[สปอย] Overlord ขยายความ ss3 ตอนที่ 10




ตอนนี้เนื้อหาไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ดังนั้นกระทู้นี้เรามาทำความรู้จักกับทางฝั่งรี-เอสตีเซ่กันดีกว่า




รี-เอสตีเซ่

หรือที่เราเรียกกันว่าราชอาณาจักรเป็นประเทศของเผ่ามนุษย์ มีประชากรประมาณ 9 ล้านคน ก่อตั้งหลังจากการพ่ายแพ้ของพวกเทพอสูรเมื่อประมาณ 200 ปีก่อน ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนาซาริค มีปราการธรรมชาติเป็นแนวเขาและประเทศโดยรอบป้องกันการรุกรานจากพวกอมนุษย์ที่ดุร้าย ทำให้ราชอาณาจักรค่อนข้างจะสงบสุข

และเพราะความสงบสุข ทำให้พวกขุนนางหลงระเริงในอำนาจ คิดว่าฐานะและอำนาจของพวกตนจะคงอยู่ตลอดไปจนเกิดปัญหาภายในขึ้น ทั้งการคอรัปชั่น การกดขี่ราษฎร รวมไปถึงการขายชาติ พวกขุนนางได้แบ่งฝ่ายกันเป็นสองฝั่งคือทางฝั่งเชื้อพระวงศ์และทางฝั่งขุนนางแก่งแย่งอำนาจกันเอง ปัญหาพวกนี้สะสมมาอย่างยาวนาน ทำให้ราชอาณาจักรยิ่งตกต่ำลงทุกวัน

ราชาแรมโปซ่าที่สาม

กษัตริย์องค์ปัจจุบันในวัย 60 เขาพยายามแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมาจากสมัยของราชารุ่นก่อน ๆ แต่ก็ไม่เป็นผล สิ่งที่เขาทำได้คือการประคับประคองราชอาณาจักรให้คงอยู่ต่อไป

จากการเข้าร่วมสงครามกับจักรวรรดิ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า การเดินเหินจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ก็ดันทุรังไม่ยอมให้ใครมาคอยช่วยประคอง

เจ้าชายบาร์โบร
รัชทายาทอันดับหนึ่ง ลูกชายคนโตของราชาแรมโปซ่าที่สาม มีฝีมือการรบพอประมาณ แต่การบริหารจัดการถือว่าต่ำ

นอกจากนี้เจ้าหญิงเรนเนอร์ยังตรวจสอบได้ว่าพี่ชายคนนี้มีเบื้องหลังกับพวกแปดนิ้วด้วย

เจ้าชายซาแนค
เจ้าชายองค์รอง ลูกของแรมโปซ่าที่สาม มีเป้าหมายที่จะเอาบัลลังก์มาเป็นของตนเอง

ซาแนคเป็นคนฉลาด รู้จักการมองคน เขามองนิสัยที่แท้จริงของเรนเนอร์ออกทั้งยังรู้จักประมาณตน รู้ตัวดีว่าตนเองยังอ่อนด้อยกว่าเรนเนอร์และเรเวน เป็นคนกล้าคิดกล้าลงมือและกล้ายอมรับความเสี่ยงมากกว่าพ่อของตน และมองการณ์ไกล นั้นทำให้เขามีคุณสมบัติของนักปกครองที่ดี

องค์หญิงเรนเนอร์
เป็นลูกคนโปรดที่ผู้เป็นพ่อรักมากที่สุด

คนนี้เพื่อน ๆ คงจะรู้จักเธอกันดีอยู่แล้ว ขอข้ามเลยแล้วกัน

6 ขุนนางใหญ่แห่งรี-เอสตีเซ่

มาควิสเรเวน ผู้นำฝ่ายเชื้อพระวงศ์ เป็นขุนนางที่มีอำนาจมากที่สุดและให้การสนับสนุนเจ้าชายซาแนค เมื่อก่อนเป็นคนเลือดเย็นมาก แต่พอได้ลูกชายก็กลายเป็นอย่างที่เห็น

แถมเขายังเป็นคนที่คอยรักษาสมดุลของสองฝ่ายเพื่อไม่ให้เกิดสงครามกลางเมืองอีกด้วย

มาควิสบลูมลัส
สมาชิกฝั่งเชื้อพระวงศ์ ในพื้นที่ปกครองมีเหมืองแร่เหมืองทองขนาดใหญ่ ทำให้เขากลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในราชอาณาจักร กระนั้นเขาก็ยังแอบสมคบคิดบางอย่างกับทางจักรวรรดิ เรเวนรู้เรื่องนี้ดี แต่เพราะฐานอำนาจและขุมกำลังของบลูมลัสยังเป็นสิ่งจำเป็น เรเวนจึงมองข้ามเรื่องนี้ไปก่อนในตอนนี้

มาควิสเพสเปีย
สมาชิกฝั่งเชื้อพระวงศ์ ควบตำแหน่งราชบุตรเขย จึงเป็นคนที่มีศักดิ์สูงที่สุดในบรรดาหกขุนนางใหญ่

มาควิสโบลโลเป่
ผู้นำฝั่งขุนนาง พ่อตาของเจ้าชายบาร์โบรและคอยหนุนหลังเขาให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป เป็นผู้ที่มีพื้นที่ในการปกครองมากที่สุด ทั้งยังมีกำลังทหารส่วนตัวอีกด้วย

มาเกรฟอูโรวาน่า
สมาชิกฝั่งเชื้อพระวงศ์


เคาร์ไลตั้น
สมาชิกฝ่ายขุนนาง




ขุมกำลังของราชอาณาจักร

ราชอาณาจักรขาดแคลนทรัพยากรเป็นอย่างมากทั้งอาวุธ ชุดเกราะหรือแม้แต่เสบียงอาหาร ทหารส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านชาวนาที่ถูกเกณฑ์มาเป็นแนวหน้า

ทหารจริง ๆ ที่พอจะเทียบกับอัศวินของทางฝั่งจักรวรรดิได้มีเพียงกลุ่มของกาเซฟ บอดี้การ์ดของพวกหกขุนนางและองครักษ์ของราชาเท่านั้น

สุดท้ายนี้ขอปิดด้วยไม้บรรทัดแห่ง Overlord ก็แล้วกัน ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก....

กาเซฟ สโตรนอฟ

หัวหน้าหน่วยทหารควบองครักษ์ส่วนตัวของแรมโปซ่าที่สาม...ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในราชอาณาจักร

เขาเป็นสามัญชนธรรมดา แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบกับอดีตนักผจญภัยระดับอดามันไทต์และได้รับการสั่งสอนทักษะการใช้ดาบจากเขา

กาเซฟได้เข้าร่วมแข่งขันในการประลองและกลายเป็นแชมป์จากการเอาชนะเบรน ทำให้เขาได้รับความเชื่อใจจากราชาและมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงนอกประเทศ ทางจักรวรรดิเคยคิดจะมาซื้อตัวเขาไป แต่กาเซฟก็ปฏิเสธและปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีเสมอมา

อย่างไรก็ตาม ด้วยกฏของราชอาณาจักรที่มีแต่ตระกูลขุนนางเท่านั้น ที่จะรับตำแหน่งอัศวินได้ หากสังเกตจะพบว่าตำแหน่งของกาเซฟนั้นคือหัวหน้านักรบที่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง ไม่ใช่แม่ทัพหรืออัศวินใด ๆ ทั้งสิ้น



ก็จบกันไปแต่เพียงเท่านี้สำหรับตอนที่ 10 หวังว่าตอนหน้าจะไม่มีดราม่าอะไรกันอีกนะ

ขออภัยที่รูปประกอบน้อยเพราะไม่ค่อยมีอะไรเจริญหูเจริญตามากนัก จะเอารูปสามหน่อกล้ามโตมาก็กระไรอยู่....

ป.ล.อย่าลืมครอบสปอยไว้อีกชั้นสำหรับเนื้อหาที่เป็นการสปอยล่วงหน้าด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่