้วต่อรถตู้ไปเขื่อนก็ได้ ส่วนเรานั่งวินไปลงท่ารถไปเขื่อน อาจจะเช้าเกินไปหัวสมองยังไม่แล่น เราก็เออออตกลงไปเลยโดนจ่ายกันไปคนละ 80 ยังไม่รวมค่ารถตู้ที่จะไปเขื่อน แล้วก็ต้องมานั่งรอรถตู้เกือบ 2 ชม.กว่าที่รถจะมารับ นั่งรถมาเกือบชั่วโมงในที่สุดเราก็มาถึงเขื่อน
นั่งกันจนเมื่อยตูดไปเลยจ้า
ตอนลงจากรถเหลือแค่เรา เพื่อนของเรา และลุงชาวมาเลเซีย คนขับเลยบอกให้เราพาลุงไปซื้อตั๋วด้วย แล้วบังเอิญเรากับลุงจะไป-กลับเหมือนกัน เข้าทางเราสิงานนี้ เพราะเรามาแค่สองคน ถ้าไปกันสองคนคงจ่ายแพงแน่ เราเลยชวนลุงไปด้วยกันแล้วหารค่าเรือ ส่วนราคาค่าเรือแบบไป-กลับ มีราคา 2000 บาท 2 ชม.นั่งเรืออย่างเดียว และ ราคา 2800 บาท นั่งเรือบวกกับชมถ้ำปะการัง เราเลยเลือกแบบชมถ้ำด้วย จ่ายค่าเรือเสร็จ เราก็ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน แล้วก็รอลงเรือกันเลย
นั่งเรือมาได้นิดนึงเราคิดว่ามันก็ธรรมดานะ ไม่เห็นจะเหมือนที่เคยอ่านรีวิวเลย พอนั่งเรือไปได้สักพักเท่านั้นแหละ เราขอถอนคำพูดเลย สิ่งที่คนอื่นเขาพูดกันมันคือความจริง มันสวยมากกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว ภูเขาที่ขึ้นเรียงสลับซับซ้อนกันไปมากับน้ำสีเขียวมรกต แต่!!!อย่าเชื่อจนกว่าคุณจะได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
วิวตรงท่าขึ้นเรือ
ตอนนี้ยังรู้สึกเฉยๆกับวิว
สวยมากกกกกกกกกกกกกกจ้า
นั่งเรือมาสักพักเขาจะจอดให้ถ่ายรูปตรงเขาสามเกลอ มันจะเป็นภูเขาเล็กๆ 3 ลูก เรียงกัน เราถามคนขับเรือว่าภูเขาอันนี้มันมีความหมายว่าอะไรรึปล่าว เขาบอกไม่มีอะไร ถ่ายรูปเสร็จก็ไปกันต่อที่ถ้ำปะการัง ก่อนที่จะถึงถ้ำเราก็ต้องเดินกันเท้ากันไปประมาณ 1 กิโล แล้วก็ต้องนั่งเรือไม้ไผ่ต่อไปยังถ้ำ
เขาสามเกลอ
วันนึงฉันเดินเข้าป่า...
เราจะนั่งเรือข้ามฝั่งไปยังถ้ำ โดยที่เจ้าหน้าอุทยานจะเป็นคนพาไป
ลุงเฮงผู้ร่วมชะตากรรมกับเรา
เข้าเรื่องมีสาระกันสักนิดเกี่ยวกับถ้ำ ถ้ำปะการังเนี่ยถือเป็นถ้ำขนาดเล็ก ในถ้ำจะมีแค่ 2 ห้อง หินงอกหินย้อยในถ้ำมีลักษณะคล้ายปะการัง เขาจึงตั้งชื่อว่าถ้ำปะการัง ในอดีตถ้ำปะการังอยู่ใต้ทะเลมาก่อนนะจ้ะจะบอกให้ ปีนึงเนี่ยจะงอกแค่ 3 มิลเอง ลองคิดดูต้องใช้เวลากี่ร้อยปีถึงจะได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นเขาห้ามจับทุกอย่างภายในถ้ำ
บรรยากาศหน้าถ้ำ
อ่อ ลืมบอก ทางที่เดินไปเรือไม้ไผ่มันคือพื้นที่ป่า มันก็ต้องย่อมมีสัตว์ป่ารวมถึงช้างป่าด้วย เค้าเลยทำป้ายบอกให้ระวังช้างกันด้วย เพราะบางครั้งช้างก็จะเดินลงมาที่เนิน
หลังจากออกจากถ้ำเราก็เดินกลับมาขึ้นเรือที่เดิมเพื่อกลับไปยังท่าเรือ พอถึงท่าเรือ เราก็ต้องหารถไปยังท่าเรือบ้านดอนเพื่อไปขึ้นเรือนอน การหารถไปท่าเรือบ้านดอนนั้นก็ไม่ยาก ลองถามเบอร์รถตู้จากคนแถวๆนั้น ได้เบอร์มาก็โทรให้เค้ามารับไปโลดจ้า แต่ แต่ แต่!!! รถตู้มีแค่ถึง 4 โมงเย็นเท่านั้นนะพี่น้อง แต่ทางที่ดีควรจะอยู่ที่ท่าเรือก่อน 3 โมง ฉะนั้นกะเวลาเรือให้ดีๆ หลังโทรคุยกับคนขับเสร็จ บอกจะมารับประมาณ 3 โมง ลุงเฮงชาวมาเลเซีย ก็ชวนพวกเราไปนั่งกินข้าวด้วยกัน แน่นอนเจ้าภาพงานนี้คือลุงเฮง รถตู้ก็มารับไวเว่อร์ แบบกินข้าวได้ 4 คำ รถมารับแล้ว จะมาให้รถรอก็ไม่ได้ ความหวังที่จะได้กินข้าวฟรีหายไปในพริบตา
นั่งรถมาประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงสุดสาย เพราะลุงแกลืมจอดให้เราลง -_- เราเลยแยกทางจากลุงเฮงหลังจากลงรถ ขอบคุณอากู๋ที่นำทางเราไปยังท่าเรือ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึง หรือลองถามทางคนแถวๆนั้นก็ได้ มันไม่ไกลกันเท่าไร ถือว่าเป็นการเดินชมวิวตัวเมือง
เดินมาถึงท่าเรือบ้านดอน เราก็จะเห็นเรือนอนจอดเรียงกัน เรือนอนไปพะงันจะจอดลำแรกสุด ไม่ก็ลองถามว่าลำไหนไปเกาะพะงัน พอเจอเรือเราก็ซื้อตั๋ว แล้วเอาของไปวางจองที่นอนไว้ ใครคิดไม่ออกว่าเป็นแบบไหนให้คิดตามนัดชานะคะ ที่นอนขนาดเล็กวางเรียงต่อกัน กับนอนหนุน 1 ใบ ที่เพื่อนเราเผลอล้มตัวนอนบนหมอนแล้วเสียงดัง ปั๊ก! แอบสงสาร นางลืมทดสอบหมอนก่อนใช้งาน
วางของเสร็จเราก็ออกหาของกินแถวท่าเรือ ซึ่งจะมีร้านให้เลือกมากมายหลายร้านด้วยกัน มาไกลถึงสุราษฎร์เราจะกินอะไรเป็นไปไม่ได้นอกจาก.....ส้มตำ ไม่ใช่และ ด้วยความที่เพื่อนอยากกินส้มตำมากก็เลยพากันไปนั่งกิน รสชาติ เออ...เราอย่าไปพูดถึงมันดีกว่าเนอะ กินเสร็จก็กลับไปรอเรือออกตอน 5 ทุ่ม บนเรือมีห้องอาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวตัวเน่ากันนะจ้ะงานนี้
เรือออก 5 ทุ่มพอดิบพอดี มุ่งหน้าสู่เกาะพะงัน เรานอนข้างชะนีแหม่มจากสเปนก็เลยชวนกันคุยเรื่อยเปื่อย ตอนแรกนางจะไปหาที่พักพร้อมกับเราที่หาดริ้น ตอนหลังนางเปลี่ยนใจเพราะกลัวมีปาร์ตี้ นางบอกอยากได้หาดที่เงียบสงบหน่อย เรือมาถึงท่าเรือเกาะพะงันตี 5 กว่า ถ้าใครยังไม่ได้หาที่พักไว้เหมือนเราก็นอนต่อบนเรือถึง 6 โมง รอให้สว่างค่อยไปก็ได้
[CR] หนีงานเที่ยวเชี่ยวหลาน แล้วเซไปติดเกาะพะงัน ที่ไม่ได้มีแค่ full moon
เราเดินทางจากกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานีโดยรถไฟ ขบวนรถนอน ซึ่งเราก็จะไปถึงในตอนเช้าประมาณ 7 โมง ที่สถานีจะมีห้องอาบน้ำ ค่าบริการ 3 บาท เผื่อใครไม่อยากเน่า หรือจะเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมสำหรับถ่ายรูปที่เขื่อน เช่นเพื่อนของเรานั่นเอง
พอเดินออกมาหน้าสถานีใครอยากจะประหยัดงบก็ให้ลองหารถโดยสารไปลงที่ตาขุน แล้วค่อยหารถต่อเข้าไปในข้างในเขื่อน หรือจะหารถไปลงที่ตลาดเกษตร2 แล้วต่อรถตู้ไปเขื่อนก็ได้ ส่วนเรานั่งวินไปลงท่ารถไปเขื่อน อาจจะเช้าเกินไปหัวสมองยังไม่แล่น เราก็เออออตกลงไปเลยโดนจ่ายกันไปคนละ 80 ยังไม่รวมค่ารถตู้ที่จะไปเขื่อน แล้วก็ต้องมานั่งรอรถตู้เกือบ 2 ชม.กว่าที่รถจะมารับ นั่งรถมาเกือบชั่วโมงในที่สุดเราก็มาถึงเขื่อน
ตอนลงจากรถเหลือแค่เรา เพื่อนของเรา และลุงชาวมาเลเซีย คนขับเลยบอกให้เราพาลุงไปซื้อตั๋วด้วย แล้วบังเอิญเรากับลุงจะไป-กลับเหมือนกัน เข้าทางเราสิงานนี้ เพราะเรามาแค่สองคน ถ้าไปกันสองคนคงจ่ายแพงแน่ เราเลยชวนลุงไปด้วยกันแล้วหารค่าเรือ ส่วนราคาค่าเรือแบบไป-กลับ มีราคา 2000 บาท 2 ชม.นั่งเรืออย่างเดียว และ ราคา 2800 บาท นั่งเรือบวกกับชมถ้ำปะการัง เราเลยเลือกแบบชมถ้ำด้วย จ่ายค่าเรือเสร็จ เราก็ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน แล้วก็รอลงเรือกันเลย
นั่งเรือมาได้นิดนึงเราคิดว่ามันก็ธรรมดานะ ไม่เห็นจะเหมือนที่เคยอ่านรีวิวเลย พอนั่งเรือไปได้สักพักเท่านั้นแหละ เราขอถอนคำพูดเลย สิ่งที่คนอื่นเขาพูดกันมันคือความจริง มันสวยมากกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว ภูเขาที่ขึ้นเรียงสลับซับซ้อนกันไปมากับน้ำสีเขียวมรกต แต่!!!อย่าเชื่อจนกว่าคุณจะได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
นั่งเรือมาสักพักเขาจะจอดให้ถ่ายรูปตรงเขาสามเกลอ มันจะเป็นภูเขาเล็กๆ 3 ลูก เรียงกัน เราถามคนขับเรือว่าภูเขาอันนี้มันมีความหมายว่าอะไรรึปล่าว เขาบอกไม่มีอะไร ถ่ายรูปเสร็จก็ไปกันต่อที่ถ้ำปะการัง ก่อนที่จะถึงถ้ำเราก็ต้องเดินกันเท้ากันไปประมาณ 1 กิโล แล้วก็ต้องนั่งเรือไม้ไผ่ต่อไปยังถ้ำ
เข้าเรื่องมีสาระกันสักนิดเกี่ยวกับถ้ำ ถ้ำปะการังเนี่ยถือเป็นถ้ำขนาดเล็ก ในถ้ำจะมีแค่ 2 ห้อง หินงอกหินย้อยในถ้ำมีลักษณะคล้ายปะการัง เขาจึงตั้งชื่อว่าถ้ำปะการัง ในอดีตถ้ำปะการังอยู่ใต้ทะเลมาก่อนนะจ้ะจะบอกให้ ปีนึงเนี่ยจะงอกแค่ 3 มิลเอง ลองคิดดูต้องใช้เวลากี่ร้อยปีถึงจะได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นเขาห้ามจับทุกอย่างภายในถ้ำ
อ่อ ลืมบอก ทางที่เดินไปเรือไม้ไผ่มันคือพื้นที่ป่า มันก็ต้องย่อมมีสัตว์ป่ารวมถึงช้างป่าด้วย เค้าเลยทำป้ายบอกให้ระวังช้างกันด้วย เพราะบางครั้งช้างก็จะเดินลงมาที่เนิน
หลังจากออกจากถ้ำเราก็เดินกลับมาขึ้นเรือที่เดิมเพื่อกลับไปยังท่าเรือ พอถึงท่าเรือ เราก็ต้องหารถไปยังท่าเรือบ้านดอนเพื่อไปขึ้นเรือนอน การหารถไปท่าเรือบ้านดอนนั้นก็ไม่ยาก ลองถามเบอร์รถตู้จากคนแถวๆนั้น ได้เบอร์มาก็โทรให้เค้ามารับไปโลดจ้า แต่ แต่ แต่!!! รถตู้มีแค่ถึง 4 โมงเย็นเท่านั้นนะพี่น้อง แต่ทางที่ดีควรจะอยู่ที่ท่าเรือก่อน 3 โมง ฉะนั้นกะเวลาเรือให้ดีๆ หลังโทรคุยกับคนขับเสร็จ บอกจะมารับประมาณ 3 โมง ลุงเฮงชาวมาเลเซีย ก็ชวนพวกเราไปนั่งกินข้าวด้วยกัน แน่นอนเจ้าภาพงานนี้คือลุงเฮง รถตู้ก็มารับไวเว่อร์ แบบกินข้าวได้ 4 คำ รถมารับแล้ว จะมาให้รถรอก็ไม่ได้ ความหวังที่จะได้กินข้าวฟรีหายไปในพริบตา
นั่งรถมาประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงสุดสาย เพราะลุงแกลืมจอดให้เราลง -_- เราเลยแยกทางจากลุงเฮงหลังจากลงรถ ขอบคุณอากู๋ที่นำทางเราไปยังท่าเรือ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึง หรือลองถามทางคนแถวๆนั้นก็ได้ มันไม่ไกลกันเท่าไร ถือว่าเป็นการเดินชมวิวตัวเมือง
เดินมาถึงท่าเรือบ้านดอน เราก็จะเห็นเรือนอนจอดเรียงกัน เรือนอนไปพะงันจะจอดลำแรกสุด ไม่ก็ลองถามว่าลำไหนไปเกาะพะงัน พอเจอเรือเราก็ซื้อตั๋ว แล้วเอาของไปวางจองที่นอนไว้ ใครคิดไม่ออกว่าเป็นแบบไหนให้คิดตามนัดชานะคะ ที่นอนขนาดเล็กวางเรียงต่อกัน กับนอนหนุน 1 ใบ ที่เพื่อนเราเผลอล้มตัวนอนบนหมอนแล้วเสียงดัง ปั๊ก! แอบสงสาร นางลืมทดสอบหมอนก่อนใช้งาน
วางของเสร็จเราก็ออกหาของกินแถวท่าเรือ ซึ่งจะมีร้านให้เลือกมากมายหลายร้านด้วยกัน มาไกลถึงสุราษฎร์เราจะกินอะไรเป็นไปไม่ได้นอกจาก.....ส้มตำ ไม่ใช่และ ด้วยความที่เพื่อนอยากกินส้มตำมากก็เลยพากันไปนั่งกิน รสชาติ เออ...เราอย่าไปพูดถึงมันดีกว่าเนอะ กินเสร็จก็กลับไปรอเรือออกตอน 5 ทุ่ม บนเรือมีห้องอาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวตัวเน่ากันนะจ้ะงานนี้
เรือออก 5 ทุ่มพอดิบพอดี มุ่งหน้าสู่เกาะพะงัน เรานอนข้างชะนีแหม่มจากสเปนก็เลยชวนกันคุยเรื่อยเปื่อย ตอนแรกนางจะไปหาที่พักพร้อมกับเราที่หาดริ้น ตอนหลังนางเปลี่ยนใจเพราะกลัวมีปาร์ตี้ นางบอกอยากได้หาดที่เงียบสงบหน่อย เรือมาถึงท่าเรือเกาะพะงันตี 5 กว่า ถ้าใครยังไม่ได้หาที่พักไว้เหมือนเราก็นอนต่อบนเรือถึง 6 โมง รอให้สว่างค่อยไปก็ได้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้