"Parker Solar Probe" จิ๋วแต่แจ๋ว - กับภารกิจ "ไขความลับของดวงอาทิตย์"


Parker Solar Probe สามารถเรียกได้ว่าเป็นภารกิจแรกที่มนุษย์ส่งออกไปสำรวจดาวฤกษ์ก็ว่าได้ ดวงอาทิตย์แหล่งพลังงานที่ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้ มีกำหนดปล่อยอย่างเร็วที่สุดคือวันที่ 4 สิงหาคม 2018 นี้ และในตอนแรกมันถูกตั้งชื่อว่า Solar Probe Plus ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นเกียรติให้กับ Dr. Eugene Parker นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ผู้อธิบายการเกิดของลมสุริยะตั้งแต่ปี 1958 (หนึ่งปีหลังจากที่มนุษย์สามารถส่งดาวเทียมขึ้นไปโคจรรอบโลกได้) และผลงานของเขาก็เป็นพื้นฐานความเข้าใจของเราเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของดาวฤกษ์กับดาวเคราะห์ที่โคจรรอบมัน

เมื่อเวลาตีสาม 31 นาทีของวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา (ตามเวลาของประเทศสหรัฐอเมริกา) NASA ได้ทำการปล่อยจรวดเพื่อนำส่ง Parker Solar Probe ยานอวกาศที่เตรียมไปสัมผัสและสำรวจดวงอาทิตย์ ด้วยน้ำหนักเพียง 1,400 ปอนด์ (636 กิโลกรัม) ถูกส่งให้ทำภาระกิจด้วยจรวด Alliance Delta IV Heavy เป็นจรวดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจรวดหนึ่งของโลก โดยบรรทุกเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก 55 เท่าของภารกิจไปดาวอังคาร


จรวด Alliance Delta IV Heavy



เป็นครั้งแรกที่นาซ่าตั้งชื่อยานตามคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นการระลึกถึงผลงานของ Dr. Eugene Parker ที่ปัจจุบันมีอายุอยู่ที่ 91 ปี

Parker Solar Probe เดินทางด้วยความเร็ว 67,000 ไมล์ต่อชั่วโมง ขนานและเท่ากับความเร็วในการโคจรของโลก ก่อนจะเดินทางเข้าสู่วงโคจรของดาวศุกร์


การเดินทางจาก"โลก" เพื่อเข้าสู่ "วงโคจรดาวศุกร์"


Dr. Eugene Parker นั่งชมการปล่อยจรวดที่แหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา



เพื่อจะเดินทางไปเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ ยาน Parker Solar Probe จะต้องบินผ่านดาวศุกร์ทั้งสิ้น 7 ครั้งเพื่อใช้แรงโน้มถ่วงของมันเหวี่ยงให้ยานเข้าไปสู่วงโคจรที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ขึ้นเรื่อย ๆ จนเข้าไปใกล้สุดที่ระยะ 6 ล้านกิโลเมตรจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ใกล้กว่าที่ยานทุกลำเคยเดินทางไปถึง 7 เท่า และแน่นอนว่าใกล้ดวงอาทิตย์ยิ่งกว่าวงโคจรของดาวพุธเสียอีก

ที่จุดใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ยาน Parker Solar Probe สามารถทำความเร็วได้ถึง 700,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นแปลว่าที่ความเร็วเท่ากันนี้ ยาน Parker Solar Probe สามารถวอร์ปจากกรุงเทพไปหัวหินได้ในวินาทีเดียวเท่านั้น และจะกลายมาเป็นวัตถุที่เคลื่อนที่ได้เร็วที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมาเลยทีเดียว


แต่กว่าจะถึงวันนั้นก็ต้องรอคอยอีกประมาณ 7 ปี เพราะยานจะค่อย ๆ ลดระยะที่จุด Perihelion ลงเรื่อย ๆ เป็นระยะเวลากว่า 22 ครั้ง และจะถึงระยะ 6 ล้านกิโลเมตรจากพื้นผิวของดาวอาทิตย์ก็ต้องรอถึงปลายปี 2024 ซึ่งในตอนนั้นเราน่าจะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และลมสุริยะนี้มากขึ้นแล้ว

ยาน Parker Solar Probe จะอยู่ในชั้น "โคโรน่า" ของดวงอาทิตย์ เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ โดยห่างจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์เพียง 3.83 ล้านไมล์
ใกล้กว่ายาน Helios 2 ที่มีระยะห่าง 27 ล้านไมล์ และยาน Mercury ที่อยู่ห่าง 36 ล้านไมล์





คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

การประกอบ Parker Solar Probe


ตัวยานมีลักษณะเป็นรูปเหลี่ยม ประกอบจากชั้นคาร์บอนเพลท 2 ชั้นเพื่อป้องกันความร้อน และมีการออกแบบที่ง่ายเกินที่ใครจะคิดแต่มีประสิทธิภาพในการกระจายความร้อน ด้วยการบรรจุน้ำสะอาดทำการหมุนระบายความร้อนจากส่วนหน้าไปยังส่วนหลัง
ในตัวยานยังมี sensor รับรู้ลำแสงของดวงอาทิตย์ถึง 7 จุดเพื่อทำให้ตัวยานอยู่ในตำแหน่งที่ป้องกันความร้อนได้
เรียกได้ว่าอุณหภูมิด้านหน้าสูงถึง 2,500 องศาฟาเรนไฮต์ แต่อุปกรณ์ด้านหลังจะเย็นแค่ 85 องศาฟาเรนไฮต์
ทั้งนี้ด้วยความเร็วที่ไม่เคยมียานลำไหนเคยทำได้มาก่อนทางนาซ่าจะได้เรียนรู้การทำงานของเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในตัวยานอีกด้วย




ที่มาข้อมูล  :   - https://nasa.tumblr.com/post/177482399179/10-things-to-know-about-parker-solar-probe?linkId=56271186
                    - https://spaceth.co/parker-solar-probe/
                   - http://nuclear.rmutphysics.com/blog-sci7/?p=26795
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่