
สวัสดีครับ กลับมาอีกแล้ว คราวนี้เมื่อ Galaxy Note9 ออกมา เราจะทำอะไรกันดี เรามาดูทางด้านถ่ายภาพกันก่อนเลย ทาง Hardware นั้น ตัวกล้องใช้ชุดกล้องตัวที่ดีที่สุดของทางฝั่งSamsung ยกชุดมาจากตัว S9+ ซึ่งผมชอบมากๆอยู่แล้ว
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในด้านการถ่ายภาพ นั่นคือ ระบบ Scene optimizer เป็นระบบ A.i. ของกล้อง ซึ่งจะปรับ แสง/สี ให้เหมาะกับสิ่งที่เราถ่ายอยู่ เท่าที่ลองถือว่าฉลาดมาก ขึ้นตามที่เราถ่ายเลย และสิ่งที่มาเป็นตัว ชูโรงคราวนี้ คือ S-pen ครับ
ครั้งนี้ ทางS-pen มีลูกเล่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา ไม่ใช่ปากกาที่ไว้ใช้เขียนอย่างเดียวเหมือนเดิมแล้ว
เขาเพิ่มระบบ Bluetooth เข้ามา ปุ่มที่ S-pen จะใช้งานได้หลายแบบ แม้กระทั่งใช้ กดชัตเตอร์ได้ด้วย
เอ้า!! น่าสนุก ลองไปเที่ยวดูแบบไม่เอากล้องไป ใช้note9 กับ S-pen นี่แหละ ถ่ายรูปตัวเอง แบบไม่เซลฟี่ ไปเที่ยวคนเดียว ยังไงให้ได้รูปเหมือนมีคนถ่ายให้ ครั้งนี้ ผมเลยเลือกที่จะไปที่ โตเกียว นั่นเองครับ
ผมว่า “โตเกียว” เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง กินร้านไหนก็อร่อย ไปคนเดียวได้สบายๆ แม้กระทั่งคนไปต่างประเทศครั้งแรก รีวิวนี้จะเหมาะกับคนที่ไปโตเกียวครั้งแรก จะขอแนะนำสถานที่มหาชน เดินทางง่าย ซื้อของง่าย ใกล้สถานีรถไฟ เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ มาได้หมด เรียกว่าย่านนี้ เดินสักพัก เดี๋ยว ก็เจอคนไทย แน่นอน บางครั้งยังแอบนึกว่า ที่นี่ เป็นจังหวัดนึงของไทยรึเปล่านะ

ย่านแรก ที่ขอแนะนำ คือ Ueno เป็นย่านที่มี ครบทุกอย่าง มีสวนสวยๆ Ueno park ต้นไม้เยอะร่มรื่น เดินเล่นสบายดี มี ศาลเจ้า มี บึง มีวัดเล็กๆ ด้านใน มีพิพิธพันธ์ สวนสัตว์ เดินกันให้ทั่ว จริงๆ ก็เดินเป็นวันได้เลย
(ถ้ามาหน้าซากุระก็มีให้ดูกันเพลินๆเลย) ภาพนี้ พอเล็งขึ้นถ่ายวิวรวมๆ ตัวกล้องก็ ขึ้น Scene Landscapes ให้เลย

เดินเข้ามาอีกในสวน เจอที่นี่ เงียบสงบดี สวยและอากาศดี

ชอบที่นี่มากไม่ค่อยมีคน และมีเวลาตั้งกล้อง เอาละ..อยากได้ภาพตอนล้างมือมานานแล้ว
มาที่นี่ มีมุมถ่ายภาพสวยๆเยอะเลย (เอากล้องติดกับเสา)

เรียกว่า อยู่ในใจกลางเมือง แต่ได้ภาพไม่เหมือนในเมือง มาที่นี่ได้เลย อยู่ติดสถานี

พอใบไม้สีเขียว ในภาพเยอะๆ ตัวกล้อง ก็แจ้งว่าเป็น Scene “Tree” ทันที

การได้รูปเต็มตัว แบบไม่ต้องเซลฟี่เวลาไปเที่ยว มันก็ดีนะดูเป็นความทรงจำดี

ถ้าถ่ายรูปตัวเอง ก็ประมาณนี้ละครับ ตลอดทริป สนุกไปอีกแบบ ^^

เอ้า มาๆ พาเที่ยวกันต่อ เดินมาจาก สถานี Ueno นิดเดียว ก็จะมาถึง Ameyoko market ย่านนี้ ถูกใจ นักท่องเที่ยว ที่ต้องการ ซื้อของ ในราคาที่ไม่แพง ฝั่งซ้าย จะเป็นเหมือน ตลาดของกิน มีกับข้าวน่ากินๆเยอะ
ร้านอาหารแผงลอย seafood แบบยืนกินก็มี ฝั่งขวาจะเป็นพวกของใช้ เสื้อผ้ารองเท้า เดินทะลุไปอีกนิดก็จะเจอ “ตึกม่วง” ที่ชอปปิ้งประจำของคนไทย มาหลายสิบปี ถ้าพาญาติผู้ใหญ่มา พามาแถวนี้ได้เลย

เดินใน Ameyoko ก็มาสะดุดกับ วัดเล็กๆนี้ สวยดีจัง

ส่วนของ อาหาร มาโตเกียว กินครับ กินได้เลย ไม่ต้องกลัว ว่าร้านไหนไม่อร่อย ที่นี่ ร้านอาหาร แข่งกันสูงมาก ร้านไม่อร่อย อยู่ไม่ได้ครับ

แบบถูกๆมีแล้ว แบบbrandname อยู่ที่ไหน มา Ginza ได้เลยครับ เพียงขึ้นมาจากสถานี ร้าน Brandname แทบทุกแบรนด์ อยู่ที่ ginza และ oteme sando ( เดินถึงกันได้ )

แบรนด์ทั่วไป ก็มี แถมแต่ละร้านนี่ เป็นตึก เลยครับ

Akihabara ย่านแห่งเครื่องไฟฟ้า - ของเล่น กล้อง gadget ทุกชนิด ถ้าใครเริ่มไม่ถูก ง่ายสุดก็เข้า ห้างนี้ได้เลยครับ Yodobashi - Akiba ออกจาก สถานี เห็นแน่นอน มีป้ายบอกทางมาห้างนี้ทั่วไปหมด โดยเฉพาะ ช่างภาพนี่เดินเพลินมาก แผนกกล้อง ใหญ่สุดๆ มีขาย หลายอย่างมากๆ ทั้ง ฟิลม์และดิจิทัล
หูฟัง ลำโพง มีให้ลอง แทบทุกรุ่น เรียกว่าผู้ชาย สาย gadget อยู่ที่นี่ได้เป็นวัน

แค่แผนก โมเดลกันดั้มนี่ ก็เพลินแล้วละ

ย่าน Asakusa คือย่านยอดฮิตของชาวไทย (คนไทยชอบไหว้พระ) ดังนั้น ย่านนี้ เดินแปบๆ จะได้ยินภาษาไทยเป็นระยะๆเลยทีเดียว สามารถ เดินเที่ยว ริมแม่น้ำ - สะพาน พร้อม มีที่เที่ยว ไกล้ๆกันหลายที จากตรงนี้ มองเห็น โตเกียว สกายทรี หอที่สูงที่สุดของโตเกียว สามารถขึ้นไปชมวิวได้ ด้วยนะ
พอยกกล้องขึ้นมาถ่าย Seene “landscape” ก็ขึ้นมาเช่นเคย เท่าที่ดูๆ โหมดนี้น่าจะช่วยเรื่อง HDR นะ

โคม มหาชน อยู่ด้านล่างนั้นเอง จุดเชคอินยอดฮิต ซึ่งเป็นทางเข้า วัด เชนโจจิ นี่เองครับ รอบๆ เท่าที่ดูจะมี guest house ราคาดีๆ มากมาย สาย backpack นี่จะชอบมาพักที่นี่กัน

หลังจากผ่านโคมแดงเข้ามา ก็จะเจอ ย่านขายอาหาร ของที่ระลึก ของฝาก ตลอดข้างทางครับ
อากาศแจ่มใส ตัวกล้องของnote9 ทำงานเรื่อง HDR ได้ดี


มาช้าไปหน่อย คนเลยค่อนข้างเยอะ แต่ก็ ไม่ได้เบียดอะไรครับ พื้นที่กว้างขวาง เก็บภาพบรรยากาศกลับมา

เอาละ อีกย่านนึง ที่ควรจะไป นั่นคือ Odaiba ครับ เป็นย่านสร้างใหม่ รองรับนักท่องเที่ยวได้สบายๆ สามารถไปได้ง่ายๆด้วย รถไฟสาย Yurikamome นี่ละครับ ตัวรถไม่มีคนขับ ยืนหน้าขบวนดูวิวเพลินๆ
สวยมากๆ ยิ่งช่วงข้ามสะพาน rainbow bridge สวยดีครับ

ก็ผู้ชายละนะ ขอมาเจอ เจ้า ยูนิคอร์นกันดั้ม ขนาดเท่าจริงสักครั้ง ตั้งอยู่หน้าห้าง Diver city tokyo Odaiba
คนรอถ่ายรูปด้วยเต็มเลย มาถึงจุดนี้ ผมเริ่มชอบการถ่ายภาพรูปเที่ยวด้วย มือถือจริงจัง เพราะ lens กับ software นี่แหละ ภาพนี่HDR มาให้เสร็จ ได้รายละเอียดดี ประหยัดเวลาปรับรูปไปหลาย แถมเดินเที่ยวได้ตัวเบาๆ สะดวกดี

พักกินกาแฟสักครู่ครับ

ตึกสถานี ฟูจิทีวี เป็นตึกที่มากี่ทีๆ ก็มีจัดกิจกรรมอะไรสักอย่างตลอด ออกแบบเท่ดีครับ

มองกลับไปทางฝั่งโตเกียว กับ สะพาน Rainbow bridge ที่ใช้ข้ามมา วิวสวยมาก ตัวเลนส์ปกติ จะเป็นwide เก็บภาพได้กว้าง

อยากได้ภาพตัวเอง กับสะพาน rainbow bridge กดสลับเลนส์ เป็นเลนส์ tele ซึ่งจะทำให้ฉากหลังใหญ่ขึ้น
สะพานไม่เล็กแบบภาพเมื่อกี้ ตั้งกล้อง แล้วถ่ายได้เลย

เฟรมนี้ อยากไปยืนถ่ายตรงทางม้าลายมาก แต่ใจไม่กล้าพอ ไกลเกิน

กลับมาในเมืองต่อ อยากได้ภาพเท่ๆบ้าง ตั้งกล้องบนราวบันได แล้ว ลุยโลด

อีกย่านยอดฮิต Harajuku นั่นเองครับ แหล่งรวมวัยรุ่น เสื้อผ้า ของน่ารัก มาแถวนี้ ได้เลย

ตรงนี้อยากเก็บภาพมุมสูง ก็ชูสุดแขนกันเลย สบายขึ้นหน่อย ตรงกดถ่ายง่ายขึ้น

ฉูดฉาดจริงๆ ฮาราจุกุ สไตล์

สถานี Harajuku น่ารัก ยังคงดีไซน์ แบบเก่าไว้ ด้านหลังมีสวน yoyoki ด้วย ด้านในจะมี ศาลเจ้าเมจิ อยู่ด้วย สวยๆ
แต่มาไม่ทัน เสียดายๆ

อีกที่นึงที่ อยากมา คือ Roppongi hill นี่ละครับ จะเป็น ตึกที่สูง สามารถ ขึ้นมาชมวิวได้ รอบเลย
และก็ ผมอยากถ่ายรูป tokyo tower ด้วย เลย ขึ้นมาที่นี่ มองไป เห็นถึง โอไดบะได้เลย

ตอนถ่ายภาพนี้ ตัวกล้อง ก็ขึ้น Scene เป็น “night Scene” ปรับแสงสีให้เหมาะกับถ่ายวิวกลางคืน
ได้ภาพวิว โตเกียวทาวเวอร์ ตอนกลางคืน สมใจ

อีก 1 แลนด์มาร์ค ที่ขาดไม่ได้ แยกชิบูย่า นี่เองครับ เป็นแยกที่ คนข้ามถนนมากที่สุดในโลก นึกถึงวิว
โตเกียวกลางคืน ภาพแรกที่ต้องนึกถึง คือที่นี่แน่นอน

มาถึงที่นี่แล้ว ต้องมีภาพสิ

ลองเทสระยะแล้ว 10-20 เมตร ใช้ S-pen สั่งกดชัตเตอร์ ได้สบายมากครับ ( ยังไม่เคยลองไกลกว่านั้น)

นอกจาก แยกชิบูย่า ที่โด่งดังแล้ว ที่นี่ ยังมี ร้านอาหาร - เสื้อผ้า ให้ชอปกันได้เต็มที่เลยครับ
เดินกันได้ยาวๆ

นอกจากชิบุย่า ก็มีชินจุกุ ที่เป็นย่านที่มีทุกอย่าง เสื้อผ้า ร้านอาหาร ผับ ห้าง เต็มไปหมด
ที่เป็นย่านที่ มาอยู่ได้นานๆ ร้านดองกิโอเต้ ที่เปิดถึง ตี 3
สามารถซื้อ ขนม-ของฝากกันได้เต็มที่
**( ข้อควรระวัง หลังเที่ยงคืน รถไฟหยุดบริการ เหลือเฉพาะTaxi เท่านั้น ถ้าใครพักไกลๆ-กลับดึก ค่าTaxi หลักพัน เลยทีเดียว)**

สรุป Samsung Galaxy Note9 เป็น “มือถือ” ที่ใช้ติดมือที่สุด ตัวแบตที่พัฒนาขึ้น ทำให้ ใช้งานได้นานขึ้น ออกไปข้างนอกก็มั่นใจขึ้นหน่อย ตัวกล้อง สามารถให้ภาพได้เหลือเฟือ ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
หลังๆ ผมตัดใจ ไปเที่ยวโดยไม่พกกล้องเลย ใช้ โทรศัพท์ถ่ายอย่างเดียว เที่ยวสนุกขึ้นเดินตัวเบา
ไม่ต้องห่วง กล้องเท่าไหร่ scene optimizerที่เพิ่มมา ถือว่าฉลาดดีให้ user ใช้งานง่ายขึ้น
ทริปนี้ ใช้ Spen ถ่ายรูปสนุกมาก ไปเที่ยวก็ได้ภาพตัวเอง ที่ไม่ใช่เซลฟี่ ไว้เป็นความทรงจำ
มีโอกาสจะหาอะไรเล่นสนุกๆกันอีกนะ
[SR] เที่ยวโตเกียวแบบง่ายๆกับGalaxyNote9
สวัสดีครับ กลับมาอีกแล้ว คราวนี้เมื่อ Galaxy Note9 ออกมา เราจะทำอะไรกันดี เรามาดูทางด้านถ่ายภาพกันก่อนเลย ทาง Hardware นั้น ตัวกล้องใช้ชุดกล้องตัวที่ดีที่สุดของทางฝั่งSamsung ยกชุดมาจากตัว S9+ ซึ่งผมชอบมากๆอยู่แล้ว
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในด้านการถ่ายภาพ นั่นคือ ระบบ Scene optimizer เป็นระบบ A.i. ของกล้อง ซึ่งจะปรับ แสง/สี ให้เหมาะกับสิ่งที่เราถ่ายอยู่ เท่าที่ลองถือว่าฉลาดมาก ขึ้นตามที่เราถ่ายเลย และสิ่งที่มาเป็นตัว ชูโรงคราวนี้ คือ S-pen ครับ
ครั้งนี้ ทางS-pen มีลูกเล่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา ไม่ใช่ปากกาที่ไว้ใช้เขียนอย่างเดียวเหมือนเดิมแล้ว
เขาเพิ่มระบบ Bluetooth เข้ามา ปุ่มที่ S-pen จะใช้งานได้หลายแบบ แม้กระทั่งใช้ กดชัตเตอร์ได้ด้วย
เอ้า!! น่าสนุก ลองไปเที่ยวดูแบบไม่เอากล้องไป ใช้note9 กับ S-pen นี่แหละ ถ่ายรูปตัวเอง แบบไม่เซลฟี่ ไปเที่ยวคนเดียว ยังไงให้ได้รูปเหมือนมีคนถ่ายให้ ครั้งนี้ ผมเลยเลือกที่จะไปที่ โตเกียว นั่นเองครับ
ผมว่า “โตเกียว” เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง กินร้านไหนก็อร่อย ไปคนเดียวได้สบายๆ แม้กระทั่งคนไปต่างประเทศครั้งแรก รีวิวนี้จะเหมาะกับคนที่ไปโตเกียวครั้งแรก จะขอแนะนำสถานที่มหาชน เดินทางง่าย ซื้อของง่าย ใกล้สถานีรถไฟ เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ มาได้หมด เรียกว่าย่านนี้ เดินสักพัก เดี๋ยว ก็เจอคนไทย แน่นอน บางครั้งยังแอบนึกว่า ที่นี่ เป็นจังหวัดนึงของไทยรึเปล่านะ
(ถ้ามาหน้าซากุระก็มีให้ดูกันเพลินๆเลย) ภาพนี้ พอเล็งขึ้นถ่ายวิวรวมๆ ตัวกล้องก็ ขึ้น Scene Landscapes ให้เลย
มาที่นี่ มีมุมถ่ายภาพสวยๆเยอะเลย (เอากล้องติดกับเสา)
การได้รูปเต็มตัว แบบไม่ต้องเซลฟี่เวลาไปเที่ยว มันก็ดีนะดูเป็นความทรงจำดี
ร้านอาหารแผงลอย seafood แบบยืนกินก็มี ฝั่งขวาจะเป็นพวกของใช้ เสื้อผ้ารองเท้า เดินทะลุไปอีกนิดก็จะเจอ “ตึกม่วง” ที่ชอปปิ้งประจำของคนไทย มาหลายสิบปี ถ้าพาญาติผู้ใหญ่มา พามาแถวนี้ได้เลย
เดินใน Ameyoko ก็มาสะดุดกับ วัดเล็กๆนี้ สวยดีจัง
ส่วนของ อาหาร มาโตเกียว กินครับ กินได้เลย ไม่ต้องกลัว ว่าร้านไหนไม่อร่อย ที่นี่ ร้านอาหาร แข่งกันสูงมาก ร้านไม่อร่อย อยู่ไม่ได้ครับ
แบบถูกๆมีแล้ว แบบbrandname อยู่ที่ไหน มา Ginza ได้เลยครับ เพียงขึ้นมาจากสถานี ร้าน Brandname แทบทุกแบรนด์ อยู่ที่ ginza และ oteme sando ( เดินถึงกันได้ )
หูฟัง ลำโพง มีให้ลอง แทบทุกรุ่น เรียกว่าผู้ชาย สาย gadget อยู่ที่นี่ได้เป็นวัน
พอยกกล้องขึ้นมาถ่าย Seene “landscape” ก็ขึ้นมาเช่นเคย เท่าที่ดูๆ โหมดนี้น่าจะช่วยเรื่อง HDR นะ
อากาศแจ่มใส ตัวกล้องของnote9 ทำงานเรื่อง HDR ได้ดี
สวยมากๆ ยิ่งช่วงข้ามสะพาน rainbow bridge สวยดีครับ
คนรอถ่ายรูปด้วยเต็มเลย มาถึงจุดนี้ ผมเริ่มชอบการถ่ายภาพรูปเที่ยวด้วย มือถือจริงจัง เพราะ lens กับ software นี่แหละ ภาพนี่HDR มาให้เสร็จ ได้รายละเอียดดี ประหยัดเวลาปรับรูปไปหลาย แถมเดินเที่ยวได้ตัวเบาๆ สะดวกดี
สะพานไม่เล็กแบบภาพเมื่อกี้ ตั้งกล้อง แล้วถ่ายได้เลย
แต่มาไม่ทัน เสียดายๆ
และก็ ผมอยากถ่ายรูป tokyo tower ด้วย เลย ขึ้นมาที่นี่ มองไป เห็นถึง โอไดบะได้เลย
ได้ภาพวิว โตเกียวทาวเวอร์ ตอนกลางคืน สมใจ
โตเกียวกลางคืน ภาพแรกที่ต้องนึกถึง คือที่นี่แน่นอน
เดินกันได้ยาวๆ
ที่เป็นย่านที่ มาอยู่ได้นานๆ ร้านดองกิโอเต้ ที่เปิดถึง ตี 3
สามารถซื้อ ขนม-ของฝากกันได้เต็มที่
**( ข้อควรระวัง หลังเที่ยงคืน รถไฟหยุดบริการ เหลือเฉพาะTaxi เท่านั้น ถ้าใครพักไกลๆ-กลับดึก ค่าTaxi หลักพัน เลยทีเดียว)**
หลังๆ ผมตัดใจ ไปเที่ยวโดยไม่พกกล้องเลย ใช้ โทรศัพท์ถ่ายอย่างเดียว เที่ยวสนุกขึ้นเดินตัวเบา
ไม่ต้องห่วง กล้องเท่าไหร่ scene optimizerที่เพิ่มมา ถือว่าฉลาดดีให้ user ใช้งานง่ายขึ้น
ทริปนี้ ใช้ Spen ถ่ายรูปสนุกมาก ไปเที่ยวก็ได้ภาพตัวเอง ที่ไม่ใช่เซลฟี่ ไว้เป็นความทรงจำ
มีโอกาสจะหาอะไรเล่นสนุกๆกันอีกนะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้