ขอถามคำถามด้านบนเลยนะคะ เพราะเราเขียนยาวมากทั้งบ่นทั้งงงกลัวเพื่อนๆจะงงไปกับเราด้วย
1. กสิกรคะเราไม่ต้องการประกันชีวิตที่พ่วงมา1.8แสนค่ะ ถ้าเราไม่เอาคุณจะแคนเซิลที่อนุมัติไปเหรอคะ
2. ขอถามเรื่องเวนคืนค่ะ ไม่เข้าใจคำนี้ ทำไมบางคนได้คืนเต็ม ทำไมบางคนถูกหัก%ที่แตกต่างกันคะ
3. คุณสมบัติผู้กู้..สามีเรา กู้ธนาคารอื่นไม่ผ่านจริงหรือไม่คะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามีเรา ได้ทำการกู้บ้านมือสองจำนวน 1.4ล้าน แรกเริ่มหวั่นใจค่ะว่าจะกู้ไม่ผ่าน เพราะสามีทำงานคล้ายฟรีแลนซ์ คือทำงานแบบโฮมออฟฟิสและรับงานหลายที่เป็นลักษณะการโอนไม่มีสลิปเงินเดือน(แต่ออฟฟิสหลักเขาจ่ายประกันสังคมให้นะคะ แล้วตัวเลขก็3-5หมื่นเวียนในบัญชีแบบนี้เป็นปีแล้วค่ะ ไม่มีภาระหนี้สินใดๆ เนื่องจากทำการปิดหนี้ตามคำแนะนำของคุณพนักงานสินเชื่อที่ติดต่อด้วย และคำแนะนำอื่นๆเราก็ยินดีทำตามที่เขาแนะนำตลอด ไม่ว่าจะย้ายเงินเก็บที่จะใช้จ่ายค่าบ้านส่วนที่เหลือมาไว้ในบัญชีเงินเดือนซึ่งเป็นบัญชีของกสิกร) เคยอ่านมาบ้างพบว่าลักษณะแบบนี้กู้ยากเหมือนกัน แต่ปรากฏว่านายหน้าบ้านจัดการยื่นกับธนาคารกสิกรที่แรกและผ่านเลย ผลพึ่งแจ้งอาทิตย์ก่อนดีใจมากค่ะเพราะรอเป็นเดือน ซึ่งวันพฤหัสฯนี้จะนัดเซ็นต์สัญญากับธนาคารตอน1ทุ่ม วันศุกร์ก็นัดโอนบ้านแล้ว
ปรากฏว่าเมื่อวาน พนักงานฝ่ายสินเชื่อที่ติดต่อเรื่องนี้ไว้ตลอด แจ้งมาทางไลน์ว่า เราต้องเตรียมค่าดำเนินการและเอกสารอะไรมาบ้างในวันพฤหัสฯนี้ อ่านแล้วช็อก แล้วนี่ก็นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะอยู่ดีๆหนี้สิน1.4ล้าน เพิ่มขึ้นเป็น 1.58ล้าน จากการพ่วงประกันชีวิตราคา 1.8แสน (ซึ่งเราถูกบังคับซื้อประกันถึง2ตัว แต่อีกแบบคือเป็นประกันอัคคีภัยที่เรารับได้ ราคา1.35หมื่น คุ้มครอง14ปี จ่ายครั้งเดียว)
ทางเราพยายามต่อรอง และคุณพนักงานท่านนี้ก็ได้แจ้งเรามาสั้นๆว่า คิดยอดไปแล้ว มันต้องคิดใหม่ (คิดใหม่? คิดใหม่อะไร เราขอกู้ไป1.4ล้าน เราได้รับการยืนยันจากทางคุณและได้smsจากธนาคารแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าเราไดด้รับการอนุมัติวงเงินกู้จำนวน1.4ล้าน ที่เพิ่มมา1.8แสนคุณแอดเข้ามาเองโดยไม่ถามไม่แจ้งแต่แรกเมื่อวานนี้ไม่ใช่หรือ แล้วคิดใหม่ยากอะไร พูดเหมือนเราเป็นคนสร้างความยุ่งยากเสียเอง)
ทางเราทราบดีว่า ธนาคารก็ไม่ต้องการเสี่ยงใดๆกรณีคนกู้เสียชีวิต แล้วจะไม่มีคนผ่อนบ้าน กลายเป็นหนี้เสียของคุณ คือทางเราก็มีแพลนทำประกันไว้ค่ะ สามีเขาก็ห่วงคนข้างหลังเหมือนกัน
แต่มันต้องไม่ใช่การบังคับซื้อแบบนี้สิคะ บังคับกู้เงินคุณบวกดอกเบี้ยเต็มอัตราศึกแบบนี้ คุณกสิกรคะ 1.8แสน30ปีต้นบวกดอกเบี้ย(ใครเก่งเลขคำนวณให้ที..) มันเกินไปไหมคะ
ถ้าคุณมีข้อกำหนดว่าผู้กู้บ้านต้องทำประกันลักษณะนี้แล้วให้เราเป็นคนจัดหาเอง หรือทางคุณเองมาเสนอเรา มีแพ็กเกจหลายๆแพ็กให้เราเลือกตามกำลังซื้อของเรา จ่ายแบบรายปีตามปกติ เราโอเคนะ มันควรเป็นไปในลักษณะที่เราจ่ายเองรายปีสิ อะไรคือบังคับจ่ายล่วงหน้าคิดดอกแบบนี้บ้าเหรอ
ขอความเห็นสมาชิกหน่อยค่ะ เราจะพูดยังไงกับคุณพนักงานสินเชื่อ หรือเดินเข้าไปธนาคารเองเลยไหม เจรจายังไง เมื่อคืนเรานั่งอ่านหลายกระทู้เลยนะ แต่เราไม่เข้าใจ หลายคนบอก ธนาคารไม่มีสิทธิบังคับ (เห็นกระทู้อื่นโดนพนักงานขู่ว่าจะกู้ไม่ผ่าน) ให้ไฟว้ไปเลยหรือไปกู้ที่อื่น...คือเนื่องจากไม่ได้มีแค่เรากับสามีค่ะ มีพ่อแม่ด้วย ทางพวกเราเตรียมย้ายกันแล้วค่ะ บ้านตอนนี้เช่าอยู่ บอกเจ้าของบ้านไปแล้ว กลัวยื่นกู้ที่ใหม่ไหนจะรอผล กลัวกู้ไม่ผ่านด้วยเพราะลักษณะงานของสามี
ส่วนคำว่าเวนคืน ไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ(คุณพนักงานสินเชื่อที่คุยด้วยก็พูดคำนี้ บอกให้เราไปเวนคืนทีหลัง แต่ยังไม่ได้บอกรายละเอียดว่าคืนได้เท่าไร เมื่อไร อันนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกันค่ะ
คือในความเข้าใจเรา... พอเราไปทำเรื่องแคนเซิลประกัน เขาก็จะคืนยอด1.8แสนให้เรา แล้วเราก็ไปชำระกับธนาคารในเดือนถัดไปตอนผ่อน[=ค่าผ่อนบ้าน+1.8แสน] เพื่อตัดยอดเงินต้น ก็จะเท่ากับว่าหนี้เราเหลือแต่ค่าบ้านเพียวๆ
ใช่รึเปล่าคะ )
แล้วเราอ่านเจอว่าบางคนไม่ได้คืน100% อ่านเจอได้คืนกัน50% 80% คืออะไร หักเราค่าอะไรคะ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นคนร้องขอทำประกันนี่ แล้วมาหักเราค่าอะไร งงมาก ไม่เข้าใจจริงๆ)
แล้วลักษณะงานของสามีเรากู้ธนาคารอื่นยากจริงๆเหรอคะ หากจะกู้ยอดไม่เกิน1.5ล้าน บ้านธนาคารประเมินแล้ว2ล้านค่ะ เจ้าของเขาขายเรา1.7ล. ซึ่งเรามีเงินดาวน์30%แล้ว ซึ่งขณะนี้ไม่มีภาระหนี้สินใดๆและไม่มีประวัติชำระหนี้ช้า (เงินเดือน2หมื่น ไม่มีสลิป เจ้าของบริษัทเขาโอนให้ตรงและส่งประกันสังคมให้ งานอื่นๆเป็นลักษณะจ้างจากเพื่อนๆซึ่งตรงนี้เข้าใจว่าไม่นับเพราะถือว่าไม่มีที่มาแม้จะเป็นการจ้างประจำ มีอีกยอดที่ทำงานให้รายการทีวีได้1.6หมื่น มีที่มา..แต่งานนี้พึ่งทำได้2เดือน) เคยผ่อนรถ3ปีกว่าและบัตรเครดิตใบเดียวยอดไม่เกิน2หมื่น ผ่อนตรงเวลาตลอดค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
UPDATE
11.00 [12/9/61] สามีได้แจ้งไปทางนายหน้า นายหน้าบอกจะคุยทางสินเชื่อให้ คุณสินเชื่อติดต่อมาในเวลา11.00 ดราม่าใส่สามี บอกว่า
ทำงานมาเป็นสิบปีไม่เคยมีปัญหาแบบนี้ เจรจาจบลงที่คุณพนักงานสินเชื่อยัดเยียดให้ซื้อประกันแบบจ่ายสดวันเซ็นสัญญาราคา6หมื่นบาท คุ้มครอง21ปี เราลองคำนวนรายปีไม่ถึง3พัน คิดว่าโอเค แต่ไม่โอเคเลยที่เธอยังไม่หยุดพฤติกรรมบังคับยัดเยียดและดราม่าใส่และพูดเหมือนเราเป็นตัวปัญหา
13.00 [12/9/61] เราโทรหาสินเชื่อคนนั้นเองเลยค่ะ ซึ่งปกติเราไม่เคยเป็นคนคุยเลยทั้งนายหน้าหรือสินเชื่อ ปล่อยสามีคุย
พอโทรไป เจอแบบที่สามีไลน์บอกเลยค่ะ ทั้งลำเลิกบุญคุณ ดราม่าสารพัด คุณสินเชื่อพูดกับเราว่า เนี่ย เสียแรงเสียใจมากเลยนะ อุส่าเร่งเคส ตั้งใจทำเป็นกรณีพิเศษ..คือไรอะงง เราซื้อบ้านดำเนินการผ่านนายหน้าบ้าน นายหน้าให้ไลน์สินเชื่อไว้เผื่อสงสัยอะไร ทางเราก็ไลน์ถามเวลาไม่เข้าใจเอกสาร และติดตามผลแค่นั้น มีไรเราคุยกับนายหน้ามากกว่าเขาอีก ไม่เคยทำตนประหนึ่งสเปเชี่ยลเคสเลย เรารู้ตัวดีว่าบ้านราคาล้านกว่า ไม่ใช่ว่าซื้อบ้าน10-20ล้านนี่ จึงจะมาทำตัวพิเศษได้
อีกอย่างที่แย่มากๆที่เราเจอคือ คุณสินเชื่อกล่าวหาว่า บ้านหลังที่เรากำลังจะซื้อ"ได้ยินมาว่า"เป็นการซื้อโอนกันระหว่างเครือญาติซึ่งผิดเงื่อนไขธนาคารและนางอุส่าแกล้งปิดหูปิดตา (เราอัดเสียงตอนคุยไว้ด้วยค่ะ) วดฟ!! ซึ่งบ้านหลังนี้ถูกประกาศขายทางบริษัทInterhomeค่ะ แล้วนางมากล่าวหาแบบนี้คือไร จะมีเรื่องกันให้ได้ใช่ไหมเนี่ยยยยย
ขอข้ามไปสรุปนะคะ เพราะเหตุการหลังจากนี้มั่วมากค่ะ เราโทรหาสามี สามีโทรไปสินเชื่อฯ สรุปเหตุการณ์คือ.....ทุกคนรวมถึงสามี กล่อมเราว่า
จ่ายๆไปเหอะ6หมื่นน่ะ ให้มันจบๆ เพื่อนๆฟังแล้วคิดยังไงบ้างคะเราอยากรู้ สำหรับเรา คนที่ถูกพูดจาลำเลิกบุญคุณและใส่ร้าย แต่ยังบังคับให้เราซื้อของอีก เราไม่ยอมค่ะ เราตัดสินใจหักไปเลย ให้สามีบอกไปว่า ไม่ทำประกัน กะว่าถ้านางกลั่นแกล้งไม่ให้สินเชื่อเราผ่านก็ช่างค่ะ แต่คุณสินเชื่อก็วี้ดกลับมาอย่างไวค่ะ
"งั้นดอกเบี้ยเป็น5.6%นะคะ และนัดพรุ่งนี้แคนเซิ่ลนะคะ เพราะต้องคิดยอดใหม่วุ่นวายมากค่ะ ทำงานมาเป็นสิบปีไม่เคยเจอเคสแบบนี้ คนอื่นบ้านเขา5ล้าน10ล้าน เขายัง.." (หูดับแล้วค่ะพอฟังถีงคำนี้)
กู้บ้านกับธนาคารกสิกร 1.4ล้าน ถูกพ่วงประกัน1.8แสน!!
1. กสิกรคะเราไม่ต้องการประกันชีวิตที่พ่วงมา1.8แสนค่ะ ถ้าเราไม่เอาคุณจะแคนเซิลที่อนุมัติไปเหรอคะ
2. ขอถามเรื่องเวนคืนค่ะ ไม่เข้าใจคำนี้ ทำไมบางคนได้คืนเต็ม ทำไมบางคนถูกหัก%ที่แตกต่างกันคะ
3. คุณสมบัติผู้กู้..สามีเรา กู้ธนาคารอื่นไม่ผ่านจริงหรือไม่คะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สามีเรา ได้ทำการกู้บ้านมือสองจำนวน 1.4ล้าน แรกเริ่มหวั่นใจค่ะว่าจะกู้ไม่ผ่าน เพราะสามีทำงานคล้ายฟรีแลนซ์ คือทำงานแบบโฮมออฟฟิสและรับงานหลายที่เป็นลักษณะการโอนไม่มีสลิปเงินเดือน(แต่ออฟฟิสหลักเขาจ่ายประกันสังคมให้นะคะ แล้วตัวเลขก็3-5หมื่นเวียนในบัญชีแบบนี้เป็นปีแล้วค่ะ ไม่มีภาระหนี้สินใดๆ เนื่องจากทำการปิดหนี้ตามคำแนะนำของคุณพนักงานสินเชื่อที่ติดต่อด้วย และคำแนะนำอื่นๆเราก็ยินดีทำตามที่เขาแนะนำตลอด ไม่ว่าจะย้ายเงินเก็บที่จะใช้จ่ายค่าบ้านส่วนที่เหลือมาไว้ในบัญชีเงินเดือนซึ่งเป็นบัญชีของกสิกร) เคยอ่านมาบ้างพบว่าลักษณะแบบนี้กู้ยากเหมือนกัน แต่ปรากฏว่านายหน้าบ้านจัดการยื่นกับธนาคารกสิกรที่แรกและผ่านเลย ผลพึ่งแจ้งอาทิตย์ก่อนดีใจมากค่ะเพราะรอเป็นเดือน ซึ่งวันพฤหัสฯนี้จะนัดเซ็นต์สัญญากับธนาคารตอน1ทุ่ม วันศุกร์ก็นัดโอนบ้านแล้ว
ปรากฏว่าเมื่อวาน พนักงานฝ่ายสินเชื่อที่ติดต่อเรื่องนี้ไว้ตลอด แจ้งมาทางไลน์ว่า เราต้องเตรียมค่าดำเนินการและเอกสารอะไรมาบ้างในวันพฤหัสฯนี้ อ่านแล้วช็อก แล้วนี่ก็นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะอยู่ดีๆหนี้สิน1.4ล้าน เพิ่มขึ้นเป็น 1.58ล้าน จากการพ่วงประกันชีวิตราคา 1.8แสน (ซึ่งเราถูกบังคับซื้อประกันถึง2ตัว แต่อีกแบบคือเป็นประกันอัคคีภัยที่เรารับได้ ราคา1.35หมื่น คุ้มครอง14ปี จ่ายครั้งเดียว)
ทางเราพยายามต่อรอง และคุณพนักงานท่านนี้ก็ได้แจ้งเรามาสั้นๆว่า คิดยอดไปแล้ว มันต้องคิดใหม่ (คิดใหม่? คิดใหม่อะไร เราขอกู้ไป1.4ล้าน เราได้รับการยืนยันจากทางคุณและได้smsจากธนาคารแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าเราไดด้รับการอนุมัติวงเงินกู้จำนวน1.4ล้าน ที่เพิ่มมา1.8แสนคุณแอดเข้ามาเองโดยไม่ถามไม่แจ้งแต่แรกเมื่อวานนี้ไม่ใช่หรือ แล้วคิดใหม่ยากอะไร พูดเหมือนเราเป็นคนสร้างความยุ่งยากเสียเอง)
ทางเราทราบดีว่า ธนาคารก็ไม่ต้องการเสี่ยงใดๆกรณีคนกู้เสียชีวิต แล้วจะไม่มีคนผ่อนบ้าน กลายเป็นหนี้เสียของคุณ คือทางเราก็มีแพลนทำประกันไว้ค่ะ สามีเขาก็ห่วงคนข้างหลังเหมือนกัน แต่มันต้องไม่ใช่การบังคับซื้อแบบนี้สิคะ บังคับกู้เงินคุณบวกดอกเบี้ยเต็มอัตราศึกแบบนี้ คุณกสิกรคะ 1.8แสน30ปีต้นบวกดอกเบี้ย(ใครเก่งเลขคำนวณให้ที..) มันเกินไปไหมคะ
ถ้าคุณมีข้อกำหนดว่าผู้กู้บ้านต้องทำประกันลักษณะนี้แล้วให้เราเป็นคนจัดหาเอง หรือทางคุณเองมาเสนอเรา มีแพ็กเกจหลายๆแพ็กให้เราเลือกตามกำลังซื้อของเรา จ่ายแบบรายปีตามปกติ เราโอเคนะ มันควรเป็นไปในลักษณะที่เราจ่ายเองรายปีสิ อะไรคือบังคับจ่ายล่วงหน้าคิดดอกแบบนี้บ้าเหรอ
ขอความเห็นสมาชิกหน่อยค่ะ เราจะพูดยังไงกับคุณพนักงานสินเชื่อ หรือเดินเข้าไปธนาคารเองเลยไหม เจรจายังไง เมื่อคืนเรานั่งอ่านหลายกระทู้เลยนะ แต่เราไม่เข้าใจ หลายคนบอก ธนาคารไม่มีสิทธิบังคับ (เห็นกระทู้อื่นโดนพนักงานขู่ว่าจะกู้ไม่ผ่าน) ให้ไฟว้ไปเลยหรือไปกู้ที่อื่น...คือเนื่องจากไม่ได้มีแค่เรากับสามีค่ะ มีพ่อแม่ด้วย ทางพวกเราเตรียมย้ายกันแล้วค่ะ บ้านตอนนี้เช่าอยู่ บอกเจ้าของบ้านไปแล้ว กลัวยื่นกู้ที่ใหม่ไหนจะรอผล กลัวกู้ไม่ผ่านด้วยเพราะลักษณะงานของสามี
ส่วนคำว่าเวนคืน ไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ(คุณพนักงานสินเชื่อที่คุยด้วยก็พูดคำนี้ บอกให้เราไปเวนคืนทีหลัง แต่ยังไม่ได้บอกรายละเอียดว่าคืนได้เท่าไร เมื่อไร อันนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกันค่ะ คือในความเข้าใจเรา... พอเราไปทำเรื่องแคนเซิลประกัน เขาก็จะคืนยอด1.8แสนให้เรา แล้วเราก็ไปชำระกับธนาคารในเดือนถัดไปตอนผ่อน[=ค่าผ่อนบ้าน+1.8แสน] เพื่อตัดยอดเงินต้น ก็จะเท่ากับว่าหนี้เราเหลือแต่ค่าบ้านเพียวๆ ใช่รึเปล่าคะ )
แล้วเราอ่านเจอว่าบางคนไม่ได้คืน100% อ่านเจอได้คืนกัน50% 80% คืออะไร หักเราค่าอะไรคะ ในเมื่อเราไม่ได้เป็นคนร้องขอทำประกันนี่ แล้วมาหักเราค่าอะไร งงมาก ไม่เข้าใจจริงๆ)
แล้วลักษณะงานของสามีเรากู้ธนาคารอื่นยากจริงๆเหรอคะ หากจะกู้ยอดไม่เกิน1.5ล้าน บ้านธนาคารประเมินแล้ว2ล้านค่ะ เจ้าของเขาขายเรา1.7ล. ซึ่งเรามีเงินดาวน์30%แล้ว ซึ่งขณะนี้ไม่มีภาระหนี้สินใดๆและไม่มีประวัติชำระหนี้ช้า (เงินเดือน2หมื่น ไม่มีสลิป เจ้าของบริษัทเขาโอนให้ตรงและส่งประกันสังคมให้ งานอื่นๆเป็นลักษณะจ้างจากเพื่อนๆซึ่งตรงนี้เข้าใจว่าไม่นับเพราะถือว่าไม่มีที่มาแม้จะเป็นการจ้างประจำ มีอีกยอดที่ทำงานให้รายการทีวีได้1.6หมื่น มีที่มา..แต่งานนี้พึ่งทำได้2เดือน) เคยผ่อนรถ3ปีกว่าและบัตรเครดิตใบเดียวยอดไม่เกิน2หมื่น ผ่อนตรงเวลาตลอดค่ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
UPDATE
11.00 [12/9/61] สามีได้แจ้งไปทางนายหน้า นายหน้าบอกจะคุยทางสินเชื่อให้ คุณสินเชื่อติดต่อมาในเวลา11.00 ดราม่าใส่สามี บอกว่า ทำงานมาเป็นสิบปีไม่เคยมีปัญหาแบบนี้ เจรจาจบลงที่คุณพนักงานสินเชื่อยัดเยียดให้ซื้อประกันแบบจ่ายสดวันเซ็นสัญญาราคา6หมื่นบาท คุ้มครอง21ปี เราลองคำนวนรายปีไม่ถึง3พัน คิดว่าโอเค แต่ไม่โอเคเลยที่เธอยังไม่หยุดพฤติกรรมบังคับยัดเยียดและดราม่าใส่และพูดเหมือนเราเป็นตัวปัญหา
13.00 [12/9/61] เราโทรหาสินเชื่อคนนั้นเองเลยค่ะ ซึ่งปกติเราไม่เคยเป็นคนคุยเลยทั้งนายหน้าหรือสินเชื่อ ปล่อยสามีคุย
พอโทรไป เจอแบบที่สามีไลน์บอกเลยค่ะ ทั้งลำเลิกบุญคุณ ดราม่าสารพัด คุณสินเชื่อพูดกับเราว่า เนี่ย เสียแรงเสียใจมากเลยนะ อุส่าเร่งเคส ตั้งใจทำเป็นกรณีพิเศษ..คือไรอะงง เราซื้อบ้านดำเนินการผ่านนายหน้าบ้าน นายหน้าให้ไลน์สินเชื่อไว้เผื่อสงสัยอะไร ทางเราก็ไลน์ถามเวลาไม่เข้าใจเอกสาร และติดตามผลแค่นั้น มีไรเราคุยกับนายหน้ามากกว่าเขาอีก ไม่เคยทำตนประหนึ่งสเปเชี่ยลเคสเลย เรารู้ตัวดีว่าบ้านราคาล้านกว่า ไม่ใช่ว่าซื้อบ้าน10-20ล้านนี่ จึงจะมาทำตัวพิเศษได้
อีกอย่างที่แย่มากๆที่เราเจอคือ คุณสินเชื่อกล่าวหาว่า บ้านหลังที่เรากำลังจะซื้อ"ได้ยินมาว่า"เป็นการซื้อโอนกันระหว่างเครือญาติซึ่งผิดเงื่อนไขธนาคารและนางอุส่าแกล้งปิดหูปิดตา (เราอัดเสียงตอนคุยไว้ด้วยค่ะ) วดฟ!! ซึ่งบ้านหลังนี้ถูกประกาศขายทางบริษัทInterhomeค่ะ แล้วนางมากล่าวหาแบบนี้คือไร จะมีเรื่องกันให้ได้ใช่ไหมเนี่ยยยยย
ขอข้ามไปสรุปนะคะ เพราะเหตุการหลังจากนี้มั่วมากค่ะ เราโทรหาสามี สามีโทรไปสินเชื่อฯ สรุปเหตุการณ์คือ.....ทุกคนรวมถึงสามี กล่อมเราว่า จ่ายๆไปเหอะ6หมื่นน่ะ ให้มันจบๆ เพื่อนๆฟังแล้วคิดยังไงบ้างคะเราอยากรู้ สำหรับเรา คนที่ถูกพูดจาลำเลิกบุญคุณและใส่ร้าย แต่ยังบังคับให้เราซื้อของอีก เราไม่ยอมค่ะ เราตัดสินใจหักไปเลย ให้สามีบอกไปว่า ไม่ทำประกัน กะว่าถ้านางกลั่นแกล้งไม่ให้สินเชื่อเราผ่านก็ช่างค่ะ แต่คุณสินเชื่อก็วี้ดกลับมาอย่างไวค่ะ
"งั้นดอกเบี้ยเป็น5.6%นะคะ และนัดพรุ่งนี้แคนเซิ่ลนะคะ เพราะต้องคิดยอดใหม่วุ่นวายมากค่ะ ทำงานมาเป็นสิบปีไม่เคยเจอเคสแบบนี้ คนอื่นบ้านเขา5ล้าน10ล้าน เขายัง.." (หูดับแล้วค่ะพอฟังถีงคำนี้)